แม่ทัพวิศรุฒรออย่างร้อนรนว่าเมื่อไรหมอจะนำยามาให้ ในที่สุดก็สมดังปราถนาจอมได้นำยาเข้ามาในห้องชั่วคราวของแม่ทัพวิศรุฒ
“ยาได้แล้วขอรับ มีทั้งลูกประคบสมุนไพร กับ ยาต้มข้าต้มกับมือเลยนะขอรับ” จอมวางถ้วยยาลงและจะนำลูกประคบไปสมานรอยซ้ำ
“เดี๋ยวก่อน เอ็งออกไปได้แล้วข้าจะเป็นคนทำ”
“แผลของท่านแม่ทัพยังไม่หายดีเลยนะขอรับ ถ้าเกิดพยุงร่างของโสภณแผลอาจฉีกขาดได้นะขอรับ”
“ข้าบอกให้เอ็งออกไปก็ออกไปสิ แต่อย่าบอกเรื่องนี้กับใครล่ะ ถ้าใครถามเอ็งก็บอกว่าเป็นคนทำ เข้าใจในสิ่งที่ข้าพูดไหม”
“ขอรับ” จอมอมยิ้มนิดๆ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาให้แม่ทัพวิศรุฒระคายหู
เมื่อจอมได้ออกไปแล้วแม่ทัพวิศรุฒ จึงนำลูกประคบมาประคบแถวๆ หูและใบหน้าอย่างอ่อนโยนในความรู้สึกของเขา แต่คนนอกกับรู้สึกว่ามันเจ็บเพราะแรงเกินไป ยิวจึงลืมตาขึ้นด้วยความเจ็บและรีบลุกขึ้นขยับตัวชิดขอบเตียง ด้านที่มีข้างฝาปิดไว้
“แม่ทัพเอ็งจะทำอะไรข้าอีก ตบบ้องหูยังไม่หนำใจจะเอาให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลยเหรอ” สายตาของยิวหวั่นวิตกกลัวโดนอีกครั้ง
“ถ้ายังไม่อยากโดนตบบ้องหูอีก ก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ ข้าอีกนิด เดี๋ยวข้าจะประคบให้หายซ้ำใน”
“ไม่ต้องข้าทำเองได้ แม่ทัพมือหนัก”
“ได้” แม่ทัพวิศรุฒโยนลูกประคบใส่ลงบนตักของยิวพอดี
สายตาของยิวยังไม่วายมองแม่ทัพวิศรุฒ ส่วนอีกมือรีบหยิบลูกประคบมาแตะๆ บริเวณที่เขารู้สึกเจ็บซ้ำระบม
“ประคบเสร็จกินยาต้มซะ ถ้าไม่กินกูจะจับกรอกให้ดู” แม่ทัพวิศรุฒทำเสียงเข้มใส่อย่างไม่ยั้ง
ยิววางลูกประคบลงและหยิบยาต้มมาดื่ม ถึงแม้จะข่มสักปานใดเขาต้องฝืนทนดื่มจนหมด เพราะกลัวฝ่ามืออันหนามาประกบหน้า เมื่อดื่มเสร็จเขารีบวางถ้วยยาลงบนหัวเตียง
“ถ้างั้นข้ากลับที่นอนข้าแล้วนะ” ยิวเอ่ยขึ้น
“มึงจะนอนที่ไหนไม่ได้ มึงต้องนอนกับกับกูที่นี่” แม่ทัพวิศรุฒยืนขวางไว้ไม่ให้ลงจากเตียงนอน
“นายบอกกับเราเองไม่ใช่เหรอ ว่าคืนนี้จะให้ปรนเปรอทหาร เราก็จะไปทำหน้าที่นี้ให้ดีอย่างสุดชีวิต”
“มึงจะเป็นของใครไม่ได้นอกจากกู ไม่ใช่ มีงอย่าไปยุ่งกับทหารของกู” แม่ทัพวิศรุฒจ้องหน้ายิวเขม็ง
“อันนั้นก็ไม่ได้ไอ้นี้ก็ไม่ได้แล้วจะให้ทำอะไรล่ะ” ยิวนั่งถอนหายใจในความเรื่องมากของแม่ทัพวิศรุฒ
“เมื่อคิดอีกทีมึงเป็นถึงองค์ชาย คงไม่เหมาะถ้าจะให้ไปทำอย่างนั้น มึงควรอยู่กับกูที่นี่เพื่อความปลอดภัย วันดีคืนดีไอ้เสือเข้มมาลักตัวมึงไปอีกจะทำไง”
“ลักพาตัวไปก็ไปอยู่กับเสือเข้มนะสิไม่เห็นมีอะไรเลย”
“กูไม่ให้มึงอยู่กับใครทั้งนั้น มึงต้องไปอยู่กับกูที่เมืองศิลานคร ในฐานะเฉลยศึกเพราะตอนนี้ราชาศิลาออกคำสั่งให้ข้ากลับบ้านเมือง และให้เอาเอ็งไปเป็นตัวประกันด้วย” แม่ทัพวิศรุฒหัวเราะลั่น
ก่อนหน้านี้มีราชสาส์นลับมาถึงแม่ทัพวิศรุฒ ให้พาตัวองค์ชายเมธีนั้นกลับเมืองศิลา เพื่อเป็นตัวประกันยามศึกสงคราม แม่ทัพวิศรุฒจึงจำเป็นต้องไปยังเมืองศิลานคร พร้อมกับนำยิวไปถวายแด่ราชาศิลา
“โอ๊ย อะไรนักหนาเนี่ย ไอ้กัสเขียนนิยายให้ชีวิตกูต้องมืดมนขนาดนี้” ยิวรู้สึกไม่พอใจกัสอย่างมาก ที่เขียนบทบาทของเขาให้ลำบากลำบนขนาดนี้
“อะไรของมึง” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าสงสัยอย่างมาก
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
“เปล่าก็ดี กูมีเรื่องจะถามมึงสักหน่อย”
“ว่ามา”
“มึงเป็นใครกันแน่ ตอนแรกกูก็เชื่อว่ามึงเป็นองค์ชายเมธี แต่คิดอีกทีไม่น่าจะใช่ เพราะเป็นถึงองค์ชายจะไม่มีฝีมือในการต่อสู้เลยเหรอ ขนาดองค์ชายศิธาแห่งศิลานคร ยังมีความสามารถด้านยิงธนู ฟันดาบ เพียงแต่พระองค์ไม่ได้ออกศึกทำสงครามเท่านั้น ผิดแต่กับเอ็งไม่มีฝีมือด้านนี้แต่กับมาทำสงครามกับกู”
“ก็เราบอกกับนายแล้วไงว่าโดนบังคับมา เราไม่ใช่องค์ชายเมธีหรอก เราก็เป็นโสภณนั่นแหละ มาจากเมืองไกลหลงเข้ามาแถบๆ นี้”
“แต่มึงมีแหวนี่ที่นิ้วมือ” สายตาของแม่ทัพวิศรุฒจ้องมองนิ้วอันเรียวงามของยิว ที่สวมแหวนประดับเพชรพลอย
“แหวนนี่ไม่ใช่ของเรา เป็นของเสือเข้มมันให้เราใส่และปลอมตัวเป็นองค์ชายเมธี มันกลัวตายไงแม่ทัพวิหคจ้องจะหุบราชบัลลังก์ มันเอาเราเป็นตัวล่อต่างหาก”
สาเหตุที่ยิวบอกทุกอย่างกับแม่ทัพวิศรุฒ เพราะเขามีความผูกพันมากกว่าใครทั้งหมด และอีกอย่างหนึ่งเขาได้อ่านนิยายมาแล้ว แม่ทัพวิศรุฒนี่แหละเป็นพระเอก เมื่อเป็นอย่างนั้นเขาจึงอยากอยู่ฝ่ายแม่ทัพวิศรุฒมากกว่าไปอยู่กับเสือเข้ม ที่นั่นมีแต่อันตรายรอบด้าน
“เมื่อเอ็งเป็นองค์ชายเมธีแล้วนิ เสือเข้มจะเป็นอีกได้ไง ข้าสักสงสัยทั้งเอ็งและเสือเข้มและขุนนางมืองเมฆาบุรี ใครกันกันแน่ที่เป็นฝ่ายพูดปด”
“เรื่องมันยาวเล่าไปนายจะงงไปกันใหญ่ และอีกอย่างนายก็เกี่ยวพันเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน นายมีแหวนที่สลักชื่อราชาเมษาใช่ไหม”
“ใช่ เอ็งรู้ได้อย่างไง” แม่ทัพวิศรุฒมีท่าทีตื่นเต้นยิงนัก
“ไม่ต้องถามหรอกว่ารู้อย่างไง พอข้ามีประโยชน์เปลื่ยนสรรพนามเป็นเอ็งเลยนะ ทีเมื่อก่อนมึงกูพูดไม่เพราะเลย”
“อย่ามาเล่นลิ้นพูดมาเลย ข้าเป็นใครมีแหวนวงนี้ได้อย่างไร”
“นายคือลูกชายของราชาเมฆาไม่ใช่ราชาเมษาอย่างที่นายคิดไว้หรอก” ยิวอมยิ้มเมื่อกำความลับไว้ในมือ
“แต่แหวนมันสลักชื่อราชาเมษานี่”
“ตั้งใจฟังนะ ตอนราชาเมฆาก่อกบฏ เป็นจังหวะเดี่ยวกันกับราชินีสีวิกากำลังคลอดพระโอรสออกมาก็คือเสือเข้มนั่นแหละ หลังจากนั้นราชินีสีวิกาได้ให้นางกำนัลสาลินี เอาพระโอรสไปเปลื่ยนที่ตำหนัก พระชายามาริสาซึ่งเป็นชายาของอนุชาเมฆาที่ก่อกบฏ จึงเป็นการสลับลูกกันนายเข้าใจไหม”
“แล้วเสือเข้มรู้ได้ไงว่าเป็นโอรสของราชาเมษา”
“นางกำนัลมัณฑนาผู้ที่เลี้ยงดูเสือเข้มมานั้นรู้ทุกอย่าง แต่คนอื่นไม่มีใครรู้แม้แต่อำมาตย์มงคล”
“ข้าล่ะเป็นใครถึงมีแหวนของราชาเมษาได้”
“ก็เมื่อสลับลูกกันแล้ว นายจะเป็นใครได้นอกจากลูกของราชาเมษากับราชินีสาวิกา แต่จริงๆ นายคือลูกของอนุชาเมฆากับชายามาริสา งงใช่ไหมสลับไปสลับมาเรายังงงเลย” ยิวอดดีใจไม่ได้ที่อ่านนิยายของกัสมาก่อนหน้านี้ เลยทำไห้รู้เรื่องราวต่างๆ
“ถ้าเป็นจริงอย่างเอ็งบอก ข้ากับเอ็งไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันใช่ไหม” แม่ทัพวิศรุฒอมยิ้มนิดๆ
“ยิ้มอะไรคิดไม่ดีอีกใช่ไหม ถ้านายคิดที่จะทำร้ายเราอีก อย่าหวังเลยว่าเราจะเล่าเรื่องต่างๆ ให้นายได้ฟัง” ยิวทำหน้าบึ้งและมองค้อน
“เดี๋ยวตบคว่ำเลย ทำเป็นมองค้อน เอ็งไม่ใช่ผู้หญิงนะเป็นผู้ชายทำตัวให้สมชายชาตรีหน่อย”
“เราจะเป็นอย่างไงนายไม่ต้องมายุ่ง”
แม่ทัพวิศรุฒไม่ได้โต้ตอบใดๆ ออกมา เพราะเขายังสับสนในเรื่องที่ยิวเล่า แต่ก็ยังไม่ได้เชื่อซะทีเดียว เพราะเขายังไม่ไว้ว่างใจยิวมากนัก ด้วยท่าทีกระล่อนเอาตัวรอดเก่ง แต่ในเมื่อคิดอีกที ก็มีความเป็นไปได้พอสมควร
“นายคิดไปคนเดียวนะ เราจะนอนแล้วง่วงมากเลย” ยิวล้มตัวลงนอนและหลับทันที เพราะยาที่ได้ดื่มกินนั้นมีฤทธิ์ทำให้ง่วงซึม
ความรู้สึกนึกคิดของแม่ทัพวิศรุฒหยุดกะทันหัน และมองไปยังร่างของยิวที่หลับสนิทจนเหมือนไม่มีลมหายใจ ส่วนตัวเขาก็ง่วงนอนเหมือนกัน แม่ทัพวิศรุฒจึงขึ้นไปบนเตียงนอนและล้มตัวลงข้างๆ ยิว สักพักเขาก็สู่ภังค์หลับใหลตามยิวไปในไม่ช้า
ตัวหนังสือสุดท้ายที่กัสได้อ่านจบ ทำให้รู้สึกกลัวและอยากเปลื่ยนบทนิยายตอนนี้ เพราะเขาไม่ได้เป็นคนเขียน ทำไมนิยายเดินไปด้วยตัวของมันเองได้ กัสพยายามที่จะลบและไม่โพสต์ลง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ที่สำคัญมีเรื่องราวของกัสบางส่วนเข้าไปอยู่ในนิยายเรื่องนี้ กัสรู้สึกโมโหอยากจะฆ่าตัวละครยิวทิ้งไป แต่ไม่สามารถจะทำได้เพราะตัว
ละครนี้ดันเป็นที่รักของนักอ่าน แต่กัสยังไม่ยอมแพ้เด็ดขาด ในตอนต่อไปเขาจะเขียนให้เจออุปสรรคอย่างใหญ่หลวง
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว