Home / รักโบราณ / นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง / บทที่ 8 เมื่อบ้านใหญ่ร้อนใจ (ตอนต้น)

Share

บทที่ 8 เมื่อบ้านใหญ่ร้อนใจ (ตอนต้น)

last update Huling Na-update: 2025-05-13 00:36:54

บทที่ 8 เมื่อบ้านใหญ่ร้อนใจ

เงินจำนวนหกร้อยตำลึงจากการขายเห็ดหลินจือแดง เวลานี้นอนอุ่นอยู่ในมิติของมู่หนิงชิง

หลังออกจากหอโอสถเสียนเย่า หญิงสาวกระซิบบอกราคาที่ขายได้ให้บุพการีฟัง ทั้งคู่ตื่นตะลึงจนแทบลมจับ คาดไม่ถึงว่าราคาของหลินจือแดงจะมากมายถึงเพียงนี้ ครั้นมู่เฟิงได้สติกลับมา จึงแนะนำว่าควรนำเงินไปฝากไว้กับร้านแลกเงินจะปลอดภัยกว่าเก็บไว้ตัว

“ร้านแลกเงินที่ท่านพ่อพูดถึง เชื่อถือได้แน่ใช่หรือไม่เจ้าคะ” มู่หนิงชิงคิดถึงธนาคารในภพเดิมขึ้นมาทันที อาการคิดถึงค่อนไปทางเสียดายทรัพย์สิน ที่หามาได้เกิดขึ้นแวบหนึ่ง หากนางสามารถนำเงินทองเหล่านั้นมายังภพนี้ได้ล่ะก็ ครอบครัวสกุลมู่บ้านรองคงกลายเป็นมหาเศรษฐีของที่นี่ไปแล้ว…

แต่ในเมื่อเอามาไม่ได้ นางเพียงแค่หาใหม่เสียก็สิ้นเรื่อง มู่หนิงชิงซะอย่าง!

“เชื่อถือได้แน่นอนชิงเอ๋อร์ ผู้ที่เป็นเจ้าของร้านแลกเงินคือตระกูลจ้าวของหย่งหนานโหวเชียวนะ ตระกูลขุนนางเก่าแก่ของเมืองอี้เฉิง“ มู่เฟิงเอ่ยตอบข้อข้องใจของบุตรสาว

หลังจากเดินมาราวสองเค่อ ครอบครัวสกุลมู่บ้านรองก็มาถึงร้านแลกเงิน เฟิงฟู่เป่า

หมู่บ้านเต๋อถัง

วันนี้เป็นวันหยุดทำไร่เดือนละสองหนของสกุลมู่ สมาชิกบ้านใหญ่จึงนั่งรวมตัวกันอยู่ที่ลานบ้าน โดยมีมู่ซานนั่งจิบชาอยู่บนตั่ง หลัวซื่อที่นั่งอยู่ข้างๆ กำลังโบกพัดด้วยความร้อนใจ

มู่อวิ๋นนั่งตรงตำแหน่งเก้าอี้ทางขวามือของบิดา คิ้วของเขาขมวดเป็นปม หลังได้ยินสิ่งที่มารดากลับมาเล่าให้ฟังเมื่อวาน

หากมู่เฟิงขอแยกบ้านออกไปจริง ตัวเขาคงตกที่นั่งลำบาก ค่าใช้จ่ายในสถานศึกษาของมู่อวิ๋นเทาในแต่ละปีมิใช่น้อยๆ ถ้าขาดเงินในส่วนของมู่เฟิงไป เกรงว่าบ้านใหญ่คงชักหน้าไม่ถึงหลัง เพราะเงินส่วนหนึ่งหลัวซื่อเก็บไว้ให้มู่อวี๋โหรวใช้เป็นสินเดิมยามแต่งออกไป

“อาอวิ๋น นี่เมียของเจ้าหายหัวไปไหน จนป่านนี้แล้วยังไม่โผล่มาอีก ไม่รู้หรือว่าทุกคนกำลังรอนางอยู่! อาฉิง! ไปตามแม่ของเจ้ามาทีซิ มัวแต่ไปนวยนาดอยู่ไหนอีก! โหรวเอ๋อร์มาพัดให้ย่าที”

หลัวซื่อที่กำลังอารมณ์ไม่ดี หันไปสั่งมู่อวี๋ฉิงบุตรสาวคนเล็กของมู่อวิ๋นเสียงเขียว ก่อนหันไปเรียกหลานสาวคนโต น้ำเสียงที่ใช้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ท่านแม่ ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ“ ฉวนซื่อ หรือฉวนเหยา ภรรยาของมู่อวิ๋น เดินก้มหน้าเข้ามาที่ลานบ้าน ชายกระโปรงบางส่วนเปียกน้ำ เพราะเพิ่งกลับมาจากการนำผ้าไปซักที่แม่น้ำ

“ข้านึกว่าเจ้าตกน้ำตายไปซะแล้ว! หายหัวไปตั้งแต่ยามเฉิน (07:00-08:59) นี่ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง กับข้าวกับปลาก็ยังไม่ได้ทำ ใช้ได้ที่ไหนกัน เมียเจ้านี่ไม่ได้เรื่องจริงๆนะอาอวิ๋น” หลัวซื่อถลึงตาใส่ลูกสะใภ้คนโต เอ่ยปากบริภาษฉวนซื่ออย่างหงุดหงิด

ตั้งแต่มู่หนิงชิงได้รับบาดเจ็บ ซูซื่อที่ปกติมีหน้าที่ทำความสะอาดบ้าน และทำอาหารให้คนบ้านใหญ่ จึงไม่ได้มาทำงานในส่วนนี้ หลายวันมานี้ฉวนซื่อจึงต้องรับหน้าที่ ทำงานในส่วนของซูซื่อทั้งหมด นางก้มหน้าหลุบตาต่ำฟังแม่สามีต่อว่าโดยไม่คิดโต้เถียง หากแต่สองมือภายใต้แขนเสื้อกำเข้าหากันแน่น

”เจ้าพอได้แล้วอาอวี๋ อาเหยาก็มาแล้ว เลิกบ่นเสียทีเถอะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า“ มู่ซานที่นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยตัดบท ชายชราเหลือบมองสมาชิกทุกคนในครอบครัว

“ข้าต้องการให้พวกเจ้าทุกคน หันมาทำดีกับมู่เฟิงและซูเหม่ยให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะเจ้าอาอวี๋ เพราะเท่าที่ข้าฟังหากมิใช่เพราะเจ้า ไปหาเรื่องลูกเมียของอาเฟิงก่อน เจ้ารองก็คงไม่เอ่ยปากเรื่องขอแยกบ้านออกมา ส่วนเรื่องอื่นข้าจะไปเจรจากับเจ้ารองเอง”

“แต่ว่าท่านพี่ นังตัวขาดทุนมันกล้าเถียงข้าก่อนนะ ข้าถึงได้…” หลัวซื่อรู้สึกไม่ยินยอมรีบเอ่ยแย้งสามี

“ข้าบอกให้เจ้าหุบปากอย่างไรอาอวี๋! แล้วเลิกเรียกชิงเอ๋อร์ว่านังตัวขาดทุนเสียที นางโตเป็นสาวแล้วอีกไม่นานก็ต้องออกเรือน หากแม้แต่คนในครอบครัวยังไม่ให้เกียรตินาง แล้วบ้านสามีในอนาคตจะให้เกียรตินางรึ?

อีกอย่างเถ้าแก่ลิ่วเคยเปรยกับข้าว่า อยากจะสู่ขอชิงเอ๋อร์ให้คุณชายห่าวซินในปีหน้า เพราะฉะนั้นเจ้าที่เป็นย่า คงพอจะรู้นะว่าควรจะปฏิบัติกับนางเช่นไร พวกเจ้าทุกคนด้วย อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำอีก!“ น้ำเสียงเน้นย้ำของมู่ซาน เอ่ยกำชับภรรยารวมถึงบุตรหลานทุกคนที่อยู่ ณ ตรงนั้น

ลิ่วห่าวซินปีนี้อายุสิบเก้าหนาว เป็นบุตรชายคนเล็กของลิ่วเหอ เจ้าที่ดินในหมู่บ้านเต๋อถัง แม้นว่าชายหนุ่มเป็นบุตรที่เกิดจากหนิวอี๋เหนียง ทว่าเถ้าแก่ลิ่วก็มีบุตรชายเพียงแค่สองคนและบุตรสาวหนึ่งคน ตัวลิ่วห่าวซินเองถือว่าเป็นชายหนุ่มที่มีอนาคต เขาสอบได้ซิ่วไฉเมื่อปีที่แล้ว

ส่วนคุณชายใหญ่ลิ่วจางหลงและคุณหนูลิ่วฟางเหนียง ซึ่งเกิดกับภรรยาเอก ปีนี้อายุยี่สิบแปดและยี่สิบสามตามลำดับ

คุณชายใหญ่แต่งงานไปแล้วกับคุณหนูอิ่นจู บุตรสาวสหายสนิทของลิ่วเหอ ซึ่งเป็นอาจารย์ของสำนักศึกษาในเมืองอี้เฉิง ส่วนคุณหนูรองก็แต่งไปกับบุตรชายคหบดีใหญ่ เหลือเพียงคุณชายสามที่ยังไม่มีคู่

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /2

    บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /2 วันเปิดร้านผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก พวกเขาได้รับแจกถั่วเคลือบน้ำตาลเสริมพลังปราณในกายเป็นสินค้าแนะนำ ทีแรกก็ไม่มีใครเชื่อว่า เพียงแค่ขนมขบเคี้ยวจะช่วยเสริมพลังธาตุในกายได้อย่างไร รวี่เยว่จึงมอบลูกกวาดเสริมพลังของแต่ละธาตุให้แต่ละคนลองกินดู “ลูกกวาดอัคคีที่ท่านลุงเพิ่งกินเข้าไป จะช่วยให้ปราณธาตุไฟของท่านแข็งแกร่งขึ้นสองส่วนในทันที และคงอยู่ครึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ ท่านสามารถทดสอบพลังได้ทันที” รวี่เยว่ยืนเอามือไพล่หลัง บรรยายสรรพคุณสินค้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับทรงพลังกึกก้องจนหลายคนไม่กล้าพูดแทรก ครั้นชายวัยกลางคน ที่เพิ่งกินลูกกวาดสำหรับเสริมพลังธาตุไฟเข้าไป เริ่มต้นเดินพลังดูตามคำแนะนำ ฟึ่บ!! พลังธาตุไฟในมือของเขาแข็งแกร่งขึ้นสองส่วนในพริบตา ตามสรรพคุณที่กล่าวมาจริงๆ! “โอ้ พลังธาตุของข้าแข็งแกร่งขึ้นจริงๆด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ แม่หนูเจ้าขายราคาเท่าไหร่ข้าขอเหมาหมด!” ชายวัยกลางคนผู้มีพลังธาตุไฟ รีบควักถุงเงินออกจากมาแหวนยื่นให้รวี่เยว่ “เจ้าจะเหมาหมดคนเดียวได้อย่างไร! ข้าเองก็อยากได้เหมือนกัน” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้า

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /1

    บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /1 เมืองเทียนหวง เมืองหลวงอาณาจักรอู๋ซาง จวนเสนาธิการทหาร จดหมายจากแดนไกลลุกไหม้อยู่ในเตากำยาน กลางโถงรับรองของเรือนฟาหยาง ฮูหยินผู้เฒ่า เหวินกุ้ยเหริน มารดาของหวังเหลียง และมีศักดิ์เป็นป้าของ เหวินไป๋เหลียน ทอดมองหลานสาวคนโปรดที่เกิดจากเหวินไป๋เหลียนอย่างมาดหมาย ปีนี้หวังลู่เสียนอายุเก้าหนาว เด็กหญิงเกิดหลังหวังลี่ถิงเพียงหนึ่งเดือน จากที่เคยเป็นเพียงบุตรีของอนุ เวลานี้เด็กหญิงคือบุตรีของฮูหยินเอกอย่างสมบูรณ์ "เสียนเอ๋อร์ อีกไม่กี่วันเจ้าก็ต้องเดินทางไปสำนักเพลิงจักรพรรดิแล้ว เตรียมตัวพร้อมรึยัง" ผู้เป็นย่าเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยน หวังลู่เสียนหน้าตาพริ้มเพราตั้งแต่เด็ก ฉายแววว่าจะเติบโตขึ้นเป็นหญิงงามเหมือนมารดา อีกทั้งเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ อายุเพียงเก้าหนาวระดับตบะอยู่ที่หนิงชี่ขั้นปลายแล้ว สตรีสายเลือดตระกูลเหวินต่างหากที่สมควรมีชะตาหงส์ ไม่ใช่เด็กอีกคนตามคำทำนายของหอพยากรณ์!! "เสียนเอ๋อร์เตรียมตัวพร้อมแล้วเจ้าค่ะท่านย่า แต่ว่า…เสียนเอ๋อร์ไม่อยากจากท่านย่าไปเลย" เด็กหญิงในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีชมพูอ่อนหวาน เอ่ยวาจาฉอเลาะเอาใจหญิงชรา ใบหน้าเล็กถูไ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /2

    บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /2 ในโกดังเก็บสินค้าทางทิศตะวันตกของเมืองลวี่เฟิง ร่างเล็กของเด็กหญิงมีสภาพสะบักสะบอม ถูกจับมัดมือมัดเท้า ปากเล็กมีผ้ายัดไว้ ข้างกายมีชายชุดดำยืนคุมเชิงอยู่สองคน เผยคังก้าวเข้ามาในโกดัง พิศมองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยสายตายากคาดเดา "อั่น เอ้าเอือง อ่วย อ้า อ้วย (ท่านเจ้าเมืองช่วยข้าด้วย)" เด็กหญิงส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อเห็นว่าใครก้าวเข้ามาในโกดัง ใบหน้าเล็กเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา “เอาผ้าอุดปากนางออก” เผยคังสั่งองครักษ์ หลังนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อย ครั้นปราศจากผ้าอุดปาก เด็กหญิงก็รีบส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากเจ้าเมืองลวี่เฟิงทันที "ท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ ช่วยข้าด้วย มีคนใจร้ายจับข้ามาเจ้าค่ะ" ทว่าคนฟังกลับปรายตามองร่างเล็กอย่างเย็นชา "ข้าคงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอกนะแม่หนู เพราะข้าเองก็ได้รับคำสั่งมาอีกที" แววตาของรวี่เยว่เข้มขึ้นเมื่อได้ยินถ้อยคำจากปากเผยคัง นอกจากชายวัยกลางคนตรงหน้ายังมีใครที่ต้องการชีวิตของนางอีกหรือ "มีคนสั่งท่านเจ้าเมืองมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ! ใครหรือเจ้าคะ ไม่แน่ว่าอาจมีการเข้าใจผิดก็เป็นได้…ข้าเป็นแ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /1

    บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /1 ชายชุดดำทั้งสองแทบไม่เชื่อสายตา เด็กหญิงตรงหน้ามีธาตุมืด! หรือแท้จริงแล้ว นางคือเผ่ามนุษย์สายเลือดมารสวรรค์ชั้นสูงของตำหนักเทวาอนธการ!! หากเป็นอย่างที่คิด พูดได้คำเดียวว่า ซวยแล้ว! ซวยทั้งพวกเขาและผู้ว่าจ้าง ในมหาพิภพทงเทียนถึงได้มีคำกล่าวไว้ว่า หาเรื่องใครก็หาไป แต่อย่าริอาจไปหาเรื่องคนตำหนักเทวาอนธการ! และอย่าไปยุยั่วคนตำหนักเทพอนันต์ ขนาดราชวงศ์ของทั้งสี่อาณาจักร ยังไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเขา!!! ความหวาดผวาจู่โจมจิตใจของนักฆ่าที่ยังรอดชีวิต เด็กหญิงตรงหน้าอายุเพียงเก้าหนาว ทว่าระดับตบะสูงถึงเจี๋ยตันขั้นกลาง แต่สิ่งที่น่าหวาดหวั่นกว่า คืออัคคีนิลกาฬในมือของนางต่างหาก!! การถูกช่วงชิงและควบคุมจิตวิญญาณ คือสิ่งที่นักบำเพ็ญเกรงกลัวเป็นที่สุด พวกเขามิอาจไปผุดไปเกิด แต่กลายเป็นวิญญาณรับใช้ของผู้ที่ช่วงชิงออกมาได้ และหากวิญญาณไม่ได้รับการปลดปล่อย ก็จะกลายเป็นทาสรับใช้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์…ทรมานยิ่งกว่าตกนรก! “ข้าบอก ข้ายอมบอกแล้ว แต่ได้โปรดอย่าช่วงชิงจิตวิญญาณของข้าเลย” นักฆ่าอีกคนรีบส่งเสียงปากคอสั่น “จะ เจ้าเมืองเผยคังขอรับคุณหนู ที่ว่าจ้างพวกเราให้

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /2

    บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /2 วาจาของเด็กหญิงทำคนฟังขอบตาร้อนผ่าว คุณหนูของพวกนางช่างคนเป็นจิตใจงดงามและกตัญญูอย่างยิ่ง ช่างน่าเสียดายที่รองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากไปเร็วเหลือเกิน หวังว่าวิญญาณของนางที่อยู่บนสวรรค์จะมองเห็นและภูมิใจในตัวบุตรสาว ในขณะที่ทั้งสามกำลังยืนมองร้านที่ปิดประกาศว่าปล่อยให้เช่าอยู่นั้น บุรุษคนหนึ่งซึ่งเคยพบพวกนางอยู่สองสามครั้ง บังเอิญเดินผ่านมาแถวนั้นพอดี เขาจดจำได้อย่างแม่นยำว่าสาวใช้หน้าแฉล้มนางนั้นคือชุนอิ่ง และหญิงวัยกลางคนร่างท้วมที่มีไฝเหนือริมฝีปากด้านซ้ายคือแม่นมชุน ครั้นมองไปยังเด็กหญิงและได้เห็นใบหน้าเล็กของนาง ซึ่งเวลานี้ปราศจากปานสีชาดรูปเปลวเพลิงก็ตกตะลึง ไม่กี่เดือนก่อนตอนที่เขามาส่งจดหมายจากเมืองหลวงให้นาง เด็กหญิงยังดูอัปลักษณ์เพราะปานนั่นอยู่เลย ไยตอนนี้ถึงได้… และในชั่วขณะนั้นเอง "นั่นรวี่เยว่นี่ รวี่เยว่! เจ้านั่นเอง มาทำอะไรตรงนี้หรือ" เด็กหญิงที่ดูอายุมากกว่ารวี่เยว่สองสามปี ก้าวมาหาร่างเล็กอย่างดีใจ นางคือหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันอิสระ ที่ตกรอบไปในรอบที่สาม และนางก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน ที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์เดียวกันกับรวี่เยว่ หลัง

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /1

    บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /1 เผยคังบดกรามดังกรอด หันมาตวาดบุตรชายคนเล็กอย่างอย่างฉุนเฉียว "หุบปาก! หากมิใช่เพราะเจ้าพ่ายแพ้คู่แข่งที่ตบะอ่อนด้อยกว่า จนทำให้ตระกูลเผยขายหน้า! มีหรือพี่ชายของเจ้าจะลงมือ! ต่อไปห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก ตั้งใจฝึกฝนให้มากกว่านี้ เข้าใจหรือไม่!" แม้ว่าความจริงตัวเขารู้สึกอับอาย และเจ็บแค้นไม่น้อยไปกว่าบุตรชาย ทว่าจำเป็นต้องอดกลั้น ฝืนกลืนโทสะทั้งหมดลงท้อง ด้วยเพราะผู้ที่ทำร้ายเผยหลงจนบาดเจ็บสาหัส คือคนของไท่จื่อแห่งตำหนักเทพอนันต์ ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องไว้หน้าอยู่หลายส่วน ตัวเขาเป็นเพียงเจ้าเมืองจึงมิอาจล่วงเกินอีกฝ่าย ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจจนแทบจะกระอักเลือด! ผู้เป็นบิดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้าวมานั่งยังโต๊ะน้ำชากลางห้อง เอ่ยเรียกบุตรชายที่ยืนก้มหน้าเม้มปากแน่นอยู่ข้างมารดา ซึ่งเวลานี้กำลังได้รับการพัดวีจากสาวใช้หลังจากลมจับไปอีกรอบ "หู่เอ๋อร์มานี่ นั่งลง ข้าอยากรู้ว่าเด็กผู้หญิงที่ประลองชนะเจ้าวันนี้ เป็นใครมาจากไหน ใช่ศิษย์ของสำนักกระบี่จันทราหรือเปล่า" "นะ นาง นางเป็นผู้สมัครอิสระจากข้างนอกขอรับท่านพ่อ ส่วนเรื่องที่นางเป็นใครมาจากไหน ลูกเองก็ไม่ทราบ"

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status