로그인“ผมมีความสุขมาก”
เธอเหนื่อยแต่ก็ต้องคิดถึงวันข้างหน้า “ฉันไม่ติดค้างคุณแล้วนะ” เจด้าลืมตามองเขา
“ว่าแต่คุณพอมีตำแหน่งว่างในร้านบ้างไหม ฉันอยากทำงาน” สำหรับเจด้าเงินแค่หนึ่งพันบาทต่ออาทิตย์ไม่พอแน่ ๆ
พีรพัฒน์มองใบหน้างาม คิดว่าแค่เธอนอนกับเขา เขาก็พร้อมจะเลี้ยงดูเธออย่างดี
“ถ้าผมจะเลี้ยงดูคุณ...”
เจด้าส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้า
“คุณบอกว่าแค่คืนเดียว พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนี้อีก ฉันอยากทำงานหาเงินเอง คุณพอจะมีงานว่างไหม ถ้าไม่มีฉันไปหาที่อื่น ก็ได้”
โอ้ เด็ดเดี่ยวจริง ๆ พีรพัฒน์ไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน ทั้งที่ถูกเขาพรากความบริสุทธิ์ แต่เธอกลับไม่คิดจะต่อรองหรือเรียกร้องเงินเพิ่ม หนำซ้ำยังของานเขาทำ ถ้าไม่ให้ก็พร้อมจากไปโดยง่าย
“ถ้าคุณอยากทำงาน ผมมีตำแหน่งว่างพอดี”
เจด้าหันไปมองร่างเปลือยที่เดินมายื่นนามบัตรให้ “พรุ่งนี้บ่าย สามโมงเข้ามาที่ร้าน ผมจะสอนงานคุณก่อนเริ่มงาน ร้านอาหารของเราส่วนมากให้บริการลูกค้าระดับสูง ดังนั้นจะผิดพลาดไม่ได้ เข้างานสี่โมง ออกงานตอนเที่ยงคืน”
เจด้าพยักหน้าเข้าใจ และรู้สึกโชคดีที่เวลางานกับตารางเรียน ไม่ชนกัน เธอจึงออกจากห้องแล้วกลับที่พักโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองเขาเลยสักนิด
จนแล้วจนรอดเขาก็ลืมถามชื่อเธอ ถ้าเกิดเธอนึกกลัวแล้วไม่มาสมัครงานกับเขา เขาจะติดต่อหรือหาเธอได้ที่ไหนละเนี่ย
พีรพัฒน์นั่งเหม่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เสียงมือถือดังขึ้น เขารีบรับสายก่อนจะนิ่งไปนานแล้วถามย้ำ
“คุณบอกว่าอะไรนะครับ”
“คุณพีรพล ญาติของคุณเกิดอุบัติเหตุใกล้กับมหาวิทยาลัย ชีพจรของเขาหยุดเต้นตั้งแต่ที่เกิดเหตุ ตอนนี้ถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว ญาติกรุณามารับศพและทำเรื่องกลับนะคะ”
เป็นไปได้อย่างไร น้องชายเขาตายได้ยังไง ก่อนหน้านี้เพิ่งแวะมา ที่ร้าน คุยกันไม่ทันไรก็ขอตัวออกไปทำธุระข้างนอก จู่ ๆ ตายได้อย่างไร พีรพัฒน์วางโทรศัพท์และรีบไปโรงพยาบาล เขายังไม่อยากเชื่ออาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้
ทว่าความจริงก็คือความจริง น้องชายของเขาเสียชีวิตแล้ว พีรพัฒน์ช็อกจนทำอะไรไม่ถูก ร่างไร้วิญญาณตรงหน้าเป็นญาติเพียง คนเดียวที่เขาเหลืออยู่ แล้วเขาจะบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ที่อยู่บนสวรรค์ว่าอย่างไร
แม้แต่น้องชายคนเดียวก็ยังปกป้องไม่ได้ ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ เขาเอามือทุบกำแพงเพื่อระบายอารมณ์
“เกิดอุบัติเหตุได้ยังไง”
เขาถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เพิ่งเดินทางมาถึงเพื่อสอบปากคำ เขาได้รับคำตอบว่า “พวกเราตรวจสอบพบว่ากล้องวงจรปิดตรงบริเวณ ที่เกิดเหตุเสียพอดี แต่กล้องอีกตัวก่อนหน้านั้นจะเห็นว่ารถของคุณพีรพลขับมาด้วยความเร็วสูง”
แม่ง! กล้องจะมาเสียอะไรตอนนี้วะ เขาไม่เข้าใจ พอเห็นสีหน้าที่พร้อมจะอาละวาดของพีรพัฒน์ ตำรวจจึงรีบอธิบายต่อ “แต่คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่ามีนักศึกษาวิ่งตัดหน้ารถ ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า ตอนแรกผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ แต่โชคร้ายมีรถอีกคันแล่นมาอัดด้านหลังทำให้น้องคุณเสียชีวิตคาที่”
พีรพัฒน์สะกิดใจกับคำว่านักศึกษา “ที่เขาบอกว่านักศึกษาวิ่ง ตัดหน้า คือใครครับ”
“ผมไม่ทราบ รู้แค่ว่าเป็นผู้หญิงสองคน พอเกิดอุบัติเหตุสองคนนั้นก็หายตัวไปเลย”
คนตายทั้งคน แต่ตัวต้นเหตุกลับหนีไปหน้าตาเฉยเนี่ยนะ เขาจะต้องสืบให้ได้ว่าผู้หญิงสองคนนั้นเป็นใคร ในเมื่อพึ่งตำรวจไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีของเขาเอง
“ถ้าญาติไม่ติดใจการตายแล้วกรุณาเซ็นชื่อรับทราบตรงนี้ครับ”
พีรพัฒน์มองเอกสาร “ตราบใดที่ผมยังไม่ทราบว่านักศึกษาที่เป็นต้นเหตุคือใคร ผมจะไม่เผาศพน้องชายผม”
ชายหนุ่มพูดจริงทำจริง เขาจะเอาคนทำผิดมาลงโทษให้ได้
อุบัติเหตุ คือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ แต่ก็ใช่ว่าเธอไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบในการกระทำ หากเธอกับเพื่อนไม่วิ่งตัดหน้ารถ ผู้ชายคนนั้นก็คงไม่ตาย แม้จะรู้สึกผิด แต่ก็กลัวจนไม่รู้ว่าจะปรึกษาใคร เมื่อกลับถึงห้องพักก็พบว่าเพื่อนร่วมห้องหลับไปแล้ว โชคดีที่นี่ไม่ใช่หอในมหาวิทยาลัย ไม่อย่างนั้นเธอคงเข้ามาไม่ได้เพราะเลยเวลาทำการแล้ว เจด้ามองร่าง บนเตียงที่ขยับยุกยิก น่าจะยังไม่หลับ แต่คงกำลังโกรธเธอที่จู่ ๆ ก็เดินหนีออกมาจากร้าน แต่เจด้าไม่สนใจหรอก จึงไม่คิดที่จะพูดปรับความเข้าใจ
เธอหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำที่ขนาดพื้นที่เท่าแมวดิ้นตาย บอกตรง ๆ ห้องน้ำบ้านเธอยังใหญ่กว่าห้องพักนี้ด้วยซ้ำ เจด้ารู้สึกหงุดหงิด เพราะหันไปทางไหนเป็นต้องชนของล้มกระจาย ก้มเก็บหลายรอบจนเบื่อ พานให้โมโห จึงปล่อยเอาไว้เสียอย่างนั้นแล้วเดินออกจากห้องน้ำหลัง อาบเสร็จ
หยิบเสื้อนอนมาสวมก่อนล้มลงบนเตียงอย่างหมดแรง ความมืดยิ่งทำให้เจด้ารู้สึกกลัว พอหลับตาเคลิ้ม ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่ตัวเองเคยถูกลักพาตัว ความหวาดกลัว เลือด และเสียงปืนที่ยังดังก้องอยู่ในหูเหมือนจะย้อนกลับมาอีกครั้งจนเธอสะดุ้ง ลุกขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อที่แตกพลั่ก
เสียงมือถือดังพอดี ลุงลูคัสส่งข้อความมาว่าตอนนี้อยู่หน้าหอ หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง มองลงไปด้านล่าง ใช่ลุงลูคัสจริง ๆ ด้วย
อีกฝ่ายพ่นภาษาฝรั่งเศสก่อนตบท้ายด้วยภาษาไทยชัดแจ๋ว “ผมชอบคนไทย”ชอบคนไทยแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอมิทราบ “คนไทยมีทั่วปารีส คุณก็ไปฉุดคนอื่นสิ ไม่ใช่ฉัน”“ไม่เอา ผมถูกใจคุณนี่ แต่ถ้าพรุ่งนี้ก็ไม่แน่ หลังจากที่ผมกินคุณจนหนำใจแล้ว”“บ้า!!” ไอ้บ้านี่ต้องสติไม่ดีแน่ ๆ แต่เธอตอนนี้อยู่ในสภาพโดนมัดมือทั้งสองข้าง จะอย่างไรก็หนีไม่พ้นมิหนำซ้ำตอนนี้อาวุธของเขาก็พร้อมรบ ชูตระหง่านเท่าลำแขน ของเธอ ไม่สิ รู้สึกว่าจะใหญ่กว่าด้วยซ้ำ ถ้าเธอโดนเจ้านั่น ช่วงล่างเธอต้องพรุนแน่“ไม่เอา ฉันจะแจ้งตำรวจถ้าออกไปได้”“เชิญเลย เพราะตำรวจพวกนั้นล้วนรับเงินผมทั้งนั้น” บ้าไปแล้ว แม้แต่ตำรวจก็พึ่งไม่ได้“แถมดีไม่ดี ถ้าคุณเดินออกไปทั้งสภาพแบบนี้รับรองไม่ได้มีผัว คนเดียวแน่”“ไอ้บ้า!!” เมญ่าพยายามดิ้นให้หลุดจากโซ่ แต่ยิ่งดิ้นมันกลับรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายแล้วเธอก็เหนื่อยหอบ เสียแรงเปล่าจริง ๆพอหมดแรงจึงมองผู้ชายตรงหน้าให้ดี หน้าตาก็ไม่ได้แย่นี่ ส่วนเธอเพิ่งถูกคู่หมั้นที่รักกันมาถึงห้าปีหักหลังอย่างเลือดเย็นโดยไปนอนกับเพื่อนสนิทของเธอ ดังนั้นเธอต้องสนใจอะไรอีก ในเมื่อมีเนื้อสเต๊กชิ้นงามมาเสิร์ฟถึงที่ขอสักคืนก็ไ
ทั้งคู่ถูกผลักให้คุกเข่า มาร์กัสสำรวจรอบ ๆ อย่างระวัง ปืนของพวกนั้นดูเหมือนจะเป็นไรเฟิลรุ่นเก่าจากนั้นไม่นานมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งใกล้กับคนที่เป็นหัวหน้า ชายคนนั้นพูดภาษาพม่ากับเธอ“พวกคุณเป็นใคร ทำไมถึงตกจากเฮลิคอปเตอร์ราคาแพงนั่น เป็นพวกเศรษฐีใช่ไหม” ผู้หญิงคนนั้นแปลคำถามจากหัวหน้าออกมาเป็นภาษาไทยให้ฟังมาร์กัสเงยหน้ามองพวกเขา ถ้าบอกว่าเป็นเศรษฐีคงโดนเรียก ค่าไถ่ จึงบอกไปว่า “เราสองคนเป็นผัวเมียกัน กำลังจะขับเฮลิคอปเตอร์ไปส่งให้คนซื้อ ไม่ใช่เจ้าของ”ผู้หญิงที่พูดภาษาไทยได้หันไปแปลให้คนข้างตัวฟัง อีกฝ่ายตะโกนเหมือนไม่เชื่อ คนถือปืนตรงเข้ามาหา เขาเห็นอีกฝ่ายกำลังจะยิงก็รีบลุกขึ้น คว้าปืนมาแล้วแกะแยกเป็นชิ้นส่วนความเร็วของเขาทำให้หัวหน้าโจรตกใจมาก หันไปพูดกับหญิงสาวข้างตัว เธอหันมาถามเขา “คุณประกอบปืนและยิงปืนเป็นไหม”มาร์กัสส่ายหน้า ลูกมาเฟียแบบเขาฝึกยิงปืนตั้งแต่ห้าขวบ ถ้ายิงไม่เป็นก็เสียชื่อแย่ “เป็น”หัวหน้าพูดอีกหนึ่งประโยค ผู้หญิงคนนั้นจึงพูดต่อ “นายอยากให้คุณพิสูจน์ว่าพูดจริงไหม ถ้าโกหกผู้หญิงคนนั้นจะต้องตกเป็นเมียนาย”ขณะที่แปล สีหน้าของเธอดูไม่พอใจนักโดยเฉพาะประโย
เสียงมือถือที่ดังขึ้นเรียกมาร์กัสให้หันไปมองโต๊ะทำงาน ตอนนี้โรงงานแปรรูปยังไม่เข้าที่เข้าทาง อีกทั้งเกิดเรื่องต่าง ๆ มากมายไม่เว้นแต่ละวัน ช่วงที่เขาปวดหัวกับปัญหาจึงไม่ได้รับสายโทร.สองรอบก็ว่ามากแล้ว แต่นี้เล่นโทร.ไม่หยุด เขาจึงตัดปัญหาโดยกดรับสาย “มาร์คัส พี่ทำงานอยู่” เสียงเข้มบ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ดีปลายสายก็รีบบอก “พี่เจนล้ม ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องผ่าตัด เด็กหัวใจเต้นอ่อนลง หมอกำลังเร่งช่วยชีวิตทั้งเด็กและแม่ ตอนนี้ผมติดงานอยู่ที่มหาวิทยาลัย อาจจะไปสนามบินช้ากว่าสักหนึ่งชั่วโมง”มาร์กัสได้ยินก็ตกใจ “งั้นพี่จะล่วงหน้าไปก่อน” มาร์กัสรีบวางสาย จัดเตรียมกระเป๋าและของจำเป็นขณะที่กำลังจะออกเดินทาง หญิงสาว คนหนึ่งก็โผล่มาปอฝ้ายมองหุ้นส่วนธุรกิจ “พี่มาร์กัสจะไปไหนหรือคะ”“พอดีพี่เจนเกิดเรื่อง ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน พี่ต้องไปภูเก็ตด่วน”พี่เจด้าเกิดเรื่อง ถ้าจำไม่ผิด อีกไม่กี่วันพี่เจด้าก็ถึงกำหนดคลอด ถ้าเกิดเรื่องตอนนี้จะอันตรายทั้งแม่และลูก“ฝ้ายขอตามไปด้วยนะคะ” มาร์กัสมองคนที่ขอตามไปด้วย“ยังไงก็ต้องบินไปกรุงเทพฯ อยู่แล้ว ให้ปอฝ้ายไปเยี่ยมพี่เจนก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยบินวนกลับมามหา’ลัย”ถ้าไม่เพ
มือหนาที่ว่างงานก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง เมื่อมันเลื่อนไล้ไปยังหน้าอก บีบคลึงเคล้นกระตุ้นอารมณ์ของเธอมากขึ้นกว่าเดิม “มีลูกให้ผมอีกคนนะ”“อื้อ” เธอตอบพร้อมรับจูบจากเขา ชายหนุ่มหยอกล้อกับริมฝีปากของเมียอยู่สักครู่ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมาย เจด้าเห็นสายตาของเขาแล้วก็สะดุ้ง“ไม่นะ” ช้าไปแล้วเมื่อมือหนาฉีกเสื้ออิตาลีชุดใหม่ที่เธอเพิ่งสอยมาและใส่ได้แค่ครั้งเดียว หมดกันห้าหมื่นยูโร เธอมองเขาอย่างแค้นเคือง แต่ไม่ทันไรก็หายโกรธเมื่อเขาก้มลงดูดหัวนมเธอดังจ๊วบ เล่นเอาเสียวสะท้านรอบนี้เขาไม่เบามือเหมือนคราวก่อน ทำให้เธอรู้ว่าอันที่จริงแล้วแรงปรารถนาในกายของเขาไม่เคยลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ“ที่ผ่านมาคุณเก็บงำความจริงไว้เท่าไร” เธอเงยหน้ามองสามี“ผมไม่อยากทำให้คุณเจ็บ”“แล้วเจนบอกเมื่อไรว่าเจนทนไม่ได้”ประโยคนี้เหมือนเป็นใบเบิกทางให้เขา ความปรารถนาอันเร่าร้อนที่อยู่ในตัวของนายหัวถูกส่งออกมาทันที โดยที่เจด้าต้องคิดใหม่ว่าไม่น่าพูดออกไปแบบนั้นพูดจบเขาดูดกลืนหน้าอกเธอแรงกว่าเดิม มือซ้ายที่ว่างก็เลื่อนต่ำลงไปยังด้านล่าง จากนั้นสอดนิ้วเข้าไป“อืม” นิ้วเดียวพอทน แต่พอรู้สึกว่ามีอีกนิ้วเพิ่มเข้าไปเธอก็เบิ
ระหว่างที่พวกเขากำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็มีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาหน้าตึก คนที่ลงจากรถคือลูเฟีย เจด้ารีบวิ่งไปตบหน้าเขา“นายทำอะไรลูกฉัน” ลูเฟียลูบแก้มตัวเอง เขาไม่ตอบ แต่เดินไปที่หลังรถ ลากชายคนหนึ่งที่สภาพสะบักสะบอมจากการถูกซ้อมมาทิ้งลงตรงหน้าหญิงสาว“อยากรู้ก็ถามมันสิ” จากนั้นลูเฟียก็อ้อมไปอีกฝั่งของตัวรถ เปิดประตูแล้วอุ้มโนร่าออกมา“โนร่า” เจด้าร้องทันทีที่เห็นหน้าลูกเด็กน้อยหันมามองแม่แล้วยิ้มกว้าง “สนุก ๆ”สนุกอะไรกัน ทุกคนใจหายใจคว่ำกันหมดแล้ว เจด้ากำลังจะเข้าไปอุ้มลูกคืน แต่โนร่ากลับหันไปกอดคอลูเฟียไว้แน่นหา!!! ดูท่าแล้วเธอจะตบผิดคนจริง ๆ“เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับเขานะเจน และดูเหมือนเขาจะเป็นคนช่วยลูกสาวเราไว้”เจด้ามองลูเฟีย สายตาเต็มไปด้วยคำขอโทษ แก้มอีกฝ่ายยังไม่หายแดง เธอพูดเสียงอ่อย “ฉันขอโทษ”“ไม่เป็นไร สำหรับยู ไอไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว”เสียงตัดพ้อนั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด ลูเฟียหันไปพูดกับเด็กน้อย “หมดเวลาขับรถเล่นแล้ว กลับไปหาแม่เราไป”โนร่าส่ายหน้า “ซิ่ง ๆ” ดูท่าแล้วแม่หนูน้อยจะแสบไม่ใช่ย่อย ถ้าเป็นเด็กคนอื่นคงร้องไห้ไปแล้วลูเฟียส่งโนร่าคืนให้คนเป็นแม่ เจด้าได้แ
เสียงเปียโนในงานเปิดแกลเลอรีไข่มุกของบริษัทพีรพัฒน์บรรเลงขับกล่อมแขกที่มาร่วมงานเจด้าหันมองไปรอบ ๆ พบว่าแขกส่วนใหญ่เป็นหุ้นส่วนธุรกิจของพ่อ และบางกลุ่มดูเหมือนจะเป็นคนของฟรองซัวส์ที่เข้ามาสมทบ ความปลอดภัยในงานแน่นหนาดี“มองอะไรอยู่” คนด้านหลังเดินมากอดเอวเธอ แล้วมองผู้คนด้านล่างที่กำลังเลือกซื้อไข่มุก“เหมือนจะเห็นคนที่ไม่ควรมาแฮะ” เจ้าของประโยคถอนริมฝีปากออกจากคอของเธอแล้วมองไปที่ประตูซึ่งพวกบอดี้การ์ดกำลังยืนขวางคนกลุ่มหนึ่ง“วันนี้เจนไม่อยากให้มีเรื่องกัน เจนขอลงไปด้านล่างเองนะคะ”พีรพัฒน์มองลูเฟียที่มากับลูกน้องก็รู้สึกไม่พอใจ “ผมลงไปด้วย”“เจนคนเดียวดีกว่า เชื่อเจนนะคะ” สีหน้าพีรพัฒน์กังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยอมให้เธอลงไปต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ“ฉันจัดการเอง” เสียงเจด้าทำให้บอดี้การ์ดหันไปมอง ลุงคูคัสสั่งให้คนถอยออกมาสองก้าว เปิดทางให้คุณหนูเดินมายืนด้านหน้า“นายมาทำไม”ลูเฟียชูโบรชัวร์ในมือ “จะมีประมูลไข่มุกเมโลไม่ใช่เหรอ ไอก็มาประมูลด้วยน่ะสิ”เจด้ามองกระเป๋าสีดำหลายใบในมือลูกน้องของลูเฟีย“ได้ แต่คงต้องตรวจกระเป๋าพวกนี้ก่อนเข้างาน”ลูเฟียยักไหล่ก่อนผายมือให้คนของเธอทำงาน





![คีรินทร์ วาเลนซิโอ [ ใต้ปีกมาเฟีย ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

