 LOGIN
LOGINเงินที่น้องชายให้มาพอจะประทังชีวิตต่อได้สักพัก แต่ก็ต้องใช้อย่างจำกัดจำเขี่ย อย่างข้าวที่เคยกินมื้อละหมื่นก็เหลือจานละไม่ถึง ร้อยบาท เจด้าได้แต่รู้สึกเศร้ากับชีวิตอันแสนรันทดของตัวเอง
ช่วงแรกเธอรู้สึกแย่จริง ๆ เห็นอาหารในจานแล้วพานกินไม่ลง แต่กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง เมื่อไม่มีทางเลือกก็เริ่มชินไปเอง เอาตรง ๆ จานละไม่ถึงร้อยกลับรู้สึกอิ่มกว่าจานละเป็นหมื่นเสียอีก
เจด้ามองถาดอาหารที่มีกับข้าวให้เลือกมากมาย แต่เธอไม่ชอบกินไก่อีกทั้งยังแพ้กุ้ง จึงต้องเลือกมากกว่าคนอื่น กว่าจะได้เมนูที่ถูกใจคนที่คอยอยู่ก็กินไปครึ่งจานแล้ว
“รีบกินเร็วเข้า ไหนบอกว่าจะต้องไปทำงานอีก”
ลืมสนิทเลย วันนี้วันอาทิตย์ เธอนั่งทำการบ้านจนลืมเวลา พอยกนาฬิกาดูก็พบว่าใกล้บ่ายสามโมงแล้ว จึงรีบกินข้าวเพื่อไปตามนัดหมาย
มลฤดีมองเพื่อนร่วมหอพลางคิดในใจ แม้อีกฝ่ายจะดูแปลก ๆ ในบางครั้ง แต่นิสัยก็ไม่ได้แย่มากมาย จึงหันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นต่อ
ร้านอาหาร Dark&Love Me ร้านอาหารหรูที่เธอเผลอเดินเข้ามา ในคืนนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าจะกลับมาที่นี่อีก แต่ในฐานะลูกจ้าง เพราะมัวแต่ยืนนิ่ง ทำให้คนด้านหลังที่ยืนคอยพูดขึ้น
“จะเข้าหรือไม่เข้า”
เจด้าหันไปตามเสียงด้านหลังก็พบว่าเป็นผู้ชายอายุรุ่นราว คราวเดียวกับเธอ ดูเหมือนจะเป็นนักศึกษาเหมือนกัน
“เธอทำงานที่นี่เหรอ” ผู้ชายคนนั้นถาม
“เพิ่งเริ่มงานวันแรกน่ะ แล้วนาย?”
“ผมทำงานที่นี่ได้สามเดือนแล้ว” ใบหน้านั้นยิ้มกรุ้มกริ่ม ยิ่งเห็นผู้หญิงตรงหน้าสวยสะดุดตาก็พยายามเก๊กหล่อโปรยเสน่ห์ คิดเข้าข้างตัวเองว่าหน้าตาดีแบบนี้ สาวที่ไหนเห็นเป็นต้องหลงทั้งนั้น
ทว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลกับเจด้าที่เจอคนหล่อมามากมายจนชินตา หน้าแบบนี้ก็ได้แค่บทตัวประกอบเดินผ่านฉากเท่านั้นแหละ เธอมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย ทำเอาอีกฝ่ายยิ้มค้าง หน้าแตกเล็กน้อย
“อะแฮ่ม เราเรียนอยู่ปีหนึ่งใช่ไหม พี่ชื่อเกมส์ เป็นรุ่นพี่ปีสาม”
อีกฝ่ายแนะนำตัวเองเสร็จสรรพแบบไม่ต้องถาม
“ฉันชื่อเจนค่ะ” เจด้าแนะนำตัวโดยใช้ชื่อสำรองแทนชื่อจริง ขณะกำลังจะถามข้อมูลต่อเรื่องงานในร้านก็มีเสียงกระแอมดังขึ้นจากด้านหลัง
“นี่ จะยืนคุยกันอีกนานไหม”
เจ้าของเสียงเป็นใครไม่ได้นอกจากเจ้านาย ลูกน้องจึงต้องรีบหลีกทางให้อีกฝ่ายเดินเข้าไปด้านใน
เจด้ามองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกโมโหเล็ก ๆ ที่เขาไม่มองหน้าเธอเลย แถมยังทำหน้าบูดเหมือนโกรธใครอยู่
เป็นรุ่นพี่อีกนั่นแหละที่เฉลย “น้องชายเจ้านายตายเมื่อสี่วันก่อนน่ะ เพิ่งเสร็จจากงานศพก็มาเปิดร้าน”
น้องชายตาย? มันทำให้เธอนึกถึงอุบัติเหตุวันก่อน แต่คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง เจด้าสลัดความคิดบ้า ๆ ออกแล้วเดินเข้าไปในร้าน
สักพักพีรพัฒน์เรียกลูกน้องมารวมตัวกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงขุ่น
“ถึงไม่มีเจ้าพลแล้ว แต่งานในร้านก็ต้องเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม คุณอร ผมต้องลงเกาะวันพรุ่งนี้ กว่าจะขึ้นมาอีกก็ประมาณ เจ็ดวัน เรื่องในร้านระหว่างนี้ผมให้คุณตัดสินใจ”
อรอุมาพยักหน้า สายตาเจ้านายหันไปมองพนักงานใหม่ “โดยเฉพาะคนที่มาใหม่ สอนงานเธอให้ดีล่ะ อย่าให้มีเรื่องผิดพลาดเด็ดขาด”
เจด้าเข้าใจทันทีว่าผู้พูดหมายถึงใคร เธอมองหน้าเขาพลางคิดว่าท่าทางการพูดและสีหน้าของอีกฝ่ายช่างแตกต่างจากคืนนั้นโดยสิ้นเชิง หรือเป็นเพราะเธอปฏิเสธเป็นเด็กเลี้ยงของเขา ทำให้เจ้าตัวไม่พอใจ
ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ ในเมื่อตั้งใจมาทำงานก็ต้องทำตัวดี ๆ แล้วลืมเรื่องคืนนั้นเสีย เธอมาที่นี่เพื่อเงินเท่านั้น
พีรพัฒน์เห็นใบหน้าเรียบเฉยของหญิงสาวก็ยิ่งหงุดหงิดโดยไม่รู้ตัว สั่งงานเสร็จแล้วเขาจึงกลับเข้าห้องทำงานด้านใน แต่ยังคงแอบมองเธอผ่านกระจกที่กำลังเรียนรู้งานจากรุ่นพี่
เห็นแล้วหมั่นไส้ นักศึกษาที่ชื่อเกมส์ตามประกบรุ่นน้องเป็นเงา ไม่รู้ว่าสอนงานหรือทำอะไรกันแน่ เขาไม่ได้หึงหรอกนะ ก็แค่สมเพชผู้หญิงใจง่ายเท่านั้น
สักพักเขาก็กลับมาคิดเรื่องนักศึกษาที่เป็นต้นเหตุให้น้องชายเขาเสียชีวิต ไม่ว่ากล้องวงจรปิดหรือกล้องมือถือ กล้องหน้ารถ ไม่เจอหลักฐานใด ๆ เลย
ที่น่าแปลกคือพยานที่เห็นเหตุการณ์ ครั้นเขาไปสอบถามกลับปฏิเสธพัลวัน อ้างว่าจำผิด ผู้หญิงสองคนนั้นเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงมีอิทธิพลสามารถปิดปากคนได้มากมายขนาดนี้
เจด้ายืนทบทวนรายการอาหาร คนที่เคยแต่สั่งคนอื่น เมื่อต้องมาเป็นฝ่ายจำเมนูให้ครบก็รู้สึกเบื่อ หลังจากที่พยักหน้าเหมือนเข้าใจไป สามรอบ ก็ถูกสั่งให้ไปประจำที่แผนกต้อนรับ
เสียงเจื้อยแจ้วของเธอพร้อมใบหน้าที่ดูเหมือนลูกครึ่งสะดุดตาลูกค้าหลายคน แขกที่มายิ้มตอบรับกันเป็นแถวโดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ที่เหลียวหลังมองจนคอแทบเคล็ด คนที่อยู่ห้องด้านในมองผ่านกระจกแล้วก็ยิ่งทวีความหงุดหงิด เขายกมือถือขึ้นมา
“ใครใช้ให้เจนไปรับแขกด้านนอก”
อรอุมาตอบปลายสาย “อรเองค่ะ คิดว่าเด็กคนนั้นคงยังรับออร์เดอร์ไม่ได้ แต่หน้าตาเธอน่ารักน่าเอ็นดูดี อรเลยให้ไปยืนรับแขกด้านนอกแทนน่ะค่ะ”
“ใครบอกว่าน่ารักน่าเอ็นดูกัน หน้าตาบ้าน ๆ”
อรอุมาหันไปมองคนหน้าตาธรรมดาที่ยืนยิ้มต้อนรับแขก ถ้าแบบนั้นเรียกว่าหน้าตาบ้าน ๆ อย่างเธอจะเรียกว่าอะไรดี “แล้วคุณพีอยากให้เธอทำตำแหน่งอะไรล่ะคะ?”
น้ำเสียงหงุดหงิดด้านในเหมือนคิดไม่ออกจึงวางสายไปดื้อ ๆ อรอุมาจึงเรียกเจด้ากลับเข้ามาในร้านอีกที
“จะลองรับออร์เดอร์ดูไหม”

เงินที่น้องชายให้มาพอจะประทังชีวิตต่อได้สักพัก แต่ก็ต้องใช้อย่างจำกัดจำเขี่ย อย่างข้าวที่เคยกินมื้อละหมื่นก็เหลือจานละไม่ถึง ร้อยบาท เจด้าได้แต่รู้สึกเศร้ากับชีวิตอันแสนรันทดของตัวเองช่วงแรกเธอรู้สึกแย่จริง ๆ เห็นอาหารในจานแล้วพานกินไม่ลง แต่กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง เมื่อไม่มีทางเลือกก็เริ่มชินไปเอง เอาตรง ๆ จานละไม่ถึงร้อยกลับรู้สึกอิ่มกว่าจานละเป็นหมื่นเสียอีกเจด้ามองถาดอาหารที่มีกับข้าวให้เลือกมากมาย แต่เธอไม่ชอบกินไก่อีกทั้งยังแพ้กุ้ง จึงต้องเลือกมากกว่าคนอื่น กว่าจะได้เมนูที่ถูกใจคนที่คอยอยู่ก็กินไปครึ่งจานแล้ว“รีบกินเร็วเข้า ไหนบอกว่าจะต้องไปทำงานอีก”ลืมสนิทเลย วันนี้วันอาทิตย์ เธอนั่งทำการบ้านจนลืมเวลา พอยกนาฬิกาดูก็พบว่าใกล้บ่ายสามโมงแล้ว จึงรีบกินข้าวเพื่อไปตามนัดหมายมลฤดีมองเพื่อนร่วมหอพลางคิดในใจ แม้อีกฝ่ายจะดูแปลก ๆ ในบางครั้ง แต่นิสัยก็ไม่ได้แย่มากมาย จึงหันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นต่อร้านอาหาร Dark&Love Me ร้านอาหารหรูที่เธอเผลอเดินเข้ามา ในคืนนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าจะกลับมาที่นี่อีก แต่ในฐานะลูกจ้าง เพราะมัวแต่ยืนนิ่ง ทำให้คนด้านหลังที่ยืนคอยพูดขึ้น“จะเข้าหรือไ
เจด้ารีบสวมชุดคลุมแล้วลงไปด้านล่าง “มีอะไรหรือคะคุณลุง”“ผมแวะเอานี่มาให้ครับ ขอโทษที่มาช้าไปหน่อย”เจด้ามองโคมไฟอันเล็ก ๆ ในมือคนขับรถ “ต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นด้วย ผมเลยไม่ซื้ออันที่สว่างมาก แต่ก็จะไม่มืดเกินไปจนทำให้คุณหนู ฝันร้ายแน่นอน”เจด้าฉีกยิ้มกว้าง รับโคมไฟมาถือ ลูคัสวางมือลงบนศีรษะเจด้าแล้วโยกเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู “ไปนอนได้แล้ว”“ค่ะ” พูดจบเจด้าโน้มตัวจูบแก้มอีกฝ่ายตามความเคยชินตั้งแต่เด็ก ๆ“ฝันดีนะคะ ลุงลูคัส” เธอยิ้มและยกมือโบกลา ลูคัสมองส่งเด็กสาวจนหายเข้าไปในบ้านแล้วจึงค่อยเดินกลับขึ้นรถก่อนจะโทร.รายงานเจ้านาย“เรียบร้อยแล้วครับมาดาม”เฮ้อ เป็นห่วงลูกแต่ก็ใช้เขาออกหน้าตลอด ไม่รู้ว่าจะปิดบังความรู้สึกของตัวเองไปทำไม ลูคัสขับรถออกไปโดยไม่สังเกตว่ามีรถเก๋ง อีกคันจอดซุ่มดูอยู่ข้างหอชายหนุ่มในรถคันดังกล่าวเพ่งมองป้ายทะเบียนรถหรูที่ขับออกไปก่อนหันกลับมา เงยหน้ามองไปทางหน้าต่างห้องพักของหญิงสาวที่ตัวเองเพิ่งนอนด้วยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้เจด้าขึ้นห้องแล้วเดินออกมารับลมที่ระเบียงโดยไม่รู้ว่ามีคนเฝ้ามองอยู่ พีรพัฒน์เปิดกระจกรถ ปล่อยควันบุหรี่ที่ตัวเองสูบออกนอกหน้าต่างพลางนึก
“ผมมีความสุขมาก”เธอเหนื่อยแต่ก็ต้องคิดถึงวันข้างหน้า “ฉันไม่ติดค้างคุณแล้วนะ” เจด้าลืมตามองเขา“ว่าแต่คุณพอมีตำแหน่งว่างในร้านบ้างไหม ฉันอยากทำงาน” สำหรับเจด้าเงินแค่หนึ่งพันบาทต่ออาทิตย์ไม่พอแน่ ๆพีรพัฒน์มองใบหน้างาม คิดว่าแค่เธอนอนกับเขา เขาก็พร้อมจะเลี้ยงดูเธออย่างดี“ถ้าผมจะเลี้ยงดูคุณ...”เจด้าส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้า“คุณบอกว่าแค่คืนเดียว พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนี้อีก ฉันอยากทำงานหาเงินเอง คุณพอจะมีงานว่างไหม ถ้าไม่มีฉันไปหาที่อื่น ก็ได้”โอ้ เด็ดเดี่ยวจริง ๆ พีรพัฒน์ไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน ทั้งที่ถูกเขาพรากความบริสุทธิ์ แต่เธอกลับไม่คิดจะต่อรองหรือเรียกร้องเงินเพิ่ม หนำซ้ำยังของานเขาทำ ถ้าไม่ให้ก็พร้อมจากไปโดยง่าย“ถ้าคุณอยากทำงาน ผมมีตำแหน่งว่างพอดี”เจด้าหันไปมองร่างเปลือยที่เดินมายื่นนามบัตรให้ “พรุ่งนี้บ่าย สามโมงเข้ามาที่ร้าน ผมจะสอนงานคุณก่อนเริ่มงาน ร้านอาหารของเราส่วนมากให้บริการลูกค้าระดับสูง ดังนั้นจะผิดพลาดไม่ได้ เข้างานสี่โมง ออกงานตอนเที่ยงคืน”เจด้าพยักหน้าเข้าใจ และรู้สึกโชคดีที่เวลางานกับตารางเรียน ไม่ชนกัน เธอจึงออกจากห้องแล้วกลับที่
สองสาวลงมาที่ชั้นล่าง เห็นร้านอาหารตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามตึก แต่สะพานลอยที่จะข้ามไปอยู่ค่อนข้างไกล มลฤดีจึงฉุดมือเจด้าวิ่งข้ามถนน!!“เดี๋ยว ๆ!!” เจด้าที่ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้รีบร้องห้าม แต่ไม่ทัน เสียแล้ว เสียงรถเบรกดังลั่นถนนพร้อมกับเจด้าที่หลับตาปี๋ คิดว่าตัวเองคงต้องตายกลายเป็นผีเฝ้าถนนแน่ ๆ ทว่าผ่านไปสักครึ่งนาทีก็ยังไม่รู้สึกเจ็บ จึงลืมตาขึ้นมองก็ต้องตกใจเมื่อพบว่ารถคันนั้นได้หักหลบเข้าข้างทางจนชนเข้ากับเสาไฟฟ้าเสียแล้วเจด้าเห็นว่าคนขับเหมือนจะยังมีสติอยู่เธอจึงจะวิ่งเข้าไปดู แต่จู่ ๆ มีรถอีกคันวิ่งตามมาด้านหลังอย่างเร็วก่อนชนรถคันที่คาเสาไฟอยู่เต็มแรง “โครม!!”เจด้าแทบช็อก ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก มลฤดีฉุดเพื่อนให้ไปยืนบนเกาะกลางถนน เสียงรถกู้ภัยที่แล่นผ่านมาพอดีดังแสบแก้วหู เจ้าหน้าที่รีบลงไปช่วยผู้เคราะห์ร้ายที่มีเลือดท่วมตัวออกมาจากรถ“ตายแล้ว...ผู้ชายคนนั้นตายแล้ว เราสองคนทำให้เขาต้องตาย” เจด้าพูดเสียงสั่น มือเย็นเฉียบ มลฤดีตั้งสติได้เร็วกว่า รีบพาเพื่อนข้ามไปอีกฝั่งทันที“ถ้ามีใครถามก็บอกว่าไม่รู้ไม่เห็นนะเข้าใจไหม พวกเรามาเห็นก็หลังจากที่รถชนกันแล้ว” มลฤดีกำชับขณะที่ทั้งสองคนนั
เจด้าปรายตามองเพื่อนร่วมชั้นเรียนในห้องพร้อมถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมเธอต้องมานั่งอยู่ที่นี่ท่ามกลางคนแปลกหน้า สถานที่ที่ไม่คุ้นเคย น่าโมโหชะมัด กะอีแค่เธอขัดคำสั่งพ่อแม่ไม่กี่ครั้งก็ถูกส่งกลับเมืองไทยแบบกะทันหันชนิดไม่ให้ตั้งตัว โดยบอกว่าเพื่อดัดนิสัยเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจของเธอ หึ ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่านั้นคือการ ถูกส่งให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยภาคธรรมดา แทนที่จะเรียนภาคอินเตอร์ให้สมกับฐานะสักหน่อยเจด้าตัดสินใจเดินออกจากห้องเรียนที่แสนน่าเบื่อโดยไม่สนใจสายตาทุกคู่ที่มองเธอเป็นตาเดียว เมื่อมาถึงรถเก๋งคันงามเด็กสาวก็ออกคำสั่งทันที“ไปที่ไหนก็ได้”“ครับ” ลูคัส ชายวัยกลางคนรับคำสั้น ๆ ปิดประตูรถให้สาวน้อยคนงามที่ตอนนี้หน้าตาบึ้งตึง ในฐานะคนขับรถที่ทำงานกับตระกูลนี้มานานจึงขับรถไปยังสวนสาธารณะที่ใกล้ที่สุดทันทีอย่างรู้ใจ ในยามนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการพาเธอไปยังที่ที่ทำให้สาวน้อยรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อไปถึงเขาก็หาที่จอด ปล่อยให้เธอลงไปเพียงลำพังหญิงสาวลงจากรถแล้วไปเดินเล่นที่ริมบึง ระหว่างนั้นก็หยิบหินก้อนเล็ก ๆ ขึ้นมาเขวี้ยงลงน้ำเพื่อระบายอารมณ์ หลังจากนั้นไม่นานผู้เป็นแม่ก็ต








