สายๆวันต่อมาหลิวอี้เฟยทำขนมมาให้ชินอ๋องลองชิมอีก ทั้งสองพากันไปนั่งที่ศาลากลางบึงบัว เมื่อนั่งลงบ่าวรับใช้เอาน้ำชามาวางให้แล้วกลับออกไป ท่านอ๋องเอ่ยถามบ่าวนั้นขึ้นว่า " พระชายาอยู่ที่เรือนเล็กหรือไม่"
บ่าวชายนั้นตอบว่า " พระชายาเดินเล่นที่หน้าเรือนเล็กขอรับ " ท่านอ๋องพยักหน้าให้เป็นเชิงว่าให้บ่าวไปได้ เขายิ้มกริ่มในใจ
อีกสักพักนางจะต้องเดินมาทางนี้แน่นอนแล้วจะเห็นว่าเขากำลังนั่งอยู่กับหลิวอี้เฟยจะดูสิว่าคราวนี้นางจะทำอย่างไร เวลาผ่านไปสักพักใหญ่นางเดินลัดเลาะมากับเหม่ยเอ๋อสาวใช้ของนาง
เขาเห็นนางตั้งแต่เดินลัดเลาะมาจากทางเรือนเล็กแล้ว แต่เมื่อมาถึงเส้นทางที่ผ่านหน้าศาลากลางสระนางกลับไม่หันมามองสักนิด แม้เขาจะแกล้งหัวเราะเสียงดังเพื่อเรียกความสนใจของนาง แต่นางกลับเดินผ่านไปเหมือนไม่เห็นเขากับหลิวอี้เฟยเช่นนั้น
แล้วนางก็เดินออกประตูจวนไป โดยที่เขาไม่รู้ว่านางไปไหนกับใคร เขาเพิ่งจะนึกออกว่าเขาเป็นสวามีทำไมไม่รู้เวลานางไปไหนมาไหนทำไมไม่เคยบอกเขาเลยสักครั้ง อย่างนี้เวลานางออกไปพบบุรุษอื่นเขาจะทำอย่างไร ยิ่งมานึกถึงเจ้าแม่ทัพนั่นก็ดูแววตาน่าจะชอบพอนางอยู่ด้วยเขาไม่คิดว่าสองคนนั้นจะเป็นแค่สหายกันเท่านั้นเช่นนั้นเย็นนี้เขาจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง จึงเอ่ยชวนหลิวอี้เฟยมาทานอาหารค่ำที่ตำหนักแล้วจะให้รถม้าไปรับส่งนางที่จวน ไม่ต้องนำรถม้ามาเอง เพราะขากลับค่ำมืดแล้วอันตรายเขาจะให้องครักษ์ไปส่งนางเอง หลิวอี้เฟยตอบตกลงพลางยิ้มแย้มให้ชินอ๋อง
นางคิดว่าเหตุการณ์เป็นเช่นนี้หยางซิ่วอิงถึงจะแต่งเข้ามาสำเร็จได้เป็นพระชายา แต่ท่านอ๋องก็เมินนางอย่างเห็นได้ชัด คาดว่านางคงจะเป็นพระชายาอยู่ได้อีกไม่นาน ท่านอ๋องต้องหาทางเขี่ยนางออกจากตำหนักเป็นแน่ นางมั่นใจเช่นนั้น
ใกล้เวลาอาหารค่ำ มีบ่าวไปเรียนพระชายาที่เรือนเล็กว่าท่านอ๋องเชิญทานอาหารค่ำกับแขกคือหลิวอี้เฟย ขอให้พระชายาไปที่เรือนใหญ่เวลานี้ด้วย
เดิมทีซิ่วอิงคิดจะปฏิเสธคำเชิญเพราะไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอทั้งคู่ และไม่แน่ใจว่าอีตาอ๋องจะวางยาพิษนางหรือไม่ แต่นางก็พยายามแสดงออกว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับอีตาอ๋องนั่น หรือไม่ได้ไปขัดขวางเวลาเขาจะพลอดรักกัน แต่นางก็ยังไม่มั่นใจว่าเขาจะเชื่อไหมว่านางจะไม่
เป็นอุปสรรคขวางทางรักของเขาอีกต่อไป นางจะต้องแสดงออกให้ชัดเจนว่านางไม่อยากยุ่งเรื่องของชินอ๋องอีก เขาจะไปพบใครหรือมีอะไรกับใครนางจะไม่ยุ่งเกี่ยวทั้งนั้นนางจะไปปรึกษาท่านพ่อเรื่องการหย่าร้างว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง เพราะนางไม่ได้รักชินอ๋องอีกแล้ว และไม่อยากสร้างความลำบากใจให้เขาอีกต่อไป เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำนางเดินไปที่เรือนใหญ่พร้อมเหม่ยเอ๋อ และเมื่อไปถึงโถงกลาง
เห็นท่านอ๋องกับหลิวอี้เฟยนั่งรออยู่โต๊ะกลางห้อง มีอาหารวางเรียงรายเต็มโต๊ะดูน่าทานมาก นางเหลือบมองหลิวอี้เฟยนางงดงามสมคำร่ำลือมิน่าอีตาอ๋องนี่ถึงจะอยากได้นางมาเป็นชายา ถ้าไม่ถูกนางร้ายอย่างซิ่วอิงสกัดไว้ก่อน
ป่านนี้คนเป็นพระชายาคงจะเป็นหลิวอี้เฟยเสียมากกว่า เมื่คิดได้ดังนี้นางจึงยิ้มให้ทั้งคู่อย่างไม่ได้คิดอะไร เพราะนางคิดว่าสองคนนี้ไม่ได้ผิดอะไรที่รักกัน แต่เป็นนางที่มาเป็นตัวคั่นกลางระหว่างพวกเขา จึงพยายามผูกมิตรและจะถอยห่างออกไป เพื่อเปิดทางให้กับคนทั้งคู่ ทั้งสองดูตกตะลึงที่เห็นนางยิ้มแย้มให้อย่างเป็นมิตร
ชินอ๋องชักรูดลำกายแกร่งสองสามครั้งจากนั้นสอดลำกายใหญ่นั้นเข้าไปที่ร่องอวบ ค่อยผลักดันมันเข้าไปจนสุด “อ๊าย อ๊าย อ๊ะ”สะโพกอวบสั่นกระตุกอีกครั้ง จากนั้นเขาค่อยๆขยับโยกลำกายแกร่งเข้าสุดออกสุดช้าๆ ค่อยเร่งความเร็วขึ้น ควงบั้นเอวเป็นวงกลมกดกระแทกตอกเข้าไปแรงขึ้นเรื่อยๆ ตับ ตับ ตับ ตับ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง ชินอ๋องขย่มคนใต้ร่างจนเตียงสั่นไหว หัวเตียงกระทบผนังดังกึกๆ ทั้งสองร้องครวญครางประสานกันดังลั่นจนออกไปหน้าเรือนนอน เหม่ยเอ๋อที่นั่งอยู่หน้าเรือน ค่อยๆถอยออกไปจากบริเวณนี้ ใบหน้าแดงก่ำ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ท่านอ๋องแรงขึ้นอีกเพคะ อ๊าย อ๊าก อ๊าก” ร่างหนาขย่มโยกร่างอวบอย่างรุนแรง ส่วนคนใต้ร่างก็ไม่ยอมแพ้ร่อนสะโพกผายรับกายแกร่งเป็นจังหวะเดียวกัน สองแขนเรียวยกโอบลำคอหนา สองขาเรียวงามก็เกี่ยวรัดบั้นเอวหนาไว้แน่น ตับ ตับตับ ตับ ชินอ่องกระแทกลำกายแกร่งเข้าออกสุดแรงจนนางแทบจะจมไปกับเตียงอ๋องหนุ่มปลดปล่อยสายธารรักเข้าไปในร่องรักของชายาจนหมดทุกหยาดหยด ชินอ๋องหมดแรงลงนอนกอดชายารักแน่น หอมแก้มนวลดังฟอดใหญ่“ เมียจ๋า เมียรักของพี่ พี่ไม่ยอมให้เจ้าเป็นของผู้อื่นง่ายๆหรอก พี่จะไม่ยอมหย่าให้เจ้า
“ ท่านทำบ้าอะไร เห็นไหมแขกของหม่อมฉันกลับไปแล้ว เขายังไม่ทานอะไรเลย เนื้อย่างนี่ข้าทำให้เขาลองชิมดูเขายังไม่ได้ลองชิมดูสักคำเลย ” ซิ่วอิงหันไปเอ็ดชินอ๋อง “ เปิ่นหวางทำอะไรผิดก็เจ้าเป็นเมียเปิ่นหวาง เมื่อเจ้ามีแขกมาเยี่ยมในตำหนักเปิ่นหวางก็ต้องมาช่วยเจ้ารับแขกก็ถูกต้องแล้ว ส่วนเนื้อย่างแสนอร่อยนี้ เปิ่นหวางเป็นสวามีของเจ้า ปกติแล้วเจ้าก็ทำอาหารมาให้เปิ่นหวางชิมอยู่บ่อยๆ เมื่อแขกกลับไปแล้วเราก็มานั่งทานเนื้อย่างกันสองคนเถอะนะเมียจ๋า ” ชินอ๋องพูดพร้อมกับโอบกอดนางอีกครั้งและก้มใบหน้าหล่อคมของเขาดอมดมและซุกไซร้แถวซอกคอของนางอีกด้วย เหม่ยเอ๋อตาค้างแล้วก็ค่อยๆถอยออกไปจากตรงบริเวณนั้นทันที ซิ่วอิงตีแขนแกร่งเบาๆ “ ท่านอ๋องจะบ้าหรือไง ใครเป็นเมียท่านกัน อย่ามาพูดซี้ซั้วนะ ผู้อื่นได้ยิน เข้าใจผิดเลยเห็นไหม อีกไม่นานเราจะหย่าขาดจากกันแล้ว ท่านก็อดทนรอหน่อยก็แล้วกัน หรือจะแต่งหลิวอี้เฟยเข้ามาเลยก็ได้ หม่อมฉันไม่ได้ว่าอะไรเพราะอีกหน่อยหม่อมฉันก็จะย้ายกลับจวนของท่านพ่อแล้ว ” ชินอ๋องตะลึงค้างนางคิดจะหย่าจากเขาอย่างนั้นหรือ แถมบอกให้เขาแต่งหลิวอี้เฟยเข้ามาอีกด้วย แสดงว่านางคิดจะหย่าจ
เมื่อเหม่ยเอ๋อกลับมาแล้ว ซิ่วอิงให้นางนำเนื้อไปทำความสะอาดและมาแล่เป็นแผ่นขนาดพอดี เพื่อจะนำไปย่าง ส่วนซิ่วอิงก็มาผสมน้ำจิ้มที่แจ่วที่นางเตรียมส่วนผสมไว้แล้วขณะนั้นนางนำมะนาวที่เหลือมาทำเป็นน้ำมะนาวเมื่อทำเสร็จแล้วนำหม้อเคลือบที่ใส่น้ำมะนาวไปแช่ในน้ำเย็น เสียดายที่ไม่มีน้ำแข็ง ถ้ามีอาหารมื้อนี้คงอร่อยเหาะยิ่งกว่านี้เมื่อเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดเสร็จแล้ว ก็ทะยอยนำมันออกไปวางไว้ตรงหน้าเรือนและให้เหม่ยเอ๋อยกเตาถ่านเล็กๆออกจากครัวไปวางไว้หน้าเรือนท่านรองแม่ทัพลุกมาดูการตระเตรียมการนั้นอย่างนึกสนุก เขาช่วยก่อไฟในเตาและหยิบถ่านไม้ใส่ลงไปรอจนไฟติดถ่านกระเด็นเป็นสะเก็ดไฟไปรอบ ๆ ทุกคนกระโดดหลบสะเก็ดไฟนั้นและหัวเราะกันสนุกสนานจากนั้นเมื่อถ่านติดไฟแดงและไม่มีสะเก็ดไฟออกมาแล้ว ท่านรองแม่ทัพจึงนำเนื้อย่างขึ้นบนตระแกรงเหล็กนั้นจนเต็ม เสียงหัวเราะกันสนุกสนามดังไปถึงสวนหน้าเรือนใหญ่ ชินอ๋องเพิ่งเดินกลับมาจากข้างนอก เอ่ยถามพ่อบ้านว่ามีใครมาที่จวนหรือเปล่าเสียงหัวเราะดังลั่น หนึ่งในเสียงนั้นเขาจำได้ดีว่ามันคือเสียงพระชายาของเขานั่นเอง “ ท่านรองแม่ทัพถังมาเยี่ยมพระชายาขอรับ ” ชินอ๋องเมื่อได้ย
บ่ายวันต่อมา ท่านรองแม่ทัพถังมาขอพบพระชายาหยาง บ่าวในจวนจึงพาท่านรองแม่ทัพเดินลัดเลาะผ่านเรือนใหญ่ไปทางด้านหลังตำหนักจนถึงสุดมุมรั้วที่แสดงอาณาเขตของตำหนักชินอ๋อง เขารู้สึกแปลกใจมากที่พระชายามาอยู่ที่เรือนหลังเล็กท้ายตำหนักเช่นนี้คิ้วเข้มของเขาขมวดมุ่น เฝ้าครุ่นคิดว่าชีวิตในตำหนักของซิ่วอิงจะลำบากยากแค้นหรือไม่ เมื่อเดินไปถึงหน้าเรือนหลังเล็ก บ่าวชายเข้าไปเคาะประตูเรือนและแจ้งว่าท่านรองแม่ทัพมาขอพบพระชายาเหม่ยเอ๋อเดินออกเปิดประตูเรือน “ คารวะท่านรองแม่ทัพถังเจ้าค่ะ อีกสักครู่พระชายาจะออกมาพบท่านเจ้าค่ะ เชิญท่านนั่งรอที่ม้านั่งตรงนี้ก่อนนะเจ้าค่ะ บ่าวจะไปยกน้ำชามาให้”รองแม่ทัพถังส่งยิ้มให้เหม่ยเอ๋ออย่างคุ้นเคย และทรุดนั่งลงตามที่นางบอกหันมองไปรอบๆบริเวณเรือนหลังเล็กนี้ มันก็ร่มรื่นน่าอยู่ดีอยู่หรอกสวนหน้าเรือนก็สวยงาม ลมพัดเย็นสบายแต่มันจะสมศักดิ์ศรีของพระชายาชินอ๋องอย่างนั้นหรือ เขาครุ่นคิดอย่างข้องใจ สักพักซิ่วอิงก็เดินออกมา ตามด้วยเหม่ยเอ๋อที่นำป้านน้ำชามาวางบนโต๊ะตัวเล็กข้างหน้าทั้งสองและรินน้ำชาใส่จอกวางตรงหน้าของทั้งคู่ จากนั้นจึงถอยออกไป “ เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีอย่างนั
ซิ่วอิงทรุดนั่งลงข้างหลิวอี้เฟยแทนที่จะไปนั่งอีกด้านของชินอ๋อง เพราะนางอยากจะอยู่ห่างๆเขาดีกว่า เขาแปลกใจมากที่นางไปนั่งเสียห่างไกลเช่นนั้น ปกติแล้วนางต้องเข้ามาแสดงความเป็นเจ้าของ มานั่งใกล้เขาเพื่อแสดงให้หญิงอื่นรู้ว่านางเป็นเจ้าของเขา แต่เมื่อนางเป็นพระชายาเต็มตัวแล้วนางกลับไปนั่งข้างหลิวอี้เฟยแถมพยักเพยิดคุยกับอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ไม่เหมือนอดีตที่ผ่านมาเลย " ทานได้เลยไหมเพคะ หม่อมฉันหิวมากแล้ว " ท่านอ๋องพยักหน้าให้นาง แม้ในใจของเขายังแอบงงงันเล็กน้อย แต่ก็รักษาสีหน้าให้เป็นปกติซิ่วอิงจึงลงมือคีบอาหารกินทีละคำ และชิมแทบทุกอย่างบนโต๊ะนั้น อาหารที่ตำหนักท่านอ๋องอร่อยใช้ได้เลย รสชาติดีกว่าภัตตาคารที่นางไปกินเมื่อวานเสียอีกนางคีบกินอาหารจานที่นางถูกใจไปเรื่อยๆ พลางเคี้ยวตุ้ยๆไม่ได้สนใจใครในโต๊ะเลย ปล่อยให้สองคนนั้นจองมองนางแล้วทำหน้าแปลกใจที่นางเปลี่ยนไปดูเป็นคนละคน " เหม่ยเอ๋อเอาข้าวมาเติมให้ข้าหน่อย ขอเยอะหน่อยนะ "นางร้องสั่งเหม่ยเอ๋อ ทำเอาคิ้วท่านอ๋องกระตุกเล็กน้อย นางสนใจแต่อาหารบนโต๊ะเหมือนม้นอร่อยเสียมากมาย ไม่ได้เหลือบแลเขาแม้แต่น้อย ไม่ได้เอาใจเขาเช่นภรรยาควรทำเมื่อ
สายๆวันต่อมาหลิวอี้เฟยทำขนมมาให้ชินอ๋องลองชิมอีก ทั้งสองพากันไปนั่งที่ศาลากลางบึงบัว เมื่อนั่งลงบ่าวรับใช้เอาน้ำชามาวางให้แล้วกลับออกไป ท่านอ๋องเอ่ยถามบ่าวนั้นขึ้นว่า " พระชายาอยู่ที่เรือนเล็กหรือไม่" บ่าวชายนั้นตอบว่า " พระชายาเดินเล่นที่หน้าเรือนเล็กขอรับ " ท่านอ๋องพยักหน้าให้เป็นเชิงว่าให้บ่าวไปได้ เขายิ้มกริ่มในใจอีกสักพักนางจะต้องเดินมาทางนี้แน่นอนแล้วจะเห็นว่าเขากำลังนั่งอยู่กับหลิวอี้เฟยจะดูสิว่าคราวนี้นางจะทำอย่างไร เวลาผ่านไปสักพักใหญ่นางเดินลัดเลาะมากับเหม่ยเอ๋อสาวใช้ของนางเขาเห็นนางตั้งแต่เดินลัดเลาะมาจากทางเรือนเล็กแล้ว แต่เมื่อมาถึงเส้นทางที่ผ่านหน้าศาลากลางสระนางกลับไม่หันมามองสักนิด แม้เขาจะแกล้งหัวเราะเสียงดังเพื่อเรียกความสนใจของนาง แต่นางกลับเดินผ่านไปเหมือนไม่เห็นเขากับหลิวอี้เฟยเช่นนั้นแล้วนางก็เดินออกประตูจวนไป โดยที่เขาไม่รู้ว่านางไปไหนกับใคร เขาเพิ่งจะนึกออกว่าเขาเป็นสวามีทำไมไม่รู้เวลานางไปไหนมาไหนทำไมไม่เคยบอกเขาเลยสักครั้ง อย่างนี้เวลานางออกไปพบบุรุษอื่นเขาจะทำอย่างไร ยิ่งมานึกถึงเจ้าแม่ทัพนั่นก็ดูแววตาน่าจะชอบพอนางอยู่ด้วยเขาไม่คิดว่าสองคนนั้นจะเป็น