วันนี้เป็นคิวของกัสกับพีคและนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องอีกคน ส่วนเขื่อนไม่มีคิวในวันนี้จึงเป็นเรื่องดีๆ สำหรับกัสอย่างมาก ที่จะได้กลับบ้านพร้อมพีคอย่างสบายใจไม่ต้องคอยกังวลกับเขื่อนแต่อย่างใด
ด้วยมีนได้หายไปหลายวันติดต่อไปก็ไม่รับสาย นิวอดเป็นห่วงไม่ได้หลังเลิกเรียนจึงไปยังคอนโดนของมีน ซึ่งมีนนั้นได้ให้คีย์การ์ดนิวไว้เพื่อวันไหนจะมาหา ก่อนที่จะเข้าไปในห้องนิวยืนนิ่งๆ อยู่พัก ด้วยความกลัวจะเจอสิ่งไม่คาดฝัน เพียงเขาก้าวเท้าเข้าไปก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน นิวจึงค่อยๆ ย่องเข้าไปดู เพียงเห็นภาพตรงหน้านิวอ้าปากค้างตะลึงตกใจ จนเผลอทำกระเป๋าที่ถือมาล่วงหล่นลงพื้น จนเกิดเสียงดังขึ้นทำให้มีนและเด็กหนุ่มนั่นตกใจ เพราะทั้งคู่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน เมื่อหันมาเจอนิวยืนอยู่ทั้งสองรีบแยกออกจากกันในทันควัน
“นิว” มีนยืนนิ่งอ้าปากค้างด้วยความตกใจและคาดไม่ถึงว่านิวจะมา
“ไหนบอกว่าเป็นพี่น้องกันไง”
“มาถึงขั้นนี้แล้ว เราก็ไม่อยากจะปิดบังนิวอีกต่อไป เมื่อก่อนนิวรับได้ไม่ใช่เหรอจะอยู่กันสามคน ตอนนี้เป็นแบบนั้นก็ได้เราไม่มีปัญหา ส่วนน้องเราก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาเช่นกันใช่ไหม” มีนหันไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนนิ่ง แต่ก็พยักหน้าเป็นการตอบรับอย่างยินดี
“ไม่ นั่นมันวินเพื่อนของเรา ไม่ใช่ใครที่ไหนไม่รู้อย่างน้องคนนี้”
“ไม่เห็นต่างกันเลย นายอย่าคิดมากไปเลยสิ เอาน่านิวใจเย็นๆ เรื่องแบบนี้เราสามารถคุยกันได้นิ”
“นายคุยไปคนเดียวเถอะ เราไม่อยากคุยกับนาย”
“ได้ ถ้านายปฏิเสธข้อเสนอของเรา เป็นอันว่าเรื่องของเราจบเพียงแค่นี้” มีนยักไหล่ประมาณว่าไม่แคร์
“มีน นายไม่ได้รักเราเลยเหรอ” น้ำเสียงของนิวสั่นเครือ
“ครั้งแรกอาจชอบๆ แต่อยู่ไปนานๆ เบื่อ เพราะนายเป็นคนน่าเบื่อ ไม่มีเสน่หเลยแม้แต่น้อย เรายังเสียดายที่วินขอเลิกเราเลย เพราะอย่างน้อยนิวยังดีกว่านายหลายเท่า ถ้ามาเทียบกับน้องคนนี้อย่าหาทำหรือคิดเลย เพราะมันคนละชั้นกัน”
“เราไม่คิดมาก่อนเลยว่านายจะเป็นคนอย่างนี้”
“เราไม่ใช่คนแบบนี้ นายต่างหากที่ทำให้เราเป็นคนแบบนี้ ในเมื่อเราเสนอทางเลือกให้แต่นายไม่ต้องการ ทุกอย่างก็จบแค่นี้แหละ เพราะเรามีตัวเลือกเยอะ นายก็เป็นหนึ่งในนั้นดีเท่าไรแล้ว ที่เรายังให้โอกาสนายอีกครั้ง”
“นายเก็บโอกาสนั้นไว้คนเดียวเถอะ เราไม่ต้องการมันอีกแล้ว นายพูดซะอย่างนี้คงไม่มีใครบ้าตกลงข้อเสนอกับนายหรอก หรือว่านี่เป็นแผนนายที่อยากบอกเลิกเรา”
“เราไม่รู้เราไม่สนเราไม่บอกนายหรอก ในเมื่อนายเลือกที่จะเดินจากไป ถ้าอย่างงั้นก็จบ แต่ก่อนไปขอคีย์การ์ดคืน เราจะให้น้องคนนี้ไว้ อ่อ ลืมไป ครั้งหนึ่งวินก็เคยมาห้องนี่บ่อยๆ นะ” มีนแบมือเพื่อรอรับคีย์การ์ด
“เอาไปเลย เราไม่ต้องการมันอีกแล้ว” นิวยื่นคีย์การ์ดคืนมีน
สายตาของนิวมองมีนอย่างแค้นอาฆาต และมองหนุ่มน้อยอย่างอิจฉาริษยา แต่เขาทำได้เพียงแค่นี้ ไม่สามารถจะต่อกรและด่ากราดได้อย่างคนอื่น
“น้องสักวันจะเป็นเหมือนพี่นะ” เมื่อนิวพูดจบเขารีบหันหลังและเดินออกจากห้องไปในทันที
“คัท โอเค เก่งมากกัสคนเดิมกลับมาแล้ว” เจนนี่ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะกัสเป็นตัวละครสำคัญในเรื่อง ในเมื่อเล่นได้ดี ปัญหาเมื่อแสดงจริงจะน้อยลงหรือไม่มีเลย
“วันนี้พอแค่นี้นะ กลับกันได้แล้ว พรุ่งนี้เจอกันไหม เอ่อ พีคไปส่งน้องเขาด้วยนะ น้องเขาพึ่งมาใหม่”
“อืม”
คำพูดนี้แสลงใจกัสอีกแล้ว อุตส่าห์คิดไว้ว่าวันนี้ไม่มีเขื่อนจะได้กลับกันเพียงสองคน แต่เหตุการณ์ไม่เป็นดั่งใจคิด
“กลับด้วยกันไหม” พีคยิ้มให้กัสและรอฟังคำตอบ
กัสยังไม่ทันพูดอะไรออกมา เป็กรีบเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งสองคน พร้อมกับมองหน้าพีคอย่างเย้ยหยัน
“ดูท่าแล้วกัสคงไม่ไปกับพี่ ถ้าอย่างงั้นพี่กลับก่อนนะ” พีคมองหน้ากัสอย่างไม่มีความรู้สึกอะไรอีกแล้ว
กัสรู้สึกได้ทันทีสายตาของพีคได้เปลื่ยนไปกลับมาเหมือนเดิมอย่างตอนแรกๆ ซึ่งแตกต่างก่อนหน้านี้อย่างมาก ที่ยังแสดงความรักห่วงหาอาทรแต่ตอนนี้ไม่มีสิ่งนั้นอีกแล้ว
“คิดอะไรเขาเดินไปโน้นแล้ว นายต้องไปกับเรา แหมอุตส่าห์มารับดันอยากไปกับคนอื่น” เป็กพูดไม่หยุดไม่ยั้งต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนกัสรำคาญ
“ไปก็ไปสิ” กัสเดินนำหน้าลิ่วไปจนเป็กเดินตามแท่บไม่ทัน
“จะรีบไปไหนเดินไม่รอกันเลย” เป็กพยายามก้าวเท้ายาวๆ ให้เดินมาทันกัสที่จ้ำอ้าวไม่หยุด
“กลับห้อง”
“จะรีบกลับไปทำไม พรุ่งนี้วันหยุดเราไปเที่ยวกันไหม ดูนายเครียดๆ นะไปดื่มเหล้าสังสรรค์น่าจะดีกว่านะ”
ด้วยอารมณ์ที่ครุกรุ่นไปด้วยความโกรธ และเสียความรู้สึกที่เรื้อรังมานาน กัสจึงตัดสินใจได้ไม่ยากที่จะไปเที่ยวกับเป็กในค่ำคืนนี้
ในผับย่านใจกลางกรุงเป็กและกัสต่างดื่มกันสุดเหวี่ยง ซึ่งเป็นครั้งแรกสำหรับกัสที่ได้ออกมาเที่ยวยามค่ำคืน และครั้งแรกอีกอย่างนั่นคือดื่มเหล้า เพียงไม่กี่แก้วกัสจึงเกิดอาการมึนศีรษะ จนไม่อยากจะอยู่ต่อเพราะร่างกายไม่อาจทนความเมาได้
“กลับเถอะเป็กเราไม่ไหวแล้ว ขืนอยู่ต่อมีหวังอ้วกตรงนี้อย่างแน่นอน”
“กลับไหนห้องนายหรือห้องเรา” เป็กถามเพื่อความแน่ใจ
“ที่ไหนก็ได้เราอยากนอน ตอนนี้ไม่ไหวแล้วเรามึนหัวมากเลย ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นแหละ”
“ถ้างั้นไปห้องเราก็ได้ใกล้แค่นี้เอง”
“ได้ รีบพาเราไปเถอะ เราไม่ไหวแล้วเราอยากนอนอยากอ้วก”
“ไปๆ เดี๋ยวเราจะรีบพานายไป”
เป็กไม่รอช้าไม่พูดมากอีกต่อไป เพราะขืนปล่อยไว้อาจอ้วกหรือเมานอนอยู่หน้าผับเป็นแน่ กว่าที่เป็กจะพากัสไปที่รถก็ทุลักทุเลพอสมควร เมื่อเป็กพาไปในรถกัสสลบไสลทันที ด้วยความเมาและมึนศีรษะอย่างมาก
เป็นอีกครั้งที่เป็กต้องเหนื่อยนำกัสขี่คอขึ้นห้อง เพราะสภาพเมาเต็มพิกัดไม่สามารถพยุงร่างได้ ซึ่งกัสเป็นคนเดียวและคนแรกที่เป็กยอมทำอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความรักอย่าหวังว่าลูกหลานไอโซอย่างเป็กจะทำให้เลย
ท้ายสุดเป็กก็พาร่างของกัสมาถึงห้องของเขาได้สำรเร็จ แต่เหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกัน เหมือนสวรรค์แกล้งเพราะกัสดันได้สติ เพราะเริ่มรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งพะอืดพะอม
“รีบเข้าไปห้องน้ำเลย” เป็กรีบพูดขึ้นและพาร่างของกัสเข้าไปยังห้องน้ำตรงชักโครก กัสถึงกับนั่งลงกับพื้นอาเจียนออกมาอยู่หลายครั้งจนกว่าจะหมด
“ล้างหน้าล้างตาซะ”
กัสทำตามอย่างว่าง่ายเปิดน้ำก๊อกและกวักน้ำล้างหน้าล้างปากอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นเดินโซซัดโซเซโดยมีเป็กประคองร่างไปยังเตียงนอน เมื่อไปถึงล้มตัวลงนอนทันที
“กัส ตื่นก่อน เปลื่ยนเสื้อผ้าจะได้นอนสบาย” เป็กเหมือนพูดคนเดียวเพราะกัสไม่รับรู้อะไรอีกเลย หลับอย่างสนิทเพราะหมดแรงอาเจียนออกมจนไม่มีเหลือ
เป็กไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากต้องถอดเสื้อกางเกงของกัสออกจนหมด เพียงถอดเสื้อออกเผยเห็นเรือนร่างท่อนบน ที่ขาวใสนมชมพูแต่เป็กก็อดใจไว้ไม่อยากทำอะไรเกินไปจากแค่มอง ต่อจากนั้นถอดกางเกงออกจนหมดเห็นทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีเหลือ แม้แต่หนอนน้อยๆ ที่หลับสนิทก็ไม่เว้น เป็กอมยิ้มนิดๆ จะหาเสื้อกางมาใส่ให้ เขายังไม่ทันได้ลุกขึ้นกัสได้จับมือของเป็กไว้
“จะไปไหนนอนด้วยกันก่อนสิ” กัสค่อยๆ ลืมตาขึ้นและภาพตรงหน้าเขาเห็นเป็นพีค
“ใส่เสื้อผ้าก่อนก็ได้” เป็กพูดโดยไม่ได้คิดอะไรมากนัก
“ไม่ต้องใส่เดี๋ยวก็ถอดไม่ใช่เหรอ”
กัสดึงร่างของเป็กเข้ามากอดไว้อย่างแนบเนื้อ จนเป็กเกิดอารมณ์ใคร่สวาทขึ้นมาทันที แต่เขาก็ยังไม่อยากทำอะไรกับกัสตอนไม่รู้เรื่อง จึงต้องถามไถ่ว่ากัสจะยอมหรือไม่
“จะให้ทำอะไรเหรอ”
“อยากทำอะไรก็ทำไปเลย ไม่ได้ ไม่ได้ เดี่ยวทำให้ก่อนดีกว่า”
กัสพลิกร่างให้เป็กนอนหงาย
ส่วนตัวของเขาลุกขึ้นนั่งขยับไปข้างลำตัวของเป็ก แล้วจับไปที่เป้ากางเกงจนพบกับความแข็งแกร่งของท่อนเอ็น
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว