เมื่อเธอถูกเขา ครอบครอง อย่างที่ไม่มีใครเตรียมใจ เสียงผิวหนังกระแทกกันดังต่อเนื่อง เฉอะแฉะ ลื่นเปียก จนได้ยินเสียงของเธอชัดเจนเกินจะหลอกตัวเองได้
ร่างของลี่เหยา สั่นระริกใต้ร่างของเขา… ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะความรู้สึกมัน ล้น จนไม่รู้จะจัดการยังไง
"ข้าไม่รักเจ้า" คำพูดนั้นยังวนในหู แต่กลับกระตุ้นหัวใจ ให้ยิ่งเต้นแรง… เพราะการกระทำมันตรงข้ามทุกคำพูด
ความหนักของเขา ความดิบของเขา… เขาไม่ได้โอบเธอไว้แบบรัก เขากด กร้าว บด ขยี้ ทุกจังหวะเหมือนจะเอาเธอให้ "ยับ" จนไม่มีชิ้นดี
สะโพกเขาเคลื่อนลึก กระแทกอัดเข้ามาไม่หยุดอัดแน่นเสียจนเธอเผลออ้าปาก…ส่งเสียงครางน่าอาย..
“อ๊ะ… อ๊ะ… มะ… ไม่… ได้…”
เธอพูดออกไป แต่เสียงที่หลุดออกมากลับแหบพร่า หอบ ครางสะท้าน
ในใจเธอประท้วง "นี่มันขืนใจ! เขาไม่ได้ขอ เขาไม่รัก!"
แต่ในร่างกายกลับรู้สึกถึงความร้อนวูบวาบที่ก้นท้อง ความเสียวแล่นผ่านสันหลัง หัวนมชูชัน ก้นเด้งสวนโดยไม่รู้ตัวเหมือนร่างกายอยากถูกกระแทกซ้ำอีกแรงกว่าเดิม
เขากระชากผมเธอขึ้นมากระซิบ
“เจ้าก็ครางเหมือนต้องการอยู่ดี ไป๋หลิน”
น้ำเสียงเขาขบขันแต่ต่ำลึก… แล้วเขาก็จับขาเธอพาดบ่า อ้าขาออกกว้างจนช่องทางของเธอเปิดโล่งให้เขามองเห็นทั้งหมด
"อ๊าาาา!!" เธอกรีดร้องอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะเจ็บ… แต่เพราะเขากระแทกเข้ามาแรงจัด จนข้างในเธอตอดตึงรอบแก่นเขาแน่น
"ข้า… อ๊า…!"
ริมฝีปากเธอสั่น เธอกัดมันไว้แน่น แต่น้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่รู้ว่านี่คือความอาย หรือความฟินที่ไม่ควรเกิดขึ้นจากสิ่งที่เขาทำ
มือของเขาลูบแผ่นหลังเธอลงมาช้า ๆ แล้วตบก้นเธอดัง เพี๊ยะ! “แฉะขนาดนี้ ยังจะพูดว่าไม่ใช่รึ?”
“อย่า… อย่าทำกับข้าเป็นแบบนี้…”
“แต่เจ้าชอบมันนี่ ชอบเวลาข้า จับเจ้าไว้แน่น ๆ แล้ว เอาเจ้าจนลืมสิ้นทุกสิ่ง ใช่หรือไม่?”
เธอสะอื้นสั่น แต่ก็ยอมให้เขาจับเอวกระแทกกลับมาใส่ตัวเขาอีกครั้ง...คืนนี้ ไม่มีอ้อมค้อม ไม่มีความนุ่มนวล มีแต่ความดิบเถื่อน ราตรีที่ยังไม่จบ เมื่อ “หยางเซวียน” ไม่ปล่อยเธอแม้หลังปลดปล่อย
ผ้าม่านในห้องหอยังแกว่งเบา ๆ จากแรงลม แต่ภายใน… กลับอบอวลไปด้วยไอน้ำจากกายที่ยังไม่ยอมหยุด
เสียงหอบหายใจของไป๋หลินขาดเป็นห้วง ๆ ร่างทั้งร่างเธอเปียกชื้น เหงื่อชโลมตามซอกคอ หน้าอก หน้าท้อง และหว่างขา… ที่ยังคงมี “ของเขา” อัดแน่นแนบลึกอยู่ในนั้น
เธอเพิ่งเสร็จ แรง ทั้งร่างกระตุกวูบวาบเกือบสิบนาที น้ำตาไหลเพราะข้างในร้อนฉ่า ราวกับเขาพ่นไฟเข้าไปในกายเธอพร้อมน้ำข้นร้อนที่เธอรู้ว่า... ไม่มีใครเคยให้เธอแบบนี้
แต่แล้ว… เขาไม่ได้ผละออก กลับจับเอวเธอไว้แน่กว่าเดิม แล้วเริ่มขยับตัวอีกครั้ง ช้า… แน่น… และเสียดลึกยิ่งกว่าเดิม
“อะ… ไม่นะ… พอแล้ว…”
เธอครางในลำคอ เสียงเบาจนแทบไม่เหลือแรงพูด ร่างเธอสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่หยางเซวียนกลับโน้มลงมากระซิบชิดใบหูเธอ เสียงทุ้มเย็นเฉียบ แต่แฝงเปลวไฟแผดเผา
“ยังไม่พอ… เจ้ายังไม่ได้ขอข้าเลยนี่… หรือไม่จริง?”
มือหนึ่งของเขากระชับต้นขาเธอไว้แน่น อีกมือลูบจากกลางแผ่นหลัง ไล้ลงมาตามแนวสันสันกระดูกก้นกบ จนถึงสะโพก แล้วกดเธอลง รับเขาเข้าไปอีกครั้ง… ทั้งแท่ง
เธอผวา เผลอกัดไหล่เขาแน่น
“อ๊าา… ทะ… ท่าน…”
“เรียกชื่อข้า…” เขาสั่งเสียงต่ำ ดวงตานิ่งเหมือนน้ำแข็งแต่แววตากลับลุกไหม้ เธอสั่นพร่า…แล้วก็เอ่ยออกมาช้า ๆ เสียงอาย เสียงอ้อน เสียงของคนที่ต้านไม่ไหวอีกแล้ว
“หยาาาง…เซวียน…”
เพียงแค่นั้น เขาก็เปลี่ยนจังหวะทันที
กระแทก เร็ว หนัก แน่น เสียดเข้าลึกจนเธอกรีดร้อง
“ฮึก… อื้ออออ!!”
เขาขยับสะโพกอย่างคนควบคุมทุกอย่างไว้ในมือ ทุกท่วงท่าเหมือนกำลัง ลงทัณฑ์ แต่ในความรุนแรงนั้น กลับแฝงด้วยความรู้สึกที่เธอไม่เคยสัมผัสการถูก “ครอบครอง” อย่างสมบูรณ์
จนสุดท้าย เธอกระตุกแรงอีกครั้ง
ร่างกายชักเกร็ง ตอดรัดเขาแน่นจนเขาเผลอครางต่ำ ในลำคอ “ชิ... เจ้าร้อนขึ้นทุกครั้งที่ข้าเอาเจ้า…” และแล้ว เขาก็กระแทกอัดสุดแรงอีกที ก่อนจะปลดปล่อยตัวเองใส่เธอ อีกครั้ง น้ำร้อนพุ่งลึกเข้าข้างใน ร่างเขาสั่นระริกทับเธอไว้ สองรอบ… ภายในสองชั่วยาม…
แต่เขายังไม่ยอมถอนตัวออกเลย นิ่ง เงียบ ร้อนจัด เขาจ้องหน้าที่แดงฉ่ำ เหงื่อชโลมแก้มเธอ แล้วกระซิบชิดริมฝีปาก
“…รอบสาม ข้าจะให้เจ้าร้องจนลืมชื่อตนเอง”
ลิ้นของเขา… ในค่ำคืนที่เธอไม่มีแรงแม้แต่จะขอให้หยุด
ขาของเธอสั่นระริก ความอ่อนล้าจากรอบที่สองยังแล่นอยู่ในกล้ามเนื้อต้นขาไร้เรี่ยวแรง สะโพกตกลงแผ่ว ๆ บนฟูกหนา เส้นผมเปียกชื้นเกาะกรอบหน้า ผิวเธอขึ้นสีชมพูจัดจาก แรงกระแทกไม่ยั้งเมื่อครู่
ไป๋หลินหมดแรงจนแม้แต่เปลือกตาก็หนักราวจะปิดลง…
แต่หยางเซวียน เขายัง ไม่พอ เขาเฝ้ามองเธอครางจบรอบสองด้วยใบหน้าหวานบิดเบี้ยว ความเสียวร้อนปะทะน้ำตาบาง ๆ ที่เอ่อล้นตรงหางตาเขากระซิบในใจ…
“สวยกว่านี้ เจ้าก็คงไม่มีอีกแล้ว”
เขาโน้มตัวลงอย่างเงียบเชียบ จับเรียวขาของเธอที่สั่นเปลี้ยแยกออกอย่างใจเย็น ปลายนิ้วร้อนลูบผ่านผิวด้านในต้นขาจนเธอสะดุ้งน้อย ๆ แล้วเสียงครางอ่อนหวิวก็หลุดจากปาก
“อื้อ… ท่าน… หยางเซวียน… ข้า อ๊า... ไม่ไหวแล้ว…”
“ข้ารู้…” เสียงเขาต่ำจัด ราบเรียบราวคนคุมอารมณ์ ได้ดีเหลือเกิน “เจ้าหมดแรง จึงทำได้แค่ รับมันทั้งหมดไว้เงียบ ๆ ใช่ไหม…”
ก่อนเธอจะได้ถาม เขาก็เลื่อนตัวลงต่ำ…
ต่ำกว่าเอว… ต่ำกว่าท้องน้อย…
จนปลายจมูกแตะลงที่ปุ่มกระสันกลางหว่างขา
เธอกระตุก เผลอยกสะโพกหนี แต่เขากดเอวเธอลง กับเตียงแน่นด้วยสองมือ “เจ้าเสร็จสองครั้ง… แต่ข้าอยาก ให้เจ้าจำ ครั้งที่สาม ว่าเป็นเพราะลิ้นข้า” แล้วเขาก็ ตวัดลิ้น… ลงตรงนั้น แรงพอให้เสียง “ชวับ” ดังสะท้อนกำแพง
"อ๊าาาาาา!!"
เสียงเธอดังลั่น ไม่ใช่คราง แต่เป็นกรีดร้องอารมณ์พุ่งทะยาน เขาไม่ได้หยุด…ลิ้นของเขา วน ตรงปุ่มนั้นแรง ๆ แล้ว ดูดเม้ม อย่างจงใจ เสียงเนื้อกับน้ำดังเปียกปอน ลามไปถึงซอกขา เธอสั่นจนตัวโยน ไม่มีแรงขัด ไม่มีแรงผลักเขาออก
"ไม่… พอแล้ว… ข้า… เสร็จ… ไปแล้ว…!"
เขาหยุดเพียงครู่ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย น้ำของเธอเปื้อน ริมฝีปากเขา ดวงตาเยือกเย็น แต่แววลุ่มหลงในนั้นรุนแรงเสียยิ่งกว่าความรัก
“เจ้าเสร็จเพราะ แท่งร้อนข้าไปแล้วสองครั้ง…”
“…ครั้งนี้ ข้าจะทำให้เจ้าร้องไห้เพราะ ลิ้นข้าเอง”
แล้วเขาก็ฝังหน้าเข้าระหว่างขาเธออีกครั้ง รัวลิ้นถี่ยิบ สอดเข้าลึก ตวัดตรงจุดที่เธอสั่นที่สุด แล้วดูดแรงจนร่างเธอ กระตุกไม่หยุด
อ๊าาาาาา! อะ อ๊าาาาา!
ท่าน! … เซวียนนนน!!
น้ำตาเธอพรั่งพรู ร่างกระตุก เสียงร้องสะท้าน สะโพกยกขึ้นเองขณะเขากดมันลงไว้แน่น…แล้วเธอก็เสร็จใส่ปากเขา ทั้งหมด เขาดูดกลืนทุกหยด กลิ่นเธอซึมเข้าโพรงจมูก ลิ้นเขายังแตะอยู่ตรงนั้น จนเธอหายใจหอบแรงราวกับเพิ่งโดน “เฆี่ยน” ด้วยความฟินทั้งร่าง
สุดท้าย เขาเงยหน้าขึ้น เช็ดปากช้า ๆ แล้วกระซิบเสียงแหบชิดริมฝีปากเธอที่สั่นระริก
“เจ้าทั้งหมดนี้… เป็นของข้าแล้ว ไป๋หลิน”
โรงเตี้ยมแสงเทียนสลัว ๆ กระพริบไหวในห้องพัก ๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารร้อนและไม้หอมไป๋หลินนั่งลงที่โต๊ะเล็ก ๆ ด้านมุมห้อง สั่งอาหารจากคนใช้ในโรงเตี้ยมด้วยเสียงเรียบเฉย ไม่มองหน้าใคร“บะหมี่ซุปสามรสร้อน ๆ หนึ่งชาม” เสียงของเธอเย็นชา แต่มือกลับสั่นเล็กน้อยเมื่อรับจดหมายและของที่ขาฝากไว้เมื่อเช้าอาหารร้อนถูกวางลงตรงหน้าไป๋หลินจ้องมองไปยังประตูไม้ที่ถูกปิดสนิท เธอพยายามกล้ำกลืนความรู้สึกที่ปะทุขึ้นในใจ“ไม่สนใจเขา ไม่คิดถึงเขา”เธอวางช้อนอย่างมั่นคง แล้วยกมือไปจับผ้าคลุมที่แขวนอยู่ข้างเตียง ไอร้อนในอ่างไม้ลอยฟุ้งหนาแน่น ราวกับม่านหมอก ที่บดบังเส้นแบ่งระหว่างความฝันกับความจริง น้ำเก๊กฮวยอุ่นถูกเทลงผสมน้ำจนกลิ่นหอมจาง ๆ กระจายไปทั่วห้องอาบน้ำแสงตะเกียงสั่นไหว ละอองไอน้ำเกาะกระจกเป็นหยด ไป๋หลินถอดเสื้อผ้าอย่างไม่รีรอ ฝ่ามือของนางลูบผ่านต้นคอเปลือยช้า ๆ ดวงตาเหม่อลอย สะท้อนแสงไฟเหมือนกระจกหยกปล่อยให้ความร้อนของน้ำชะล้างความเหนื่อยล้าและความคิดยุ่งเหยิงแม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าแต่จิตใจของเธอก็ยังคงเข้มแข็งไม่ไหวหวั่น แต่สำหรับไป๋หล
เสียงของเขาไม่ต้องตะโกน ก็สะเทือนใจจนเธอเผลอกลืนน้ำลาย “ข้าเหมาห้องทั้งหมดในโรงเตี้ยมนี้แล้ว”เสียงนั้นสงบ เย็นชา แต่มีกระแสพลังบางอย่างแฝงอยู่ สายตาทุกคนในโรงเตี้ยมหันไปมองผู้มาใหม่ขุนนางหนุ่มร่างสูง ในชุดคลุมดำขลับ ปักตราหยกประจำตระกูลเขายืนอยู่กลางห้องราวเจ้าของโรงเตี้ยม“ใครอยากพักต่อ คืนเงินไปข้างนอก”“คืนนี้ โรงเตี้ยมนี้คือเรือนหอของภรรยาข้า”ไป๋หลินที่แอบฟังอยู่ข้างบน รู้สึกเหมือนมีลูกไฟเล็ก ๆ วิ่งวนไปทั่วร่างเขาพูดว่า "ภรรยา"…ประโยคนั้นไม่มีอยู่ในบทเดิมและในตอนนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูห้องเธอเบา ๆ ก่อนประตูก็ถูกผลักเข้ามา หยางเซวียนเดินเข้ามาอย่างเงียบงัน ไม่แม้แต่จะถามว่าเธออยู่ไหมเขาวางห่อผ้าลงบนโต๊ะไม้เสียงดัง “ตุบ” แล้วค่อย ๆ คลี่ออกข้างในมี…เหรียญทองน้ำหนักดีถุงเงินที่เธอเคยซ่อนไว้ใต้เตียง…ซึ่งควรจะหายไปตอนหนีกับข้าวร้อน ๆ ที่มีกลิ่นอาหารโปรดของเธอและ “จี้หยกดอกเหมย” ที่เธอเคยทำตกไว้ในห้องหอ“เจ้าหนีเก่ง” เขาเอ่ยขณะยืนพิงเสากลางห้อง“แต่ข้าเรียนรู้มานานว่า...ของมีค่าไม่ควรปล่อยให้หายไปสอ
ในกระจกเงานั้น...คือภาพของหญิงสาววัยแรกแย้ม ผิวขาวอมชมพูราวกลีบดอกพีชที่เพิ่งแย้มบาน ผิวพรรณของเธอสะท้อนแสงเช้าแวววาวนวลเนียน ไม่มีรอยใดต้องซ่อนเส้นผมยาวดำขลับ หยักศกเล็กน้อยจากไอน้ำ ปล่อยยาวระต้นคอจนถึงสะโพก ราวม่านราตรีที่คลุมความฝันไว้ทุกเส้นสายใบหน้าของเธอได้รูป พวงแก้มกลมละมุน ดวงตากลมโตซ่อนแววฝันและความอ่อนโยนขนตายาวพริ้มรับแสงธรรมชาติ จมูกโด่งรั้นน้อย ๆ เพิ่มความน่าเอ็นดูริมฝีปากอิ่มนุ่มแดงจางราวดอกทับทิมที่เพิ่งแตะน้ำค้างยามรุ่งสางเรือนร่างของไป๋หลิน...ช่างเป็นหุ่นซ้อนรูปที่บรรพชน ในบทกวีจะต้องเอ่ยชมทรวงอกได้รูปแน่นกระชับนุ่มนวลไม่ใหญ่เกินไป แต่สะกดตาให้ไม่อาจละเอวคอดกิ่ว จนคนมองต้องกลืนน้ำลาย กลมกลืนรับกับสะโพกผายได้สัดส่วนทุกเส้นสายช่าง ถูกวาดขึ้นจากปลายพู่กันเทพยดาในสายตาของใครคนหนึ่งเมื่อคืนนี้...เธออาจจะเป็น ภรรยาแต่ในกระจกเช้านี้เธอคือ หญิงสาวเต็มตัว ทั้งน่าทะนุถนอม ทั้งงดงามเกินคำใดจะพรรณนา และที่สำคัญที่สุด...ไป๋หลิน ในกระจก…คือหญิงสาวผู้กำลังจะเปลี่ยนชะตาชีวิตในนิยายที่เธอเคยรู้ตอนจบ "ฉันจะหนีตอนนี้ไม่ได
ฟ้าสางแล้ว แสงยามเช้าเล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีเลือดนก ร่างของนางนอนแนบแผ่นอกกว้าง หายใจช้า ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้าแบบที่ไม่ใช่แค่นอนกับใคร แต่เหมือน…ถูก “กลืนกิน” ทั้งตัวเขาลุกขึ้นจากเตียงราวกับยังไม่รู้สึกพอ ผิวกายเขาร้อนผ่าว เหงื่อซึมตามหน้าผากและแผ่นหลัง สายตาคมทอดมองร่างเธอที่ยังนอนหมดแรงเรียวขาเธอสั่นน้อย ๆ ขณะพยายามขยับตัว แต่ขาเปลี้ยเกินกว่าจะหนี เขาหยิบเสื้อคลุมมาพาดไหล่ตัวเอง แล้วช้อนร่างเธอขึ้นจากฟูกอย่างไร้คำพูด เธอผวา ซุกหน้ากับอกเขา“ท่าน… จะพาข้าไปที่ใด…”เสียงเธอแผ่วจัด แทบไม่มีแรง แต่ยังเต็มไปด้วย แรงต้านจาง ๆ เขาโน้มใบหน้าลงข้างหูเธอ กระซิบเสียงต่ำชิด เนื้อแก้มที่ยังแดงร้อนจากการถูกเขารังแกทั้งคืน“ข้าจะพาเจ้าไป… ล้าง”เพียงคำเดียว กล้ามเนื้อในท้องของเธอก็กระตุกเบา ๆเสียงน้ำในอ่างกระทบไม้ดังกึกก้อง กลิ่นสมุนไพรผสมดอกบัวคลุ้งในอากาศ หยางเซวียนวางร่างเธอลงในน้ำอุ่น แล้วถอดเสื้อคลุมตนเองตามลงมาทันที ร่างสูงล่ำเปลือยเปล่า… พร้อมสายตาที่ราวกับกำลัง “อ่าน” ร่างเธอทุกส่วนอีกครั้งมือเขาลงน้ำช้า ๆ ตักน้ำร้อนรินจากไหล่เธอ แล้วไล้ผ่านซอกคอ สบตาเธอชิด จนลมหายใจแทบจะเ
เมื่อเธอถูกเขา ครอบครอง อย่างที่ไม่มีใครเตรียมใจ เสียงผิวหนังกระแทกกันดังต่อเนื่อง เฉอะแฉะ ลื่นเปียก จนได้ยินเสียงของเธอชัดเจนเกินจะหลอกตัวเองได้ร่างของลี่เหยา สั่นระริกใต้ร่างของเขา… ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะความรู้สึกมัน ล้น จนไม่รู้จะจัดการยังไง"ข้าไม่รักเจ้า" คำพูดนั้นยังวนในหู แต่กลับกระตุ้นหัวใจ ให้ยิ่งเต้นแรง… เพราะการกระทำมันตรงข้ามทุกคำพูดความหนักของเขา ความดิบของเขา… เขาไม่ได้โอบเธอไว้แบบรัก เขากด กร้าว บด ขยี้ ทุกจังหวะเหมือนจะเอาเธอให้ "ยับ" จนไม่มีชิ้นดีสะโพกเขาเคลื่อนลึก กระแทกอัดเข้ามาไม่หยุดอัดแน่นเสียจนเธอเผลออ้าปาก…ส่งเสียงครางน่าอาย..“อ๊ะ… อ๊ะ… มะ… ไม่… ได้…”เธอพูดออกไป แต่เสียงที่หลุดออกมากลับแหบพร่า หอบ ครางสะท้านในใจเธอประท้วง "นี่มันขืนใจ! เขาไม่ได้ขอ เขาไม่รัก!" แต่ในร่างกายกลับรู้สึกถึงความร้อนวูบวาบที่ก้นท้อง ความเสียวแล่นผ่านสันหลัง หัวนมชูชัน ก้นเด้งสวนโดยไม่รู้ตัวเหมือนร่างกายอยากถูกกระแทกซ้ำอีกแรงกว่าเดิมเขากระชากผมเธอขึ้นมากระซิบ“เจ้าก็ครางเหมือนต้องการอยู่ดี ไป๋หลิน”น้ำเสียงเขาขบขันแต่ต่ำลึก… แล้วเขาก็จับขาเธอพาดบ่า อ้าขาออกกว้างจนช่องทางของเธ
“บัดซบ! แม่งจบแบบนี้เหรอ!? สารเลวววววววววววว!!!”ลี่เหยาปาโทรศัพท์ลงบนเตียงแรงพอให้ตุ๊กตาปลาวาฬกลิ้งตกพื้น หัวใจเธอยังเต้นระรัวด้วยความหัวร้อนเต็มขั้น น้ำเสียงเกรี้ยวกราดปนสิ้นหวังเหมือนคนที่เพิ่งเสียเวลาไปสามวันไถฟีดมืออถืออ่านนิยาย…แล้วเจอจบแบบขมปี๋นิยายเรื่อง "ชะตานางหงส์เจ็ดมังกร" พระเอกเจ็ดคน ‘แต่งงานกับนางเอกและไม่มีใครรักนางจริงซักคน ไม่มีแม้แต่ตอนจบที่มันอบอุ่น สักนิด! แล้วจะให้อ่านไปทำเพื่อ?! สรุปแล้วทั้งเรื่องคือโศกนาฏกรรมจุดจบของผู้หญิงที่ไม่มีใครรัก…แม่งโคตร toxic!“ให้ตายเหอะ คนเขียนแมร่งใจหมาจริงๆ ขอสาปให้หล่อน โดนดูดเข้านิยายตัวเอง แล้วโดน…..” เธอปิดตาแน่น ซุกหน้า ในหมอน พึมพำราวกับบทสาปส่งนักเขียน...ทันใดนั้น แสงสว่างพวยพุ่งออกมาจากหน้าจอ ตู้ม! โลกทั้งห้องเหมือนระเบิด กลิ่นเหมือนดิจิทัลไหม้ลอยเข้าจมูก เสียงแหลมแทรกกับเสียงประหลาดราวเปลวไฟกำลังเผาสคริปต์ ลี่เหยากรีดร้อง ก่อนที่ความมืดจะกลืนกินทุกอย่างกะพริบตาอีกที เธอก็ไม่อยู่ในโลกเดิมอีกต่อไปแล้วทันใดนั้นเอง...เสียงฟ้าผ่าราวกับรอยขีดจากสวรรค์ ฉีกม่านฟ้า และร่างของลี่เหยา หายไปจากโลกใบนี้เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดัง