“คือ...ฉันหมายความว่า แกน่ะ...เอ่อ...มีอะไรๆกับคุณภูแล้วใช่ไหม” คราวนี้น่านน้ำถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที
“อือ” หญิงสาวเออออพยักหน้าช้าๆ
“ตายแล้วแก...โอย...ดีนะที่ฉันรีบโทรบอกหนูไอ ฉันหวังว่าคุณภูจะรีบมาตามหาแก มาเอาแกไปเป็นเจ้าสาวเร็วๆนะ”
“แสดงว่าคุณภูน่าจะรู้แล้วใช่ไหมว่าฉันอยู่ที่นี่”
“หนูไอคงบอกให้แล้วล่ะ”
“ขอบใจแกมากพิมพ์ ฉันว่าเดี๋ยวคุณภูก็คงมาหาฉันแล้วล่ะ” น่านน้ำพูดอย่างมั่นใจ รอยยิ้มอย่างมีความหวังฉายชัดบนใบหน้า
ป้าดอกไม้ได้ยินสองสาวคุยกันอยู่หน้าประตูห้อง ผู้สูงวัยกว่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอไม่ได้ขัดขวางหากผู้ชายคนนั้นจะรัก และต้องการดูแลหลานสาวของตัวเองจริงๆ ที่ตัดสินใจพาหลานสาวมาพักที่บ้านนาเปี่ยมรักแห่งนี้ก็เพราะอยากจะวัดใจกับว่าที่หลานเขยดูสักตั้งว่า มีความพยายามมากพอที่จะตามหาน่านน้ำหรือไม่ ก็พอรู้อยู่หรอกว่าเพื่อนของหลานสาวแต่ละคนคงจะพยายามช่วยเหลือกันเต็มที่ งานนี้คงจะขึ้นอยู่กับผู้ชายคนนั้นแหละว่าจะตามมาหรือเปล่า หากเขาคิดแค่จะเล่นๆกับน่านน้ำ เด็ดดมสมใจเบื่อแล้วก็ทิ้งขว้าง คนที่จะอยู่เคียงข้างหลานสาวก็คงจะเป็นป้าคนนี้คนเดียวเท่า
ภูชิตเดินขึ้นบันไดบ้านด้วยความรู้สึกหวิวๆ บ้านหลังใหญ่เงียบเกินไปที่จะอยู่คนเดียว เขาจะตามหาน่านน้ำจนสุดหล้าฟ้าเขียว และจะไม่ยอมให้ใครมาพรากเธอไปจากเขาได้อีก เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆที่อยู่ด้วยกัน น่านน้ำเหมือนบางอย่างที่มาเติมเต็มทั้งชีวิตและหัวใจของเขา และเขาคงอยู่ไม่ได้หากไม่มีผู้หญิงที่ชื่อน่านน้ำมาอยู่เคียงข้างกันร่างใหญ่เอนตัวนอนบนเตียงกว้างอย่างเหนื่อยล้า หวนคิดถึงสัมผัสเร่าร้อนแสนหวานในตอนที่เธอยังอยู่ตรงนี้ หัวใจก็พลันรู้สึกแปลบปลาบราวกับจะขาดใจ ในเวลาที่ต้องห่างกันความรู้สึกรักและคิดถึงมันทำให้หัวใจทรมานได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ภูชิตค่อยๆปิดเปลือกตาลง แต่เมื่อกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราชายหนุ่มก็สะดุ้ง ดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วคลี่ยิ้มกว้างกับตัวเอง“อย่าลืมล็อกประตูห้องดีๆนะคะ ระวังจะมีใครเข้าหาอีก น้ำขี้เกียจโทรเรียกรถพยาบาลมาอีก”เสียงหวานที่ประชดประชันในวันที่หวานแหววเข้าหาเขาถึงในห้องลอยมาตามสายลม ภูชิตจึงเคลื่อนกายลงจากเตียงแล้วเดินไปล็อกประตู เขาส่ายศีรษะยิ้มๆแล้วเดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างอีกครั้ง“ผมอยากนอนกอดคุณจังเลยน้ำ คุณคิดถึง
“คือ...ฉันหมายความว่า แกน่ะ...เอ่อ...มีอะไรๆกับคุณภูแล้วใช่ไหม” คราวนี้น่านน้ำถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที“อือ” หญิงสาวเออออพยักหน้าช้าๆ“ตายแล้วแก...โอย...ดีนะที่ฉันรีบโทรบอกหนูไอ ฉันหวังว่าคุณภูจะรีบมาตามหาแก มาเอาแกไปเป็นเจ้าสาวเร็วๆนะ”“แสดงว่าคุณภูน่าจะรู้แล้วใช่ไหมว่าฉันอยู่ที่นี่”“หนูไอคงบอกให้แล้วล่ะ”“ขอบใจแกมากพิมพ์ ฉันว่าเดี๋ยวคุณภูก็คงมาหาฉันแล้วล่ะ” น่านน้ำพูดอย่างมั่นใจ รอยยิ้มอย่างมีความหวังฉายชัดบนใบหน้าป้าดอกไม้ได้ยินสองสาวคุยกันอยู่หน้าประตูห้อง ผู้สูงวัยกว่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอไม่ได้ขัดขวางหากผู้ชายคนนั้นจะรัก และต้องการดูแลหลานสาวของตัวเองจริงๆ ที่ตัดสินใจพาหลานสาวมาพักที่บ้านนาเปี่ยมรักแห่งนี้ก็เพราะอยากจะวัดใจกับว่าที่หลานเขยดูสักตั้งว่า มีความพยายามมากพอที่จะตามหาน่านน้ำหรือไม่ ก็พอรู้อยู่หรอกว่าเพื่อนของหลานสาวแต่ละคนคงจะพยายามช่วยเหลือกันเต็มที่ งานนี้คงจะขึ้นอยู่กับผู้ชายคนนั้นแหละว่าจะตามมาหรือเปล่า หากเขาคิดแค่จะเล่นๆกับน่านน้ำ เด็ดดมสมใจเบื่อแล้วก็ทิ้งขว้าง คนที่จะอยู่เคียงข้างหลานสาวก็คงจะเป็นป้าคนนี้คนเดียวเท่า
“ไม่มีใครมาเปิดใช่ไหม ปีนเข้าไปเองก็ได้ รอผมอีกแป๊บเดียวนะน้ำ” มือใหญ่จับรั้วบ้านไว้มั่น ขาข้างขวาก้าวขึ้นเหยียบรั้ว แล้วป่ายขาซ้ายขึ้นปีนข้ามรั้วไปครึ่งตัวแล้ว แต่พอเสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้น ภูชิตก็ตัดสินใจล้วงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมากดรับ ในขณะที่ร่างใหญ่ของเขายังอยู่บนรั้ว“สวัสดีครับคุณหนูไอ ผมถึงบ้านน้ำแล้วครับไม่ต้องเป็นห่วง” ภูชิตบอกกับปลายสายที่โทรเข้ามา เขารีบบอกออกไปเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะเป็นห่วงตนว่าจะหาบ้านของน่านน้ำไม่เจอ แต่ข้อมูลใหม่ที่ได้ยินทำให้ภูชิตแทบหมดแรง“คุณภูชิตคะ ยายพิมพ์โทรมาบอกน้ำว่า ป้าดอกไม้พายายน้ำไปพักที่โฮมสเตย์บ้านนาเปี่ยมรักค่ะ”“อะไรนะครับ...” ความยินดีที่หาบ้านของคนรักเจอหายไปหมดสิ้น รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที“เอ่อ...ตามที่ได้ยินเลยค่ะ เดี๋ยวหนูไอจะส่งเบอร์โทรและข้อมูลการเดินทางไปบ้านน้าเปี่ยมรักให้นะคะ...คุณภูคะ ฟังอยู่ไหมคะ”“ฟังอยู่ครับ” ภูชิตทั้งเหนื่อยกายเพราะไม่ได้พักผ่อนมาตั้งแต่เมื่อคืน แล้วไหนจะต้องขับรถทางไกลมาจนถึงที่แล้ว แต่กลับไม่เจอใบหน้าหวานๆที่คิดไว้ว่าจะกอดให้สมกับที่เหนื่อยกายมา
“นายหญิงอยู่ในห้องทำงานไหมแตงอ่อน” ภูชิตเอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้าบ้านโดยไม่รอฟังคำตอบ ชายหนุ่มเดินตรงไปที่ห้องทำงานทันที คาดหวังว่าจะเจอใบหน้าหวานให้ชื่นใจ เขาเหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ร่างกายต้องการพักผ่อน ความคิดในใจคืออยากจะชวนน่านน้ำขึ้นไปกล่อมตนเองนอน หากมีคนตัวนุ่มๆให้กอดน่าจะนอนหลับสบายกว่านอนคนเดียวภูชิตนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วไม่เห็นคนที่เขาคิดถึงนั่งอยู่ในห้อง ชายหนุ่มหันกลับมาถามแตงอ่อนอย่างสงสัย“นายหญิงอยู่ไหนแตงอ่อน” คนถูกถามหลบสายตาคมดุ“เอ่อ...นายหญิงกลับบ้านไปแล้วจ้ะ” เสียงตอบอ้อมแอ้มของแตงอ่อนทำให้ภูชิตเลิกคิ้วสูง“กลับบ้าน!” ชายหนุ่มทวนคำตอบที่ได้ยิน“เอ่อ...คือคุณป้าของนายหญิงมาที่นี่เมื่อตอนก่อนเที่ยงนิดหน่อย แล้วก็เข้าไปคุยอะไรกันในห้องสองคนก็ไม่รู้ จู่ๆนายหญิงก็หอบกระเป๋าขึ้นรถไป นายหญิงบอกว่าจะโทรบอกนายเองจ้ะ” หัวใจของภูชิตกระตุกไหววูบ มือใหญ่รีบร้อนล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู มันแสดงที่หน้าจอว่ามีสายที่ไม่ได้รับยี่สิบสามสาย ภูชิตรีบต่อสายออกไปยังเบอร์ของน่านน้ำทันที เขารู้สึกร้อนรนวุ่นวาย
“ว่าไงหนูไอ” เสียงหวานใสทักทายเพื่อนรักที่ปลายสาย หากแต่น้ำเสียงร้อนรนของเพื่อนที่ตอบกลับมานั้นทำให้น่านน้ำต้องใจสั่น“น้ำ...ป้าดอกไม้โทรหาฉัน ถามทางไปไร่ภูชิต แกคงเห็นข่าวในทีวีเมื่อเช้านี้ ที่ไร่ภูชิตมีคดีฆาตกรรมน่ะแก ฉันไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงว่ายังไง ป้าดอกไม้โทรหาแกตั้งแต่เช้า แกก็ไม่ยอมรับสาย ป้าเลยเป็นห่วง เห็นว่าจะรับแกกลับบ้าน ไม่ให้ทำงานที่นี่อีกแล้ว”“เฮ้ย! ได้ไง ฉันไม่กลับหรอก คุณภูขอฉันแต่งงานแล้วนะ”“ว่าไงนะ! ขอแต่งงาน! นี่แกอย่าบอกนะว่าถูกคุณภูจับกินตับแล้ว”“อือ...” ฝ่ายคนตอบได้เพียงแต่ส่งเสียงขานรับแบบอ้อมแอ้ม“ฉันจะเป็นลม นี่ป้าแกจะมาแหกอกฉันไหม โทษฐานที่เป็นตัวการแนะนำให้แกมาทำงานที่นี่ แกกับคุณภูเตรียมรับมือป้าดอกไม้เองเลยนะ เรื่องนี้ฉันไม่เกี่ยว...บอกเลย” 
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือทำให้ภูชิตสะดุ้งตื่นกลางดึก นายสินลูกน้องคนสนิทโทรมาแจ้งว่า มีผู้บุกรุกเข้ามาท้ายไร่ ตอนนี้จับตัวไว้ได้แล้ว ชายหนุ่มตวัดผ้าห่มผืนหนาออกจากตัว แล้วขยับร่างให้เบาที่สุด เพราะเกรงใจคนที่เพิ่งได้หลับไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ใบหน้าหวานยามต้องแสงสลัวของโคมไฟช่างน่ารักน่าใคร่นัก ริมฝีปากหยักได้รูปจูบซับที่แก้มเนียนอย่างอดใจไม่ไหว น่านน้ำขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ยังคงหลับใหลต่อด้วยความอ่อนเพลีย ภูชิตตัดใจจากความน่าเสน่หาตรงหน้า เขากลับไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องของตนเอง แล้วลงไปด้านล่าง รถยนต์คันใหญ่สตาร์ทเครื่องรออยู่แล้ว ชายหนุ่มจึงขึ้นนั่งข้างคนขับทันที“ไอ้อ๋องไปตรวจไร่ แล้วเจอเข้าพอดีครับนาย มันกำลังจะปีนออกจากรั้วของไร่ มันบอกว่าเดินหลงทางมา แต่ผมว่ามันมีท่าทีลุกลี้ลุกลนแปลกๆครับ” นายสินเล่าเรื่องราวให้ภูชิตฟังขณะที่เขารับหน้าที่เป็นสารถีขับรถ“อือ...ตอนนี้มันอยู่ไหน”“ไอ้อ๋องกับพรรคพวกเฝ้าอยู่ที่เดิมครับ” ภูชิตพนักหน้ารับทราบ นายสินขับรถไปตามทางที่คุ้นเคยจนมาถึงท้ายไร่“นายครับ พวกเราเจอปืนกระบอกนี้ใกล้กับจุดที่เจอมันครับ” น
“ค่ะ...คุณศศิ” น่านน้ำตอบกลับสบตาไม่หวั่นเกรง อีกฝ่ายจึงสะบัดหน้าหนีหันไปฉอเลาะกับคนตัวโตที่นั่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ข้างๆ“เอ่อ...คุณศศิมากับใครครับ”“ศศิมาคนเดียวค่ะ เง้าเหงา...ช่วงนี้คุณภูไม่มีเวลาให้ศศิเลยนะคะ แต่กลับมีเวลามาทานข้าวกับคนงาน” สายตาเหยียดๆที่มองมาทำให้น่านน้ำชักจะของขึ้น“ใคร ไหนคะ คนงาน” น่านน้ำทำเป็นเหลียวหน้าเหลียวหลัง ก่อนจะหันกลับมาสบตาศศิพิมลซึ่งๆหน้าอีกครั้ง“สงสัยคุณศศิจะเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าคะ วันนี้น้ำมาทานข้าวกับคุณภูสองคน ไม่มีคนงานตามมานะคะ ที่นั่งอยู่นี่ก็มีแต่นายกับนายหญิงแห่งไร่ภูชิตเท่านั้น” ศศิพิมลอ้าปากค้าง หญิงสาวสบตามองหน้าน่านน้ำแล้วหันกลับมาสบตาภูชิต แววตาเต็มไปด้วยคำถาม“เอ่อ...น้ำเป็นคู่หมั้นผมครับ” ภูชิตพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าที่น่านน้ำพูดมาเป็นเรื่องจริง“อุ๊ยตายแล้ว! นี่ศศิตกข่าวหรือคะ” ศศิพิมลปล่อยมือจากแขนของภูชิต หญิงสาวรีบลุกขึ้น มือเล็กดึงรั้งกระโปรงสั้นที่รั้งขึ้นมาตอนที่นั่งลงเมื่อสักครู่ ถึงจะติดอกติดใจรสรักของชายหนุ่มเพียงใด แต่หากอะไรที่มีเจ้าของแล้วเธอก็ไม่อยากเข้าไปข้องแวะให
“ตกลงค่ะตกลง” คนได้ยินคำตอบตกลงยิ้มสมใจ ภูชิตทรงตัวลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งช่วยพยุงร่างของน่านน้ำขึ้นด้วย “ไปทำงานด้วยกันนะครับนายหญิง” น่านน้ำยิ้มเขินแต่ยอมลุกเดินตามแรงดึงรั้งที่กุมมือตัวเองไว้ “นายครับ ตำรวจขอให้นายไปให้ปากคำเพิ่มเติมเรื่องศพที่เจอในไร่วันก่อนครับ เห็นว่าเป็นศพของหัวหน้าคนงานที่เราเคยจ้างไว้แล้วถูกผู้ใหญ่ศักดิ์ตัดหน้าจ้างด้วยราคาที่สูงกว่าน่ะครับ แต่ได้ข่าวว่าไร่ของผู้ใหญ่ศักดิ์ก็ไม่มีคนงานไปตัดอ้อยให้นะครับ ผมเดาว่าหัวหน้าคนงานรายนี้คงอมค่าแรงส่วนต่างที่ผู้ใหญ่ศักดิ์จ่ายให้ แล้วพาลูกน้องไปรับจ้างอีกไร่หนึ่งที่ให้ค่าจ้างเท่ากับเราครับ” นายสินเข้ามาในห้องทำงานแล้ว เขายืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของภูชิต ขณะที่คนที่ทำเป็นหน้าดำคร่ำเคร่งกับสิ่งที่ลูกน้องรายงาน นั่งอยู่บนเก้าอี้และกอดหญิงสาวร่างเล็กไว้แนบอก ลูกน้องก็ได้แต่ชำเลืองมองมาแล้วก้มหน้ายิ้ม น่านน้ำอายแสนอายแต่จะให้ทำยังไงได้ ก็วงแขนแกร่งที่กอดรัดตัวเธอไว้ทำให้เธอไม่สามารถกระดิกตัวไปทางไหนได้เลย “อืม...เดี๋ยวฉั
“อา...คุณภูขา น้ำ...อื๊อ!” นิ้วเรียวใหญ่ที่สอดหายเข้าไปในหลืบเร้นอุ่นนุ่ม ทำให้หญิงสาวสะท้านบิดกายส่ายร่อนทันที ภูชิตสอดแทรกรุกเร้าและขยับเข้าออกช้าๆ ชายหนุ่มแหงนเงยหน้ามองดูใบหน้างามที่หลับตาพริ้มส่ายสะบัดจนเส้นผมยาวสยาย“น่ารักจังที่รักของผม” น่านน้ำปรือตาก้มลงสบตาคนที่กำลังทรมานตนเอง สองสายตาที่อาบเอ่อไปด้วยแรงพิศวาสประสานกันนิ่ง ขณะที่นิ้วเรียวใหญ่รุกเร้าในจังหวะที่รัวเร็วขึ้น“คุณภูขา คุณภูขา” แรงตอดรัดจากภายในที่ภูชิตรู้สึกได้ ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าใกล้จะส่งคนตัวเล็กไปแตะฝั่งฝันแล้ว สะโพกสวยเสยรับการรุกล้ำอย่างร่านร้อน หญิงสาวจิกเล็บลงบนบ่ากว้าง มวลความสุขกำลังก่อตัวอยู่ตรงกลางกาย เสียดเสียวและวูบวาบอย่างรุนแรง และเมื่อภูชิตขยับรัวนิ้วเรียวใหญ่เร็วแรงอีกไม่กี่ครั้ง เสียงหวานก็หวีดร้องดังก้อง ร่างสาวแอ่นค้างก่อนจะอ่อนเปลี้ยลง น่านน้ำหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน“หวานที่สุด” ภูชิตพร่ำชมไม่ขาดปาก ขณะที่เขาละเลียดดูดซับน้ำหวานที่ไหลเอ่อจากแปลงดอกไม้สีสวย น่านน้ำสะท้านกายทุกครั้งที่เขาปาดไล้ไปบนความสาวของตน หากแต่หญิงสาวไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะประท้วง ได้แต่ครางเสียงหวาน