“เสียใจด้วยนะครับ ผมขอให้มินเจอคนดีๆที่สามารถดูแลชีวิตมินได้ในเร็ววันนี้นะครับ” ธีร์ภาณุพูดจบก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“สายมากแล้วครับ เดี๋ยวผมต้องกลับเข้าไร่แสงตะวัน” ชายหนุ่มพยายามตัดบทเพื่อขอตัวกลับ วันนี้เขาเพียงแค่ต้องการคุยกับมินตราให้รู้เรื่อง เขาไม่อยากให้หญิงสาวไปที่บ้านอีก เพราะไม่ต้องการให้ไอรักคิดมากและใช้เป็นเหตุผลหนีกลับบ้านได้
“มินอยากไปที่ไร่ด้วยจังเลยค่ะ” มีหรือคนอย่างมินตราจะยอมแพ้ง่ายๆ เธอลงทุนไปเยอะมันต้องลองกันสักตั้ง
“เอ่อ...คงไม่สะดวกนะครับ ผมว่ามินเพิ่งกลับมา น่าจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวนะครับ คุณลุงกับคุณป้าสบายดีใช่ไหมครับ” ธีร์ภาณุพยายามเบี่ยงเบนประเด็น
“คุณพ่อคุณแม่สบายดีค่ะ เมื่อคืนมินก็ได้คุยกับพวกท่านแล้ว ไม่มีอะไรจะคุยแล้วค่ะ แต่มินอยากไปเที่ยวดูโน่นดูนี่มากกว่า นะคะขอมินไปที่ไร่ด้วย มินอยากไปดูสวนดอกไม้ของธีร์น่ะค่ะ ป่านนี้คงออกดอกสวยสะพรั่ง ให้มินได้ไปเปิดหูเปิดตาดูดอกไม้สวยๆงามๆหน่อยนะคะ” มินตราพยายามออดอ้อน เมื่อก่อนเธอเคยใช้ลูกอ้อนแบบนี้กับธีร์ภาณุได้ วันนี้มันก็ต้องยังใช้ได้สิน่า ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้สึกลำบากใจ
“อุ๊ย!” มินตราจับอาการของไอรักได้ จึงแกล้งอุทานเบาๆและปล่อยมือจากแขนของชายหนุ่ม “ขอโทษนะคะคุณไอรัก คือว่ามินคุ้นเคยกับการเดินควงแขนธีร์ตั้งแต่สมัยที่เราคบกัน เอ่อ...ตั้งแต่ตอนที่คุณไอรักยังไม่ได้รู้จักธีร์เลยมั้งคะ” มินตราจงใจพูดให้ไอรักคิดมาก ธีร์ภาณุเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดีจึงเบี่ยงเบนประเด็น “เอ่อ...แล้วแปลนบ้านล่ะครับคุณแนน” “อุ๊ย! ลืมหยิบลงมาจากรถ รอสักครู่นะคะ” รสิตาเดินลงจากบ้านกลับไปที่รถ ธีร์ภาณุเดินตามหลังหญิงสาวไปเพื่อจะถือเอกสารช่วย มินตราเดินนวยนาดไปนั่งลงข้างๆไอรัก “คุณไอรักเป็นผู้หญิงที่โชคดีจังเลยนะคะ จับธีร์ซะอยู่หมัด ทั้งที่ธีร์มีตัวเลือกตั้งเยอะแยะแต่กลับมาเลือกคุณ เอ...หรือเพราะคุณพ่อของคุณไอรักเป็นเพื่อนกับพ่อของธีร์หรือเปล่าคะ ธีร์ถึงต้องจำใจยอมตกล่องปล่องชิ้นด้วย” ไอรักหันขวับทันที เธอจ้องใบหน้าที่แต่งเข้มจัดของหญิงสาว แต่ก่อนที่ไอรักจะอ้าปากโต้ตอบ เสียงรสิตาก็ดังขึ้น “มาแล้วค่ะ คุณไอรักดูด้วยกันเลยนะคะ บ้านของคุณไอรักกับคุณธีร์ค่ะ
“เอ่อ...ครับ พี่ตามใจหนูไอเสมอครับ เดี๋ยวเราไปอาบน้ำด้วยกันนะ” ธีร์ภาณุได้ทีแกะแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของมินตรา และโอบกอดเอวคอดของไอรักแน่น พร้อมกับจุมพิตที่ขมับของหญิงสาวแรงๆ ก่อนจะล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงโทรหาลุงมิ่ง สั่งการตามที่นายหญิงของไร่บัญชาการทันที“คุณมินตรารอลุงมิ่งอยู่ตรงนี้นะคะ ข้างนอกนี่แหละค่ะ หนูไอกับพี่ธีร์ขอตัวก่อน ร้อนจริงๆนะคะ พี่ธีร์เข้าไปในบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวเรามาผลัดกันถูหลังนะคะ วันนี้หนูไอมีรางวัลพิเศษให้พี่ธีร์ด้วยนะ” ไอรักจงใจพูดยั่วมินตรา หญิงสาวซบศีรษะลงที่บ่าแกร่งอย่างออเซาะ พร้อมกับรอยยิ้มที่บ่งบอกให้รู้ว่าเธออยู่เหนือกว่ามินตรามากนัก ธีร์ภาณุหันหลังกลับพาไอรักเดินเข้าบ้าน โดยไม่สนใจมินตราที่แทบจะร้องกรี๊ดออกมาเมื่อเสียงรถที่ลุงมิ่งขับมาเพื่อจะพามินตราไปส่งแล่นออกห่างจากตัวบ้านไปแล้ว ไอรักก็ปล่อยแขนธีร์ภาณุทันที หญิงสาวถอยออกห่างชายหนุ่ม แต่ช้าไปหนึ่งก้าว เพราะคนตัวเล็กถูกคนตัวโตคว้าหมับเข้าที่เอวบาง“อ๊ะๆ...เมื่อกี้ใครที่ชวนเขาอาบน้ำ แล้วนี่จะมาหนีไปไหน”“พี่ธีร์ก็รู้ว่าหนูไอพูดเพื่ออะไร ไม่ต้องมาฉวยโอกาสเลย”
หญิงสาวหอบหายใจเร็วอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะปรับจังหวะให้เป็นปกติ คนที่เพิ่งส่งเธอไปวิมานแสงดาวยืนขึ้นเต็มความสูง เขายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่นัยน์ตาคู่สวย ไอรักก้มหน้ารู้สึกอายจนไม่อยากสบสายตาของธีร์ภาณุเลย หากแต่ตอนนี้เธอรู้สึกเพลียแทบจะยืนไม่ไหว แข้งขาก็พาลอ่อนแรง มือบางจึงต้องเกาะแขนชายหนุ่มไว้เพื่อพยุงร่างกายตัวเอง“นี่ไงรางวัลพิเศษ ชื่นใจที่สุด” ธีร์ภาณุกอดคนตัวเล็กในอ้อมแขนครู่หนึ่ง ก่อนจะจัดการถอดบราเซียร์ออกจากร่างบาง ไอรักเตรียมตัวอ้าปากประท้วง“พี่จะอาบน้ำให้ครับ อยู่เฉยๆนะ ไม่อย่างนั้นพี่ไม่รับประกันความปลอดภัย” ไอรักหุบปากลงทันที ยืนนิ่งให้ชายหนุ่มอาบน้ำให้ราวกับเด็กน้อยธีร์ภาณุใช้ผ้าขนหนูซับน้ำให้ร่างบางก่อนจะพันตัวให้ แล้วรุนหลังไอรักออกจากห้องน้ำ “หนูไอแต่งตัวเองนะครับ พี่เปียกหมดเลยขอตัวอาบน้ำแป๊บหนึ่งนะครับ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นมาอีกแล้ว ไอรักหันหลังให้ชายหนุ่มแล้วเดินออกจากห้องน้ำทันที ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำธีร์ภาณุเปิดฝักบัวให้แรงขึ้น เขาต้องการให้สายน้ำดับความร้อนระอุของอารมณ์ภายใน เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน ที่ทำอะไรให้หญิงสาวขนาดนั้นแล้วตัวเองจ
“นายเล็กครับ” ธีร์ภาณุและไอรักหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน และนั่นมันก็ทำให้ลุงมิ่งรู้สึกว่าตัวเองมาไม่ถูกเวลาเอาซะเลย “มีอะไรครับลุงมิ่ง” “เอ่อ...มีแขกมาหาครับ” ลุงมิ่งพูดขณะที่มุมกุมเป้าก้มหน้ามองดิน เพราะรู้สึกตัวเองว่าเข้ามาขัดจังหวะของเจ้านายอย่างไม่น่าให้อภัย “ใคร” “เอ่อ...คุณมินตราครับ” ไอรักกับธีร์ภาณุหันหน้ามาสบตากันโดยอัตโนมัติ คนหนึ่งแววตาเต็มไปด้วยคำถาม คนหนึ่งแววตาเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ กลัวคนที่สบตาด้วยจะเข้าใจผิด ก่อนที่ธีร์ภาณุจะได้พูดอะไร ไอรักสะบัดหน้าหนีด้วยความงอน ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเร็วตรงไปที่บ้านหลังเล็กทันที “หนูไอ” ธีร์ภาณุเรียกตามคนขี้งอนแต่หญิงสาวก็ไม่หันหลังกลับมา “ผมขอโทษครับนายเล็ก” ลุงมิ่งเอ่ยขึ้นอย่างสำนึกผิด “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับลุงมิ่ง” ชายแก่พยักหน้าหงึกๆ แ
มินตรายิ้มเยาะ ผู้หญิงอย่างไอรักไม่มีวันตามทันเกมของเธอแน่นอน มินตราเดินตามไอรักเข้าไปในห้องนอน ป้าบัวและน้อยหน่าที่ยืนคอยบริการอยู่รีบเก็บสำรับถ้วยชามทันที“คุณมินอะไรนี่เขาเป็นใครป้า ทำไมดูวุ่นวายกับนายเล็กจัง แล้วทำไมพี่หนูไอไม่ว่าอะไรสักคำ” น้อยหน่าพูดไปตามที่เห็น“เรื่องของเจ้านายอย่าสู่รู้ รีบๆเก็บจานชามกลับบ้านเร็ว” ป้าบัวเอ็ดหลานสาว แต่ตัวเองกลับลอบถอนหายใจกับสถานการณ์ของเจ้านายอยู่เหมือนกัน“เอ่อ...คุณไอรักคะ บังเอิญว่ามินไม่ได้เตรียมชุดนอนมาด้วย ขอยืมหน่อยนะคะ” ไอรักมองหน้ามินตราครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้หยิบชุดนอนผ้าลินินเนื้อดี ซึ่งเป็นชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าสีชมพู แล้วไอรักก็นึกอะไรออกบางอย่าง“ถ้าอย่างนั้นคุณมินตราก็คงไม่มีชุดชั้นเปลี่ยนด้วยสิคะ แต่คุณมินตราคงใส่ของหนูไอไม่ได้มั้งคะ หนูไอไซซ์สามสิบสี่คัพซี ประมาณการดูแล้วคุณมินตราคงแค่สามสิบสองคัพบี แต่ที่เห็นดูมๆนั่น โกยมาใช่มั้ยคะ”มันเจ็บตรงนี้แหละ มินตราคิดในใจ แต่คนอย่างมินตราไม่มีวันยอมใครง่ายๆหรอก“เอ่อ...ก็ไม่เป็นไรค่ะ มินไม่ใส่ก
นาฬิกาบนผนังห้องบอกให้รู้ว่าเริ่มวันใหม่ได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว คนตัวโตที่เพิ่งไขกุญแจบ้านเข้ามาหรี่ตามองร่างบนที่นอนคุดคู้บนโซฟาในความมืด เมื่อเดินเข้าใกล้ และกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เขาหลงใหลก็ทำให้รู้ว่าเป็นไอรัก“หนูไอมานอนทำอะไรตรงนี้”ชายหนุ่มพึมพำ แต่เมื่อคิดได้ว่าในห้องมีมินตรานอนอยู่ นั่นคงเป็นเหตุผลให้ไอรักต้องมานอนอยู่ตรงนี้ เขานึกโกรธตัวเองที่ใจอ่อนยอมให้มินตราค้างที่ไร่ด้วย ทำให้คนตัวเล็กต้องมานอนคุดคู้อยู่ที่โซฟา ธีร์ภาณุมองไปที่ประตูห้องนอนแล้วถอนหายใจ ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ในความมืด ชายหนุ่มช้อนร่างบางขึ้นแนบอก ไอรักเบียดตัวเข้าหาอกอุ่นอย่างคุ้นเคย น่าจะเป็นเพราะเพิ่งข่มตาหลับได้ไม่นานทำให้หญิงสาวหลับลึก ไม่ได้รู้สึกตัวว่ากำลังถูกเปลี่ยนที่นอนธีร์ภาณุอุ้มร่างบางนุ่มนิ่มพาเดินเร็วตรงไปที่โกดังหลังใหญ่ในไร่ อากาศข้างนอกเย็นจนชายหนุ่มต้องกระชับร่างบางแน่นยิ่งขึ้น ไอรักเองก็กอดตอบแนบแน่นด้วยความคุ้นชินตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกดัดแปลงเป็นห้องนอนและมีห้องน้ำอยู่ในตัว ตั้งอยู่ด้านในสุดของโกดัง ซึ่งไอรักเองก็ไม่เคยสังเกตเห็น
