“รีบไปเถอะ ท่านจะรอให้พวกนั้นมาสบทบกับท่านหรือไร” รอบนี้เป็นหงเหม่ยหลงที่เอ่ยประโยคนี้บ้าง
หญิงสาวมักเป็นเช่นนี้ นางมักพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา เหมือนบิดาของนาง
หลี่ซ่งหมินไม่อยากต่อปากต่อคำจึงควบม้าให้วิ่งต่อไปข้างหน้า
สักพักจึงเจอเข้ากับพวกทหารของตนที่รออยู่อย่างกระวนกระวาย
เพียงไม่นานต่อมา
หงเหม่ยหลงจึงถูกจัดให้นั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกับหลี่ซ่งหมิน
ขณะนี้แผลของหลี่ซ่งหมินได้รับการรักษาเยียวยาและพันผ้าไว้อย่างเรียบร้อยดีแล้ว มีเพียงหงเหม่ยหลงที่ไม่ได้มีบาดแผลภายนอกจึงไม่ต้องรักษาอะไร หญิงสาวมีเพียงอาการอ่อนเพลียเพราะเจ็บช้ำภายใน นางจึงต้องการพักผ่อนเพียงเท่านั้น
รถม้าคันใหญ่พาสองชายหญิงเดินทางอยู่เป็นเวลานาน
หลี่ซ่งหมินและหงเหม่ยหลงมิได้กล่าวสิ่งใดต่อกันอีกเลย
ชายหนุ่มเพียงนั่งนิ่งๆท่าทางเขร่งขรึมระวังตัวตลอดเวลา
ส่วนหงเหม่ยหลงนั้นนางเพียงเผลอหลับไปอยู่ข้างๆหลี่ซ่งหมิน
ในขณะที่ชายหนุ่มเพียงนั่งนิ่งๆให้หญิงสาวได้อาศัยไหล่ของเขาได้พักผ่อน เขาสังเกตเห็นรอยเลือดติดอยู่ตามพวงแก้มและลำคอของหญิงสาว เขาจึงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดให้นางอย่างเบามือ
หลี่ซ่งหมินค่อยๆใช้ผ้าลูบไล้ไปตามพวงแก้มนุ่มนิ่มก่อนจะค่อยๆเลื่อนลงตามลำคอระหง
เขาพยายามเช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่ตามบริเวณนั้นอย่างบรรจงและเบามือด้วยเกรงว่าจะเป็นการรบกวนการพักผ่อนของนาง
ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างเริ่มก่อตัว เขานั่งพิศมองใบหน้าของหญิงสาวอยู่อย่างนั้น
ใบหน้าของนางยามหลับไหลแลดูอ่อนเยาว์ เป็นเพียงเด็กสาวแรกรุ่นคนหนึ่ง รูปร่างของนางบางระหงอรชนอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอม
หญิงสาวยามนี้ช่างแตกต่าง
นางช่างแตกต่างจากตอนที่นางตื่นลืมตา
และ
ยามฆ่าคน
อย่างสิ้นเชิง...
ชายหนุ่มนั่งพิศมองใบหน้าของหญิงสาวอยู่อย่างนั้น
นิ่งนาน…
นางเป็นใคร?
นางเป็นใครกัน?
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอยากทำความรู้จักกับสตรีแปลกหน้าอย่างจริงจัง
นางช่างน่าสนใจยิ่งนัก
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มิรู้ได้
หงเหม่ยหลงลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองยังอยู่ในรถม้าคันเดิม
แต่ตอนนี้รอบนอกของรถม้าไม่ใช่ในป่าแต่เป็นในเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง
หญิงสาวหันซ้ายหันขวามองไม่เห็นบุรุษหนุ่มคนที่นั่งอยู่ข้างๆกันในเวลาก่อนหน้านี้
เขาไปไหน? ทิ้งกันไปแล้วหรืออย่างไร?
หญิงสาวถามตนเองในใจ ก่อนจะออกจากรถม้าไปอย่างรวดเร็ว
“คุณชาย”
ทหารนายหนึ่งอยู่ในชุดธรรมดามิใช่ชุดทหาร รีบรุดเข้ามาบอกกล่าวกับหลี่ซ่งหมิน
ตอนนี้สรรพนามที่ใช้เรียกเปลี่ยนจากองค์ชายเป็นคุณชายแล้ว
“แม่นางน้อยหายไปแล้ว ขอรับ”
หลี่ซ่งหมินผินใบหน้าออกจากผ้าที่ตนกำลังเลือกอยู่พลางขมวดคิ้วคมขึ้นก่อนถามเสียงเข้ม “หายไปได้อย่างไร ข้าสั่งให้เฝ้าไว้มิใช่รึ”
“เอ่อ...เรียนคุณชาย” ทหารทำท่าอึกอักมิรู้ได้ว่าควรจะตอบอย่างไร ในเมื่อสตรีนางนั้นหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“ได้แล้วเจ้าค่ะ” เสียงคนขายผ้าพลันดังขึ้นขัดจังหวะของพวกเขาในทันที
“ชุดนี้เหมาะกับสตรีของคุณชายที่สุดเลยเจ้าค่ะ เอาชุดนี้เลยนะเจ้าคะ” คนขายกล่าวพลางจัดเก็บผ้าให้หลี่ซ่งหมินโดยไม่รอฟังคำตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด
ชายหนุ่มเพียงเดินหันหลังกลับไปยังรถม้าด้วยท่าทางหงุดหงิด ปล่อยให้นายทหารรับผ้าชิ้นนั้นมาอย่างฉงนงงงวย
ห้องส่วนตัวด้านในสุดของตำหนักราชบุตรเขย“แม่ทัพผู้นั่น น่าจะเริ่มเคลือบแคลงพวกเราแล้วเป็นแน่” หลี่ซ่งหมินกล่าววิเคราะห์ขณะช่วยหงเหม่ยหลงเปลี่ยนอาภรณ์อยู่ในห้องส่วนตัว“ข้ากำลังสนุกอยู่เชียว” หงเหม่ยหลงมุ่นคิ้วตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่“สถานการณ์เริ่มตึงเครียดแล้ว จะเล่นสนุกอะไร” หลี่ซ่งหมินก้มหน้ามองหงเหม่ยหลงพลางเอ่ยเสียงดุ “แล้วที่ตามองค์ชายสามนั่นไป ให้เขาโอบไหล่ ข้ายังไม่ได้คิดบัญชี”“องค์ชายนั่นแรงเยอะมาก ข้ากับฉวนหยู่ร์ปลุกปล้ำกันพักใหญ่” หญิงสาวกล่าวพลางหัวเราะคิก หลี่ซ่งหมินถึงกับคิ้วกระตุกกับคำว่าปลุกปล้ำ“ข้าก็แรงเยอะใช่ย่อย เจ้าก็รู้” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเครียด“แน่นอน ข้ารู้” หญิงสาวยิ้มพราย อย่างนึกสนุก “เจ้า!” หลี่ซ่งหมินขมวดคิ้วมุ่นสีหน้าขัดเคือง“อะไร” หงเหม่ยหลงเอื้อมแขนโอบรอบลำคอของหลี่ซื่อ หมินพลางหยอกเย้า “ท่านกำลังหึงหวงข้าหรือ หืม...”หลี่ซ่งหมินก้มมองใบหน้าของนางที่กำลังส่งยิ้มเปี่ยมเสน่ห์พร้อมสายตาคมเฉี่ยวทอประกายระยิบระยับจึงบ่นพึมพำในลำคอ “ยั่วไม่ดูสถานการณ์”จบคำชายหนุ่มเอื้อมมือข้างหนึ่งโอบรอบเอวบางก่อนจะกระชับเข้ามาประชิดร่างของตน อีกข้างหนึ่งจับต้นขากลมก
การต่อสู้ที่ไม่คาดคิดจึงเกิดขึ้นฉับพลัน เยว่เทียนกับท่านแม่ทัพใหญ่ต่อสู้กันไปมา ด้วยฝีมือสูสีอย่างไม่มีใครยอมใคร“โอ๊วววว...ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหนึ่งพลันดังออกมาจากภายในห้องขององค์ชายสาม เสียงนั้นทำหลี่ซ่งหมินและเยว่เทียนคิดมากทันทีแม่ทัพใหญ่ได้จังหวะกระชับมีดดาบในมือหมายฟาดฟันใส่เยว่เทียน ชายหนุ่มพลันได้สติหันขวับหลบได้อย่างหวุดหวิดแต่ยังไม่พ้นคมดาบที่ยาวยื่น จึงได้แผลลากยาวที่แผ่นอกสายหนึ่ง หลี่ซ่งหมินไม่รอช้ารีบกระโจนเข้าไปจัดการกับแม่ทัพใหญ่ผู้นั้นในทันที แม่ทัพใหญ่รู้สึกตัวว่าสู้หลี่ซ่งหมินไม่ได้ อีกทั้งยังได้แผลลากยาวที่แขนขวาและลำตัวจนเลือดชุ่ม จึงตัดสินใจพุ่งทะยานหลบเลี่ยงออกไปจากสายตาของทั้งสองหนุ่มฉับพลัน“ตามหรือไม่” เยว่เทียนถามขึ้นขณะทำท่าจะกระโจนตามออกไป“ไม่ต้อง” หลี่ซ่งหมินรีบปราม “เข้าไปดูข้างในก่อน”เมื่อสองหนุ่มเข้ามาถึงในห้องที่เป็นต้นเสียง ทั้งสองถึงกับชะงักงันถลึงตาโต หงเหม่ยหลงและหลิวฉวนหยู่ร์ในสภาพเปียกปอน อาภรณ์แนบสนิทเข้ารูปกับลำตัว เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างเด่นชัด กำลังยืนคร่อมร่างขององค์ชายสามอยู่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่“นั่นเจ้ากำลังทำอะไร” หลี่ซ่งหมินแล
ระหว่างทางเดินทอดยาวของอาณาเขตพระราชวังฝ่ายหน้า“ชายารักของข้า” เสียงทุ้มนุ่มลึกของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลังของหลิวฉวนหยูร์และหงเหม่ยหลงที่กำลังเดินสำรวจพระราชวังตามคำสั่งของหลี่ซ่งหมิน“เจ้าเป็นชายารักของข้า ใช่หรือไม่” เสียงนั้นยังคงดังเนิบๆอยู่ด้านหลังของสองสาว“เจ้าเอาชุดชายาของเจ้านี่มารึ” หงเหม่ยหลงกระซิบถามโดยไม่หันหน้าไปมองหลิวฉวนหยู่ร์กลอกตาไปมา ก่อนตอบ “สงสัยจะใช่ ”“…” หงเหม่ยหลงมองหลิวฉวนหยู่ร์นิ่งๆก่อนทำท่าจะพากัน เดินผละไป เจ้าของเสียงนั้นเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม เขาคือองค์ชายสามแห่งแคว้นเว่ย เขารีบเดินมาดักหน้าทั้งสองเอาไว้ พลางเอ่ย“จะรีบไปไหน เจ้าคงเป็นสาวงามอุ่นเตียงของข้าเช่นกัน”เขากล่าวขณะยืนขวางทางหงเหม่ยหลงหญิงสาวเพียงหรี่ตามองไม่ตอบคำ หลิวฉวนหยู่ร์ก็เช่นกัน“แม้ข้านั้นจะมีชายาและสาวงามมากหน้าหลายตา แต่ข้าจำพวกเจ้าได้ดี งดงามอย่างนี้” ชายหนุ่มเอ่ยเกี้ยวพาราสีอย่างกรุ้มกริ่ม หลิวฉวนหยู่ร์นึกระอากับสายตาของบุคลากรในแคว้นนี้จริงๆ“ทูลองค์ชายสาม สตรีสองนางนี้ กระหม่อมคิดว่าไม่น่าไว้ใจ พะย่ะคะ เมื่อครู่กระหม่อมได้ยินเสียงทหารสองคนเหมือนถูกทำร้ายบริเวณนี้” เสีย
ข่าวการฆ่าตัวตายขององค์หญิงเว่ยเชี่ยนเสวี่ยสร้างความเศร้าโศกเสียใจในแก่คนในพระราชวังอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะฮ่องเต้และฮองเฮา ส่วนสาเหตุของการตัดสินใจฆ่าตัวตายนั้นยังคงถูกเก็บงำเอาไว้อย่างคลุมเครือ คงเหลือแต่ความเคลือบแคลงสงสัยเพราะบรรดาบ่าวไพร่ที่ติดตามองค์หญิงเว่ยเชี่ยนเสวี่ยนั้นถูกฮองเฮาสั่งประหารทั้งหมด จึงไม่มีใครคิดกล้าที่จะสืบสาวราวเรื่อง หรืออยากรู้เรื่องราวใดๆนอกจากความโศกเศร้าที่เกิดจากการฆ่าตัวตายขององค์หญิงเว่ยเชี่ยนเสวี่ยแล้วภายในพระราชวังแห่งนี้ยังวุ่นวายโกลาหลด้วยเรื่องการหายตัวไปของเหล่าองค์หญิงที่เสนอตัวเองเป็นชายาเชื่อมสัมพันธ์กับหลี่ซ่งหมินหลี่ซ่งหมินจึงถือโอกาสในขณะที่วังหลวงแห่งนี้กำลังวุ่นวาย วางแผนแทรกซึมเข้าไปในส่วนต่างๆของวังหลวงเยว่เทียนเข้าไปในกองทัพ เพื่อสืบข่าวการเคลื่อนไหวต่างๆของทางการทหาร รวมถึงคำสั่งเคลื่อนพลที่อาจจะเกิดขึ้นซือเว่ยคอยติดต่อกับสายลับและคอยสังเกตการกลุ่มที่อาจจะก่อกบฏ ทั้งยังส่งคนไปคอยยุยงปลุกปั่นโดยใช้ความวุ่นวายภายในราชสำนักในเวลานี้ให้เป็นประโยชน์เฟิงเหวินปลอมเป็นขันทีเพื่อเข้าถึงเหล่าเชื้อพระวงศ์ คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวต่างๆของพว
“เราไม่จำเป็นต้องใช้คนเยอะ ข้าพอจะมีแผนอยู่ในใจ” หลี่ซ่งหมินกล่าวขึ้นพร้อมกับเปิดแผนผังของพระราชวังออกให้ทุกคนได้ดูพร้อมกัน“ทูลองค์ชาย แผนผังแผ่นนี้ผู้ใดเป็นคนวาด” ซือเว่ยถาม ขึ้นเพราะแผนผังแผ่นนี้ช่างงดงามกว่าแผนผังทั่วไปมากมายนักเฟิงเหวินได้จังหวะจึงเอ่ยแทรก “ฝีมือเว่ยฟาง เมียรักของข้าเอง นางเก่งใช่ย่อย” ชายหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจในภรรยาของตน“ช่างงดงามยิ่งนัก” ซือเว่ยหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ“จริงด้วย” เยว่เทียนแย่งมาดูบ้าง ชายหนุ่มทั้งสามจึงหันไปสนใจลวดลายบนแผนผังมากกว่าหลี่ซ่งหมินที่ตั้งใจจะวางแผนการศึกกับแคว้นเว่ย ทำให้หลี่ซ่งหมินได้แต่มองบรรดาลูกน้องตาปริบๆนี่เขาคิดถูกแล้วใช่หรือไม่? ขณะนี้ชายหนุ่มคิดทบทวนเกี่ยวกับตัวเขาเองเป็นที่แน่นอนแล้วสำหรับเขา หน้าที่ของโอรสย่อมสำคัญ หน้าที่รัชทายาทย่อมสำคัญ บ้านเมืองและประชาชนย่อมสำคัญแต่ที่สำคัญไม่แพ้กัน คือหน้าที่ของพ่อ และสามีหงเหม่ยหลงและหลี่หงจินหยาง ย่อมสำคัญไม่แพ้สิ่งใดและตัวเขาเองก็เริ่มเบื่อเต็มที กับการเป็นเบี้ยทางการเมืองเช่นนี้ตำแหน่งของเขาเป็นที่หมายปอง คนส่วนใหญ่อยากได้ตัวเขาเพราะความสามารถและตำแหน่งของเขาเดิมที
“เสด็จแม่เพคะ หม่อมฉันมิได้มีคนรัก และบุรุษผู้นั้น เป็นคนร้ายนำมาวางไว้ข้างกายหม่อมฉันจริงๆนะ เพคะ”เว่ยเชี่ยนเสวี่ยโอดครวญอย่างต่อเนื่องเมื่อกรามของนางกลับเข้าที่แล้ว“ทรงเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ” นางยังคงโอดครวญฮองเฮายังคงนิ่งงัน นางเห็นกับตาว่าธิดาของนางนอนเหยียดยาวใต้ร่างของบุรุษผู้นั้นเว่ยเชี่ยนเสวี่ยยังคงส่งน้ำเสียงออดอ้อน “หม่อมฉันสู้อุตส่าห์เสแสร้งแกล้งป่วย ให้องค์ชายหลี่ซ่งหมินรั้งอยู่ไม่ต้องกลับไปหาหญิงคนรักที่แคว้นเดิม ขอแค่ทำให้เขาลืมรักเก่าจนสิ้น”นางกล่าวด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น “ในที่สุด ก็ได้อภิเษกสมรสแล้ว ไยหม่อมฉันจะต้องหน้ามืดตาบอด”ฮองเฮาเพียงปรายตามองธิดาของตนนิ่งๆ ต่อให้นางเชื่อ แล้วเหล่าบ่าวไพร่เล่า กี่สายตาที่ทอดมองภาพนั้นเว่ยเชี่ยนเสวี่ยยังคงส่งเสียงอ่อนหวาน“องค์ชายหลี่ซ่งหมินทั้งรูปงามทั้งตำแหน่งสูงส่ง หม่อมฉันใคร่ได้พระองค์ยิ่งนัก เสด็จแม่ ...หม่อมฉันถูกใส่ร้าย สตรีนางนั้น...”ฮองเฮาเอ่ยถามเมื่อเห็นเว่ยเชี่ยนเสวี่ยหยุดกล่าวกลางคัน “สตรีนางนั้น สตรีนางไหน ทำไม”“นางกำนัลเพคะ สตรีนางนั้นเป็นนางกำนัล”เว่ยเชี่ยนเสวี่ยรีบปาดน้ำตาก่อนจะพาร่างงดงามคลานเข่า