วันที่ซ้อมละครฉากสำคัญได้มาถึง กัสมาห้องชมรมละครด้วยความสบายๆ ไม่ได้กดดันอะไรแม้แต่น้อย เพราะเขาค่อนข้างมั่นใจว่าทำได้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เมื่อมาถึงก็ทักทายพี่ๆ ทุกคนเป็นตามปกติ ยกเว้นเขื่อนที่ต่างนิ่งเฉยเย็นชาเมินใส่กัน จนหลายคนในห้องชมรมใคร่สงสัย แต่ไม่มีผู้ใดพูดออกมา ตราบที่ไม่มีปัญหากับละคร เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของใครของมัน
“ทุกคนวันนี้เราจะมาซ้อมฉากสำคัญนะ” เจนนี่เอ่ยขึ้น แล้วเรียกกัสและเขื่อน ร่วมด้วยทั้งพีคกับนักแสดงอีกคนหนึ่ง
ในรั้วมหาวิทยาลัยนิวและวินต่างไม่ใคร่สนใจกันเท่าไร จนกระทั่งทั้งคู่ผ่านมาเจอกันโดยบังเอิญ ต่างฝ่ายต่างมองหน้าอย่างเคืองแค้น วินมองนิวแวบมองหนึ่งแล้วกำลังจะเดินจากไป แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อนิวเป็นฝ่ายเรียก
“วิน เดี่ยวก่อนเรามีเรื่องจะคุยด้วย”
“มีอะไรว่ามา”
“เรื่องของพวกเราสามคนน่ะ เราตัดสินใจแล้วอย่างที่นายพูดมันก็ถูก เราไม่ควรจะมาอยู่ร่วมกันสามคน มีนควรจะเลือกคนใดคนหนึ่ง” นิวตีหน้าเศร้า
“คิดได้แล้วเหรอ” วินเบ้ปากเล็กน้อย
“ใช่ เราคิดได้แล้ว แต่เราไม่มีวันยอมให้นายได้มีนไปอย่างแน่นอน”
“เห็นเงียบๆ แต่ร้ายนะ แล้วแต่นายเลยถึงเราจะรักมีน แต่ถ้ามีนเลือกนายเราก็ยอม แล้วนายล่ะถ้ามีนเลือกเรา นายจะทำอย่างไรบอกมาสิ”
“มันจะไม่มีวันนั้นหรอก” สีหน้าอันราบเรียบแฝงไว้ด้วยความร้ายกาจ
“เรียกเรามีเรื่องแค่นี้เหรอ ถ้าไม่มีอะไรมากกว่านี้เราจะไปแล้วนะ”
“อืม แค่นี้แหละ ส่วนเรื่อง เอ๊ะ นั่นมีนไม่ใช่เหรอ” นิวพลันเห็นมีนเดินไปชายหนุ่มหน้าตาดีและเด็กกว่าเขาทั้งสองคนไปยังที่ลานจอดรถ
วินหันหลังไปดูเขาก็เห็นเฉกเช่นเดียวกับนิว จนหัวใจของวินนั้นได้สั่นระรัวอีกครั้ง ไม่ได้แตกต่างกับนิวเท่าไรนัก
“เราตามไปดูเถอะ” นิวเอ่ยขึ้นพร้อมก้าวเดินไปยังชายหนุ่มสองคนนั้น
“อืม” วินพยักหน้ารับคำแล้วเดินเคียงคู่ไปกับนิวยังที่หมาย
สองร่างเดินอย่างเร่งรีบไปยังสองหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ลานจอดรถ สองดวงตาจ้องมองไปทางเดียวกัน
“มีน” นิวเรียกทันทีเมื่อไปถึง
สองหนุ่มหันหน้ามาพร้อมกัน และสายตาสี่คู่ประสานอย่างไม่ได้ตั้งใจ เป็นแววตาต่างตกลึกตกใจเมื่อได้เห็นกัน
“ใคร” วินถามขึ้นทันที
“อ่อ รุ่นน้องที่คณะน่ะ มีอะไรเหรอ” มีนเปลื่ยนสีหน้าราบเรียบ
“ไหนพี่มีนบอกกับผมว่าเป็นแฟน” หนุ่มน้อยจ้องมองมีนด้วยความรู้สึกผิดหวังอย่างมาก
“เอ่อ”
“พี่มีนหลอกผม” หนุ่มน้อยรายนั้นพูดจบก็เดินหนีไปทันใด
“น้อง” มีนมีทีท่าจะวิ่งตาม
“เดี๋ยวก่อนมาคุยกันให้รู้เรื่อง” นิวดึงแขนของมีนไว้ไม่ให้เดินตามหนุ่มน้อยรายนั้น
มีนจึงหยุดอยู่กับทีและมองสองหนุ่มอดีตเพื่อนรัก ส่วนสองหนุ่มเพื่อนรักก็มองตอบอย่างไม่ลดละ และต้องการคำตอบจากมีนในตอนนี้ทันที
“นายมีใครอีกนอกจากน้องคนเมื่อกี้” วินเดินเข้ามาใกล้ๆ มองด้วยสายตาอันเกรี้ยวกราด
“ไม่มี” มีนส่ายหน้าไปมาเชิงปฏิเสธ
“ไม่ต้องมาโกหก เราไม่เชื่อนายหรอก นายมีเราสองคนยังไม่พอ ยังไปมีคนโน้นคนนี้ เรารับนายไม่ได้อีกแล้ว ต่อไปนี้นายจะอยู่กับใครรักใคร หรือไปตายที่ไหนเราก็ไม่สนนายอีกต่อไป เรากับนายจบกันแค่นี้ เราทนไม่ได้หรอกที่เห็นนายคบซ้อนทีละหลายคน” เมื่อวินพูดจบเดินจากไปทันที
“มีน นายจะเอาอย่างไงเรื่องนี้” นิวถามด้วยใจที่แตกร้าว
“เอ่อ เอาอย่างนี้เราก็คบกันเหมือนเดิม ส่วนรุ่นน้องคนนั้นเราก็จะเลิก” มีนเปลื่ยนสายตามาหว่านเสน่หอีกครั้ง
“แล้วเรื่องของวินล่ะ”
“ในเมื่อวินเลิกกับเราแล้ว ก็จบกันแค่นั้นหรือว่านายจะเลิกกับเราอีกคนเหรอ”
“ไม่” นิวพูดขึ้นทันทีอย่างรวดเร็ว
“ก็ดีแล้วเรายังคบกันต่อเหมือนเดิม หลังจากนี้ก็จะมีเราสองคน แต่ตอนนี้เราขอไปเรียนก่อนนะ เดี๋ยวเย็นนี้เราจะเข้าไปหาที่ห้องรอเราด้วยอย่าลืมล่ะ” มีนยิ้มให้แล้วรีบหันหลังกลับเดินไปทางเดียวกับหนุ่มน้อยรายนั้น
ถึงแม้นิวจะไมเชื่อใจมีนสักเท่าไร แต่ก็ต้องยอมไม่รู้ไม่เห็นเพื่อจะได้อยู่กับมีน สายตาอันแสนเศร้ายังเหม่อลอยมองตามร่างชายหนุ่มที่เขารักเดินจากไป ถึงแม้จะใคร่สงสัยทำไมไม่กลับในตอนนี้ทั้งๆ ที่มายังรถของตัวเองแล้ว แต่นี่กลับบอกว่าจะไปเรียน นิวยิ่งคิดยิ่งปวดร้าวจิตใจยิ่งนัก แต่ก็ไม่สามารถเลิกรักหรือหักดิบแบบวินได้
“คัท เก่งมาก” เสียงของเจนนี่ดังขึ้น
“ปรบมือให้น้องกัสหน่อย เล่นตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสองเลย” เกรซแอคติ้งโค้ชปรบมือเป็นคนแรกและหลังจากนั้นคนอื่นๆ ปรบมือตามมา
“ชมแต่กัสไม่ชมเราบ้างเลย” พีคพูดขึ้นแกล้งน้อยใจ
“นายเหมือนไม่ได้เล่น นั่นมันตัวจริงของนายไม่ใช่เหรอ” เกรซอมยิ้มเมื่อพูดจบ
เมื่อกัสได้ยินคำนี้ถึงกับอึ้งและไม่ค่อยพอใจ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มีแต่ความนิ่งเฉย เพื่อสยบความทุกข์ในใจ
“เหลืออีกไม่กี่ฉากก็จบเรื่องแล้วนะ หลังจากนั้นเราจะซ้อมรวดเดียว เพราะใกล้ถึงวันแสดงจริงแล้ว ขอให้น้องๆ ทุกคนตั้งใจกันหน่อย วันนี้พอแค่นี่แหละกลับบ้านได้” จีน่าพูดขึ้นและหันไปมองหน้าทุกคนอย่างทั่วถึง
กัสยืนฟังนิ่งๆ และไม่ไปไหน เพื่อรอให้พีคบอกว่าจะไปส่ง ซึ่งเขาก็สมหวังแต่ไม่ใช่ได้ไปคนเดียว พีคนั้นได้ชวนเขื่อนไปด้วย จิตใจตอนนี้ของกัสร้อนรนดั่งไฟสุมทรวง เขาอยากได้พีคมาครอบครองใจจะขาด อยากได้อยากสัมผัสอยากกอดให้คลายความอยาก แต่ต้องมีอุปสรรคทุกครั้งที่ผ่านมา
“ไปได้แล้ว” พีคเอ่ยขึ้น
“ครับ” กัสและเขื่อนรับคำพร้อมกัน
เพียงกัสเดินไปยังไม่ถึงที่จอดรถ เป็กเพื่อนหนุ่มร่วมคณะเดินเข้ามาดึงมือกัสไว้ พร้อมกับพูดเสียงดัง
“จะไปไหนกัสเราจะไปส่งนายเอง”
