로그인เจด้ารีบสวมชุดคลุมแล้วลงไปด้านล่าง “มีอะไรหรือคะคุณลุง”
“ผมแวะเอานี่มาให้ครับ ขอโทษที่มาช้าไปหน่อย”
เจด้ามองโคมไฟอันเล็ก ๆ ในมือคนขับรถ “ต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นด้วย ผมเลยไม่ซื้ออันที่สว่างมาก แต่ก็จะไม่มืดเกินไปจนทำให้คุณหนู ฝันร้ายแน่นอน”
เจด้าฉีกยิ้มกว้าง รับโคมไฟมาถือ ลูคัสวางมือลงบนศีรษะเจด้าแล้วโยกเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู “ไปนอนได้แล้ว”
“ค่ะ” พูดจบเจด้าโน้มตัวจูบแก้มอีกฝ่ายตามความเคยชินตั้งแต่เด็ก ๆ
“ฝันดีนะคะ ลุงลูคัส” เธอยิ้มและยกมือโบกลา ลูคัสมองส่งเด็กสาวจนหายเข้าไปในบ้านแล้วจึงค่อยเดินกลับขึ้นรถก่อนจะโทร.รายงานเจ้านาย
“เรียบร้อยแล้วครับมาดาม”
เฮ้อ เป็นห่วงลูกแต่ก็ใช้เขาออกหน้าตลอด ไม่รู้ว่าจะปิดบังความรู้สึกของตัวเองไปทำไม ลูคัสขับรถออกไปโดยไม่สังเกตว่ามีรถเก๋ง อีกคันจอดซุ่มดูอยู่ข้างหอ
ชายหนุ่มในรถคันดังกล่าวเพ่งมองป้ายทะเบียนรถหรูที่ขับออกไปก่อนหันกลับมา เงยหน้ามองไปทางหน้าต่างห้องพักของหญิงสาวที่ตัวเองเพิ่งนอนด้วยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้
เจด้าขึ้นห้องแล้วเดินออกมารับลมที่ระเบียงโดยไม่รู้ว่ามีคนเฝ้ามองอยู่ พีรพัฒน์เปิดกระจกรถ ปล่อยควันบุหรี่ที่ตัวเองสูบออกนอกหน้าต่างพลางนึกในใจ “หึ...ที่แท้ก็เด็กเสี่ย แต่ทำไมไอ้โง่นั่นดันปล่อยให้บริสุทธิ์ มาได้จนถึงทุกวันนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีน้ำยา ก็อาจถูกยายนี่หลอกยื้อเวลาเพื่ออัปค่าตัว”
พีรพัฒน์ยอมรับว่าเขาติดใจหญิงสาวคนนี้มากทีเดียว ด้านหนึ่ง ทีแรกก็รู้สึกสงสาร แต่อีกด้านเขาก็มองเธอเป็นแค่เหยื่อระบายความใคร่ เสียใจกับการตายของน้องชายแล้ว ยังต้องมาเจอผู้หญิงแบบนี้อีก สักครู่รถเก๋งคันงามก็แล่นออกไป งานศพน้องชายพีรพัฒน์เลือกจัดงานที่วัด ในกรุงเทพฯ เพราะโดยปกติน้องชายของเขาพักอยู่ที่นี่ และจะแจ้งข่าวให้ทราบเฉพาะคนสนิท ทำพิธีแค่สี่วัน เก็บศพไว้ไม่เผาจนกว่าจะเจอนักศึกษาสองคนต้นเหตุที่ทำให้น้องของเขาต้องตาย
เช้าวันถัดมาเจด้ามาตามนัด แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าร้านปิดชั่วคราว มองจากป้ายแล้วเหมือนจะติดธุระด่วน เธอจึงโทร.ไปยังหมายเลขบนนามบัตรที่ชายหนุ่มให้ไว้
พีรพัฒน์ซึ่งเห็นภาพหญิงสาวกับชายวัยกลางคนเมื่อคืน พานให้เขาอดไม่ได้ที่จะพูดกับเธออย่างเย็นชา บอกเสียงเรียบ ๆ ไปว่าตนเองติดธุระด่วน ให้เธอมาอีกทีวันอาทิตย์
เจด้าวางสายพร้อมบ่นในใจ บ้าจริง ตอนนี้เธอเหลือเงินติดตัวแค่ห้าร้อยบาท อีกสี่วันกว่าจะถึงวันอาทิตย์ แล้วเงินจะเหลือถึงวันนั้นไหมล่ะ
นิ้วเรียวกดโทรศัพท์ ขอเพิ่มจากพ่อก็ได้ เชอะ แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้แม่อาจอยู่กับพ่อ เธอก็เปลี่ยนใจ จะโทร.หาลุงลูคัส รายนั้นคงถูกสั่งห้ามไว้แล้วละ เลื่อนดูรายชื่อในโทรศัพท์ต่อก็เจอมาร์กัสกับมาร์คัส นี่แหละ ตู้เงินฉุกเฉินของฉัน หญิงสาวเลือกโทร.หามาร์คัส รอดตายแล้วเรา
ทว่าคนปลายสายขณะนี้กำลังซ้อมยิงปืนจึงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เพราะใส่ที่ครอบหู
“ว่าไง”
อ้าว เจด้างงที่ได้ยินเสียงมาร์กัสรับสายแทน เธอชะงักเล็กน้อยก่อนถามออกไป “มาร์คัสอยู่ไหน”
มาร์กัสมองไปทางคนที่กำลังซ้อมยิงปืนอย่างเอาจริงเอาจัง “ไม่ว่าง”
เจด้าที่ได้ยินเสียงปืนดังลอดเข้ามาก็ตกใจ “ออกมาจากตรงนั้น ได้ไหม”
มาร์กัสรู้ว่าอีกฝ่ายกลัวเสียงปืนจึงเดินไปยังอีกห้องหนึ่ง
“ตกลงมีเรื่องอะไร ถ้าไม่มีจะวางแล้วนะ”
“จะใจร้ายใจดำกับพี่ไปถึงไหน เอ่อ พอดีพี่มีเรื่องต้องใช้เงินด่วนน่ะ เราพอมีให้พี่ยืมไหม”
คำว่ายืมของเจด้าหมายถึงเอาไปแล้วไม่คืน แม้จะรู้อย่างนั้น มาร์กัสก็ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงจึงตอบรับสั้นๆ “อืม”
“แล้วจะเอายังไงดี”
เธอเพิ่งมาถึงเมืองไทยแค่ไม่กี่วัน ยังไม่ได้เปิดบัญชีธนาคาร มีแต่บัตรเครดิตนอกประเทศที่ถูกแม่ระงับการใช้งาน
มาร์กัสดูนาฬิกา “อีกครึ่งชั่วโมง พี่ไปรอที่หน้ามหา’ลัย ผมจะเอาไปให้”
ทำไมน้องชายเธอสองคนถึงได้มีอิสระมากกว่าเธอเนี่ย มีเงินใช้ ไปไหนมาไหนก็ได้ ทำไมมีแค่เธอที่โดนตัดสิทธิอยู่คนเดียว ไม่ยุติธรรม!
เจด้าบ่นพึมพำแต่ก็เดินไปรอหน้ามหาวิทยาลัย สักพักมาร์กัสก็มาถึง เขาลงจากรถ หยิบธนบัตรสีเทาหลายใบส่งให้พี่สาว พอเจด้าจะหยิบ อีกฝ่ายกลับยกมือขึ้นสูง
“อย่าบอกแม่นะ”
“บอกให้โง่สิ” เจด้าเขย่งตัวดึงเงินในมืออีกฝ่ายเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองทันที
“พี่ก็ใช้ประหยัด ๆ หน่อยสิ ตอนนี้แม่ตรวจสอบการใช้เงินของเราสองคนอยู่นะ ถ้าแม่เห็นผมใช้เงินมากกว่าปกติ ต้องสืบจนรู้แน่ว่าเงินหายไปไหน”
“รู้แล้วน่า โอ๊ย ขี้บ่นเหมือนแม่เข้าไปทุกทีแล้วนะเราน่ะ ระวังจะ ไม่มีสาว ๆ มาชอบนะยะ”
มาร์กัสมองพี่สาวแล้วส่ายหน้า “พี่จะกลับหอเลยไหม ผมจะไปส่ง”
เจด้ามองน้องชายที่ตัวสูงกว่าเธอจนเหมือนเป็นพี่ชายมากกว่า “ไม่ละ มีทำรายงาน ต้องเข้าไปหาข้อมูลที่ห้องสมุด”
“ฮ่า ๆ ขยันเป็นกับเขาด้วยพี่เรา”
“หึ เป็นเพราะแม่บอกว่าถ้าพี่สอบได้คะแนนดีจะเพิ่มเงิน รายอาทิตย์ให้ต่างหาก”
เมื่อยืนส่งพี่สาวเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว มาร์กัสหันหลังจะขึ้นรถ ทว่าบังเอิญชนผู้หญิงคนหนึ่งเข้าจนหนังสือของอีกฝ่ายหล่นกระจาย
มาร์กัสกล่าวขอโทษและรีบก้มลงช่วยเธอเก็บหนังสือ ตาก็เหลือบไปเห็นพวงกุญแจหัวหยิกที่ห้อยกระเป๋าของอีกฝ่าย เขาลุกขึ้นส่งหนังสือให้เธอ หญิงสาวขอบคุณแล้วเดินจากไป
คงไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง มาร์กัสได้แต่คิดในใจ ว่าจะเรียกชื่อเธอเพื่อถามแต่ก็เปลี่ยนใจ ขึ้นรถแล้วชายหนุ่มยังมองผ่านกระจกไปที่ หญิงสาวคนนั้น แม้จะมีส่วนคล้าย แต่คงไม่ใช่หรอก
โลกคงไม่กลมขนาดนั้น....
อีกฝ่ายพ่นภาษาฝรั่งเศสก่อนตบท้ายด้วยภาษาไทยชัดแจ๋ว “ผมชอบคนไทย”ชอบคนไทยแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอมิทราบ “คนไทยมีทั่วปารีส คุณก็ไปฉุดคนอื่นสิ ไม่ใช่ฉัน”“ไม่เอา ผมถูกใจคุณนี่ แต่ถ้าพรุ่งนี้ก็ไม่แน่ หลังจากที่ผมกินคุณจนหนำใจแล้ว”“บ้า!!” ไอ้บ้านี่ต้องสติไม่ดีแน่ ๆ แต่เธอตอนนี้อยู่ในสภาพโดนมัดมือทั้งสองข้าง จะอย่างไรก็หนีไม่พ้นมิหนำซ้ำตอนนี้อาวุธของเขาก็พร้อมรบ ชูตระหง่านเท่าลำแขน ของเธอ ไม่สิ รู้สึกว่าจะใหญ่กว่าด้วยซ้ำ ถ้าเธอโดนเจ้านั่น ช่วงล่างเธอต้องพรุนแน่“ไม่เอา ฉันจะแจ้งตำรวจถ้าออกไปได้”“เชิญเลย เพราะตำรวจพวกนั้นล้วนรับเงินผมทั้งนั้น” บ้าไปแล้ว แม้แต่ตำรวจก็พึ่งไม่ได้“แถมดีไม่ดี ถ้าคุณเดินออกไปทั้งสภาพแบบนี้รับรองไม่ได้มีผัว คนเดียวแน่”“ไอ้บ้า!!” เมญ่าพยายามดิ้นให้หลุดจากโซ่ แต่ยิ่งดิ้นมันกลับรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายแล้วเธอก็เหนื่อยหอบ เสียแรงเปล่าจริง ๆพอหมดแรงจึงมองผู้ชายตรงหน้าให้ดี หน้าตาก็ไม่ได้แย่นี่ ส่วนเธอเพิ่งถูกคู่หมั้นที่รักกันมาถึงห้าปีหักหลังอย่างเลือดเย็นโดยไปนอนกับเพื่อนสนิทของเธอ ดังนั้นเธอต้องสนใจอะไรอีก ในเมื่อมีเนื้อสเต๊กชิ้นงามมาเสิร์ฟถึงที่ขอสักคืนก็ไ
ทั้งคู่ถูกผลักให้คุกเข่า มาร์กัสสำรวจรอบ ๆ อย่างระวัง ปืนของพวกนั้นดูเหมือนจะเป็นไรเฟิลรุ่นเก่าจากนั้นไม่นานมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งใกล้กับคนที่เป็นหัวหน้า ชายคนนั้นพูดภาษาพม่ากับเธอ“พวกคุณเป็นใคร ทำไมถึงตกจากเฮลิคอปเตอร์ราคาแพงนั่น เป็นพวกเศรษฐีใช่ไหม” ผู้หญิงคนนั้นแปลคำถามจากหัวหน้าออกมาเป็นภาษาไทยให้ฟังมาร์กัสเงยหน้ามองพวกเขา ถ้าบอกว่าเป็นเศรษฐีคงโดนเรียก ค่าไถ่ จึงบอกไปว่า “เราสองคนเป็นผัวเมียกัน กำลังจะขับเฮลิคอปเตอร์ไปส่งให้คนซื้อ ไม่ใช่เจ้าของ”ผู้หญิงที่พูดภาษาไทยได้หันไปแปลให้คนข้างตัวฟัง อีกฝ่ายตะโกนเหมือนไม่เชื่อ คนถือปืนตรงเข้ามาหา เขาเห็นอีกฝ่ายกำลังจะยิงก็รีบลุกขึ้น คว้าปืนมาแล้วแกะแยกเป็นชิ้นส่วนความเร็วของเขาทำให้หัวหน้าโจรตกใจมาก หันไปพูดกับหญิงสาวข้างตัว เธอหันมาถามเขา “คุณประกอบปืนและยิงปืนเป็นไหม”มาร์กัสส่ายหน้า ลูกมาเฟียแบบเขาฝึกยิงปืนตั้งแต่ห้าขวบ ถ้ายิงไม่เป็นก็เสียชื่อแย่ “เป็น”หัวหน้าพูดอีกหนึ่งประโยค ผู้หญิงคนนั้นจึงพูดต่อ “นายอยากให้คุณพิสูจน์ว่าพูดจริงไหม ถ้าโกหกผู้หญิงคนนั้นจะต้องตกเป็นเมียนาย”ขณะที่แปล สีหน้าของเธอดูไม่พอใจนักโดยเฉพาะประโย
เสียงมือถือที่ดังขึ้นเรียกมาร์กัสให้หันไปมองโต๊ะทำงาน ตอนนี้โรงงานแปรรูปยังไม่เข้าที่เข้าทาง อีกทั้งเกิดเรื่องต่าง ๆ มากมายไม่เว้นแต่ละวัน ช่วงที่เขาปวดหัวกับปัญหาจึงไม่ได้รับสายโทร.สองรอบก็ว่ามากแล้ว แต่นี้เล่นโทร.ไม่หยุด เขาจึงตัดปัญหาโดยกดรับสาย “มาร์คัส พี่ทำงานอยู่” เสียงเข้มบ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ดีปลายสายก็รีบบอก “พี่เจนล้ม ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องผ่าตัด เด็กหัวใจเต้นอ่อนลง หมอกำลังเร่งช่วยชีวิตทั้งเด็กและแม่ ตอนนี้ผมติดงานอยู่ที่มหาวิทยาลัย อาจจะไปสนามบินช้ากว่าสักหนึ่งชั่วโมง”มาร์กัสได้ยินก็ตกใจ “งั้นพี่จะล่วงหน้าไปก่อน” มาร์กัสรีบวางสาย จัดเตรียมกระเป๋าและของจำเป็นขณะที่กำลังจะออกเดินทาง หญิงสาว คนหนึ่งก็โผล่มาปอฝ้ายมองหุ้นส่วนธุรกิจ “พี่มาร์กัสจะไปไหนหรือคะ”“พอดีพี่เจนเกิดเรื่อง ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน พี่ต้องไปภูเก็ตด่วน”พี่เจด้าเกิดเรื่อง ถ้าจำไม่ผิด อีกไม่กี่วันพี่เจด้าก็ถึงกำหนดคลอด ถ้าเกิดเรื่องตอนนี้จะอันตรายทั้งแม่และลูก“ฝ้ายขอตามไปด้วยนะคะ” มาร์กัสมองคนที่ขอตามไปด้วย“ยังไงก็ต้องบินไปกรุงเทพฯ อยู่แล้ว ให้ปอฝ้ายไปเยี่ยมพี่เจนก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยบินวนกลับมามหา’ลัย”ถ้าไม่เพ
มือหนาที่ว่างงานก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง เมื่อมันเลื่อนไล้ไปยังหน้าอก บีบคลึงเคล้นกระตุ้นอารมณ์ของเธอมากขึ้นกว่าเดิม “มีลูกให้ผมอีกคนนะ”“อื้อ” เธอตอบพร้อมรับจูบจากเขา ชายหนุ่มหยอกล้อกับริมฝีปากของเมียอยู่สักครู่ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมาย เจด้าเห็นสายตาของเขาแล้วก็สะดุ้ง“ไม่นะ” ช้าไปแล้วเมื่อมือหนาฉีกเสื้ออิตาลีชุดใหม่ที่เธอเพิ่งสอยมาและใส่ได้แค่ครั้งเดียว หมดกันห้าหมื่นยูโร เธอมองเขาอย่างแค้นเคือง แต่ไม่ทันไรก็หายโกรธเมื่อเขาก้มลงดูดหัวนมเธอดังจ๊วบ เล่นเอาเสียวสะท้านรอบนี้เขาไม่เบามือเหมือนคราวก่อน ทำให้เธอรู้ว่าอันที่จริงแล้วแรงปรารถนาในกายของเขาไม่เคยลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ“ที่ผ่านมาคุณเก็บงำความจริงไว้เท่าไร” เธอเงยหน้ามองสามี“ผมไม่อยากทำให้คุณเจ็บ”“แล้วเจนบอกเมื่อไรว่าเจนทนไม่ได้”ประโยคนี้เหมือนเป็นใบเบิกทางให้เขา ความปรารถนาอันเร่าร้อนที่อยู่ในตัวของนายหัวถูกส่งออกมาทันที โดยที่เจด้าต้องคิดใหม่ว่าไม่น่าพูดออกไปแบบนั้นพูดจบเขาดูดกลืนหน้าอกเธอแรงกว่าเดิม มือซ้ายที่ว่างก็เลื่อนต่ำลงไปยังด้านล่าง จากนั้นสอดนิ้วเข้าไป“อืม” นิ้วเดียวพอทน แต่พอรู้สึกว่ามีอีกนิ้วเพิ่มเข้าไปเธอก็เบิ
ระหว่างที่พวกเขากำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็มีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาหน้าตึก คนที่ลงจากรถคือลูเฟีย เจด้ารีบวิ่งไปตบหน้าเขา“นายทำอะไรลูกฉัน” ลูเฟียลูบแก้มตัวเอง เขาไม่ตอบ แต่เดินไปที่หลังรถ ลากชายคนหนึ่งที่สภาพสะบักสะบอมจากการถูกซ้อมมาทิ้งลงตรงหน้าหญิงสาว“อยากรู้ก็ถามมันสิ” จากนั้นลูเฟียก็อ้อมไปอีกฝั่งของตัวรถ เปิดประตูแล้วอุ้มโนร่าออกมา“โนร่า” เจด้าร้องทันทีที่เห็นหน้าลูกเด็กน้อยหันมามองแม่แล้วยิ้มกว้าง “สนุก ๆ”สนุกอะไรกัน ทุกคนใจหายใจคว่ำกันหมดแล้ว เจด้ากำลังจะเข้าไปอุ้มลูกคืน แต่โนร่ากลับหันไปกอดคอลูเฟียไว้แน่นหา!!! ดูท่าแล้วเธอจะตบผิดคนจริง ๆ“เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับเขานะเจน และดูเหมือนเขาจะเป็นคนช่วยลูกสาวเราไว้”เจด้ามองลูเฟีย สายตาเต็มไปด้วยคำขอโทษ แก้มอีกฝ่ายยังไม่หายแดง เธอพูดเสียงอ่อย “ฉันขอโทษ”“ไม่เป็นไร สำหรับยู ไอไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว”เสียงตัดพ้อนั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด ลูเฟียหันไปพูดกับเด็กน้อย “หมดเวลาขับรถเล่นแล้ว กลับไปหาแม่เราไป”โนร่าส่ายหน้า “ซิ่ง ๆ” ดูท่าแล้วแม่หนูน้อยจะแสบไม่ใช่ย่อย ถ้าเป็นเด็กคนอื่นคงร้องไห้ไปแล้วลูเฟียส่งโนร่าคืนให้คนเป็นแม่ เจด้าได้แ
เสียงเปียโนในงานเปิดแกลเลอรีไข่มุกของบริษัทพีรพัฒน์บรรเลงขับกล่อมแขกที่มาร่วมงานเจด้าหันมองไปรอบ ๆ พบว่าแขกส่วนใหญ่เป็นหุ้นส่วนธุรกิจของพ่อ และบางกลุ่มดูเหมือนจะเป็นคนของฟรองซัวส์ที่เข้ามาสมทบ ความปลอดภัยในงานแน่นหนาดี“มองอะไรอยู่” คนด้านหลังเดินมากอดเอวเธอ แล้วมองผู้คนด้านล่างที่กำลังเลือกซื้อไข่มุก“เหมือนจะเห็นคนที่ไม่ควรมาแฮะ” เจ้าของประโยคถอนริมฝีปากออกจากคอของเธอแล้วมองไปที่ประตูซึ่งพวกบอดี้การ์ดกำลังยืนขวางคนกลุ่มหนึ่ง“วันนี้เจนไม่อยากให้มีเรื่องกัน เจนขอลงไปด้านล่างเองนะคะ”พีรพัฒน์มองลูเฟียที่มากับลูกน้องก็รู้สึกไม่พอใจ “ผมลงไปด้วย”“เจนคนเดียวดีกว่า เชื่อเจนนะคะ” สีหน้าพีรพัฒน์กังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยอมให้เธอลงไปต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ“ฉันจัดการเอง” เสียงเจด้าทำให้บอดี้การ์ดหันไปมอง ลุงคูคัสสั่งให้คนถอยออกมาสองก้าว เปิดทางให้คุณหนูเดินมายืนด้านหน้า“นายมาทำไม”ลูเฟียชูโบรชัวร์ในมือ “จะมีประมูลไข่มุกเมโลไม่ใช่เหรอ ไอก็มาประมูลด้วยน่ะสิ”เจด้ามองกระเป๋าสีดำหลายใบในมือลูกน้องของลูเฟีย“ได้ แต่คงต้องตรวจกระเป๋าพวกนี้ก่อนเข้างาน”ลูเฟียยักไหล่ก่อนผายมือให้คนของเธอทำงาน







