พิมพ์รพีพรกลั้นหายใจก้มลงช้าๆ ทำใจกับสิ่งที่จะได้เห็น ใบหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้ทำให้ปลัดเมฆารู้สึกสงสาร
“พี่อาบด้านหน้าเองก็ได้ พิมพ์ถูสบู่ข้างหลังให้พี่หน่อยนะ” พิมพ์รพีพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่งฝักบัวในมือให้เขาแล้วอ้อมไปด้านหลังทันที
กว่าจะจัดการคนตัวโตให้อาบน้ำเช็ดตัวเสร็จ แล้วพันผ้าเช็ดตัวไว้ที่เอวสอบได้สำเร็จ พิมพ์รพีพรแทบจะเป็นลมร้อยรอบ หัวใจดวงน้อยกระเด็นกระดอนตีลังกาอยู่หลายตลบ เพราะต้องพยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะไม่ต้องเห็นอะไรที่เคยเห็นมาแล้ว ว่ามันอลังการงานสร้างขนาดไหน แต่คนขี้แกล้งก็เรียกร้องให้ทำโน่นทำนี่ที่น่าหวาดเสียวทั้งนั้น
“ใส่เสื้อผ้าให้หน่อยสิ” ปลัดเมฆาพูดจบก็ยิ้มกว้าง ยื่นเสื้อผ้าในมือให้หญิงสาว พิมพ์รพีพรอยากจะกรี๊ดเสียงดังๆ แต่ก็ทำได้เพียงยื่นมือออกไปรับมา
“หันหลังเลยค่ะ” หญิงสาวสั่งเสียงเข้ม
“ครับผม” ปลัดเมฆารับคำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
อืม...มีคนคอยทำอะไรให้ มันดีอย่างนี้นี่เอง
“เสร็จแล้วค่ะ ไปนอนได้แล้ว” ปลัดเมฆาหันหน้ากลับมามองคนตัวเล็ก
“พิมพ์ก็ไปอาบน้ำเถอะ กว่าพ่อกับแม่จะกลับมาคงดึก พี่ไม่อยากให
พีรพลผละจากร่างของภรรยาเดินไปปิดไฟ ทั้งห้องมืดมิดลงทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้าประชิดตัวนิชาอีกครั้ง“ทำอะไรน่ะพี เดี๋ยวลูกตื่น” นิชาเอ็ดสามีเบาๆ แต่ร่างกายของเธอมันกลับตอบสนองทุกสัมผัสของเขา จุดกึ่งกลางกายปวดหน่วงหนึบๆ และเริ่มชื้นแฉะเพื่อเตรียมพร้อมรอบางอย่าง โดยที่เจ้าของควบคุมไม่ได้“ลูกเล่นน้ำตั้งนานเพลียหลับไปแล้วล่ะ ไม่ตื่นง่ายๆหรอก นะๆ”พีรพลรวบร่างของภรรยาพาไปที่เก้าอี้ข้างตู้ใบใหญ่ ซึ่งเป็นมุมมืดที่สุดของห้อง เขานั่งลงบนเก้าอี้ จัดวางให้นิชานั่งแยกขาคร่อมอยู่บนตักตัวเอง และก่อนที่คำทักท้วงจะออกจากปากของภรรยา เขาจัดการปิดริมฝีปากนั้นทันที นิชาถอนหายใจยาวหนักหน่วง ยอมเผยอริมฝีปาก ยอมรับการรุกรานของสามีอย่างเต็มใจ“พีว่าหนุงหนิงต้องเป็นแม่มดแน่ๆ ทำให้พีหลงหัวปักหัวปำ” พีรพลเอ่ยขึ้นเมื่อผละจากริมฝีปากภรรยา แล้วพรมจูบไปทั่วดวงหน้าเนียน“อย่ามาว่าหนุงหนิงเลย พีนั่นแหละจอมหื่น” นิชาพูดเบาๆด้วยเสียงที่สั่นพร่า พีรพลหัวเราะในลำคอ มือใหญ่เคลื่อนลงต่ำผ่านหน้าท้องภรรยา แล้วใช้นิ้วเกี่ยวซับในลายลูกไม้ที่ปกปิดเนินอวบอูมไปกองไว้ด้านข้าง นิ้วใหญ่ขยับสำรวจ
“เอาไว้บอกคืนเข้าหอ คืนนี้ง่วง เจ็บแผล หนาว นอนกันเถอะ” ปลัดเมฆาตวัดผ้าห่มคลุมร่างของตนเองและพิมพ์รพีพร กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น“จะกอดอะไรนักหนา อึดอัด ปล่อยนะ” คนอยากรู้ความลับแต่ไม่ได้รู้เริ่มประท้วง“หนาวเนื้อห่มเนื้อจึงหายหนาว อย่าดิ้นน่า พี่เจ็บแผล” พิมพ์รพีพรถอนหายใจ“เอาเปรียบตลอด” เสียงบ่นกระปอดกระแปด แต่ไม่กล้าออกแรงดิ้นแรงเพราะกลัวคนที่กอดตัวเองอยู่จะเจ็บแผล“อยากให้พิมพ์เอาเปรียบพี่บ้าง พี่จะไม่โวยวายเหมือนพิมพ์หรอก” พิมพ์รพีพรหยิกแผงอกกว้างแรงๆ“โอ๊ย!”“อย่าบอกนะว่าเจ็บแผล มันคนละที่ ไม่ต้องมาอ้าง”“ใจร้าย...รู้ไหมว่ายังมีอีกหลายที่ ที่ไม่ได้เจ็บเหมือนกัน” ปลัดเมฆาพูดด้วยน้ำเสียงไม่น่าไว้ใจ พิมพ์รพีพรเงยหน้าขึ้นจากอกกว้าง พยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดแกร่ง ด้วยการใช้มือเล็กผลักอกเขา แต่ไม่ส่งผลอันใดกับคนตัวโตสักนิด ความอดกลั้นอย่างยิ่งยวดที่จะไม่แตะต้องไปมากกว่ากอด กำลังจะขาดสะบั้นลง เมื่อร่างนุ่มนิ่มดิ้นขลุกขลักเสียดสีไปกับร่างแกร่ง ส่งผลให้อะไรๆในร่างกายมันลุกฮือขึ้นมา“ไม่อยากรู้ อย่าทำอะไรบ้าๆนะ” เสียงหวานออกจะตื่นกลั
“พี่เมฆ อา” นั่นเสียงตัวเธอเองใช่ไหม พิมพ์รพีพรรู้สึกว่าเป็นเสียงที่ดังมาจากที่ไกลแสนไกล การรับรู้ของร่างกายเธอจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ปลัดเมฆากำลังทำอยู่ ไม่มีคำปฏิเสธหรือต่อต้านใดๆเล็ดลอดออกมา ร่างกายของเธอแอ่นรับท้าทายสัมผัสวาบหวาม ที่เขากำลังจับจูงไปไกลแสนไกล บนเส้นทางที่เธอไม่คุ้นเคยเท่าไรนัก ถึงแม้จะเคยรับรู้รสความสุขสมแสนหวานมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้พิมพ์รพีพรกลับรู้สึกว่ามันลึกล้ำ ความปรารถนาดำดิ่งจนเธอไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดลงตรงไหนเมื่อไรปลัดเมฆาขบกรามแน่น เมื่อต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ถลำลึกรุนแรง เพราะรับรู้ได้ว่าคนใต้ร่างไม่เคยลงสนามจริงสักครั้ง ที่ผ่านมาเขาพาอุ่นเครื่องบ้างแต่ไม่เคยก้าวล่วงลงลึก แต่ครั้งนี้ขีดจำกัดของความอดทนสิ้นสุดลง เพราะความใกล้ชิด และความรู้สึกดีที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ ทำให้เขาไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้อีกต่อไป“พี่ขอนะ...ให้พี่นะครับ” คำขอที่ดังชิดริมหู พิมพ์รพีพรไม่รู้ตัวว่าพยักหน้าตอบรับไปด้วยซ้ำ ปลัดเมฆาค่อยแทรกความแข็งแกร่งเข้าสู่ความคับแน่นรุ่มร้อน ปากเคยบอกให้คนใต้ร่างอย่าเกร็ง แต่ตอนนี้เป็นเขาเองที่ต้องเกร็งร่าง บังคับตัวเ
“พี่จะรับผิดชอบพิมพ์ไปตลอดชีวิต” น้ำเสียงหนักแน่นทำให้คนได้ฟังหัวใจพองโต แต่เพราะแค่ความรับผิดชอบเท่านั้นหรือ หัวใจที่พองโตค่อยๆแฟบลง เมื่อคิดได้ว่าเขาจะจดทะเบียนสมรสกับเธอเพียงเพราะคำว่ารับผิดชอบ“ถ้าพี่เมฆจะมารับผิดชอบพิมพ์เพราะเรื่องแค่นี้ ไม่จำเป็นค่ะ เดี๋ยวนี้ใครๆเขาก็ไม่ถือกันแล้วล่ะค่ะ”“ถ้าไม่ถือกันแล้ว ทำไมพิมพ์ถึงยังบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจนถึงมือพี่”“พี่เมฆ!” พิมพ์รพีพรขึ้นเสียงสูง และหอบหายใจแรงเพราะความโกรธหรือความอายก็ยังไม่แน่ใจตัวเองเท่าไรนัก“สงสัยต้องย้ำอีกครั้ง พิมพ์จะได้เลิกงอแง” ปลัดเมฆาโน้มใบหน้าลงต่ำ พิมพ์รพีพรใช้มือยันคางสากไว้“อย่านะ” เสียงหวานสั่นเล็กน้อย“พรุ่งนี้ไปจดทะเบียนสมรสกันนะ โอเคไหม” พิมพ์รพีพรเม้มปากแน่นก่อนจะยอมรับในสิ่งที่เขาต้องการ“ค่ะ...พอใจหรือยังคะ ลงไปจากตัวพิมพ์ได้แล้ว” พิมพ์รพีพรพยายามผลักอกกว้างออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี“ว่าง่ายๆ อย่างนี้ต้องให้รางวัล”ปลัดเมฆาประกบปากลงจูบเรียกร้องเอาแต่ใจอีกครั้ง มือใหญ่รุกรานไปตามร่างนุ่มนิ่ม ท่อนขาแกร่งแทรกลงแยกขาเรียวให้ห่างออกจากกัน พิมพ์รพ
ขบวนขันหมากหยุดที่บันไดบ้าน เด็กชายกับเด็กหญิงตัวน้อยจับเข็มขัดทองคนละข้าง กั้นขวางทางไม่ให้เจ้าบ่าวเข้าไปเจอเจ้าสาวง่ายๆ“ขออาปลัดขึ้นไปหาเจ้าสาวหน่อยนะครับ” ปลัดเมฆาในชุดเจ้าบ่าวเข้าชุดกันกับเจ้าชุดเจ้าสาว เอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม“อาปลัดต้องจ่ายค่าผ่านทางมาก่อนครับ” เด็กชายตัวน้อยแบมือกระดิกนิ้วรอค่าผ่านทาง ปลัดเมฆายื่นธนบัตรสีแดงให้เด็กทั้งสองคนละใบ เด็กน้อยมองสบตากันแต่ยังไม่ยอมให้ผ่านไปได้ง่ายๆ“แม่บอกว่าอาปลัดจะมาเอาอาพิมพ์ของเราไปอยู่ด้วย ให้มาแค่นี้เอง แพทไม่ให้อาพิมพ์หรอก เนอะพี่พีท” คำพูดของเด็กหญิงตัวน้อย เรียกเสียงหัวเราะของหลายๆคนที่ได้ยิน บางคนก็อมยิ้มไปกับความไร้เดียงสาของเด็ก ปลัดเมฆาส่ายศีรษะยิ้มเล็กน้อย และชายหนุ่มจึงกระซิบข้างหูมารดา นางนภาจึงยื่นธนบัตรสีเทาให้เป็นค่าผ่านทาง ให้เด็กน้อยทั้งสองอีกคนละสิบใบ สองพี่น้องตาโตยิ้มกว้างยอมเปิดทางโดยดีปลัดเมฆามองเจ้าสาวตัวเองนิ่งค้าง เมื่อพิมพ์รพีพรถูกคุณนายเฟื่องฟ้าจูงมานั่งลงข้างๆตน เธอสวยหวานจนเขาอยากจะจับมาหอมแก้มเนียนแรงๆสักฟอดใหญ่ หลังจากคืนนั้นเขาก็มัวแต่ยุ่งๆในการเตรียมงาน
“รู้ไหมว่า แค่เริ่มต้นด้วยความรู้สึกดีให้กันก็พอแล้ว พี่เชื่อว่าต้นรักที่พิมพ์กับปลัดเมฆกำลังจะปลูกร่วมกันมันจะมั่นคงและเติบโตในอีกไม่ช้า เพราะปลัดเมฆก็รู้สึกกับพิมพ์เหมือนกับที่พิมพ์รู้สึกกับเขา” พิมพ์รพีพรเงยหน้าหันกลับมามองนิชาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามว่า จริงหรือ“คุยอะไรกันอยู่สาวๆ” พีรพลเปิดประตูเข้ามาในห้อง ทำให้หญิงสาวทั้งสองหันไปทางต้นเสียงพร้อมกัน“อ้าว! พี่เข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า” พีรพลตีหน้าเศร้า“ขัดมากๆค่ะพี่พี” พิมพ์รพีพรย่นจมูกใส่พี่ชายตนเอง“แล้วคุยอะไรกันล่ะ” พีรพลเดินเข้าใกล้นิชาแล้วโอบบ่าหญิงสาวไว้หลวมๆ“ความลับค่ะ เนอะพิมพ์” นิชายิ้มกับพิมพ์รพีพรอย่างรู้กัน“ไม่เป็นไร พีมีวิธีทำให้หนุงหนิงคายความลับ คืนนี้เจอกัน” พีรพลพูดยิ้มๆ นิชาหยิกเอวสามีสุดแรง“โอ๊ย! หยิกพีทำไม” คนถูกหยิกจนเนื้อแทบหลุดถามด้วยใบหน้าเหยเก“พูดอะไรอายน้องพิมพ์บ้าง ไปเลยออกไปได้แล้ว เดี๋ยวน้องพิมพ์แต่งตัวอีกนิดก็เสร็จแล้วค่ะ” นิชารุนหลังสามีให้ออกไปจากห้อง พีรพลเปิดประตูออกจากห้องไปแล้วโผล่หน้าเข้ามาอีกครั้ง“ทำร้ายร่างกายสาม