“ปล่อยนะ” กัสพยายามสะบัดมือออก
ช่วงเวลานั้นพีคและเขื่อนหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน ส่วนหัวจิตหัวใจของกัสล่วงหล่นลงพื้นด้วยความกลัวเป็ก เพราะเขาไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น
“จะกลับกับพี่หรือไปกับเพื่อน” พีคเอ่ยขึ้น
“กลับกับพี่พีคไง”
“กลับไม่ได้ นายต้องไปกับเรา เพราะเราสองคนต้องมีเรื่องที่เคลียร์กันไม่ใช่เหรอ”
“เราไม่มีอะไรคุยกับนาย” กัสตวาดใส่เป็กอย่างไม่เกรงใจ
“พี่พีคปล่อยให้เขาสองคนเคลียร์ปัญหากัน ส่วนเรากลับกันเถอะอย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นเลย” เขื่อนได้ทีพูดจาให้พีคไขว่เขว่
“อืม” พีคหันมาสบตากัส ซึ่งเป็นสายตาที่เปลื่ยนไปจากครั้งที่แล้ว จนทำให้กัสรู้สึกใจคอไม่ดีกลัวพีคนั้นเข้าใจผิด
กัสอยากจะเดินตามสองคนนั้นไป แต่ไม่สามารถทำอย่างที่คิดได้ เพราะเรี่ยวแรงน้อยเกินไปจึงสู้แรงของเป็กไม่ได้
“ปล่อยได้แล้ว นายเป็นอะไรเมื่อวานก่อนก็ไปที่ห้องเรา วันนี้ว่าจะมีเรื่องคุยกับเรา มีอะไรก็พูดตรงนี้เลย” กัสพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิดอารมณ์เสียอย่างมาก
“จะให้พูดจริงๆ เหรอ” เป็กยิ้มแล้วมองไปรอบๆ
“เอาล่ะไปคุยในรถก็ได้”
กัสจำยอมจำใจจำนนต่อความบ้าดีเดือดของเป็กอย่างไม่มีข้อแม้ เขาจึงต้องขึ้นรถไปพร้อมกับเป็กด้วยกลัวว่าเป็กจะพูดอะไรที่ไม่ดีออกมา
“มีอะไรว่ามา” น้ำเสียงของกัสราบเรียบแบบเดิมอีกครั้ง
“นายกลับมาเป็นคนเดิมอีกแล้วเหรอ นายไม่ได้น่ารักสดใสอย่างก่อนหน้านี้นี่” เป็กมีสีหน้าใคร่สงสัยยิ่งนัก
“เราก็เป็นของเราอยู่อย่างนี้ นายนั่นแหละเป็นอะไรถึงตามเราตลอดเลย”
“สมองกระทบกระเทือนอะไรหรือเปล่า เราสนิทกันจะตายไปดื่มเหล้าด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ”
กัสคิดได้ทันทีเพราะคนนั้นไม่ใช่เขาแต่เป็นยิวต่างหาก ถึงเป็นเช่นนั้นอย่างแท้จริงแต่ไม่สามารถที่พูดออกมาได้ เพราะพูดไปก็จะมีแต่คนบอกว่าบ้า กัสจึงนิ่งเฉยไม่พูดต่ออะไรอีกเลย
“นายเป็นอยางนี้ก็ดีไปอีกแบบ ดื้อรั้นดีแบบนี้แหละน่าค้นหา เราชอบนายลักษณะนี้มากกว่าว่ะ รู้อย่างนี้จีบนายตั้งแต่วันแรกก็ดี ไม่น่าปล่อยมาถึงวันนี้เลย เกือบเสียนายให้ไอ้พี่พีคไปซะแล้ว” เป็กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“นายมันบ้าอย่ามาพูดจาแบบนี้กับเรานะ” กัสมองตาขวาง
“ดุซะด้วย” เป็กหัวเราะชอบใจเป็นการใหญ่
เป็กมองกัสเป็นระยะและรู้สึกชอบมากขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะนิสัยต่างกันเยอะเมื่อได้อยู่ด้วยกันเขารู้สึกชีวิตมีสีสัน แต่ยิวในร่างกัสเขารู้สึกชอบเหมือนกัน แต่มีอะไรที่คล้ายกันหลายอย่าง จึงรู้สึกไม่ตื่นเต้นเท่ากับกัสที่นั่งนิ่งๆ เชิดๆ บนรถคันหรูของเขา
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว