บทที่ 4
มารยาบทที่หนึ่ง...ตัวอ่อนเหมือนไม่มีกระดูก
อี้หยางเฉิงเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก เขาดึงบังเหียนบังคับม้าของตัวเองให้เข้าไปรับตัวหญิงสาวที่ร่วงลงมาจากระเบียง มือแกร่งช้อนร่างอรชรของหญิงสาวเอาไว้แนบอก “เจ้าปลอดภัยแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยบอกกับหญิงสาวที่ทิ้งตัวหลับตานิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา แต่เว่ยเว่ยกลับไม่ได้รีบเปิดตา หญิงสาวยึดแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ฟังแค่เสียงก็รู้สึกได้แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องหน้าตาดีมากแน่ ๆ “แน่นะ” เว่ยเว่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังคงหลับตาแน่นและหายใจแรงเพราะความหวาดกลัวจากการตกและความตื่นเต้นที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่นางหมายมั่น หัวใจเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกจากอก ทั้ง ๆ เป็นนางเองที่เป็นคนที่ทำให้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้น มุมปากของอี้หยางเฉิงกระตุกยิ้ม “แน่ หากอยากมั่นใจก็ลืมตาขึ้นดูเสีย คนทั้งเมืองมองเจ้าหมดแล้ว” เว่ยเว่ยได้ฟังก็เร่งลืมตาขึ้นมา ใบหน้าของอีกฝ่ายที่อยู่ห่างเพียงไม่กี่คืบ ต่อให้มีหมวกเหล็กใส่อยู่ที่หัวของเขานางก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาได้ชัดเจน “ขอบคุณเจ้าค่ะ หากไม่ได้ท่านข้าคง...” “ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ข้าจะให้คนไปส่งที่จวน ข้าจะต้องไปเข้าเฝ้า” เว่ยเว่ยรีบเด้งตัวขี้นจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายพลางปัดเสื้อผ้าให้เข้าที่และก็ไม่ลืมแอบแนบผ้าเช็ดหน้าที่ปักชื่อของตนเอาไว้กับชุดเกราะของชายหนุ่มด้วย เพราะสิ่งนี้จะนำพาให้นางได้มาเจอกับเขาอีกครั้ง “คุณหนู...คุณหนูเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ” เว่ยเว่ยที่ได้ยินเสียงชิงเอ๋อร์เข้ามาใกล้ก็ขยับตัวออกจากชายหนุ่มอีกครั้ง แต่ขาก็ทรุดลงไปที่พื้นอีกครั้งเหมือนกับคนไม่มีเรี่ยวแรง จนแม่ทัพหนุ่มต้องประคองเอาไว้ แต่กลับไม่รู้เลยว่าทุกอย่างนั้นเป็นเพียงการเสแสร้งของคนตรงหน้า “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าไหว ขอบคุณท่านแม่ทัพอี้อีกครั้งนะเจ้าคะ หากครั้งหน้าได้เจอกันข้าจะตอบแทนท่านแม่ทัพเป็นอย่างดี หรือไม่เช่นนั้นท่านส่งคนมาที่จวนเจียงก็ได้ ท่านพ่อคงจะมีสิ่งของมีค่าตอบแทนท่านแม่ทัพที่ช่วยข้าเป็นแน่” แม้คำพูดเหล่านั้นจะดูแปลกประหลาดไปนิด แต่กลับไม่ได้ทำให้คนฟังรำคาญใจสักเท่าไร “ข้าต้องไปแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยและขึ้นหลังม้าขี่ออกไป เว่ยเว่ยมองเขาจนลับสายตา คนแถวนั้นยังคงสงสัยว่าหญิงสาวเป็นอะไรหรือไม่ แต่เมื่อคนเริ่มจางและนางลุกขึ้นมาเดินได้เป็นปกติคนก็หมดความสนใจกับเรื่องตรงหน้า “คุณหนูทำให้ข้าจะเป็นบ้า หากคุณหนูเป็นอะไรไปนายท่านจะต้องฆ่าข้าแน่ ๆ” “ท่านพ่อไม่ทำอะไรเจ้าหรอกน่า แล้วข้าก็ไม่เป็นอะไรด้วย”“เว่ยเอ๋อร์ เว่ยเอ๋อร์ มีคนมาบอกแม่ว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บในตลาดวันนี้ แม่ให้คนไปเรียกหมอมาแล้ว เจ้าให้เขาตรวจดูเสียหน่อยดีหรือไม่”
เว่ยเว่ยที่เพิ่งเดินเข้าจวนมาก็ถูกมารดาลากไปยังเรือนพักและให้หมอตรวจ ได้แต่อ้าปากและ ปิดปากอยู่อย่างนั้นหลายต่อหลายครั้ง นางพยายามจะอธิบายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนความเป็นห่วงของมารดาจะทำให้หญิงสาวแทบจะไม่ได้พูดอะไร สุดท้ายก็เป็นชิงเอ๋อร์ที่เล่าทุกอย่างออกมา นางเล่าไปก็ร้องไห้ไป แต่ก็ชื่นชมแม่ทัพอี้ที่ช่วยเหลือคุณหนูของนางไปด้วย “เป็นเช่นนี้นี่เอง เจ้าต้องเอาของไปขอบคุณแม่ทัพอี้นะลูก แต่จะไปจวนชายหนุ่มที่ยังไม่มีคู่หมายและตัวเจ้าก็ยังไม่มีคู่หมายดูจะไม่เหมาะ” “เหมาะสิเจ้าคะ” เว่ยเว่ยเถียงออกไปแต่ก็ได้รับสายตาดุ ๆ จากมารดา “เดี๋ยวแม่ปรึกษากับพ่อของเจ้าก่อนแล้วค่อยมาบอกเจ้าก็แล้วกัน ตอนนี้เจ้าต้องพักผ่อนให้มาก แม้ไม่ได้บาดเจ็บอะไรแต่ก็ได้รับการกระทบกระเทือน” สุดท้ายเว่ยเว่ยก็ยอมทำตามคำของแม่นางเพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะช่วยจัดการอะไรให้ง่ายขึ้น แต่ยังไม่ทันที่มารดาของนางจะลุกขึ้น บิดาก็หน้าตาตื่นเข้ามา “เว่ยเอ๋อร์มีคนบอกว่าเจ้าตกลงมาจากระเบียงเป็นอย่างไรบ้าง” เว่ยเว่ยแทบจะหลุดหัวเราะ พ่อแม่บ้านนี้ดูเหมือนจะรักบุตรสาวมากเลยทีเดียว “โชคดีได้ท่านแม่ทัพอี้ช่วยเอาไว้เจ้าค่ะ ข้าเลยไม่เป็นอะไร” “พ่อขอบคุณแม่ทัพอี้ไปแล้ว แต่อย่างไรเจ้าก็ต้องไปขอบคุณเขาอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะลูก” พอจบคำพูดของเจ้ากรมเจียง ฮูหยินข้าง ๆ ก็ตีแขนเขาเสียงดัง “ลูกเรายังไม่ได้ออกเรือน และยังไม่มีคู่หมายจะให้เข้าหาชายหนุ่มอย่างนั้นได้เช่นไร” คนเป็นพ่อทำท่านึกขึ้นได้ และแม้ว่าเว่ยเว่ยจะพยายามขัดทั้งสองอย่างไร พวกเขาก็ไม่ยอม “แล้วถ้าไปเจอกันที่งานต้อนรับล่ะเจ้าคะ” นายและนายหญิงของตระกูลเจียงหันมองบุตรสาว “เช่นนั้นครั้งนี้เจ้าไปงานกับพ่อก็แล้วกัน เจ้าก็เข้าพิธีปักปิ่นไปแล้วได้ออกงานบ่อย ๆ ก็ดี จะได้มีคนมาสนใจเจ้าบ้าง” ฮูหยินตีแขนสามีอีกครั้ง “มิใช่ว่ามีคนมาสนแล้วท่านพี่ไม่ยอมให้เขาเข้าหาลูกสาวเราหรือเจ้าคะ” เว่ยเว่ยมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม เกือบจะหลุดปากถามไปแล้วว่า ถ้าเป็นอย่างแม่ทัพอี้ท่านพ่อท่านแม่จะยอมไหม แต่นางคิดว่าเอาไว้ให้นางจีบอีกฝ่ายสำเร็จค่อยเริ่มเรื่องนี้ก็ไม่สาย รับรองถ้านางตกแม่ทัพอี้ได้ บิดามารดาต้องภูมิใจในบุตรสาวคนนี้บทที่ 30เวลาผ่านไปอีกหลายเดือนจนท้องของเว่ยเว่ยใหญ่ขึ้นจนเหมือนจะแตกออก อี้หยางเฉิงกำลังนอนหนุนแขนมองดูภรรยาของตนที่เอนกายพิงหมอนสูงอยู่ ท่าทางเช่นนี้เผยให้เห็นท้องที่โตขึ้นของหญิงสาว เขายกมือขึ้นลูบท้องของนางเบา ๆ ความอบอุ่นจากฝ่ามือของชายหนุ่มเรียกรอยยิ้มอ่อนโยนจากเว่ยเว่ย"เจ้าว่าลูกเราจะเป็นหญิงหรือชาย" อี้หยางเฉิงเอ่ยถามเสียงเบา ดวงตาคมที่เคยดูน่าเกรงขามในสนามรบยามนี้กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนหญิงสาวยิ้มน้อย ๆ พลางมองสามีที่ดูจะสนใจเรื่องนี้ไม่ต่างจากบิดาของนาง "ข้าคิดว่าคงเป็นหญิง ดูจากนิสัยของข้าตอนนี้อยากกินแต่ของเปรี้ยว ๆ และขี้โมโหเอาแต่ใจเหมือนหญิงชาวบ้านตอนตั้งครรภ์น่ะ"อี้หยางเฉิงหัวเราะออกมา "หากลูกคนนี้เป็นหญิงจริง เช่นนั้นเจ้าจะต้องมีบุตรชายเพิ่มอีกคนแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นพ่อของเจ้าต้องไม่พอใจแน่ ๆ "เจียงซีเว่ยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาที่มักมีแววออดอ้อนของนางส่องประกายสดใส "แล้วท่านทำไม่ได้หรือ" อี้หยางเฉิงมองคนที่พูดคำนั้นใส่เขาด้วยท่าทางท้าทาย“หากเจ้าไม่ได้กำลังท้องอยู่นะเว่ยเอ๋อร์” ชายหนุ่มกัดปากอย่างมันเขี้ยวก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูของหญิงสาว "อีกไม่กี่เดือนเจ้า
บทที่ 29ผ่านไปไม่กี่เดือนอาการแพ้ท้องของเจียงซีเว่ยก็ค่อย ๆ ทุเลาลง แม้ในช่วงแรกหญิงสาวจะยังไม่กล้ามองหน้าอี้หยางเฉิงอย่างเต็มตา แต่เมื่อเวลาผ่านไปนางก็เริ่มสังเกตว่าการได้อยู่ใกล้เขาไม่ได้ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอีกแล้วขณะที่อี้หยางเฉิงกำลังฝึกฝนเพลงดาบของตนในลานกว้างของจวน เจียงซีเว่ยก็เดินออกมาจากเรือนอย่างเงียบ ๆ หญิงสาวสวมเพียงเสื้อคลุมกันลมบาง ๆ สีชมพูอ่อน ใบหน้าก็กลับมามีเลือดฝาดและดูสดใสเหมือนเดิม มีเพียงแค่ท้องที่เริ่มโตขึ้นทุกวันเมื่ออี้หยางเฉิงหันมาเห็นก็ตั้งใจจะนำผ้ามาปิดหน้า แต่หญิงสาวก็ห้ามเอาไว้ “ไม่น่าจะเป็นอะไรแล้วท่านพี่ ท่านไม่ต้องปิดหรอก” เว่ยเว่ยบอกกับสามี แต่อี้หยางเฉิงก็ยังไม่มั่นใจ“ข้ากลัวเจ้าจะได้ไข้ไปอีก” เขาเดินเข้ามาพร้อมกับมีผ้าบาง ๆ ปิดบนใบหน้า “ข้าบอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร” เว่ยเว่ยดึงผ้านั่นออกและประทับริมฝีปากไปที่ใบหน้าคมที่ยังคงมีเหงื่อน้อย ๆ “อย่า เดี๋ยวเจ้าจะเปื้อน”“ไม่เห็นเป็นอะไร แล้วข้าก็ไม่แพ้ท้องยามเมื่อเห็นหน้าท่านพี่แล้วด้วย” อี้หยางเฉิงยิ้มอย่างยินดี “แสดงว่าลูกของเราเลิกแกล้งข้าแล้วใช่หรือไม่” เว่ยเว่ยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น “ข้าก็ไม่รู้ ห
บทที่ 28หลังจากได้รับตำแหน่งโหว อี้หยางเฉิงก็กลายเป็นที่กล่าวถึง ทุกคนต่างยกย่องเขาเป็นแม่ทัพที่ทรงเกียรติและมีความรักที่ยิ่งใหญ่ให้กับเจียงซีเว่ยบุตรสาวของเจ้ากรมคลังที่ซื่อสัตย์แม้ชีวิตของทั้งคู่จะเป็นเหมือนเรื่องธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่สำหรับหญิงสาวในเมือง เรื่องราวการเจอกันจนกลายเป็นความรักของทั้งสองกลายเป็นตำนานและแม้ว่าจะมีหญิงสาวมากมายที่อยากได้ชายหนุ่มเช่นนี้มาเป็นสามี แต่กลับมีเพียงแค่เจียงซีเว่ยเท่านั้นที่ได้เป็นที่รักของอี้หยางเฉิง แต่ชีวิตในความเป็นจริงกลับไม่ง่ายดายขนาดนั้น แม้เจียงซีเว่ยจะเคยยิ้มแย้มและมีความสุขกับการใช้ชีวิตร่วมกันกับอี้หยางเฉิงในช่วงปีแรก ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หญิงสาวก็นึกรู้สึกไม่พอใจชายหนุ่มเสียอย่างนั้น“หากข้าทำอะไรผิดเจ้าก็บอกข้ามาสิข้าจะปรับตัว” อี้หยางเฉิงพยายามห้ามภรรยาของตนไม่ให้กลับไปยังจวนเจียง“ข้าก็บอกท่านพี่แล้วว่าข้าเบื่อหน้าท่าน” คำพูดของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกจุก แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่แทบจะลงไปดึงขาของภรรยาตน เขารั้งตัวเจียงซีเว่ยเอาไว้แน่น“เจ้าไม่รักข้าแล้วหรืออย่างไรเว่ยเอ๋อร์” เว่ยเว่ยหันไปมองสามีอย่างหงุดหงิดก่อนจะผลักอีกฝ่ายไปให้พ้นต
บทที่ 27พวกเขาทั้งคู่มีความสุขอยู่ได้ไม่นาน เรื่องร้ายแรงก็เกิดขึ้นในเมืองหลวง เมื่อกลุ่มขุนนางที่ไม่พอใจต่อราชสำนักรวมตัวกันก่อกบฏในยามค่ำคืนหนึ่ง เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนไม่มีใครคาดคิดและเตรียมรับมือ แม้แต่เว่ยเว่ยที่เคยรับรู้เรื่องราวมาจากนิยายแล้วก็ลืมเพราะนางมัวแต่เลี้ยงบุตรชายอี้หยางเฉิงถูกตามตัวออกไปอย่างกะทันหันในคืนนั้น ทั้ง ๆ ที่เขาแทบไม่ได้พัก เพราะหลงเฟยบุตรชายคนแรกของพวกเขาค่อนข้างเลี้ยงยากในเวลากลางคืน สองสามีภรรยาอี้จึงต้องผลัดกันดูแลบุตรชายทั้งคืนแทบไม่ได้หลับได้นอน“ท่านพี่ต้องระวังคนใกล้ตัวนะเจ้าคะ อย่าไว้ใจใครง่าย ๆ “ เว่ยเว่ยเอ่ยบอกกับสามีระหว่างช่วยอีกฝ่ายใส่เสื้อเกราะ นางอยากจะระบุชื่อหนึ่งในรองแม่ทัพของอี้หยางเฉิงที่แปรพักตร์ด้วยซ้ำ แต่หากทำอย่างนั้นตัวนางเองก็จะถูกสงสัยแม้จะเพิ่งฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าหลังการดูแลบุตรชายและภรรยาแต่อี้หยางเฉิงก็ยังรีบรุดไปยังวังหลวงได้ในทันทีเมื่อได้รับข่าวจากคนของตน แม้เขาจะไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า แต่ด้วยไหวพริบและความเด็ดขาด เขารวบรวมเหล่าทหารที่ภักดีต่อเขาเข้าปราบกบฏได้ภายในคืนเดียวโดยแทบจะไม่เสียเลือดเนื้อ
บทที่ 26หลังพิธีสมรสที่ยิ่งใหญ่ผ่านพ้นไปได้สองสามเดือน เจียงซีเว่ยที่ตอนนี้กลายเป็นฮูหยินของอี้หยางเฉิงอย่างสมบูรณ์ ใช้ชีวิตคู่ที่เต็มไปด้วยความสุขและความรัก ทว่าความสุขนั้นกลับเพิ่มขึ้นทวีคูณ เมื่อในเดือนที่สองของชีวิตสมรส นางกลับพบว่าตนเองตั้งครรภ์เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของใต้เท้าเจียงและฮูหยินเจียงทั้งคู่ก็แทบจะติดปีกรีบนั่งรถม้ามาที่จวนอี้ในทันที“ตั้งครรภ์หรือ” ใต้เท้าเจียงอุทานเสียงดังในวันที่เขาได้ข่าว “ไม่ได้การแล้ว ข้าจะต้องไปดูนางเสียหน่อย” หลังจากเดินวนไปมาด้วยความกังวลอยู่สักพักคำนั้นก็หลุดออกมาจากปาก“ท่านพี่จะไปทำไมล่ะเจ้าคะ” ฮูหยินเอ่ยถามผู้เป็นสามี“บุตรสาวข้าเพิ่งแต่งออกไปไม่ถึงปี ไยถึงตั้งครรภ์ไวถึงเพียงนี้ ร่างกายนางจะทนไหวหรือไม่ก็ไม่รู้”“ท่านพี่กังวลเกินไปแล้วกระมัง” ฮูหยินเจียงพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “ข่าวนี้ควรเป็นเรื่องน่ายินดีมิใช่หรือเจ้าคะ”“แต่ว่า...” ใต้เท้าเจียงหันไปมองภรรยาด้วยแววตาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจ “ข้าคิดว่าพวกเราควรจะพาเว่ยเอ๋อร์กลับมาพักที่จวนของพวกเราสักระยะ พวกเราจะได้ดูแลนางได้อย่างใกล้ชิด เจ้าว่าดีหรือไม่”“ไม่คิดว่านี่จะเป็นการก้าวกายลูกแ
บทที่ 25หลังจากพิธีมากมาย เว่ยเว่ยยอมรับเลยว่าตนคิดว่าพิธีแต่งงานของคนโบราณมีเพียงแค่ขึ้นเกี้ยวแล้วเดินเข้าจวนอีกฝ่ายไปเพื่อไหว้ฟ้าดิน เสร็จแล้วก็เข้าไปรอในห้องหอ แต่แท้จริงแล้วรายละเอียดเยอะแยะมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่นิยายหลายเรื่องไม่ได้เขียน พวกข้าวของที่ต้องเตรียมก็มีความหมายทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหม แก้วแหวนเงินทอง หรือแม้กระทั่งของกินที่ต้องมีรวมในขบวนหรือพิธี มาถึงเรือนก็ต้องก้าวข้ามกระถางไฟอีก แต่โชคยังดีที่แม้เว่ยเว่ยจะไม่รู้เรื่องอะไรดีนัก นางก็ไม่ต้องกังวลเพราะทุกขั้นตอนจะมีแม่สื่อคอยอยู่ด้วย หน้าที่ของแม่สื่อจะบอกทุกอย่าง ทำให้นางที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ตลอดไม่ต้องกลัวว่าจะทำอะไรผิดสุดท้ายเมื่อพิธีจบหญิงสาวก็ถูกพาเข้ามารอเจ้าบ่าวอยู่ในเรือนหอ เว่ยเว่ยนั่งอยู่บนเตียงแม้จะอยากเปิดผ้าออกดูแต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าจะทำให้พิธีเสียหาย อย่างไรนางก็อยากให้การแต่งงานครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาใด ๆ หญิงสาวกุมมือของตนเองแน่น อย่างน้อยการทำแบบนี้ก็บรรเทาความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านในใจได้บ้างยิ่งเวลาผ่านไปความคิดก็เริ่มทำให้เว่ยเว่ยจะสติแตกเสียให้ได้ และถึง