“ฟังพี่นะ” พิมพ์รพีพรยกมือขึ้นปิดหูทันที ปลัดเมฆาส่ายศีรษะยิ้มๆร่างใหญ่เอนตัวลงบนที่นอนกว้างที่โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบสีแดง ขณะที่ยังกอดร่างของพิมพ์รพีพรไว้บนอก ก่อนจะพลิกร่างตัวเองทาบทับตรึงร่างคนตัวเล็กไว้ คนถูกทับกำลังจะอ้าปากพูด ก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อปลัดเมฆาขู่ขึ้นมา“ถ้าพิมพ์โวยวายไม่ยอมฟังสิ่งที่พี่จะพูด พี่จะจัดการพิมพ์เหมือนคืนนั้นอีก” พิมพ์รพีพรหุบปากลงทันที หญิงสาวเบี่ยงหน้าไปด้านข้าง ไม่กล้าสบตาคนขู่“พี่ไม่รู้ว่าพิมพ์ประมวลผลความคิดเรื่องของเรา แล้วสรุปออกมาว่ายังไง แต่สำหรับพี่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนถึงวันนี้ มันไม่ใช่เกม แต่เอ่อ...มันอาจจะมีบ้างช่วงแรกในเรื่องอยากเอาชนะ ก็วันนั้นที่เป็นเรื่องกันในกระท่อม พิมพ์พูดเหมือนไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้น พี่เลยหงุดหงิดนิดหน่อย”“แล้วจะมาหงุดหงิดพิมพ์เรื่องอะไร พิมพ์เสียหายนะไม่ใช่พี่เมฆ” หญิงสาวเงยหน้าสบตาปลัดเมฆา“ก็ผู้หญิงอะไรไม่รับผิดชอบเลย แค่พี่ขโมยจูบมาแค่ครั้งเดียว แลกกับการจูบใครไม่ได้มาตั้งหลายเดือน หมดสมรรถภาพไปทุกอย่าง”“แล้วใครเขาไปปิดปากไว้” พิมพ์รพีพรเบี่ยงหน้าหลบสายตาค
“ฉันว่าเราน่าจะได้หลานเร็วๆนี้แหละพ่อกำนัน” นางนภากระซิบกระซาบเบาๆกับสามี แต่พิมพ์รพีพรได้ยินชัดเจน จะต่อว่าคนฉวยโอกาสก็ไม่ทัน ปลัดเมฆาเดินเร็วๆลงบันไดไปแล้ว“กลับบ้านได้แล้วยายพิมพ์ นี่มันจะสามทุ่มแล้ว ขับรถมืดๆอันตรายนะ” ย่าพรเอ่ยทักท้วงหลานสาวที่ยังง่วนอยู่กับบัญชีของโฮมสเตย์บ้านนาเปี่ยมรัก“อีกนิดเดียวค่ะย่า” พิมพ์รพีพรเงยหน้าจากโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่บนเรือนหลังใหญ่“ป่านนี้พ่อปลัดเขาชะเง้อคอรอแล้วล่ะ”“ก็ให้รอต่อไปค่ะ พิมพ์มีงานต้องทำ”“เราเป็นเมียต้องรู้จักเอาใจผัว ใส่ใจในความเป็นอยู่ของผัวทุกเรื่อง อย่าให้ขาดตกบกพร่อง เริ่มตั้งแต่เรื่องผัวตื่นขึ้นจนเข้านอน” ย่าพรเอ่ยสอนหลานสาวด้วยความหวังดี“รับทราบค่ะ” พิมพ์รพีพรรับคำ แล้วทำหน้าล้อเลียน“สอนแล้วยังมาทำหน้าทะเล้นอีก คอยดูเถอะน้ำตาจะเช็ดหัวเข่าสักวัน ถ้าพ่อปลัดเมฆเขาไปเจอคนที่ดีกว่า”“อะๆ...กลับก็กลับค่ะ” พิมพ์รพีพรเก็บเอกสารบนโต๊ะให้เข้าที่เข้าทาง สะพายกระเป๋าถือขึ้นบ่า ก่อนจะลงจากเรือนหญิงสาวกอดร่างท้วมของย่าพรแน่น แล้วหอมแก้มทั้งสองข้าง
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน