ฉากสำคัญของละครเวทีเรื่องนี้ได้เริ่มต้นขึ้น ก่อนเล่นจริงมีการซ้อมคร่าวๆอยู่หลายครั้ง ซึ่งเป็นเวลาที่สำคัญมากสำหรับกัสและเขื่อนรวมทั้งพีคด้วย
“ให้เรารีบกลับมาห้องมีธุระอะไรเหรอหรือว่าจะเซอร์ไพร์สอะไรเรา”วินมาถึงเขาก็นั่งลงข้างๆนิวทันที
“ก็นายอยากรู้จักแฟนเราไม่ใช่เหรอ”นิวอายนิดๆทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ตอบรับรักมีนเท่าไร เพราะตั้งแต่วันที่มีนไปหาถึงห้องแล้วได้มีอะไรกัน นิวจึงยอมรับรักและมอบใจให้มีนอย่างสุดหัวใจ
“ใช่ มาหรือยังเราก็อยากจะรู้จักเหมือนกัน แล้วชื่ออะไรเราคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกับแฟนเราอย่างแน่นอน ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอแฟนเราด้วย เพราะเรากลับบ้านบ่อย แม้แต่นายเรายังไม่ค่อยได้เจอเท่าไรเลย เราก็เลยลืมๆไปบ้าง”
“ไม่เป็นไรหรอกวันนี้นายก็จะเจอแล้วค่อยแนะนำทีเดียวจบเลยดีกว่า”
“อือ”
ทั้งสองนั่งอย่างระทึกด้วยความอยากรู้ว่าแฟนคนแรกของนิวเป็นใคร ส่วนวินก็อยากรู้ว่าแฟนของนิวเป็นเพื่อนกับแฟนของเขาหรือเปล่า
“มาแล้ว”นิวเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
นิวจึงรีบไปเปิดประตูห้องแล้วพามีนเดินเข้ามา ตรงโต๊ะที่มีเก้าอี้อยู่สามตัว ซึ่งเมื่อมาถึงนิวยืนยิ้มก่อนที่จะแนะนำมีนให้วินได้รู้จัก
“วินนี่มีนแฟนเรา”นิวยิ้มนิดๆเมื่อพูดจบ
“ยินดีที่รู้จักครับ”มีนเอ่ยขึ้นแต่เมื่อวินหันหน้ามาต่างคนต่างตกตะลึง
นิวรู้สึแปลกใจและประหลาดในความรู้สึกอย่างมาก เมื่อได้เห็นหน้าเพื่อนกับแฟนมองกันอย่างตกตะลึงตาค้าง เหมือนกับเจอสิ่งน่าอัศจรรย์ที่ทั้งสองไม่เคยพานพบ
“วิน มีน นายสองคนเป็นอะไรกัน หรือว่ารู้จักกันมาก่อนใช่ไหม”
“แฟนนายเหรอนิว”วินหันหน้ามามองอย่างใคร่สงสัย และพยายามที่จะไม่เชื่อจากสิ่งอันเห็นด้วยสายตาของเขา
“ใช่ มีนไง คนที่เราบอกไว้นั่นแหละ”
“เหรอ”
“มีนนั่งก่อนสิ”
“อ่า”มีนนิ่งเฉยทำใจดีสู้เสือ
“พวกนายสองคนนี่ก็แปลกเจอหน้ากันแทนที่จะทำความรู้จักทักทาย แต่นี่อะไรกันกับนิ่งเฉยทั้งคู่”
นิวมองทางวินทีและหันกลับมามองมีนอีกครั้ง นิวสับสนอลหม่านหัวใจยิ่งหนัก เขารู้สึกว่าทั้งสองมีพิรุธหลายอย่าง แต่เขายังไม่พูดออกมา
“มีน แฟนของนิวก็เรียนคณะเดียวกับนายน่ะ เราคิดว่าน่าจะรู้จักกันด้วยนะ แฟนนายชื่ออะไรนิว”
“เอ่อ ชื่อ มีน”วินกลั้นใจพูดออกมาด้วยความอย่างลำบาก
“โอ๊ย นายพูดเล่นใช่ไหม แต่ทำไมทำหน้าจริงจังขนาดนั้น”
“มันคือเรื่องจริง ถามมีนดูซิ แฟนเราเป็นใคร”
“มีน หมายความว่าอย่างไร นายอย่าบอกนะนายก็เป็นแฟนวินเพื่อนของเรา นายคบทีเดียวสองคนเลยเหรอ”
“คือ เรื่องนี้อธิบายได้นะ นิว วิน คือ เราไม่ได้ตั้งใจ จะให้เราพูดอย่างไรดีล่ะ”
“นายต้องพูดออกมา ถึงวันนี้จะไม่มีเราหรือนิว นายก็น่าจะมีคนอื่นอีกใช่ไหม”วินพูดด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด สีหน้าบ่งบอกอย่างชัดเจน
“เราไม่มีใครจริงๆ เรามีแค่นายสองคนเอง”
“ทำไมนายเป็นคนอย่างนี้ นายจีบทีเดียวสองคน แถมเป็นเพื่อนกันอีก”วินยังไม่หยุดที่จะว่ามีน
“ถ้าเรารู้ว่านายสองคนเป็นเพื่อนกันเราไม่มีวันที่จะทำอย่างนี้หรอก”
“แต่ถ้าไม่ใช่นายก็จะทำใช่ไหม”วินยังพูดต่อเพราะเขาเป็นคนตรงๆและอยากได้คำตอบจากปากของมีนให้มากที่สุด
นิวยังตกใจไม่หายเขาสูญเสียความรู้สึกอย่างมากมาย จนไม่สามารถที่จะพูดอะไรต่อจากนี้ได้อีก เขาจึงได้แต่ฟังวินเป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียว
“มันไม่ใช่อย่างนั้น คือ จะให้เราพูดอย่างไรดีล่ะ เอาแบบนี้ไหม ไหนๆเราก็คบกับพวกนายสองคนแล้ว ก็คบกันแบบนี้ต่อไปก็ไม่น่าจะเป็นอะไร เดี๋ยวนี้เขาก็คบกันสามคนตั้งหลายคู่”
“นายพูดมันง่ายแต่ทำได้ยาก ใครรู้เข้ามันก็ไม่ดีกับพวกเรา”วินรับไม่ได้กับความคิดนี้ของมีน
“นายก็พูดมาสิว่าจะให้เราทำอย่างไร”
“นายเป็นคนก่อนายก็เป็นคนแก้สิ”วินพูดจบเม้มปากเก็บอารมณ์สุดๆ
“เราก็แนะนำนายไปแล้วนิ ว่าอยู่ด้วยกันสามคนยิ่งเป็นเพื่อนกันด้วยสามารถแบ่งปันกันได้”
“นายเป็นฝ่ายได้อย่างเดียว ส่วนเรากับนิวมีแต่เสียกับเสีย”
“ไอ้นั่นก็ไม่เอาไอ้นี่ก็ไม่สนแล้วจะให้อย่างไงล่ะ”
“นายก็เลือกสักคนซิว่าจะคบกับใคร เราหรือนิว”
“เราเลือกไม่ได้ เรารักนายทั้งสองคนเลย”
“มีน นายมันเห็นแก่ตัวมากเลยนะ ว่าไงนิวทำไมนั่งเงียบมีอะไรก็พูดออกมา”วินหันหน้าไปมองเพื่อนรักด้วยความรู้สึกที่เปลื่อยไปพอสมควร
“เราไม่รู้จะพูดอะไร ตอนนี้เรายังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี”
“นายก็เป็นซะอย่างนี้ไม่เด็ดขาด หรือว่านายมีแผนการอะไรอีกล่ะ เงียบๆแบบนายน่ะร้ายลึก คงจะคิดแผนที่จะได้มีนไว้คนเดียวใช่ไหม นายถึงไม่พูดอะไรออกมา ปล่อยให้เราพูดฝ่ายเดียว ทำให้เราดูเป็นคนไม่ดีและไปกดดันมีน”วินเผลออารมณ์พูดออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“วินทำไมนายคิดกับเราแบบนี้ เราเป็นเพื่อนกับนายนะ ถ้าเรารู้ว่ามีนคบกับนายเราคงเลิกไปนายแล้ว”นิวรู้สึกเสียใจกับคำพูดของวินอย่างมาก
“เราผิดสินะ หรือว่านายอยากจะอยู่กันสามคนเราอย่างนั้นเหรอ”
“ถ้านายยอมเราก็ยอม”
“นิวนายจะเป็นบ้าไปแล้วหรือไง”
“ไม่ได้บ้า นายก็เป็นเพื่อนเรา ส่วนเราสองคนก็รักผู้ชายคนเดียวกัน ทำไมเราจะอยู่ด้วยกันไมได้”ความจริงนิวไม่ได้อยากอยู่แบบนี้ แต่เขาได้รักมีนอย่างสุดหัวใจ ถ้าเกิดให้มีนเลือกนิวคิดว่าตัวเขาคงไม่สมหวังอย่างแน่นอน
นิวไม่อยากเสียมีนไปเขาทำใจไม่ได้ ถ้าทำตามคำแนะนำของมีน ในส่วนตัวของนิวคิดว่าในช่วงเวลาที่คบกัน เขาจะพยายามมัดใจมีนรักเขาให้มากกว่าวิน
“ถ้าอย่างงั้นเรากลับก่อนนะ นายสองตกลงกันได้เมื่อไรก็บอกเรามาได้เลย”
“นายจะซิ่งหนีแล้วหรือไง ทุกอย่างยังไม่เคลียร์เลย”วินเอ่ยขึ้น
“มันเคลียร์ได้ อยู่ที่นายคนเดียวถ้านายรับความสัมพันธ์กันแบบสามคนได้ ทุกอย่างก็น่าจะโอเคนะ”
“มีนนายมัน”วินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะเขาก็ไม่สามารถที่จะตัดสินใจทิ้งหรือยกมีนให้นิวได้
“เราไปก่อนนะ รับรองเราไม่ทิ้งพวกนายสองคนหรอก ถ้านายสองคนตกลงกันได้เราก็จะมาหานายสองคนในวันพรุ่งนี้ ไปก่อนนะนิว วิน”
นิวยืนมองมีนที่เดินออกจากห้องไปอย่างปวดใจ เมื่อมีนออกไปจากห้องแล้ว เขาก็หันมามองวินเพื่อนรัก ทั้งสองต่างมองหน้ากันถึงจะมีอารมณ์ครุ่นเคืองกันบ้าง แต่ความสัมพันธ์ที่มีกันมานาน จึงทำให้ทั้งสองไม่สามารถที่จะหักหาญน้ำใจอีกฝ่ายได้ในทันที แต่ก็ยังมีแอบเคืองให้เห็นบ้างเล็กน้อย
“นิวนายจะเอาอย่างกับเรื่องนี้”
“เราไม่รู้ ตอนนี้มันอึ้งมันพูดไม่ออกคิดไมได้ว่าจะทำอย่างไร”นิวนั่งอยู่ด้วยอารมณ์ซึมเศร้าดิ่งลงอย่างมาก
“นายก็เป็นซะอย่างนี้ไม่กล้าตัดสินใจอะไร”
“นายก็ดีแต่พูดๆแล้วมีประโยชน์อะไรล่ะมีนออกไปโน้นแล้ว”
“ก็เป็นเพราะนายนั่นแหละทำไมไม่บอกมีนไปเลยว่าจะเลือกใคร”
“ทำไมต้องเลือกด้วย เราไม่อยากเสียนายและมีนไป”นิวแหงนหน้ามองวินด้วยสีหน้าที่เย็นชา
“นายจะปล่อยให้มันคาราคาชังอย่างนี้เหรอ”
“เราก็ทำตามอย่างที่มีนบอกก็ได้นิ อยู่ด้วยกันสามคน มีนายกับเราและมีน”
นายคิดอะไรแบบนั้นไปได้ไง นายไม่ใช่คนอย่างนี้ ถ้าเป็นเรายังพอมีความเป็นไปได้”
“ก็นายคิดจะเอามีนไว้คนเดียวไง นายเลยคิดแบบนั้น”
“เราบอกว่าถ้าเป็นเรายังมีความเป็นไปได้ ที่เราคิดว่าอยู่ด้วยกันสามคน”
“ก็ใช่นายแค่คิด แต่นายอยากจะได้มีนไว้คนเดียวใช่ไหม”
“ไม่ใช่อย่างที่นายคิดเลยนะ นายน่ะมองโลกในแง่ร้ายเกินไป”สีหน้าของวินถอดสี เพราะไมคาดคิดว่านิวจะพูดออกมาเช่นนี้
“ไม่แง่ร้ายหรอก เรายังคิดเลยว่าในเมื่อเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมเราจะมีแฟนคนเดียวกันไม่ได้ มีอะไรก็แบ่งปันกันแบบเพื่อน”
“มีนไม่ใช่สิ่งของ แต่มีนเป็นคนนะ”
“ก็มีนยอมเป็นสิ่งของให้เราไม่ใช่เหรอ”
“วันนี้เราคงไม่พูดกับนายไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน วันหลังเราค่อยมาคุยกันใหม่ก็แล้วกัน”เมื่อวินพูดจบก็เดินออกไปจากห้องด้วยอารมณ์โกรธ
นิวนั่งนิ่งมองวินเดินจากไปด้วยใจที่ครุกรุ่นพร้อมลุกโชนทุกเมื่อ เพราะในช่วงเวลานี้ความโกรธ ความเกลียด ความรัก ความผูกพัน มาอยู่ปะปนในความคิดของเขา เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างได้ประดังประเดเข้ามา จนทำให้นิวไม่สามารถที่จะข่มใจให้สงบนิ่งได้ในทันใด
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว