หน้าหลัก / รักโบราณ / นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง / บทที่ 1 มู่หนิงชิงทะลุมิติ (ตอนปลาย)

แชร์

บทที่ 1 มู่หนิงชิงทะลุมิติ (ตอนปลาย)

ผู้เขียน: ชวี่เหว่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-12 07:51:33

บทที่ 1 มู่หนิงชิงทะลุมิติ (ตอนปลาย)

มู่หนิงชิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ประหนึ่งปลดปลงกับชีวิต เริ่มต้นกวาดตามองสำรวจไปรอบๆ ห้องอย่างจริงจัง

“สภาพบ้านที่เห็นตรงหน้า อืมม ขอใช้คำว่า ทรุดโทรมยิ่งนักก็แล้วกัน”

จากนั้นจึงลองเพ่งสายตาเพื่อทดสอบดูว่า ความสามารถพิเศษของเธอที่ถูกเรียกขานว่า เนตรปีศาจ ติดตัวมาด้วยหรือไม่ ปรากฏว่าเธอยังมีความสามารถพิเศษนี้ติดตัวอยู่

ฟู่ววว ค่อยยังชั่ว แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าชีวิตในภายภาคหน้าจะลำบาก...

“โชคยังดีที่เนตรปีศาจไม่หายไป ความรู้สึกของตัวละครในนิยาย ตอนทะลุมิติมาใหม่ๆ เป็นอย่างนี้เองสินะ แล้วฉันทะลุมาเป็นคาแร็คเตอร์ไหนเนี่ย นางเอก นางร้าย หรือว่าเป็นตัวประกอบใช้แล้วทิ้งกันแน่ น่าปวดหัวชะมัดโผล่มาที่ไหนก็ไม่รู้” บ่นจบก็ลงไปนอนแผ่หลาอีกรอบ

ประตูห้องนอนถูกเปิดอีกครั้ง ซูซื่อ* หรือซูเหม่ยพร้อมด้วยมู่หนิงอันก้าวตรงมาหา ในมือของผู้เป็นมารดาถือชามใส่โจ๊กอยู่

“ชิงเอ๋อร์ ในที่สุดลูกก็ฟื้น แม่ดีใจเหลือเกิน ลูกยังเจ็บตรงไหนอยู่หรือไม่”

สตรีรูปร่างผอมบางอายุราวสามสิบกว่าๆ ผิวซีดเหลืองใบหน้าซูบตอบ มีริ้วรอยลึกที่หางตา นางแต่งกายด้วยชุดผ้าฝ้ายเนื้อหยาบสีอ่อน มีรอยปะชุนหลายแห่งทว่าสะอาดสะอ้าน

ในสายตาของมู่หนิงชิง หากหญิงสาวเบื้องหน้า มีน้ำหนักตัวมากกว่านี้อีกสักหน่อย คงสะสวยไม่น้อยเป็นแน่

“ชิงเอ๋อร์กินโจ๊กเสียหน่อยนะ ลูกนอนหลับไปหลายวันคงหิวแย่" น้ำเสียงของนางเปี่ยมล้นด้วยความห่วงใย สายตาอ่อนโยนและอบอุ่น

มู่หนิงชิงขยับนั่งพิงหมอน รับถ้วยโจ๊กที่ใสจนนับเม็ดข้าวได้มาถือไว้ เธอเหลือบมองมารดาเจ้าของร่าง รวมถึงเด็กหญิงตัวน้อยนามมู่หนิงอันด้วยความเห็นใจ

ท่าทางสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้คงไม่ดีนัก เดาได้จากลักษณะของโจ๊กในชาม

“พวกท่านกินข้าวแล้วรึยัง…เจ้าคะ” เสียงของเธอยังคงแหบแห้ง ร่างกายยังคงระบม โดยเฉพาะบาดแผลที่ศีรษะ อาจต้องเวลาในการฟื้นตัวราวสองสามวันกว่าจะดีขึ้น

“แม่กับน้องทานแล้ว ลูกไม่ต้องห่วง รีบกินโจ๊กตอนที่ยังร้อนเถอะ เสร็จแล้วจะได้ดื่มยา ท่านหมอหูบอกว่าลูกอาจมีเลือดคั่งในหัว ต้องดื่มยาเพื่อสลายเลือดเหล่านั้น เดี๋ยวแม่กลับมานะ" พูดจบซูซื่อก็ลุกขึ้นเพื่อไปต้มยามาให้บุตรสาว

มู่หนิงชิงตักโจ๊กเข้าปากเงียบๆ ทว่ากำลังครุ่นคิดเรื่องยาต้ม ในนิยายจีนโบราณทุกเรื่องที่เคยอ่าน ล้วนบอกว่ารสชาติขมจนแทบบ้วนทิ้ง นี่นางกำลังจะได้ลองลิ้มชิมรสกับตัวเองอย่างนั้นรึ จะตื่นเต้นหรือหวาดหวั่นดีล่ะ!

โจ๊กใสแจ๋วหมดลงในชั่วอึดใจ เด็กหญิงตัวน้อยรับชามเปล่ามาจากมือของพี่สาว นำไปวางบนโต๊ะ พร้อมกับรินน้ำใส่ชามเล็กที่ใช้ดื่มก่อนหน้านี้กลับมาให้

“พี่ใหญ่ดื่มน้ำอีกหน่อยนะเจ้าคะจะได้อยู่ท้อง” เสียงเล็กเอื้อนเอ่ยบอกพี่สาวขณะยื่มชามใส่น้ำมาให้

ความรู้สึกสลดหดหู่ ถาโถมจิตใจของมู่หนิงชิงดั่งคลื่นซัด ครอบครัวนี้ช่างน่าเวทนานักต้องดื่มน้ำเพื่อช่วยให้หายหิว หญิงสาวเกิดความละอายใจ กับการใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อก่อนจะทะลุมิติมา

ตัวเธอเคยกินแต่อาหารดีๆ แพงแค่ไหนหากอยากลิ้มรสต้องได้กินสมใจ อาหารหากไม่เลิศรสก็ไม่เคยคิดแตะ ตามประสาคนเรื่องมาก ถึงได้เปิดภัตตาคารระดับสูงเป็นของตัวเอง จุดประสงค์หลักคือเอาไว้สนองความชอบเรื่องอาหาร และจุดประสงค์รองคือเอาไว้บังหน้าอาชีพแท้จริงของตน…

“ขอบใจนะอันเอ๋อร์” มู่หนิงชิงรับน้ำมาดื่มโดยไม่ลืมกล่าวขอบใจเด็กน้อย

หลังจากดื่มหมดจึงเอ่ยปากถามไถ่ ถึงสาเหตุที่ร่างนี้ได้รับบาดเจ็บ เพราะเรื่องราวสุดท้ายที่เธอเห็น คือภาพที่มู่หนิงชิงกำลังเดินขึ้นเขา เพื่อไปหาสมุนไพรและของป่ามาขาย นางมองเห็นบางสิ่งเบื้องหน้าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ และได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากทางด้านหลัง จากนั้นสติสัมปชัญญะก็ดับวูบลง

เสียงเล็กสดใสของมู่หนิงอัน เริ่มต้นเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้พี่สาวฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ สีหน้าท่าทางของเด็กน้อยดูจริงจังขณะบอกเล่าเรื่องราว มู่หนิงชิงเห็นแล้วอดเอ็นดูเจ้าตัวเล็กไม่ได้

“วันนั้นพี่ใหญ่แบกตะกร้าขึ้นเขาไปหาของป่ามาขายตามปกติ และบอกท่านแม่ว่าวันนี้จะเดินเข้าไปลึกสักหน่อย หากมีโชคอาจพบของดีเหมือนอย่างครอบครัวของท่านลุงจงบ้าง

จนกระทั่งยามเว่ย (13:00-14:59) ท่านก็ไม่กลับลงมาเสียที ท่านแม่เป็นห่วงมาก เลยออกไปเรียกท่านพ่อและพี่รองที่ไร่ จากนั้นทุกคนก็ไปตามพี่ใหญ่บนเขา และพบท่านนอนหมดสติ หายใจรวยรินอยู่ที่ใต้ต้นไม้ ท่านพ่ออุ้มท่านกลับมา ท่านแม่ไปตามท่านหมอหูมารักษาท่านเจ้าคะ… ฮึก ตอนนั้นพี่ใหญ่ชีพจรอ่อนมาก ท่านหมอหูบอกให้พวกเราทำใจ ฮึก ข้ากลัวมากเลยเจ้าค่ะ”

