กัสสะดุ้งตื่นจนรู้สึกกลัวโดนทำร้ายร่างกาย พอลืมตาขึ้นมาและมองไปรอบๆ บริเวณ ซึ่งเป็นสถานที่เขาคุ้นเคยนั่นคือห้องนอนของตัวเอง กัสจึงยิ้มได้ในทันทีและรู้สึกโล่งใจ ที่ไม่ต้องอยู่บนความกดดันอีกต่อไป
สายตาของกัสพลันเห็นหน้าจอโน๊ตบุ๊คเปิดอยู่ เขาจึงเลื่อนดูและนั่นเป็นนิยายที่ตัวเองเขียน กัสจึงอ่านหน้าย่อหน้าสุดท้าย ซึ่งเป็นตอนที่เขาใช้ดาบแทงแม่ทัพวิศรุฒ สายตาและความคิดของกัสเริ่มกลัวและรู้สึกไม่ค่อยดี และใคร่ส่งสัยใครเป็นคนเขียนนิยายเรื่องนี้ต่อจากเขา
ความคิดของกัสนั้นหลากหลายความรู้สึกมากมายเข้ามาในหัว และหนึ่งในนั้นพลางคิดไปว่ายิวอาจออกมาจากนิยายเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ และแต่งเติมเรื่องราวต่อจากเดิม อีกใจหนึ่งคิดว่าเป็นเขื่อนต่อเติมเรื่องราว
ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากโลกในนิยาย จึงทำให้กัสรู้สึกง่วงนอน เขาจึงปิดโน๊ดบุ๊คและหยุดคิดเรื่องราวต่างๆ ไว้ก่อน แล้วล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนล้าเต็มทน
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างยาวนาน
กัสรู้สึกตัวขึ้นมาเขาก็เดินไปเปิดประตูห้อง ซึ่งคนตรงหน้าเป็นพีคนั่นเอง เขารู้สึกดีใจอย่างมากจนทำอะไรไม่ถูก
“เมื่อไรจะให้พี่เขาไปในห้องซะทีล่ะ” พีคยืนยิ้ม
“ครับ พี่พีคมีธุระอะไรเหรอ”
กัสเดินนำหน้าพีคมายังในห้องและนั่งบนเตียงนอน ส่วนพีคนั่งบนเก้าอี้ที่ข้างๆ เตียงนอน สายตาของกัสจ้องมองพีคตลอดเวลา
“ทำไมมองพี่อย่างนั้นล่ะ พี่มีอะไรแปลกประหลาดไปเหรอ”
“คือ พี่มีธุระอะไรเหรอครับ” กัสถามด้วยความสับสนและมึนงง
“อ้าว ก็วันนี้เรานัดซ้อมบทละครกัน เรามาซ้อมกันตั้งหลายครั้งแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะซ้อมใหญ่ที่ชมรมละครของเรา”
“ทำไมต้องมาซ้อมที่นี่ล่ะครับ”
“อืม กัสเป็นอะไรมากหรือเปล่า” พีคลุกขึ้นยืนใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของกัส
ความรู้สึกของกัสตอนนี้ดีใจอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยได้คาดคิดว่าจะได้ใกล้ชิดและได้รับความห่วงใหญ่จากพีคมากขนาดนี้
“ไม่เป็นไรหอรกครับ เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อยเลยมึนงง”
“ถ้ากัสไม่ไหวพักก่อนก็ได้นะ นอนเลยเดี๋ยวพี่จะมาหาใหม่ดีไหม”
“ไม่ดี อยู่นี่แหละครับ” กัสรีบพูดขึ้นในทันที
“อ่ะ” พีคมีสีหน้าที่งงพอสมควร และสังเกตเห็นได้ว่าพฤติกรรมของกัสนั้นเปลื่ยนไป
“ถ้าย่างงั้นกัสขออาบน้ำก่อนนะครับ”
“อืม ได้ เดี๋ยวพี่นั่งรออยู่ตรงนี้แหละนะ”
กัสรีบเปลื่ยนเสื้อผ้าและเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยิ้มไม่หุบตลอดเวลาที่อยู่ในห้องน้ำนั้น เขาจึงรีบอาบอย่างรวดเร็วจะได้ออกมเจอพีค ไม่นานกัสก็ออกมาจากห้องน้ำแล้วใส่เสื้อผ้าเต่อจนสร็จจึงมานั่งคุยกับพีค
“ถ้าอย่างนั้นเราซ้อมกันเลยนะ”
“ครับพี่พีค” กัสยิ้มอย่างยินดีและปลาบปลื้มอย่างมาก จนพีคอดสงสัยไม่ได้อีกว่าทำไมกัสเปลื่ยนไปอีกแล้ว
นิวนั่งครุ่นคิดเรื่องราวรักสามเส้า ระหว่างตัวเขาเองกับวินและมีนจะจบลงอย่างใด ในช่วงเวลานั้นเอง มีนเดินเข้าจากด้านหลังพร้อมกับโอบกอด พรหมจูบทั่วแก้มทั้งสองข้างของนิว
“มีนอย่า” นิวพยายามดิ้นและสลัดตัวให้หนีห่าง เพราะกำลังกลัดกลุ้มใจ
“มีอะไร ทำไมถึงเย็นชากับเราอย่างนี้” มีนยังกอดร่างของนิวไว้อย่างแน่นเฉกเช่นเดิม
“นายก็รู้ดีนิว่าวินไม่ยอมตกลงอยู่กันสามคน แต่วินยอมเป็นฝ่ายไปแต่นายทำไมไม่ยอมให้วินไปล่ะ” นิวพยายามดิ้นให้หนีห่างอีกครั้ง
“อย่าพึ่งพูดเรื่องนี้เลย เรามาหาความสุขกันก่อนดีกว่าไหม” สองมือของมีนล้วงเข้าไปในเสื้อของนิวพร้อมขย้ำเนินอกอย่างทะนุถนอม
“นายก็คิดแต่เรื่องนี้ ทำไมไม่ตัดสินใจเลือกใครสักคน ตอนแรกเราก็อยากให้อยู่กันสามคน แต่ตอนนี้เราอยากให้นายเลือกสักคน” ที่นิวพูดเช่นนี้เพราะเขาเห็นโอกาสมาถึง ในเมื่อวินไม่ยอมอยู่กันสามคน นี่แหละจึงทำให้นิวช่วงชิงมีนมาครอบครองฝ่ายเดียว
“ไม่ได้เลือกก็เหมือนเลือกนั่นแหละ เพราะตอนนี้วินไม่ได้สนใจเราแล้ว”
เมื่อนิวได้ยินคำนี้อารมณ์ขึ้นทันที แต่พยายามเก็บความรู้สึกไว้อย่างมิดชิดไม่ให้มีนได้เห็นแม้แต่น้อย เพราะคำพูดนี้เหมือนกับเป็นตัวสำรอง เมื่อวินไม่ต้องการมีนจึงมาหา ยิ่งคิดนิวยิ่งปวดใจอย่างหนัก
“พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร”
“ไม่ได้หมายความว่าอะไรหรอก ก็แค่เรารักสองคนเมื่อก่อนน่ะ แต่ตอนนี้รักนิวคนเดียวเท่านั้น”
“ไม่อยากเชื่อ” นิวดิ้นน้อยลงนิดหน่อย
นิวดึงของมีนออกจากเนินอกของเขา และดันร่างของมีนให้ห่างออกจากร่างกายตัวเอง หลังจากนั้นเขาแกล้งไปนั่งบนเตียงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“นายเห็นเราเป็นแค่ของเล่นใช่ไหม”
“ไม่ใช่เราเห็นนายเป็นของจริง”
มีนเดินตามมานั่งบนเตียงข้างๆ นิวพร้อมกับยื่นใบหน้าไปสัมผัสแก้มใสๆ ส่วนนิวแสร้งเอียงอายเอนตัวหลบจนเซเกือบล้มลง มีนจึงประคองร่างไว้แล้วค่อยบรรจงจูบริมฝีปากก่อนประคองร่างของนิวล้มตัวลงนอนบนเตียง
ในบทละครจะจบเพียงฉากนี้ แต่ทั้งสองยังนิ่งอยู่อย่างเดิม ใจของกัสในตอนนี้สั่นระรัวอย่างให้พีคได้ทำต่อ แต่เขายังไม่กล้าที่จะสานต่อเอง จึงคิดหาวิถีทางเพื่อได้พีคมาครอบครองในช่วงเวลานี้ เพราะเป็นจังหวะที่เหมาะสมอย่างที่สุด
“พี่ขอโทษ” พีคเอ่ยขึ้นเมื่อได้สติขึ้นมา
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ” กัสยังกอดร่างของพีคไว้แน่นอยู่เช่นเดิม
สายตาทั้งสองประสานกันอย่างต่อเนื่องและยาวนาน กัสพยายามอย่างสุดความสามารถใช้สายตาเพื่อพิชิตใจของพีคให้ได้ แต่แล้วสายตานั้นไม่ได้เป็นประโยชน์แต่อย่างใด เพราะพีคค่อยๆ ดึงมือออกมาจากเรือนร่างของกัสและนั่งลงอยู่บนเตียง
กัสรู้สึกเสียหน้ามากแต่พยายามเก็บอาการไว้ไม่ให้พีคได้เห็น เมื่อไม่เป็นดั่งหวังเขาจึงลุกขึ้นนั่งข้างๆ พีค ด้วยใจที่ผิดหวังและอับอายอายนิดหน่อย
“พรุ่งนี้อย่าลืมนะซ้อมใหญ่ฉากสำคัญ”
“ครับ” กัสยังนิ่งเงียบอยู่เช่นเดิม
“พี่กลับก่อนนะ” พีคค่อยๆ ลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องด้วยความรู้สึกที่เปลื่ยนไปนิดหน่อย เพราะรู้สึกได้ว่ากัสวันนี้เปลื่ยนไปจากวันวาน
กัสรู้สึกเสียดายและเสียอารมณ์อย่างมาก และที่สุดคืออารมณ์ค้างไม่สามารถไปต่อจากนี้ได้ เขาจึงสุดแสนเซ็ง
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
ความรู้สึกกัสกลับมาดีใจอีกครั้ง เพราะเขาคิดว่าน่าจะเป็นพีคอย่างแน่นอนที่กลับเข้ามาหา กัสจึงรีบเปิดประตูห้องทันที เมื่อเห็นคนตรงหน้ารู้สึกตกใจพอสมควร เพราะเป็นเป็กเพื่อนร่วมห้องที่ไม่ได้สนิทกันเท่าไร คุยกันนับคำได้เลยและยิ่งแปลกใจนักเข้าไปใหญ่ ว่าเป็กรู้จักห้องได้ไงและมาที่นี่ทำไม จนพลางคิดไปว่ายิวคงไปทำอะไรไว้ เพราะตอนนี้เขาแน่ใจเต็มร้อยแล้วว่ายิวได้เข้ามาอยู่ร่างอย่างแน่นอน
“มีอะไรเหรอเป็ก” กัสเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวนี้จะมาหานายก็ต้องมีอะไรด้วยเหรอ มาด้วยความคิดถึงไม่ได้ใช่ไหม ต้องให้ไอ้พี่พีคมาคนเดียวน่ะสิ” เป็กไม่รอให้กัสอนุญาต เขาเดินเข้ามาในห้องทันที เหมือนกับเป็นห้องของตังก็ไม่ปาน
กัสมึนงงกับพฤติกรรมของเป็กไม่หาย แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา ได้แต่มานั่งข้างๆ บนเตียงนอนเช่นเดิม
“เราต้องขอโทษนายวันนั้นด้วยนะที่แสดงอาการไม่เหมาะสมกับนาย” เป็กเอ่ยขึ้นด้วยความสำนึกผิด
“เรื่องอะไร” กัสมีสีหน้าที่มึนงง
“ที่เรา เอ่อ เอาเป็นว่านายให้อภัยเรานะ”
“เราไม่ได้โกรธนาย นายไม่ต้องมาขอโทษเราหรอก” กัสพูดตามความรู้สึก และความไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่เขาไม่อยู่
“ใจนายนี่มันได้เลย ดีมากเลยเราคิดไม่ผิดจริงๆ” เป็กยิ้มอย่างดีใจและหมดห่วงในทันใด
ด้วยกัสเป็นคนพูดน้อยและเก็บความรู้สึกได้ดี เขาจึงไม่ได้พูดอะไรต่ออยู่นิ่งๆ เช่นเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเป็กมานั่งใกล้ๆ
“นายจะทำอะไร”
“ขอหอมหน่อย” เป็กยื่นใบหน้าและใช้ริมฝีปากสัมผัสแก้มใสๆ ของกัส
“นายทำอะไรน่ะ เราไม่ได้” กัสพูดไม่ทันจบเป็กใช้นิ้วชี้และกลางปิดปากของกัสไว้ทันที
“ไม่ต้องพูดอะไรหรอก เราทำแค่นี้แหละถ้านายยังไม่พร้อมเราก็จะไม่ทำอะไรนาย แค่หอมนิดๆ หน่อยๆ ให้ชื่นใจแค่นั้นก็พอแล้ว
กัสยังงงงวยกับคำพูดของเป็ก เขาพยายามปะติดปะต่อจนพอจะเข้าใจในภายหลัง เนื่องด้วยยิวเป็นคนสนุกสนานและเข้ากับคนง่าย อาจเป็นด้วยเหตุนี้หรือเปล่าจึงทำให้เป็กนั้น มีความรู้สึกแบบนี้กับตัวเขา ยิ่งกัสคิดยิ่งปวดหัวหนักขึ้น พออยู่ในนิยายก็สับสนอลหม่านพอสมควร เมื่อได้กลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงเจอความวุ่นวายมากมายหลายเท่าอีก
แต่นั่นยังไม่เท่าไรกับสิ่งที่เขาสงสัยอีกอย่างหนึ่ง เขื่อนหายไปไหนทำไมถึงไม่กลับมาห้อง เสื้อผ้าของใช้ทุกอย่างได้หายไปพร้อมกับตัวของเขื่อน กัสจึงหยิบมือถือโทรหาด้วยความสงสัย
“โทรมาทำไม” เขื่อนพูดห้วนๆ
“ทำไมนายพูดอย่างนี้ นายอยู่ไหนไม่เห็นกลับห้องเลย”
“เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ เราย้ายออกมาอยู่คนเดียวแล้ว เชิญอยู่ตามสบายเลยไม่กลับไปอยู่กับนายอีกต่อไป แค่นี้แหละไม่ต้องโทรมาอีกนะ”
กัสปะติดปะต่อเรื่องราว และค่อนข้างแน่ใจอีกครั้งคนที่ก่อเรื่องราวน่าจะเป็นยิวอย่างแน่นอน แต่กัสก็แอบดีใจที่เหตุการณ์เป็นสิ่งนี้
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว