เมื่อบ่าวอุ้มตัวพระชายาหยางเข้าไปวางบนเตียงในห้องแล้ว เหม่ยเอ๋อที่ร้องไห้อยู่นั้นรีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้นาง จับดูชีพจรของนาง เอามืออังลมหายใจของนางพบว่ามีลมออกมาเล็กน้อย ท่านอ๋องหนุ่มวิ่งตรงเข้าไปในห้องมอง มองเห็นพชายาของตนเองนอนนิ่งเงียบอยู่บนเตียงอาภรณ์ของนางถูกผลัดเปลี่ยนแล้ว โดยมีเหม่ยเอ๋อนั่งร้องไห้เงียบๆ อยู่ข้างๆ
“ เดี๋ยวหมอคงจะมาถึงนางเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกตัวหรือยัง ” ท่านอ๋องถามเหม่ยเอ๋อขึ้นเบาๆ เหม่ยเอ๋อเงยหน้าขึ้นมองชินอ๋องในใจนางเกลียดชังชายคนนี้เหลือเกิน เกลียดที่เขาทำร้ายคุณหนูของนางจนเกือบตาย วันนี้นางไม่แน่ใจว่าจะได้คุณหนูคืนมาหรือเปล่า แต่นางเป็นเพียงบ่าวตัวเล็กๆไม่อาจทำอะไรได้้มากนัก จึงตอบเบาๆว่าคุณหนูหายใจรวยรินเจ้าค่ะ บ่าวให้คนไปตามท่านราชครูแล้ว สักพักคงจะมาพร้อมท่านหมอ
ท่านอ๋องเดินตรงไปก้มลงมองชายาของตนเอง หน้าของนางซีดเผือดดูไร้ชีวิตจิตใจ หัวใจเขาเศร้าหมองแม้เขาไม่เคยรักนางเลย แต่ก็อดเศร้าใจไม่ได้ ภาพที่นางยืนน้ำตาไหลมองเขาหัวเราะระรื่นกับหลิวอี้เฟยนั้นยังติดตาเขาอยู่หากนางเป็นอะไรไปเขาก็คงรู้สึกผิดที่ไม่รู้ว่านางจะรักเขามากจนถึงกับเสียอกเสียใจ จนยอมปลิดชีพตัวเองเช่นนี้
สักพักท่านหมอก็มาถึง เขาตรงเข้ามาก็จับข้อมือของนางเพื่อตรวจดูอย่างเร่งรีบ แล้วก็ตรวจร่างกายของนางอย่างถี่ถ้วนหลังจากนั้น แล้วก็บอกว่า “ พระชายาปลอดภัยดีแล้วพะยะค่ะ อาจจะแค่สลบไป ตอนนี้ต้องรอดูก่อนว่านางจะฟื้นเมื่อไหร่ แต่อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ”
ทุกคนในห้องถอนหายใจอย่างโล่งอก สักพักท่านราชครูก็เข้ามาอย่างเร่งรีบ “ ซิ่วเอ๋อของพ่อ เจ้าเป็นอย่างไรบ้างลูกพ่อ ” ท่านราชครูมองบุตรีเพียงคนเดียว นอนนิ่ง ใบหน้าของนางนั้นซีดเผือด ท่านราชครูหน้าถอดสีน้ำตาไหลซึมออกมา พลางหันไปถามท่านหมอถึงอาการของนาง
เมื่อได้รับคำตอบจึงค่อยเบาใจ แต่ท่านราชครูไม่แม้แต่จะหันไปมองท่านอ๋องสักเพียงน้อยเขาทำเป็นไม่เห็นว่าอ๋องหนุ่มก็ยืนอยู่ที่ตรงนั้น “ ท่านอาจารย์อย่าเป็นห่วงไปเลย เปิ่นหวางจะดูแลนางอย่างดีเองไม่ต้องเป็นห่วง ”ท่านอ๋องเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าทุกข์ร้อนของราชครูหยาง ท่านราชครูพยักหน้าเบาๆ โดยไม่ได้มองหน้าท่านอ๋องหนุ่ม ตาของเขามองไปที่บุตรสาวด้วยความเป็นห่วง เขาอยากจะพาบุตรสาวกลับจวนเหลือเกินแต่นางแต่งเข้าตำหนักอ๋องแล้ว เป็นสมาชิกของราชวงศ์คนหนึ่งแถมยังแต่งงานด้วยสมรสพระราชทานไม่อาจหย่าร้าง
รอให้บุตรสาวฟื้นคืนมาเมื่อใดเขาจะสอบถามนางเรื่องนี้อีกครั้งแล้วค่อยหาทางแก้ไข หากนางแต่งเข้ามาแล้วเป็นทุกข์ใจมากขนาดนี้ หัวอกพ่อไม่อาจทนได้ ยังดีที่วันนี้นางปลอดภัย ไม่อย่างนั้นเขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
“ ถ้าท่านหมอบอกแค่รอให้นางฟื้นเท่านั้น นางปลอดภัยแล้วข้าก็เบาใจ เหม่ยเอ๋อเฝ้าดูอาการคุณหนูให้ดีนะ หากมีอะไรรีบให้บ่าวไปส่งข่าวให้ข้ารู้ด่วนที่สุด อย่าปล่อยให้คุณหนูเป็นอะไรไปอีกนะ ”
หลังจากนั้นท่านราชครูก็ลากลับไปก่อน ทุกคนออกจากห้องไป โดยปล่อยให้คนเจ็บนอนพักผ่อน ชินอ๋องสั่งบ่าวรับใช้หญิงมาอยู่เป็นเพื่อนเหม่ยเอ๋อและให้คอยส่งข่าวด้วยหากพระชายาฟื้นขึ้นมาเมื่อใด จากนั้นเขาก็กลับไปยังเรือนใหญ่ แต่ก็ไม่วายเหลียวหลังไปมองเรือนเล็กอย่างเป็นกังวล
สายๆวันต่อมาซิ่วอิงฟื้นขึ้นมา นางลุกขึ้นมาไอโขลกๆเสียงดัง “ เจ็บคอจังเลย เป็นอะไรเนี๊ย ” บ่นพลางหันมองรอบๆกาย อะไรกันเครื่องเรือนที่เห็นเป็นแบบจีนโบราณที่เคยดูในซีรี่ย์ แถมผู้หญิงตัวเล็กที่วิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจนี่อีกล่ะแต่งตัวแบบบ่าวรับใช้ในซีรี่ย์ที่เคยดูเลย“ พระชายาเจ้าคะ เป็นอย่างไรบ้าง เหม่ยเอ๋อตกใจแทบแย่ " นางระล่ำระลักถามคุณหนูของตนเองด้วยความเป็นห่วง แต่ก็พบกับดวงตาที่จ้องมองนางอย่างงงงันเพียงเท่านั้น จึงคิดว่าอาจเป็นเพราะคุณหนูสลบไปนานหลายชั่วยามจึงเป็นเช่นนี้
“ ฉันอยู่ที่ไหน ” คำพูดแรกที่ออกมาจากปากของสตรีที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ทำให้สาวใช้คนสนิทอึ้งงันไปทันที “ คุณหนูตกน้ำไปเมื่อวานนี้เจ้าค่ะ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ” สตรีที่เพิ่งฟื้นคืนก็ยังงงงันอยู่ดี “ เธอว่าฉันคือใครนะ และที่นี่ที่ไหน ช่วยบอกฉันให้เข้าใจให้ชัดเจนจะได้ไหม ”
คุณหนูคนงามที่ใบหน้ายังซีดอยู่ แต่ดวงตาดูงงงัน และก็ดูแปลกๆในสายตาของสาวใช้ แต่นางก็ตัดสินใจบอกเล่าเรื่องที่คุณหนูถาม เพื่อทบทวนความจำให้นาง อาจจะเป็นเพราะนางสลบไปเป็นเวลานานก็เป็นได้
" ที่นี่ตำหนักชินอ๋องไงเจ้าค่ะ คุณหนูเป็นบุตรีท่านราชครูหยาง ตอนนี้แต่งงานเข้ามาเป็นพระชายาของชินอ๋องได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วเจ้าค่ะ “
เดี๋ยวนะฉันคือพระชายาชินอ๋อง ทำไมเรื่องมันดูคุ้นๆเหมือนในซีรี่่ย์ที่เคยดูเลย อย่าบอกนะว่า นี่คือนางร้ายที่ชื่อหยางซิ่วอิงใช่ไหม เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าชื่อนี้รู้สึกคุ้นๆอย่างไรพิกล จึงได้ถามสตรีร่างเล็กข้างเตียงไปว่า ” ข้าชื่อหยางซิ่วอิงใช่ไหม “ เหม่ยเอ๋อพยักหน้า จ้องมองคุณหนูของตนเองอย่างงงงัน แต่ก็ตอบคำถามไป
" คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ เจ็บที่ตรงไหนบ้าง ” เหม่ยเอ๋อรีบร้อนถามเพื่อดูว่าคุณหนูของนางเป็นอะไรมากหรือไม่ จะได้ไปตามที่หมอ “ ฉันไม่เป็นอะไร เธอเป็นใครที่นี่ที่ไหนกัน”
เมื่อเสร็จจากภาระกิจในวังชินอ๋องตรงกลับตำหนักทันทีเขารีบตรงไปที่ห้องนอนของเขาที่ขังพระชายาของตนเองไว้เปิดประตูเข้าไปนางนอนหลับอยู่บนเตียงของเขาเขาจึงรีบไปอาบน้ำชำระกายใส่เสื้อคลุมกายแล้วเดินตรงไปหานางเขาขึ้นไปคร่อมนางบนเตียงพรมจูบไปบนใบหน้าหวานนั้นจนพอใจ จึงถอดชุดของนางและแกะเครื่องประดับของนางออกจนหมดเมื่อเห็นอกอวบขาวที่เขาฝันถึงมาหลายคืนนั้นแล้ว ก็อ้าปากดูดดึงผลอิงเถาทีละข้างจนร่างอวบร้องครางเบาๆ ร่างนางสั่นระริกแม้นอนหลับอยู่ก็ดิ้นกระสับกระส่ายไปมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อดูดดื่มอกอวบจนพอใจแล้วนั้นก็ไล้เลียเมียรักไปทั้งร่างเขาคิดถึงนางมากเหลือเกิน เมื่อไล้เลียลงไปจนถึงเนินอวบ มือหนาแหวกออกจนเห็นกลางร่องอวบชัดเจน เข้าไล้เลียไปมาและดูดดึงเมล็ดดอกไม้นั้นอย่างแรงจนมันบวมเป่ง สะโพกผ่านแอ่นขึ้นตามใบหน้าคม “ อ๊าย อ๊าย อ๊ะ ท่านอ๋อง อย่านะ ” ท่านอ๋องเงยหน้ามองชายาเห็นนางตื่นแล้วกำลังดินรนหนีเขา “ ตื่นแล้วหรือเมียรัก ผัวกำลังปรนเปรอเจ้าอยู่นะ อยู่นิ่งๆนะ ” ว่าแล้วก็ก้มลงดูดดึงเมล็ดดอกไม้นั้นต่อ สะโพกผายร่อนไปมาอย่างร่านร้อน จนกระตุกเกร็งเสร็จสมไปทันที ร่างหน้าลุกขึ้นถอดเสื้อคลุมกายออก
หลังจากนั่งร้องไห้ได้สักพักนางรู้สึกไม่สบายใจจึงออกไปเดินเล่นที่ถนนหน้าจวนของนางเดินไปเรื่อยๆนางไม่ให้บ่าวตามไปนางอยากคิดอะไรคนเดียว เดินไปสักพักฝนก็ตกลงพรำๆแต่นางก็ไม่ได้สนใจปล่อยให้ตัวเองเปียกปอนอย่างนั้นแล้วเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย นางเดินจนถึงทางออกจากเมืองเดินเลยไปถึงป่าเมาะที่เป็นเส้นทางออกนอกเมือง ขณะนั้นรอบข้างของนางเริ่มมืดมิดแล้ว นางก็ไม่รับรู้เพียงเดินต่อไปเท่านั้น สักพักเสียงม้าวิ่งตรงมาข้างหน้านาง อี้เฟยได้ยินเสียงแต่ก็ไม่ได้หลบทางให้ม้า ยังคงเดินอย่างไม่รู้สติต่อไป รองแม่ทัพถึงเห็นสตรีเดินท่ามกลางสายฝนจนเสื้อผ้าเปียกปอน ผมแนบลู่ติดศีรษะ เขาเพ่งมองไปให้เห็นชัดๆ นั่นคือหลิวอี้เฟยนี่นานางเป็นอะไรกันทำไมถึงเดินอย่างไม่รู้สติเช่นนั้น เขาบังคับม้าให้หยุดวิ่งตรงหน้านาง และจูงม้าไปผูกไว้ที่ต้นไม้ข้างทาง เดินกลับมาเพื่อไถ่ถามว่านางจะไปที่ใด นางไม่สนใจเขายังเดินต่อไป เขาจึงตรงไปตบหน้านางจนหน้าหันนางถึงได้สติหันมามองเขา แล้วร้องไห้ออกมา รองแม่ทัพถังโอบกอดนางไว้ เขาสงสารที่นางเป็นแบบนี้ทั้งๆที่เดิมนางเป็นสตรีอับดับหนึ่งของเมืองเป็นที่หมายปองของบุรุษมากมาย แต่เพราะความรักทำ
เสนาบดีหลิวถือโอกาสที่ฮ่องเต้และเหล่าอ๋องและองค์ชายทั้งหลายอยู่พร้อมหน้ากัน เดินออกไปเบื้องหน้าพระพักตร์เอ่ยขึ้นว่า" กระหม่อมขอใช้ตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ทำงานรับใช้ฝ่าบาทมาหลายสิบปี ขอพระองค์เมตตาประทานอนุญาติให้ชินอ๋องรับบุตรีของกระหม่อมเป็นพระชายารองด้วย เพราะนางได้ตกเป็นของชินอ๋องแล้ว นางจะไม่สามารถแต่งให้ใครได้อีกพะยะค่ะ “ชินอ๋องตกตะลึงที่เสนาบดีหลิวกล้าใช้ฝ่าบาทมาบีบบังคับเขา ตอนนี้เขาคงไม่ยอมให้ใครมาบีบบังคับเขาอีกแล้ว จะมีเมียขอเป็นคนเลือกเองบ้าง จึงลุกขึ้นตอบโต้ท่านเสนาบดีหลิวว่า“ หากเปิ่นหวางได้เสียกับนางเพราะเต็มใจ เปิ่นหวางจะไม่ขัดท่านเลยจะรับนางเข้ามาเป็นชายารองเองโดยที่ไม่ต้องให้ท่านร้องขอ แต่นี่นางวางยาปลุกกำหนัดเปิ่นหวางทำให้ต้องทำเรื่องน่าอับอายนั่นต่อหน้าบ่าวไพร่ในจวนจนเกิดเรื่องเล่าลือไปทั่วทำให้เป็นที่น่าขายหน้าต่อศักดิ์ศรีของราชวงศ์ ตอนนี้พระชายาก็หนีกลับไปที่จวนท่านราชครูเพราะเรื่องนี้ ยังจะต้องตามไปง้องอนนางไม่รู้นางจะหายโกรธเปิ่นหวางหรือไม่ เรื่องนี้ทำให้เปิ่นหวางเสื่อมเสียอับอายมาก จึงไม่สามารถรับนางเข้ามาเป็นพระชายารองได้ หากนางไม่ได้ทำเรื่องอ
หลายวันต่อมา ท่านราชครูมาบอกเรื่องจะต้องไปงานเลี้ยงฉลองยศของขุนนางใหม่่ในอีกสามวัน ขุนนางทั้งหมดทั้งใหม่และเก่าต้องไปร่วมฉลองงานนี้กันรวมถึงครอบครัวด้วย ท่านราชครูถามบุตรสาวว่า " เจ้าอยากจะไปเปิดหูเปิดตาในงานเลี้ยงนี้ไหมดูไหม จะได้สดชื่นขึ้น " ซิ่วอิงสนใจทันที " ไปเจ้าค่ะ " นางอยากไปเพราะอยากไปเห็นบรรยากาศงานเลี้ยงในวังหลวง ซิ่วอิงเตรียมตัวที่จะไปงานและออกไปซื้อหาชุดใหม่ที่จะใส่ไปงานเลี้ยงในวังนางรื้อค้นเครื่องประดับที่จะใส่ให้เข้ากับชุดใหม่ เช้าวันงานนางลุกขึ้นอาบน้ำอย่างพิถีพิถันจนเสร็จเรียบร้อย เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดใหม่ที่เตรียมไว้และให้เหม่ยเอ๋อทำผมให้ นางเลือกใช้ปิ่นที่นางซื้อมาใหม่และไม่ต้องใส่เครื่องประดับให้มากจนเกินไปและแต่งหน้าแบบสมัยใหม่ที่นางชำนาญจนเหม่ยเอ๋อตกตะลึงถึงกับเอ่ยว่า " วันนี้คุณหนูของบ่าวงามเหลือเกินเจ้าคะ "เมื่อเสร็จแล้วทั้งสองรีบเดินออกไปหาท่านพ่อที่รออยู่ที่รถม้าหน้าจวน จากนั้นทั้งสองพ่อลูกก็ขึ้นรถม้าเพื่อตรงไปยังงานที่วังหลวงเมื่อไปถึงหน้างานขันทีขานชื่อท่านราชครูและบุตรสาวคืออย่างซิ่วอิ่งมาถึงแล้วจากนั้นทั้งสองเดินตรงเข้าไปในงานสายตาหล
ซิ่วอิงเดินน้ำตาไหลรินผ่านสีหน้าตกใจของพ่อบ้านเกาไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ พ่อบ้านเกาไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ ซิ่วอิงเมื่อเดินไปถึงเรือนหลังเล็กก็บอกให้เหม่ยเอ๋อเก็บข้าวของทั้งหมด และให้ไปตามบ่าวมาช่วยเก็บและให้บ่าวชายช่วยกันขนของทั้งหมดที่เป็นของนางขึ้นรถม้าให้หมด หากรถม้าไม่พอให้ไปนำมาจากจวนของนางเหม่ยเอ๋อก็พอจะรู้เหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นแม้นางจะไม่เห็นภาพนั้นแต่นางได้ยินเสียงนั้นชัดเจนและมองเข้าไปในศาลาก็เห็นลางๆว่าเป็นชินอ๋องกับหลิวอี้เฟย นางจึงไม่กล้าซักถามอะไรพระชายาได้แต่รีบทำตามคำสั่งเท่านั้นเมื่อเก็บข้าวของทุกอย่างเรียบร้อยไม่ให้หลงเหลือสิ่งใดที่เป็นของนางไว้ แล้วก็พากันขนขึ้นรถม้าตรงไปที่จวนท่านราชครูทันที เมื่อไปถึงท่านราชครูตื่นตกใจเมื่อเห็นบุตรสาวขนข้าวของกลับมาเป็นจำนวนมากแสดงว่าคงเก็บมาทั้งหมดแล้วรวมทั้งสินเดิมของเจ้าสาว จึงให้บ่าวขนของไปเก็บทั้งหมดและจูงมือบุตรีไปนั่งในห้องโถงกลาง พลางซักถามเรื่องราว ซิ่วอิงเล่าให้ฟังคร่าวๆ ไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดแต่ท่านราชครูก็พอคาดเดาเหตุการณ์ได้ จึงบอกนางว่าตามใจนางว่าจะทำอย่างไรต่อจะหย่ากับชินอ๋องก็ได้ ท่านจะไปขอร้อ
บ่ายวันรุ่งขี้นหลิวอี้เฟยนำน้ำแกงสมุนไพรมาให้ท่านอ๋องลองชิมอีกนางบอกว่าเป็นสูตรที่ได้มาจากญาติทางฝ่ายมารดาของนาง จึงเพิ่งทดลองทำเป็นครั้งแรกและได้เอามาให้ท่านอ๋องลองชิมท่านอ๋อง ชวนนางไปนั่งที่ศาลากลางบึงบัวเหมือนเดิมทั้งสองคุยกันปกติแต่นางสังเกตว่าครั้งนี้ท่านอ๋องดูรักษาระยะห่างห่างกับนางมากกว่าทุกครั้งและไม่ค่อยพูดคุยหยอกเย้านางเหมือนเดิมและนัยน์ตาของเขาที่เคยกรุ้มกริ่มเวลามองนางนั้นตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นเฉยชาไม่ค่อยมองนาง อย่างพึงใจเช่นทุกครั้งระหว่างที่ท่านอ๋องเผลอนางสลับโถที่นางใช้ใส่น้ำแกงสมุนไพรนั้นเปลี่ยนเป็นอีกอันนึงให้ท่านอ๋องเมื่อท่านอ๋องยกขึ้นดื่มไปได้ซักครู่หนึ่งก็รู้สึกรุ่มร้อนแปลกๆเหงื่อกาฬไหล และรู้สึกว่ามีกำหนัดมากขึ้นผิดปกติ หันไปมองอี้เฟยรู้สึกต้องการนางขึ้นมาอย่างรุนแรงผิดปกติ เมื่อเห็นยาปลุกกำหนัดออกฤทธิ์แล้ว หลิวอี้เฟยลุกขึ้นแล้วลงไปนั่งบนตักของท่านอ๋อง สองมือของนางโน้มศีรษะของท่านอ๋องลงมาประกบจูบปากจิ้มลิ้มของนางทันทีท่านอ๋องตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ลิ้นเล็กของนางก็สอดเข้าไปในปากของท่านอ๋องไม่ให้ทันได้ตั้งตัวทำให้ชินอ๋องทำอะไรไม่ถูก เหตุด้วยฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดชนิดร