บทที่ 3
เว่ยเว่ยเดินไปทั่วทั้งตลาดและมั่นใจว่าตอนนี้นางคงทะลุมิติมาเป็นแน่ แม้จะน่าเหลือเชื่อแต่ใครจะสนล่ะ ในเมื่อนี่ก็คือหนึ่งในสิ่งที่นางเคยอยากให้เกิดกับชีวิต
“งานลอยโคมอีกกี่วันหรือ” หญิงสาวถามสาวใช้คนสนิท ที่นางถามนั้นมีเหตุผลเพราะพระเอกของเรื่องนี้กลับมาก่อนเทศกาลลอยโคมเพียงสองวัน ทุกคนต่างบอกว่าเขานำความสุขกลับมาสู่แคว้น แต่ตอนนี้ยังคงไม่มีใครรู้
เว่ยเว่ยมองเส้นทางที่น่าจะเป็นทางที่ขบวนของแม่ทัพอี้จะผ่าน แล้วก็หลุดยิ้มออกมาเมื่อมองไปที่โรงน้ำชาที่ดูจะเป็นที่นิยม
“งานโคมหรือเจ้าคะ...คุณหนู คุณหนูไปไหนแล้ว” ชิงเอ๋อร์ที่กำลังคิดคำตอบให้เจ้านาย หันมาอีกทีนางก็เดินเข้าโรงน้ำชาไปแล้วจนสาวใช้อย่างนางวิ่งตามแทบไม่ทัน
เว่ยเว่ยขึ้นไปที่ชั้นสองและมองซ้ายขวา เมื่อเจอโต๊ะที่ถูกใจก็บอกให้ชิงเอ๋อร์ไปบอกกับเถ้าแก่ของร้านว่านางจะจองโต๊ะนี้สองวันก่อนจะถึงงานลอยโคม
โต๊ะที่จองเป็นจุดที่เว่ยเว่ยรู้ว่าขบวนของแม่ทัพจะเคลื่อนเข้าสู่เมืองหลวง และเป็นจุดที่เห็นทุกอย่างชัดเจนที่สุด หากเป็นตั๋วคอนเสิร์ตก็เรียกได้ว่า VVIP
มือเรียวยกชาขึ้นดื่ม การรู้เนื้อเรื่องล่วงหน้าก็ดีอย่างนี้เอง เว่ยเว่ยคิด ตอนนี้ก็รอให้ถึงวันที่แม่ทัพอี้จะกลับมาถึงก็พอ จะว่าไปใบหน้าของเจียงซีเว่ยก็ไม่ขี้ริ้ว บำรุงแต่งเติมสักนิดขี้คร้านจะงามจนหนุ่ม ๆ หันมอง แต่ขอโทษเถอะ หนึ่งเดียวในใจของนางคือแม่ทัพอี้เท่านั้น หญิงสาวคิดไปก็ยิ้มไป แต่จู่ ๆ ใบหน้าสวยก็หุบยิ้ม
“แล้วถ้าเขาไม่ชอบข้าล่ะ” เว่ยเว่ยบ่นพึมพำคนเดียวจนสาวใช้ที่เดินกลับมาถึงกับขมวดคิ้วสงสัย ช่วงนี้คุณหนูของนางแปลกประหลาดนักทั้งคำพูดทั้งท่าทาง
“มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่เจ้าคะคุณหนู” เว่ยเว่ยส่ายหน้า “เจ้าจัดการเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่” ชิงเอ๋อร์พยักหน้าและรายงานเจ้านายตน
“เช่นนั้นก็ไปซื้อเครื่องสำอาง...มิใช่สิเครื่องประทินผิวกันเถอะ ข้าอยากได้ชุดใหม่ด้วย...ข้าซื้อได้ใช่หรือไม่” ที่ต้องถามเพราะนางไม่แน่ใจถึงฐานะของตระกูล ถึงจะดูร่ำรวย และชิงเอ๋อร์ก็จ่ายทุกอย่างที่ผ่านมา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อจำกัด
“หากเงินที่ฮูหยินให้มาไม่พอ ก็สั่งให้ไปส่งที่จวนได้เจ้าค่ะ” ได้ฟังอย่างนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเว่ยเว่ยอีกครั้ง
นางตั้งใจแล้วว่าจะต้องขุดเอามารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนมาใช้ ก่อนอื่นก็ต้องโดดเด่นที่สุดแล้วก็ใช้...สามบทพิชิตใจชายหนุ่มให้มาเป็นสามี หญิงสาวคิดแล้วก็หยุดเดินกึกจนชิงเอ๋อร์ที่ตามมาด้านหลังเกือบจะชนนางเข้า
“สามไม่พอเอาห้าไปเลย” เว่ยเว่ยพูดออกมาก่อนจะก้าวเดินต่อ นางคิดนั่นนี่ในใจเป็นแผนการง่าย ๆ และตั้งใจว่ากลับเรือนจะเขียนเรียบเรียงมันออกมาอีกที ถ้าไม่สำเร็จก็ค่อยเพิ่มก็ได้นี่นา เวลามีจนถึงวันที่ทั้งสองจะเจอกัน ถ้าถึงวันนั้นแล้วเขายังคงไม่มองนาง นางก็จะไม่ตอแย แค่คิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดใบหน้าสวยก็ยู่น้อย ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
จนกว่าเขาจะเจอกับนางเอกและตกหลุมรักนางเพียงผู้เดียวทั้งชีวิต ก่อนหน้านั้นเขาคือของข้าคนนี้...
ซาแซง เฮ้ย แฟนคลับ
ไม่นานนัก ข่าวแม่ทัพอี้ชนะศึกก็มาถึง วันที่ที่เขาเดินทางมาถึงเมืองก็ดันตรงกับวันที่เว่ยเว่ยจองโต๊ะที่โรงน้ำชาเอาไว้พอดีจนชิงเอ๋อร์พูดว่าโชคดีออกมาตั้งหลายครั้ง แต่เว่ยเว่ยกลับทำเพียงแค่ยิ้ม
หญิงสาวยืนอยู่บนระเบียงชั้นสองของโรงน้ำชา เสียงคนที่ดังมาเรื่อย ๆ บอกให้รู้ว่าคนที่นางรอกำลังมาถึง ตามเนื้อเรื่องนางเอกจะเจอกับพระเอกในคืนงานเลี้ยงต้อนรับในวันถัดไป นางมีโอกาสแค่วันนี้เท่านั้น
ยิ่งขบวนของอีกฝ่ายใกล้เข้ามาหญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ถึงกระนั้นก็ยังแอบบ่นในใจไม่ได้เพราะตอนนี้แม่ทัพอี้อยู่ในชุดแม่ทัพเต็มยศซึ่งหมวกของมันทำให้นางเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัด
แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะมารยาบทแรกที่เตรียมเอาไว้จะทำให้นางได้เข้าใกล้กับเขาจนน่าจะเห็นใบหน้าใต้หมวกเหล็กนั่นได้ง่าย ๆ
เมื่อขบวนของชายหนุ่มเข้ามาใกล้ คนที่อยู่ด้านในโรงน้ำชาเริ่มขยับมาที่ระเบียงเพื่อดู เว่ยเว่ยทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดใส่ระเบียงที่สั่งให้สาวใช้มาเลื่อยเอาไว้จนจวนเจียนจะหัก แค่ผลักนิดหน่อยก็ทำระเบียงแยกออกจากกัน นางแสร้งหวีดร้องราวกับถูกดันจากด้านหลังก่อนที่หญิงสาวจะตั้งใจทิ้งตัวจากชั้นสองลงไปที่พื้นด้านล่างหน้าขบวนของแม่ทัพหนุ่มที่ขยับอย่างช้า ๆ เพื่อให้บรรดาคนที่ออกมาต้อนรับเขาได้พบเจอเขาใกล้ ๆ
“คุณหนูของข้าจะตกแล้ว ใครก็ได้ช่วยด้วย” เสียงของชิงเอ๋อร์ดังขึ้นราวกับนัดแนะกันเอาไว้ เสียงของนางดังโวยวายจนทำให้ผู้คนหันมองคุณหนูคนหนึ่งที่กำลังจะร่วงลงจากระเบียงชั้นสอง มือของนางจับราวระเบียงเอาไว้ได้แต่ก็ใกล้จะหมดแรงเต็มที
นิ้วเรียวค่อย ๆ คลายออกทีละนิด ทีละนิดจนกระทั่งมันไม่สามารถเกี่ยวกับระเบียงและรับน้ำหนักหญิงสาวเอาไว้ได้อีกต่อไป แม้ว่านี่จะน่ากลัว แต่สำหรับเว่ยเว่ยแล้วมันเป็นไปตามแผนทุกอย่าง
นางสู้อุตส่าห์ฝึกซ้อมกระบวนท่าผลัดตกให้งดงามที่สุดจนรุ่งสาง ไม่ว่าจะเป็นท่าวิหกโผถลา เป็นท่าที่ต้องโผเข้าสู่อ้อมกอดของอีกฝ่ายและให้สองสายตาประสานกัน เขาต้องตกหลุมรักนางแน่
เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาแล้ว หญิงสาวก็แสร้งกรีดร้องและปล่อยมือออกจากระเบียงก่อนจะร่วงลงใน... แต่ระยะเวลามันกระชั้นชิดจนเกินไป ท่าที่คิดว่าดีที่สุดไว้จึงทำไม่ได้ เว่ยเว่ยตัดสินใจในจังหวะที่ไม้ระเบียงหักหลุดออกจากกัน เปลี่ยนเป็นท่า
กระบวนท่าวิหคน้อยตกรัง
ทิ้งร่างกายลู่ไปตามแรงดึงดูดของโลก เอนตัวลงอย่างรวดเร็ว แขนและขาอาจเหยียดออกคล้ายการพยายามทรงตัวหรือคว้าจับสิ่งใด แต่ไม่สามารถต้านแรงโน้มถ่วงได้ หวีดร้องสุดเสียงด้วยความหวาดกลัวหวังให้ผู้ชาย…ให้แม่นกมาช่วย
บทที่ 4 มารยาบทที่หนึ่ง...ตัวอ่อนเหมือนไม่มีกระดูกอี้หยางเฉิงเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก เขาดึงบังเหียนบังคับม้าของตัวเองให้เข้าไปรับตัวหญิงสาวที่ร่วงลงมาจากระเบียง มือแกร่งช้อนร่างอรชรของหญิงสาวเอาไว้แนบอก “เจ้าปลอดภัยแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยบอกกับหญิงสาวที่ทิ้งตัวหลับตานิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา แต่เว่ยเว่ยกลับไม่ได้รีบเปิดตา หญิงสาวยึดแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ฟังแค่เสียงก็รู้สึกได้แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องหน้าตาดีมากแน่ ๆ “แน่นะ” เว่ยเว่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังคงหลับตาแน่นและหายใจแรงเพราะความหวาดกลัวจากการตกและความตื่นเต้นที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่นางหมายมั่น หัวใจเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกจากอก ทั้ง ๆ เป็นนางเองที่เป็นคนที่ทำให้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้น มุมปากของอี้หยางเฉิงกระตุกยิ้ม “แน่ หากอยากมั่นใจก็ลืมตาขึ้นดูเสีย คนทั้งเมืองมองเจ้าหมดแล้ว” เว่ยเว่ยได้ฟังก็เร่งลืมตาขึ้นมา ใบหน้าของอีกฝ่ายที่อยู่ห่างเพียงไม่กี่คืบ ต่อให้มีหมวกเหล็กใส่อยู่ที่หัวของเขานางก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาได้ชัดเจน “ขอบคุณเจ้าค่ะ หากไม่ได้ท่านข้าคง...”“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ข้าจะให้คนไปส่งที่จวน ข้าจะต้องไ
บทที่ 5 อี้หยางเฉิงกลับมาที่จวนของตนหลังจากเข้าไปรายงานเรื่องต่าง ๆ กับฮ่องเต้แล้วเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของเขาก้องไปทั่วโถงทางเดินของจวนแม่ทัพที่กว้างใหญ่ แต่กลับดูเงียบเหงา ร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะเหล็กสีดำที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนจากสนามรบเดินผ่านคนในจวนที่ออกมายืนรอต้อนรับเจ้านายของจวนเมื่อมาถึงเรือนชายหนุ่มก็เริ่มถอดเกราะหนัก ๆ ของเขาออกช้า ๆ เสียงโลหะกระทบกันเบา ๆ ขณะที่เขาวางเกราะลงบนแท่นที่วาง กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกำยานช่วยปลอบประโลมความเหนื่อยล้าจากการศึกที่ยาวนาน ชายหนุ่มกำลังถอดเกราะชิ้นสุดท้ายออก ทันใดนั้นผ้าเช็ดหน้าสีชมพูอ่อนก็ร่วงหล่นลงออกมาจากด้านในอี้หยางเฉิงคว้าผ้าผืนนั้นเอาไว้ได้ก่อนที่มันจะหล่นไปถึงพื้น เขาชะงักมองมันด้วยสายตาครุ่นคิด คิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อผ้าไหมเนื้อดีที่ปักลวดลายดอกเหมยด้วยฝีมือประณีตผืนนี้อย่างไรก็คงไม่ใช่ของเขาแน่ ๆ “ต้องเป็นนางแน่ ๆ” อี้หยางเฉิงพึมพำเบา ๆ ใบหน้าคมเข้มฉายแววประหลาดใจ ภาพหญิงสาวที่ตกจากระเบียงโรงน้ำชาผุดขึ้นในความคิดอีกครั้ง มือแกร่งพลิกผ้าเช็ดหน้าดูอีกครั้ง ก่อนจะสังเกตเห็นตัวอักษรเล็ก ๆ ปักอยู่มุมหนึ่ง "เว่ย" “เว่ยอย่างนั้นหรือ แต่นาง
บทนำ เว่ยเว่ยเป็นนักอ่านนิยายตัวยง ตามซื้อนิยายขายดีทุกเรื่อง เงินเดือนที่หามาได้ก็มาบำรุงบำเรอความสุขของตัวเองด้วยการอ่านนิยาย ในระหว่างที่อ่านนิยายเรื่อง ดวงใจแม่ทัพ ก็เผลอหลับไป พอตื่นมาก็พบว่าตัวเองทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายเรื่องที่กำลังอ่านอยู่ หากเป็นคนอื่นที่ทะลุมิติมาคงจะพยามยามให้ตัวเองไม่รักพระเอก และหาหนทางหนีจากเส้นทางของเนื้อของนิยาย แต่ไม่ล่ะ เธอจะไม่ทำแบบนั้น ก็พระเอกงานดีเสียขนาดนั้น พอได้รักกับนางเอกก็รักเดียวใจเดียว ที่สำคัญนักเขียนได้บรรยายภาพอิมเมจของพระเอกเอาไว้ ดวงตาคมเข้มดุจราชสีห์ ผิวสีน้ำตาลแดงราวกับหินเหล็กชิ้นดี และประโยคสุดท้ายที่ทำให้เว่ยเว่ยสะดุดใจก็คือ เมื่อรักสตรีใดเขาจะรักนางเพียงผู้เดียวตราบสิ้นลมหายใจ มวนท้องมากแม่ นี่ล่ะคนที่เว่ยเว่ยต้องการ แล้วผู้งานดีขนาดนี้จะปล่อยไปได้อย่างไร ในเมื่อเวลานี้พระเอกกับนางเอกยังไม่ได้รักกัน แล้วนางจะจีบพระเอกก่อนไม่ได้เชียวหรือ ไม่ได้เป็นมือที่สามเสียหน่อย เมื่อเขายังโสดไม่มีผู้ใดจับจองหัวใจ แล้วนางร้ายมือใหม่อย่างเว่ยเว่ยคนนี้จะไม่มีสิทธิ์ทดลองจีบเลยหรือไร หากลองแล้วไม่สำเร็จก็ค่อยว่ากัน นางร้ายอย่างเว่ยเว่
บทที่ 2 หลังจากไหลตามน้ำจนได้กลับมาถึงเรือนนอนของตัวเอง เว่ยเว่ยก็เริ่มรู้สึกว่าฝันนี้มันช่างยาว...และนาน...ยิ่งนัก จะบอกว่าเธอหลับข้ามวันข้ามคืนปกติก็ต้องมีตื่นบ้าง“หรือนี่ไม่ใช่ความฝันกัน” เว่ยเว่ยบ่นกับตัวเองแต่สาวใช้คนสนิทที่หญิงสาวเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายชื่อชิงเอ๋อร์เพราะคนที่เป็นมารดาของนางเรียกก็ตอบให้ในทันที “ตื่นแล้วเจ้าค่ะ ตื่นมาหลายชั่วยามแล้วด้วย”เว่ยเว่ยที่ได้ฟังคำของอีกฝ่ายก็พอจะเดาได้ว่าความสนิทสนมของสองนายบ่าวคงมีไม่น้อยจึงแกล้งถามออกไปเพื่อที่จะสอบถามข้อมูล“เช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเจ้าบอกได้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน หรือข้าเป็นใครกัน บางทีเจ้าอาจจะเป็นมารแห่งความฝันก็ได้นะ” เพราะอ่านนิยายจีนโบราณมามากกว่าร้อยเล่มจึงไม่แปลกที่จะพูดจาสมัยนี้ได้อย่างคล่องปาก“โธ่...คุณหนูท่านน่ะชอบแกล้งข้าเสียจริง” เว่ยเว่ยเห็นอีกฝ่ายทำหน้ายู่ก็รู้สึกชอบใจ ยังทำท่านอนรอฟังและยิ้มขำสาวใช้ของตนอีกด้วย“ที่นี่เป็นแคว้นฉู่เจ้าค่ะ และคุณหนูก็อยู่ในจวนของเจ้ากรมการคลังเจียงเฉินผู้ยิ่งใหญ่เพราะคุณหนูซีเว่ยเป็นบุตรสาวคนเดียวของนายท่านจ้าค่ะ ให้ข้าบอกมากกว่านี้อีกไหมเจ้าคะ” เว่ยเว่ยทำหน้านึกก่อนจะตกใจเ
บทที่ 5 อี้หยางเฉิงกลับมาที่จวนของตนหลังจากเข้าไปรายงานเรื่องต่าง ๆ กับฮ่องเต้แล้วเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของเขาก้องไปทั่วโถงทางเดินของจวนแม่ทัพที่กว้างใหญ่ แต่กลับดูเงียบเหงา ร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะเหล็กสีดำที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนจากสนามรบเดินผ่านคนในจวนที่ออกมายืนรอต้อนรับเจ้านายของจวนเมื่อมาถึงเรือนชายหนุ่มก็เริ่มถอดเกราะหนัก ๆ ของเขาออกช้า ๆ เสียงโลหะกระทบกันเบา ๆ ขณะที่เขาวางเกราะลงบนแท่นที่วาง กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกำยานช่วยปลอบประโลมความเหนื่อยล้าจากการศึกที่ยาวนาน ชายหนุ่มกำลังถอดเกราะชิ้นสุดท้ายออก ทันใดนั้นผ้าเช็ดหน้าสีชมพูอ่อนก็ร่วงหล่นลงออกมาจากด้านในอี้หยางเฉิงคว้าผ้าผืนนั้นเอาไว้ได้ก่อนที่มันจะหล่นไปถึงพื้น เขาชะงักมองมันด้วยสายตาครุ่นคิด คิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อผ้าไหมเนื้อดีที่ปักลวดลายดอกเหมยด้วยฝีมือประณีตผืนนี้อย่างไรก็คงไม่ใช่ของเขาแน่ ๆ “ต้องเป็นนางแน่ ๆ” อี้หยางเฉิงพึมพำเบา ๆ ใบหน้าคมเข้มฉายแววประหลาดใจ ภาพหญิงสาวที่ตกจากระเบียงโรงน้ำชาผุดขึ้นในความคิดอีกครั้ง มือแกร่งพลิกผ้าเช็ดหน้าดูอีกครั้ง ก่อนจะสังเกตเห็นตัวอักษรเล็ก ๆ ปักอยู่มุมหนึ่ง "เว่ย" “เว่ยอย่างนั้นหรือ แต่นาง
บทที่ 4 มารยาบทที่หนึ่ง...ตัวอ่อนเหมือนไม่มีกระดูกอี้หยางเฉิงเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก เขาดึงบังเหียนบังคับม้าของตัวเองให้เข้าไปรับตัวหญิงสาวที่ร่วงลงมาจากระเบียง มือแกร่งช้อนร่างอรชรของหญิงสาวเอาไว้แนบอก “เจ้าปลอดภัยแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยบอกกับหญิงสาวที่ทิ้งตัวหลับตานิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา แต่เว่ยเว่ยกลับไม่ได้รีบเปิดตา หญิงสาวยึดแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ฟังแค่เสียงก็รู้สึกได้แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องหน้าตาดีมากแน่ ๆ “แน่นะ” เว่ยเว่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังคงหลับตาแน่นและหายใจแรงเพราะความหวาดกลัวจากการตกและความตื่นเต้นที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่นางหมายมั่น หัวใจเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกจากอก ทั้ง ๆ เป็นนางเองที่เป็นคนที่ทำให้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้น มุมปากของอี้หยางเฉิงกระตุกยิ้ม “แน่ หากอยากมั่นใจก็ลืมตาขึ้นดูเสีย คนทั้งเมืองมองเจ้าหมดแล้ว” เว่ยเว่ยได้ฟังก็เร่งลืมตาขึ้นมา ใบหน้าของอีกฝ่ายที่อยู่ห่างเพียงไม่กี่คืบ ต่อให้มีหมวกเหล็กใส่อยู่ที่หัวของเขานางก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาได้ชัดเจน “ขอบคุณเจ้าค่ะ หากไม่ได้ท่านข้าคง...”“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ข้าจะให้คนไปส่งที่จวน ข้าจะต้องไ
บทที่ 3เว่ยเว่ยเดินไปทั่วทั้งตลาดและมั่นใจว่าตอนนี้นางคงทะลุมิติมาเป็นแน่ แม้จะน่าเหลือเชื่อแต่ใครจะสนล่ะ ในเมื่อนี่ก็คือหนึ่งในสิ่งที่นางเคยอยากให้เกิดกับชีวิต“งานลอยโคมอีกกี่วันหรือ” หญิงสาวถามสาวใช้คนสนิท ที่นางถามนั้นมีเหตุผลเพราะพระเอกของเรื่องนี้กลับมาก่อนเทศกาลลอยโคมเพียงสองวัน ทุกคนต่างบอกว่าเขานำความสุขกลับมาสู่แคว้น แต่ตอนนี้ยังคงไม่มีใครรู้เว่ยเว่ยมองเส้นทางที่น่าจะเป็นทางที่ขบวนของแม่ทัพอี้จะผ่าน แล้วก็หลุดยิ้มออกมาเมื่อมองไปที่โรงน้ำชาที่ดูจะเป็นที่นิยม “งานโคมหรือเจ้าคะ...คุณหนู คุณหนูไปไหนแล้ว” ชิงเอ๋อร์ที่กำลังคิดคำตอบให้เจ้านาย หันมาอีกทีนางก็เดินเข้าโรงน้ำชาไปแล้วจนสาวใช้อย่างนางวิ่งตามแทบไม่ทันเว่ยเว่ยขึ้นไปที่ชั้นสองและมองซ้ายขวา เมื่อเจอโต๊ะที่ถูกใจก็บอกให้ชิงเอ๋อร์ไปบอกกับเถ้าแก่ของร้านว่านางจะจองโต๊ะนี้สองวันก่อนจะถึงงานลอยโคมโต๊ะที่จองเป็นจุดที่เว่ยเว่ยรู้ว่าขบวนของแม่ทัพจะเคลื่อนเข้าสู่เมืองหลวง และเป็นจุดที่เห็นทุกอย่างชัดเจนที่สุด หากเป็นตั๋วคอนเสิร์ตก็เรียกได้ว่า VVIP มือเรียวยกชาขึ้นดื่ม การรู้เนื้อเรื่องล่วงหน้าก็ดีอย่างนี้เอง เว่ยเว่ยคิด ตอนนี้ก็ร
บทที่ 2 หลังจากไหลตามน้ำจนได้กลับมาถึงเรือนนอนของตัวเอง เว่ยเว่ยก็เริ่มรู้สึกว่าฝันนี้มันช่างยาว...และนาน...ยิ่งนัก จะบอกว่าเธอหลับข้ามวันข้ามคืนปกติก็ต้องมีตื่นบ้าง“หรือนี่ไม่ใช่ความฝันกัน” เว่ยเว่ยบ่นกับตัวเองแต่สาวใช้คนสนิทที่หญิงสาวเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายชื่อชิงเอ๋อร์เพราะคนที่เป็นมารดาของนางเรียกก็ตอบให้ในทันที “ตื่นแล้วเจ้าค่ะ ตื่นมาหลายชั่วยามแล้วด้วย”เว่ยเว่ยที่ได้ฟังคำของอีกฝ่ายก็พอจะเดาได้ว่าความสนิทสนมของสองนายบ่าวคงมีไม่น้อยจึงแกล้งถามออกไปเพื่อที่จะสอบถามข้อมูล“เช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเจ้าบอกได้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน หรือข้าเป็นใครกัน บางทีเจ้าอาจจะเป็นมารแห่งความฝันก็ได้นะ” เพราะอ่านนิยายจีนโบราณมามากกว่าร้อยเล่มจึงไม่แปลกที่จะพูดจาสมัยนี้ได้อย่างคล่องปาก“โธ่...คุณหนูท่านน่ะชอบแกล้งข้าเสียจริง” เว่ยเว่ยเห็นอีกฝ่ายทำหน้ายู่ก็รู้สึกชอบใจ ยังทำท่านอนรอฟังและยิ้มขำสาวใช้ของตนอีกด้วย“ที่นี่เป็นแคว้นฉู่เจ้าค่ะ และคุณหนูก็อยู่ในจวนของเจ้ากรมการคลังเจียงเฉินผู้ยิ่งใหญ่เพราะคุณหนูซีเว่ยเป็นบุตรสาวคนเดียวของนายท่านจ้าค่ะ ให้ข้าบอกมากกว่านี้อีกไหมเจ้าคะ” เว่ยเว่ยทำหน้านึกก่อนจะตกใจเ
บทนำ เว่ยเว่ยเป็นนักอ่านนิยายตัวยง ตามซื้อนิยายขายดีทุกเรื่อง เงินเดือนที่หามาได้ก็มาบำรุงบำเรอความสุขของตัวเองด้วยการอ่านนิยาย ในระหว่างที่อ่านนิยายเรื่อง ดวงใจแม่ทัพ ก็เผลอหลับไป พอตื่นมาก็พบว่าตัวเองทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายเรื่องที่กำลังอ่านอยู่ หากเป็นคนอื่นที่ทะลุมิติมาคงจะพยามยามให้ตัวเองไม่รักพระเอก และหาหนทางหนีจากเส้นทางของเนื้อของนิยาย แต่ไม่ล่ะ เธอจะไม่ทำแบบนั้น ก็พระเอกงานดีเสียขนาดนั้น พอได้รักกับนางเอกก็รักเดียวใจเดียว ที่สำคัญนักเขียนได้บรรยายภาพอิมเมจของพระเอกเอาไว้ ดวงตาคมเข้มดุจราชสีห์ ผิวสีน้ำตาลแดงราวกับหินเหล็กชิ้นดี และประโยคสุดท้ายที่ทำให้เว่ยเว่ยสะดุดใจก็คือ เมื่อรักสตรีใดเขาจะรักนางเพียงผู้เดียวตราบสิ้นลมหายใจ มวนท้องมากแม่ นี่ล่ะคนที่เว่ยเว่ยต้องการ แล้วผู้งานดีขนาดนี้จะปล่อยไปได้อย่างไร ในเมื่อเวลานี้พระเอกกับนางเอกยังไม่ได้รักกัน แล้วนางจะจีบพระเอกก่อนไม่ได้เชียวหรือ ไม่ได้เป็นมือที่สามเสียหน่อย เมื่อเขายังโสดไม่มีผู้ใดจับจองหัวใจ แล้วนางร้ายมือใหม่อย่างเว่ยเว่ยคนนี้จะไม่มีสิทธิ์ทดลองจีบเลยหรือไร หากลองแล้วไม่สำเร็จก็ค่อยว่ากัน นางร้ายอย่างเว่ยเว่