มู่หนิงอันน้ำตาเอ่อท้น เริ่มสะอื้นไห้อีกครั้ง เด็กหญิงกลัวมากจริงๆ กลัวว่าพี่สาวจะเป็นอะไรไป มือเล็กผอมบางเอื้อมมาจับมือของพี่สาวไว้แน่น พยายามกลั้นเสียงสะอื้นและเริ่มเล่าเรื่องราวที่เหลือ

“ท่านพ่อท่านแม่อยู่เฝ้าท่านทั้งคืนเลย พอตอนเช้า ท่านหมอหูก็กลับมาตรวจอีกรอบ ตอนนั้นชีพจรของพี่ใหญ่กลับมาเต้นเป็นปกติแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอหูประหลาดใจมากแต่ก็ดีใจมากเช่นเดียวกัน พูดว่าน่าเหลือเชื่อจริงๆ ดีจริงๆ อยู่หลายครั้งเลยเจ้าค่ะ”

ดวงตากลมโตไร้เดียงสา รอยยิ้มน่ารักประดับใบหน้าเล็กมอมแมมของมู่หนิงอัน

คนฟังพยักหน้าหลังฟังจบ กำมือซ้ายหลวมๆ เริ่มถูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ไปมาขณะใช้ความคิด

‘ดูท่าว่าตัวเราคงเข้ามาอยู่ในร่างนี้ ทันทีที่เจ้าของร่างสิ้นลมสินะ เป็นไปได้ว่าสาเหตุที่ทำให้มู่หนิงชิงตัวจริงเสียชีวิต คงไม่ใช่อุบัติเหตุลื่นล้มศีรษะกระแทกพื้นเสียแล้วกระมัง' มู่หนิงชิงอนุมานในใจแววตาเย็นชาขึ้นหลายส่วน

* ซื่อ : เป็นคำที่ใช้เรียกสตรีที่ออกเรือนแล้วตามหลังแซ่เดิม เช่น ซูเหม่ย = ซูซื่อ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนปลาย)

    บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนปลาย) ดวงตาเมล็ดซิ่งคู่งามปิดลง เริ่มเค้นความทรงจำของมู่หนิงชิงในวันสุดท้าย… ช่วงสายของวันนั้น มู่หนิงชิงสะพายตะกร้าขึ้นหลัง เดินเข้าป่าเพื่อไปหาสมุนไพรและผักป่าตามปกติ เดินอยู่ราวสามเค่อจึงมุ่งไปยังตำแหน่งที่เคยพบกอเผือก กอเผือกอีกแล้ว!! ทว่ากลับชะงักฝีเท้า เพราะได้ยินเสียงร้องครวญครางของสตรีอยู่ไม่ไกล หญิงสาวก้าวไปข้างหน้ามือบางแหวกใบของต้นเผือกออก และได้เห็นบั้นท้ายของบุรุษ กำลังกระแทกใส่หว่างขาสตรี ที่ยืนพิงต้นไม้ยกขาข้างหนึ่งเกี่ยวเอวของเขาไว้ นางไม่เห็นหน้าของคนทั้งสองด้วยซ้ำ เพราะรีบหมุนตัวกลับมาจากภาพบัดสีที่ได้ประจักษ์กับตา เท้าของนางบังเอิญเหยียบลงบนกิ่งไม้แห้งจนเกิดเสียงดัง นางไม่รู้ว่าสองคนนั้นจะได้ยินหรือไม่ หลังผละมาจากตรงนั้น หญิงสาวเดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เคยพบกลุ่มเห็ดโคนที่ขึ้นเป็นประจำ ซึ่งอยู่ตรงบริเวณต้นไม้ใหญ่ที่นางถูกลอบทำร้ายจากด้านหลัง…จนเสียชีวิตในที่สุด มู่หนิงชิงเปิดเปลือกตาขึ้น ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “อนิจจา…มู่หนิงชิง เจ้าต้องมาตายเพราะโดนคนสารเลวที่แอบมาเล่นชู้กันในป่าสังหาร เพียงเพื่อปกปิดความเลวระยำของพวกมัน!“ ดวงตาข

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนต้น)

    บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนต้น) สัญญาเช่าพื้นที่หน้าร้านฝูจิ่นเริ่มขึ้นวันมะรืน ตามคำขอของมู่หนิงชิง หญิงสาวยังได้สั่งทำฉากกั้น โต๊ะไม้และกล่องใส่อาหาร สำหรับไว้ใช้ในวันเปิดร้าน จากร้านขายเครื่องเรือนในเครือตระกูลฟ่านอีกด้วย ส่วนภาชนะที่นางจะใช้สำหรับใส่เกี๊ยวซ่าขาย คือกระทงใบกล้วย หลังกลับมาจากในเมือง มู่หนิงชิงขอให้มารดาพาไปหาบ้านที่ปลูกกล้วยเพื่อขอซื้อใบ ขากลับเดินผ่านไร่ของบ้านใหญ่สกุลมู่ ก็ได้เห็นมู่ซาน มู่อวิ๋นเทารวมถึงหลัวซื่อ ซึ่งปกติไม่เคยมาช่วยงานที่ไร่ กำลังวุ่นวายอยู่กับการรดน้ำและกำจัดวัชพืช ในขณะที่ปากก็พ่นคำผรุสวาทไม่หยุด ซูซื่อเห็นทั้งสามแล้วก็ทอดถอนใจ ก่อนหันหลังมุ่งหน้ากลับบ้าน มู่หนิงชิงเพ่งเนตรปีศาจมองเข้าไปภายในบ้าน เพื่อดูว่ามีใครอยู่บ้าง พบว่ามู่อวี๋โหรวกำลังนอนเล่นอยู่บนตั่งเตียง สั่งให้น้องสาวช่วยเย็บเสื้อคลุมบุรุษตัวหนึ่งแทนตน ทว่าไร้เงาของฉวนซื่อที่ยามนี้ปกติต้องอยู่บ้าน… หลังกลับมาถึงบ้าน มู่หนิงชิงชวนบิดาและน้องทั้งสอง ไปเดินเล่นบนเขาโดยทิ้งแม่ไก่สายดุไว้เฝ้าบ้าน! นางต้องการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างนี้ หากจะไปคนเดียวมู่เฟิงและซูซื่อคงไม

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนปลาย)

    บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนปลาย) เวลานี้ดวงตาของคู่งามของฟ่านฮุ่ยเจิน เป็นประกายระยับราวกับดวงดาวยามค่ำคืน นางยิ้มไม่หุบขณะชิมน้ำจิ้มแต่ละรส และเมื่อเกี๊ยวซ่าตัวสุดท้ายหมดลง… "อ๊ะ! หมดแล้วหรือ เอ่อ แม่นางมู่ หากข้าจะขอเพิ่มอีกสักจาน ท่านยังพอมีเกี๊ยวเหลือหรือไม่" น้ำเสียงเว้าวอน สีหน้าค่อนไปทางออดอ้อนเล็กน้อยของฟ่านฮุ่ยเจิน เรียกรอยยิ้มกว้างของมู่หนิงชิงได้อีกครั้ง "หากคุณหนูฟ่านต้องการ ข้าจะไปทอดเพิ่มให้ท่านทันที เพียงแต่ว่า…ท่านจะอนุญาตให้ข้ามาตั้งแผงขาย ยังหน้าร้านฝูจิ่นได้หรือไม่หรือเจ้าคะ" "ได้สิ! ได้แน่นอนอยู่แล้ว! ข้าจะร่างสัญญาเช่าให้ท่าน ระหว่างรอเกี๊ยวซ่าจานต่อไป เอ่อ ข้าอยากรู้ว่าวันนี้ท่านนำเกี๊ยวสดมาเยอะหรือไม่ หากข้าจะขอประเดิมอาหารของท่านเป็นเจ้าแรก ด้วยการเหมาเกี๊ยวซ่าที่ท่านนำมา ในวันนี้ทั้งหมดจะเป็นไปได้ไหม ทุกคนในครอบครัวของข้าต้องชื่นชอบเป็นแน่" ฟ่านฮุ่ยเจินที่ติดอกติดใจความอร่อยล้ำเลิศนี้ เอ่ยปากถามมู่หนิงชิงอย่างตรงไปตรงมา แม่ค้าหน้าใหม่ระบายยิ้มจนตาโค้ง พยักหน้าเป็นคำตอบด้วยความยินดี 
 สัญญาเช่าหน้าร้านฝูจิ่นถูกร่างขึ้นระหว่างรอเกี๊ยวซ่าจานถัดไป

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนต้น)

    บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนต้น) เสียงแม่ไก่ร้องปลุกสมาชิกในบ้าน ยามแสงทองเรืองรองสาดส่องย้อมขอบฟ้า ร่างบางบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนก้าวลงจากเตียง หลังจากที่ทุกคนในบ้านล้างหน้าล้างตาและทานมื้อเช้าเป็นที่เสร็จสรรพ ทั้งห้าชีวิตก็เตรียมตัวออกจากบ้านไปขึ้นเกวียน มู่หนิงชิงย่อตัวเอ่ยกับแม่ไก่แสนรู้ทั้งสาม ที่เดินมาส่งยังหน้าบ้านว่า “ฝากบ้านด้วยนะทุกคน ใครมาด้อมๆ มองๆ ดูแล้วไม่น่าไว้ใจ พวกเจ้าจัดการได้เลย!!!” กะต๊าก!!! แม่ไก่ทั้งสามตัวส่งเสียงตอบรับ ก่อนเดินแยกย้ายไปตามมุมต่างๆของบ้านเพื่อเฝ้าระวัง มู่หนิงชิงยกยิ้มด้วยความชอบใจ ในขณะที่บุพการีและน้องทั้งสองยืนอ้าปากค้างดวงตาเบิกโพลง “แม่ไก่จากแดนเทพช่างน่าทึ่งยิ่งนัก นอกจากออกไข่ใบใหญ่วันละสองฟองแล้ว ยังเฝ้าบ้านได้อีกด้วย“ มู่หนิงเฉิงเผยสีหน้าเหลือเชื่อ มองตามหลังแม่ไก่ตาแทบถลน 
 สมาชิกทุกคนของสกุลมู่บ้านรอง ช่วยกันถือของที่จะนำไปในเมืองกันคนละอย่างสองอย่าง เพื่อไปให้ทันขึ้นเกวียนรอบแรก ครั้นจงหู่เห็นพวกเขาหอบหิ้วของพะรุงพะรังไปด้วย จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย คำตอบที่ได้รับกลับมา อยู่เหนือความคาดหมายของชราเล็กน้อย แต่กระนั

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนปลาย)

    บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนปลาย) แต๊กๆๆๆๆๆๆ!! เสียงรัวตะกร้อตีมือดังขึ้นในครัว ดึงความสนใจของซูซื่อที่กำลังเย็บชายกระโปรงใหม่ให้มู่หนิงอัน นางหยุดสิ่งที่ทำอยู่ เดินมาดูแม่ครัวคนใหม่ของบ้าน ซึ่งมีอุปกรณ์หน้าตาแปลกในมือ “นั่นมัน? เอ่อ…” “ท่านเทพให้มาเจ้าค่ะ” ร่างบางเงยหน้าบอกมารดา ก่อนก้มหน้ารัวตะกร้อในมือต่อ “ชิงเอ๋อร์ทำอะไรหรือให้แม่ช่วยดีกว่า ร่างกายลูกยังไม่แข็งแรง ออกแรงมากจะหน้ามืดเอานะ” “ใกล้เสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านแม่” ซูซื่อยืนมองบุตรสาว รัวมือตีสิ่งที่อยู่ในชามใบใหญ่ด้วยความสนใจ ราวครึ่งเค่อต่อมา น้ำจิ้มสีเหลืองนวลข้นเหนียวก็เป็นอันเสร็จ มู่หนิงชิงเหงื่อซึมทั่วกรอบหน้า อ้าปากหอบหายใจ พลางนวดข้อมือจากความเมื่อยขบ ขณะหันมายิ้มให้กับมารดา “มายองเนสเสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ เหลือแค่ปรุงรสอีกนิดหน่อยเท่านั้น“ “มา มาอะไรนะชิงเอ๋อร์?!” ซูซื่อถามชื่อของน้ำจิ้มสีนวลนั้นซ้ำ นางไม่เคยได้ยินชื่อเรียกน้ำจิ้มแบบนี้มาก่อน “มา ยอง เนสสสส เจ้าค่ะ” มู่หนิงชิงเอ่ยทวนทีละคำให้มารดาฟังอีกรอบชัดๆ คนฟังพยักหน้าพลางกล่าวทวนคำบุตรสาว “อ่าา มา ยอง เนสซึ” “คิกๆๆ นั่นแหละเจ้าค่ะ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนต้น)

    บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนต้น) มู่หนิงชิงเดินกลับมาหาครอบครัว ด้วยสภาพครบสามสิบสองไม่ขาดไม่เกิน นางบอกกับมู่เฟิงว่ารุ่ยอ๋องเรียกไปคุยเรื่องเห็ดหลินจือแดงไม่มีอะไรที่น่ากังวล ในชั่วขณะนั้นเอง รถม้าคันหนึ่งก็มาจอดเทียบที่หน้าร้านฝูจิ่น หญิงสาวอายุราวสิบหกหนาว รูปร่างอรชรในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีฟ้าอ่อนก้าวออกมาจากตัวรถ ใบหน้าสะคราญอ่อนหวานน่าทะนุถนอม มีรอยยิ้มประดับมุมปากบางเบาส่งให้หญิงสาวดูเป็นมิตร สาวใช้ก้าวลงมาก่อน ยื่นมือเพื่อรอประคองคุณหนูของตน ครั้นหลงจู๊ร้านฝูจิ่น เห็นว่าเป็นผู้ใดจึงปรี่เข้ามาทักทายด้วยความนอบน้อม “คุณหนูใหญ่ สบายดีนะขอรับ สมุดบัญชีเตรียมไว้ที่ห้องทำงานแล้วขอรับ” “ขอบคุณหลงจู๊ฝางมากเจ้าค่ะ…ไม่ทราบว่าลูกจ้างในร้านดูแลพวกท่านดีหรือไม่” ใบหน้าอ่อนหวานของ ฟ่านฮุ่ยเจิน หันมาหาครอบครัวของมู่เฟิง พร้อมเอ่ยถามในสิ่งทำเป็นประจำกับลูกค้าทุกคนของร้าน ชาวบ้านทุกคนในตลาดต่างรู้ดีว่า ตระกูลฟ่านเป็นตระกูลคหบดีใหญ่ ที่ร่ำรวยมากของเมืองอี้เฉิง นายท่านผู้เฒ่าฟ่าน สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยมือของตนเอง พื้นเพเป็นเพียงพ่อค้าขายของหาบเร่มาก่อน ทว่าขยันขันแข็งฉลาดเฉลียว รู

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ (ตอนปลาย)

    บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ อึดใจต่อมาเสียงทุ้มกังวานของซวินเหิงเยว่ก็ดังขึ้น เรียกสติของมู่หนิงชิงให้ตื่นจากภวังค์ “อะ แฮ่ม! เปิ่นหวางน่ามองขนาดนั้นเชียว แม่นางมู่ถึงได้จ้องตาไม่กะพริบแบบนี้" "ขะ ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว" หญิงสาวสะบัดศีรษะเล็กน้อยเพื่อเรียกสติ นางเผลอมองนานไปหน่อย "หึ! รู้ตัวก็ดี รินชาเอาเองนะ มือเปิ่นหวางไม่ว่าง” มือแกร่งของอ๋องหนุ่ม ดันถาดชุดน้ำชามาให้หญิงสาว โดยไม่หันมองหน้านางด้วยซ้ำ "…" มู่หนิงชิง 'กวน…มาก' "ขอบพระทัยเพคะ แต่ชาของท่านอ๋องหม่อมฉันไม่อาจเอื้อมที่จะดื่มเพคะ…คือว่าสูงส่งเกินไปลิ้นของหม่อมไปถึงไม่ถึง ปกติดื่มแต่น้ำต้มสุก" ที่นางไม่กล้าดื่มเพราะกลัวโดนวางยาพิษต่างหาก "เฮอะ! มิใช่กลัวว่าจะโดนเปิ่นหวางวางยาพิษหรอกรึ!" ซวินเหิงเยว่แค่นเสียง เอ่ยวาจาประชด คล้ายรู้ทันความคิดของหญิงสาว "หม่อมฉันจะไปคิดเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ ไม่มี๊! ไม่มี! ท่านอ๋องเป็นถึงเจ้าเมือง จะทรงคิดร้ายต่อประชาชนของตนเองได้อย่างไรกัน ใช่หรือไม่เพคะ…เอ่อ ไม่ทราบว่าที่ท่านอ๋องเชิญหม่อมฉันมาพบ มีเรื่องอะไรจะถามไถ่หรือเพคะ" นางปฏิเสธเสียงสูงพลางรีบเอ่ยเข

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ (ตอนต้น)

    บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ 
 เมื่อเกวียนของจงหู่จอดลง มู่หนิงชิงจึงขอให้บิดา ช่วยพาไปร้านขายข้าวสารและของแห้งอีกครั้ง นางอยากถามเถ้าแก่ของร้านฝูจิ่น เรื่องการขอตั้งแผงลอย ในชั่วขณะที่กำลังจะข้ามถนน หญิงสาวรู้สึกถึงการถูกจ้อง มาจากโรงเตี้ยมชื่อดังของย่านนั้น ครั้นแหงนมองขึ้นไปยังชั้นสองของโรงเตี๊ยมดังกล่าว สายตาของนางก็สบเข้ากับดวงตาสีเข้มคู่คมเย็นชาของคนคุ้นเคยเข้าพอดี ซวินเหิงเยว่ โบกพัดในมือเอื่อยเฉื่อย ยกมุมปากขึ้นบางเบา จับจ้องหญิงสาวสวมผ้าคาดปิดหน้าไม่วางตา “ไปพานางมาพบเปิ่นหวาง แล้วให้อย่าเอิกเกริก” ชายหนุ่มหุบพัดดังฉับ ก่อนหมุนตัวกลับเข้าไปด้านใน คนของรุ่ยอ๋องรับคำสั่งและรีบผละไป ปล่อยให้นายเหนือหัวนั่งจิบชาหลงจิ่งต้นฤดู ส่งกลิ่นหอมกรุ่นด้วยท่าทางสบายใจ “ท่านอ๋องรู้จักสตรีผู้นั้นด้วยหรือ ถึงให้ชิวยวี่ไปเชิญมาพบ” ชายหนุ่มรูปงามผิวสีน้ำผึ้ง รูปตายาวเรียว นัยน์ตาสีน้ำตาลดูเด็ดขาด ทว่าแววตากลับอบอุ่นอ่อนโยน เอ่ยปากถามบุรุษที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยความข้องใจ สหายรักสูงศักดิ์ของเขาผู้นี้ ปกติเกลียดการถูกสตรีเข้าหาหรือตามวอแวเป็นที่สุด ทว่าวันนี้กลับเอ่ยปากสั่งให้องครักษ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 11 ของขวัญจากท่านเทพ (ตอนปลาย)

    บทที่ 11 ของขวัญจากท่านเทพ มู่เฟิงและซูซื่อพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงตอบ ผิดกับมู่หนิงเฉิงและมู่หนิงอัน ที่กำลังระบายยิ้มเต็มหน้าตามพี่สาว เจ้าหัวผักกาดน้อยทั้งสองก้าวเข้ามาข้างใน ก้มตัวลงค่อยๆ ยื่นมือน้อยๆ มาหาแม่ไก่เบื้องหน้า แม่ไก่ทั้งสามเหมือนจะเข้าใจเด็กๆ พวกมันก้มหัวลงให้พวกเขาสัมผัสด้วยความอ่อนโยน ก่อนก้าวเข้าไปซุกหน้าที่บ่าน้อยๆ ของพวกเขาอย่างนุ่มนวล พวงแก้มของเด็กทั้งคู่กลายเป็นสีระเรื่อด้วยความดีใจ ดวงตาไร้เดียงสาพร่างพราวจากความสุข เจ้าหัวผักกาดน้อยเงยหน้ามองพี่สาว ก่อนเอ่ยวาจาเป็นประโยคเดียวกัน "พี่ใหญ่ พวกข้าขอดูแลแม่ไก่สามตัวนี้ได้หรือไม่ขอรับ/เจ้าคะ" "ได้แน่นอนเฉิงเอ๋อร์ อันเอ๋อร์ รบกวนพวกเจ้าทั้งสองดูแลพวกมันให้ดีด้วยนะ" เด็กๆ ส่งเสียงขอบคุณอย่างพร้อมเพรียง หยัดกายขึ้นยืนและพาแม่ไก่สายดุทั้งสาม ออกไปยังหลังบ้านเพื่อให้อาหาร มู่หนิงชิงบอกพวกเด็กๆว่า แม่ไก่เหล่านี้กินธัญพืชและผักต่างๆได้ คืนนั้นมู่หนิงชิงจัดอาหารชุดใหญ่พิเศษ เพื่อฉลองอิสรภาพให้ครอบครัว พร้อมนำเหล้าองุ่นแดงรสเลิศ ออกมาจากมิติแห่งความอิ่มหนำให้มู่เฟิงและซูซื่อได้ลิ้มลอง "ชิงเอ๋อร์! ไยอาหารถึงได้มากมายเ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status