หงเหม่ยหลงออกจากกลุ่มคนเมื่อครู่มาได้ระยะหนึ่ง จนมั่นใจว่าไม่มีใครเห็นนางแล้ว
นางจึงนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อพักเอาแรง
หญิงสาวเพียงนั่งหลับตานิ่งๆอยู่อย่างนั้น
ภาพเมื่อครั้งที่บิดาของนางฟาดพลังฝ่ามือใส่นาง จนนางกระเด็นตกหน้าผา ตอนนั้นร่างกายของนางบอบช้ำมาส่วนหนึ่งแล้ว
ต่อมานางยังเผลอใช้พลังฝ่ามือโดยที่ร่างกายยังไม่พร้อมตอนอยู่ที่ริมแม่น้ำ ร่างกายของนางจึงยิ่งบอบช้ำหนักกว่าเดิม
ยามนี้นางยังไม่อยากขยับไปไหนจริงๆ
หญิงสาวยังคงนั่งหลับตา ปลดปล่อยร่างกายให้เอนซบกับต้นไม้ใหญ่อยู่อย่างนั้น
ท่ามกลางแมกไม้ภายใต้ขุนเขา สายลมพัดเอื่อยเฉื่อยกระทบใบหน้าซีดเซียว หญิงสาวเพียงปล่อยให้ธรรมชาติเป็นตัวเยียวยาให้กับร่างกายที่อ่อนแรง
ทันใดนั้น เหมือนเสียงลมดังวูบอยู่ข้างหู พร้อมกับโลกหมุนกลับด้าน หงเหม่ยหลงลืมตาขึ้น พบว่าร่างของตนถูกอุ้มขึ้นโดยบุรุษผู้หนึ่ง
น่าแปลกใจยิ่ง ทำไมนางไม่รู้ตัว
อาจเป็นเพราะนางใช้กำลังออกไปจนเกินตัวกระมัง
หญิงสาวคิดในใจขณะมองออกไปว่าใครกันที่เข้าถึงตัวนางอย่างอุกอาจ
“เป็นท่าน” หงเหม่ยหลงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“เป็นข้าเอง” หลี่ซ่งหมินตอบพร้อมกับยกร่างของหงเหม่ยหลงหมุนตัวขึ้นนั่งบนม้าตัวหนึ่ง
“ท่านจะทำอะไร” หญิงสาวถามขึ้นเมื่อถูกชายหนุ่มพาควบม้าตะบึงออกมาจากต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น
“พาเจ้าออกไปจากที่นี่” ชายหนุ่มตอบคำโดยไม่มองหน้า
เขาใช้มือข้างหนึ่งควบม้าให้วิ่งไปตามทาง ส่วนมืออีกข้างพยุงร่างบางของหญิงสาวให้อยู่ในอ้อมกอด
ถึงแม้ว่าเมื่อครู่นั้น นางจะสามารถฆ่าคนได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว แต่เพราะเขาเห็นกับตาว่านางบาดเจ็บสาหัสเมื่อตอนที่อยู่ด้วยกัน
เขาจึงออกตามหานาง
เขาใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะหานางจนพบ
เขาเห็นนางนั่งหมดแรงอยู่ดังคาด จึงไม่รอช้ารีบอุ้มนางขึ้นม้าในทันที
“ข้านั่งของข้าอยู่ดีๆ มิได้ต้องการที่จะไปกับท่าน” หงเหม่ยหลงกล่าวเสียงขุ่นไปทางบุรุษที่โอบกระชับนางอยู่บนหลังม้าตัวเดียวกัน
“เจ้าต้องการนั่งรอให้ชายชุดดำกลุ่มนั้นพาพวกมาสมทบกับเจ้าหรือไร” หลี่ซ่งหมินกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ต่างกัน
ชายชุดดำ?...
อ่อ... มันยังไม่หมดอีกรึ? หงเหม่ยหลงนิ่งคิด
ใบหน้าของหญิงสาวพลันสัมผัสได้ถึงเลือดอุ่นๆบนไหล่ของชายหนุ่ม
เมื่อพิศมองอย่างสำรวจดูที่แผงอกของเขา นางสังเกตได้ว่ามีบาดแผลที่มีเลือดซึมออกมาจากชุดสีอ่อนอีกสองแห่ง นางจึงเอียงหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มของเขาก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีขึ้นกว่าเดิม
“ท่านบาดเจ็บ”
ชายหนุ่มก้มมองหน้าหญิงสาวเพียงนิดก่อนตอบ “เจ้าเองก็บาดเจ็บเช่นกัน”
“ข้าไม่เป็นไร”
“ยังจะเถียง”
“เดิมทีข้าดีขึ้นมากแล้ว แต่ต้องมาเจอบุรุษโง่งมคนหนึ่ง”
ประโยคของหงเหม่ยหลงทำเอาหลี่ซ่งหมินต้องกระตุกเชือกบังคับม้าให้หยุดวิ่งอย่างกระทันหัน
เขาถามเสียงต่ำ “เจ้าว่าอะไรนะ”
“ท่านได้ยินแล้ว”
“เจ้า!” เขาเว้นเพียงนิดก่อนเอ่ยต่อ
"ถ้าไม่ใช่เพราะสตรีบางคนทำข้าเสียสมาธิ ข้าก็คงไม่บาดเจ็บเช่นกัน" เขาเอ่ยพลางใช้สายตาชี้เป้ามาทางนาง
"ท่าน!" หญิงสาวรู้ตัวทันทีว่าเขาหมายถึงนาง
ทั้งสองเงียบงัน
จ้องหน้ากันและกันอยู่อึดใจ
ห้องส่วนตัวด้านในสุดของตำหนักราชบุตรเขย“แม่ทัพผู้นั่น น่าจะเริ่มเคลือบแคลงพวกเราแล้วเป็นแน่” หลี่ซ่งหมินกล่าววิเคราะห์ขณะช่วยหงเหม่ยหลงเปลี่ยนอาภรณ์อยู่ในห้องส่วนตัว“ข้ากำลังสนุกอยู่เชียว” หงเหม่ยหลงมุ่นคิ้วตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่“สถานการณ์เริ่มตึงเครียดแล้ว จะเล่นสนุกอะไร” หลี่ซ่งหมินก้มหน้ามองหงเหม่ยหลงพลางเอ่ยเสียงดุ “แล้วที่ตามองค์ชายสามนั่นไป ให้เขาโอบไหล่ ข้ายังไม่ได้คิดบัญชี”“องค์ชายนั่นแรงเยอะมาก ข้ากับฉวนหยู่ร์ปลุกปล้ำกันพักใหญ่” หญิงสาวกล่าวพลางหัวเราะคิก หลี่ซ่งหมินถึงกับคิ้วกระตุกกับคำว่าปลุกปล้ำ“ข้าก็แรงเยอะใช่ย่อย เจ้าก็รู้” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเครียด“แน่นอน ข้ารู้” หญิงสาวยิ้มพราย อย่างนึกสนุก “เจ้า!” หลี่ซ่งหมินขมวดคิ้วมุ่นสีหน้าขัดเคือง“อะไร” หงเหม่ยหลงเอื้อมแขนโอบรอบลำคอของหลี่ซื่อ หมินพลางหยอกเย้า “ท่านกำลังหึงหวงข้าหรือ หืม...”หลี่ซ่งหมินก้มมองใบหน้าของนางที่กำลังส่งยิ้มเปี่ยมเสน่ห์พร้อมสายตาคมเฉี่ยวทอประกายระยิบระยับจึงบ่นพึมพำในลำคอ “ยั่วไม่ดูสถานการณ์”จบคำชายหนุ่มเอื้อมมือข้างหนึ่งโอบรอบเอวบางก่อนจะกระชับเข้ามาประชิดร่างของตน อีกข้างหนึ่งจับต้นขากลมก
การต่อสู้ที่ไม่คาดคิดจึงเกิดขึ้นฉับพลัน เยว่เทียนกับท่านแม่ทัพใหญ่ต่อสู้กันไปมา ด้วยฝีมือสูสีอย่างไม่มีใครยอมใคร“โอ๊วววว...ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหนึ่งพลันดังออกมาจากภายในห้องขององค์ชายสาม เสียงนั้นทำหลี่ซ่งหมินและเยว่เทียนคิดมากทันทีแม่ทัพใหญ่ได้จังหวะกระชับมีดดาบในมือหมายฟาดฟันใส่เยว่เทียน ชายหนุ่มพลันได้สติหันขวับหลบได้อย่างหวุดหวิดแต่ยังไม่พ้นคมดาบที่ยาวยื่น จึงได้แผลลากยาวที่แผ่นอกสายหนึ่ง หลี่ซ่งหมินไม่รอช้ารีบกระโจนเข้าไปจัดการกับแม่ทัพใหญ่ผู้นั้นในทันที แม่ทัพใหญ่รู้สึกตัวว่าสู้หลี่ซ่งหมินไม่ได้ อีกทั้งยังได้แผลลากยาวที่แขนขวาและลำตัวจนเลือดชุ่ม จึงตัดสินใจพุ่งทะยานหลบเลี่ยงออกไปจากสายตาของทั้งสองหนุ่มฉับพลัน“ตามหรือไม่” เยว่เทียนถามขึ้นขณะทำท่าจะกระโจนตามออกไป“ไม่ต้อง” หลี่ซ่งหมินรีบปราม “เข้าไปดูข้างในก่อน”เมื่อสองหนุ่มเข้ามาถึงในห้องที่เป็นต้นเสียง ทั้งสองถึงกับชะงักงันถลึงตาโต หงเหม่ยหลงและหลิวฉวนหยู่ร์ในสภาพเปียกปอน อาภรณ์แนบสนิทเข้ารูปกับลำตัว เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างเด่นชัด กำลังยืนคร่อมร่างขององค์ชายสามอยู่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่“นั่นเจ้ากำลังทำอะไร” หลี่ซ่งหมินแล
ระหว่างทางเดินทอดยาวของอาณาเขตพระราชวังฝ่ายหน้า“ชายารักของข้า” เสียงทุ้มนุ่มลึกของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลังของหลิวฉวนหยูร์และหงเหม่ยหลงที่กำลังเดินสำรวจพระราชวังตามคำสั่งของหลี่ซ่งหมิน“เจ้าเป็นชายารักของข้า ใช่หรือไม่” เสียงนั้นยังคงดังเนิบๆอยู่ด้านหลังของสองสาว“เจ้าเอาชุดชายาของเจ้านี่มารึ” หงเหม่ยหลงกระซิบถามโดยไม่หันหน้าไปมองหลิวฉวนหยู่ร์กลอกตาไปมา ก่อนตอบ “สงสัยจะใช่ ”“…” หงเหม่ยหลงมองหลิวฉวนหยู่ร์นิ่งๆก่อนทำท่าจะพากัน เดินผละไป เจ้าของเสียงนั้นเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม เขาคือองค์ชายสามแห่งแคว้นเว่ย เขารีบเดินมาดักหน้าทั้งสองเอาไว้ พลางเอ่ย“จะรีบไปไหน เจ้าคงเป็นสาวงามอุ่นเตียงของข้าเช่นกัน”เขากล่าวขณะยืนขวางทางหงเหม่ยหลงหญิงสาวเพียงหรี่ตามองไม่ตอบคำ หลิวฉวนหยู่ร์ก็เช่นกัน“แม้ข้านั้นจะมีชายาและสาวงามมากหน้าหลายตา แต่ข้าจำพวกเจ้าได้ดี งดงามอย่างนี้” ชายหนุ่มเอ่ยเกี้ยวพาราสีอย่างกรุ้มกริ่ม หลิวฉวนหยู่ร์นึกระอากับสายตาของบุคลากรในแคว้นนี้จริงๆ“ทูลองค์ชายสาม สตรีสองนางนี้ กระหม่อมคิดว่าไม่น่าไว้ใจ พะย่ะคะ เมื่อครู่กระหม่อมได้ยินเสียงทหารสองคนเหมือนถูกทำร้ายบริเวณนี้” เสีย
ข่าวการฆ่าตัวตายขององค์หญิงเว่ยเชี่ยนเสวี่ยสร้างความเศร้าโศกเสียใจในแก่คนในพระราชวังอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะฮ่องเต้และฮองเฮา ส่วนสาเหตุของการตัดสินใจฆ่าตัวตายนั้นยังคงถูกเก็บงำเอาไว้อย่างคลุมเครือ คงเหลือแต่ความเคลือบแคลงสงสัยเพราะบรรดาบ่าวไพร่ที่ติดตามองค์หญิงเว่ยเชี่ยนเสวี่ยนั้นถูกฮองเฮาสั่งประหารทั้งหมด จึงไม่มีใครคิดกล้าที่จะสืบสาวราวเรื่อง หรืออยากรู้เรื่องราวใดๆนอกจากความโศกเศร้าที่เกิดจากการฆ่าตัวตายขององค์หญิงเว่ยเชี่ยนเสวี่ยแล้วภายในพระราชวังแห่งนี้ยังวุ่นวายโกลาหลด้วยเรื่องการหายตัวไปของเหล่าองค์หญิงที่เสนอตัวเองเป็นชายาเชื่อมสัมพันธ์กับหลี่ซ่งหมินหลี่ซ่งหมินจึงถือโอกาสในขณะที่วังหลวงแห่งนี้กำลังวุ่นวาย วางแผนแทรกซึมเข้าไปในส่วนต่างๆของวังหลวงเยว่เทียนเข้าไปในกองทัพ เพื่อสืบข่าวการเคลื่อนไหวต่างๆของทางการทหาร รวมถึงคำสั่งเคลื่อนพลที่อาจจะเกิดขึ้นซือเว่ยคอยติดต่อกับสายลับและคอยสังเกตการกลุ่มที่อาจจะก่อกบฏ ทั้งยังส่งคนไปคอยยุยงปลุกปั่นโดยใช้ความวุ่นวายภายในราชสำนักในเวลานี้ให้เป็นประโยชน์เฟิงเหวินปลอมเป็นขันทีเพื่อเข้าถึงเหล่าเชื้อพระวงศ์ คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวต่างๆของพว
“เราไม่จำเป็นต้องใช้คนเยอะ ข้าพอจะมีแผนอยู่ในใจ” หลี่ซ่งหมินกล่าวขึ้นพร้อมกับเปิดแผนผังของพระราชวังออกให้ทุกคนได้ดูพร้อมกัน“ทูลองค์ชาย แผนผังแผ่นนี้ผู้ใดเป็นคนวาด” ซือเว่ยถาม ขึ้นเพราะแผนผังแผ่นนี้ช่างงดงามกว่าแผนผังทั่วไปมากมายนักเฟิงเหวินได้จังหวะจึงเอ่ยแทรก “ฝีมือเว่ยฟาง เมียรักของข้าเอง นางเก่งใช่ย่อย” ชายหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจในภรรยาของตน“ช่างงดงามยิ่งนัก” ซือเว่ยหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ“จริงด้วย” เยว่เทียนแย่งมาดูบ้าง ชายหนุ่มทั้งสามจึงหันไปสนใจลวดลายบนแผนผังมากกว่าหลี่ซ่งหมินที่ตั้งใจจะวางแผนการศึกกับแคว้นเว่ย ทำให้หลี่ซ่งหมินได้แต่มองบรรดาลูกน้องตาปริบๆนี่เขาคิดถูกแล้วใช่หรือไม่? ขณะนี้ชายหนุ่มคิดทบทวนเกี่ยวกับตัวเขาเองเป็นที่แน่นอนแล้วสำหรับเขา หน้าที่ของโอรสย่อมสำคัญ หน้าที่รัชทายาทย่อมสำคัญ บ้านเมืองและประชาชนย่อมสำคัญแต่ที่สำคัญไม่แพ้กัน คือหน้าที่ของพ่อ และสามีหงเหม่ยหลงและหลี่หงจินหยาง ย่อมสำคัญไม่แพ้สิ่งใดและตัวเขาเองก็เริ่มเบื่อเต็มที กับการเป็นเบี้ยทางการเมืองเช่นนี้ตำแหน่งของเขาเป็นที่หมายปอง คนส่วนใหญ่อยากได้ตัวเขาเพราะความสามารถและตำแหน่งของเขาเดิมที
“เสด็จแม่เพคะ หม่อมฉันมิได้มีคนรัก และบุรุษผู้นั้น เป็นคนร้ายนำมาวางไว้ข้างกายหม่อมฉันจริงๆนะ เพคะ”เว่ยเชี่ยนเสวี่ยโอดครวญอย่างต่อเนื่องเมื่อกรามของนางกลับเข้าที่แล้ว“ทรงเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ” นางยังคงโอดครวญฮองเฮายังคงนิ่งงัน นางเห็นกับตาว่าธิดาของนางนอนเหยียดยาวใต้ร่างของบุรุษผู้นั้นเว่ยเชี่ยนเสวี่ยยังคงส่งน้ำเสียงออดอ้อน “หม่อมฉันสู้อุตส่าห์เสแสร้งแกล้งป่วย ให้องค์ชายหลี่ซ่งหมินรั้งอยู่ไม่ต้องกลับไปหาหญิงคนรักที่แคว้นเดิม ขอแค่ทำให้เขาลืมรักเก่าจนสิ้น”นางกล่าวด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น “ในที่สุด ก็ได้อภิเษกสมรสแล้ว ไยหม่อมฉันจะต้องหน้ามืดตาบอด”ฮองเฮาเพียงปรายตามองธิดาของตนนิ่งๆ ต่อให้นางเชื่อ แล้วเหล่าบ่าวไพร่เล่า กี่สายตาที่ทอดมองภาพนั้นเว่ยเชี่ยนเสวี่ยยังคงส่งเสียงอ่อนหวาน“องค์ชายหลี่ซ่งหมินทั้งรูปงามทั้งตำแหน่งสูงส่ง หม่อมฉันใคร่ได้พระองค์ยิ่งนัก เสด็จแม่ ...หม่อมฉันถูกใส่ร้าย สตรีนางนั้น...”ฮองเฮาเอ่ยถามเมื่อเห็นเว่ยเชี่ยนเสวี่ยหยุดกล่าวกลางคัน “สตรีนางนั้น สตรีนางไหน ทำไม”“นางกำนัลเพคะ สตรีนางนั้นเป็นนางกำนัล”เว่ยเชี่ยนเสวี่ยรีบปาดน้ำตาก่อนจะพาร่างงดงามคลานเข่า