“เอ่อ...รอวันแต่งงานไม่ได้หรือคะ” คนโดนจู่โจมพยายามต่อรอง เมื่อมองไม่เห็นทางรอด“ไม่เอา...พี่คงขาดใจตายก่อนพอดี” ชายหนุ่มตอกย้ำคำพูดด้วยการกดจมูกแรงๆ พร้อมกับสูดความหอมของแก้มนวลฟอดใหญ่ ไอรักพยายามเบี่ยงตัวหลบเป็นพัลวัน“หนูไอสวยจังครับ” คนในอ้อมกอดเผยอปากจะเถียง แต่กลับถูกริมฝีปากได้รูปฉกวูบอย่างรวดเร็ว มือใหญ่ช้อนท้ายทอยเธอไว้เพื่อรับจูบจากเขา สติของไอรักแตกกระเจิง ดวงตากลมสวยเบิกกว้าง มือน้อยๆพยายามทุบตีอกแกร่งที่กอดขังเธอไว้เพียงแค่มือเดียว แต่มันก็ไม่ได้เป็นผลให้คนที่กำลังละเลียดชิมริมฝีปากบางของเธอสะทกสะท้านแม้แต่น้อย ลิ้นอุ่นๆของธีร์ภาณุค่อยๆซอกซอนชิมทุกอณูของปากเล็กๆอย่างช่ำชอง จูบที่แสนจะเร่าร้อนกระชากจิตวิญญาณของไอรัก จนคนถูกจูบแทบจะหลอมละลายไปกับอกกว้างท่าทีดิ้นรนแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนระทวย ท่อนแขนรียวเปลี่ยนเป็นโอบคอชายหนุ่มไว้อย่างหาที่จะยึด เพราะไอรักรู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ เธอจึงจำเป็นต้องหาที่เกาะยึดไว้ ธีร์ภาณุถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ชายหนุ่มมองหน้านวลที่ตอนนี้แดงก่ำแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ไอรักหลบสายตาที่มองมาด้วยการหลุบตาลง
“อย่าค่ะ!” เสียงห้ามแผ่วเบาและแหบพร่า ขณะที่ร่างกายกลับทรยศแอ่นกายรับลิ้นสากร้อน ที่จาบจ้วงเข้ามาเพื่อดูดดุนเนื้อนิ่มด้วยจังหวะหนักแน่นเนิบช้า ธีร์ภาณุดูดกลืนทุกหยาดหยดของน้ำผึ้งหวานที่ออกมาจากกายสาว และเมื่อชายหนุ่มยกสะโพกเต่งตึงขึ้นเพื่อควบคุมได้ถนัด เขาเร่งจังหวะตวัดรัวเร็วขึ้น ไอรักแอ่นกายรับอย่างลืมตัว หญิงสาวรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังล่องลอยสูงลิ่ว และกำลังจะตกลงมาจากที่สูง มันเสียวซ่านเนิ่นนานจนแทบจะลืมหายใจ เมื่อถึงจุดที่ความทรมานถูกปลดปล่อย สมองพร่างพรายว่างเปล่าชั่วขณะ หญิงสาวกรีดร้องเสียงหวานอย่างลืมอาย กายสาวเกร็งกระตุกหอบหายใจถี่และแรง ธีร์ภาณุจูบย้ำแรงๆที่เนื้อนิ่ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาดวงตาปรือปรอยของหญิงสาว ไอรักทุบบ่าของชายหนุ่มเบาๆ และหลบสายตาคมด้วยความเขินอาย ชายหนุ่มเคลื่อนตัวขึ้นคร่อมร่างบางไว้“พี่รักหนูไอนะครับ” ธีร์ภาณุกระซิบข้างหูไอรักแผ่วเบา หากแต่คนที่กำลังฟังได้ยินชัดเจน ส่งผลให้หัวใจคนฟังพองโตคับอก ชายหนุ่มใช้แขนยันตัวเองขึ้นเพื่อสบตากับตากลมโตด้วยแววตาที่จริงใจ“หนูไอไม่ได้รังเกียจพี่ใช่ไหม พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้หนูไอเสียใจเด็ดขาด” ไอรักพยา
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน