LOGINเมื่อเธอถูกเขา ครอบครอง อย่างที่ไม่มีใครเตรียมใจ เสียงผิวหนังกระแทกกันดังต่อเนื่อง เฉอะแฉะ ลื่นเปียก จนได้ยินเสียงของเธอชัดเจนเกินจะหลอกตัวเองได้
ร่างของลี่เหยา สั่นระริกใต้ร่างของเขา… ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะความรู้สึกมัน ล้น จนไม่รู้จะจัดการยังไง
"ข้าไม่รักเจ้า" คำพูดนั้นยังวนในหู แต่กลับกระตุ้นหัวใจ ให้ยิ่งเต้นแรง… เพราะการกระทำมันตรงข้ามทุกคำพูด
ความหนักของเขา ความดิบของเขา… เขาไม่ได้โอบเธอไว้แบบรัก เขากด กร้าว บด ขยี้ ทุกจังหวะเหมือนจะเอาเธอให้ "ยับ" จนไม่มีชิ้นดี
สะโพกเขาเคลื่อนลึก กระแทกอัดเข้ามาไม่หยุดอัดแน่นเสียจนเธอเผลออ้าปาก…ส่งเสียงครางน่าอาย..
“อ๊ะ… อ๊ะ… มะ… ไม่… ได้…”
เธอพูดออกไป แต่เสียงที่หลุดออกมากลับแหบพร่า หอบ ครางสะท้าน
ในใจเธอประท้วง "นี่มันขืนใจ! เขาไม่ได้ขอ เขาไม่รัก!"
แต่ในร่างกายกลับรู้สึกถึงความร้อนวูบวาบที่ก้นท้อง ความเสียวแล่นผ่านสันหลัง หัวนมชูชัน ก้นเด้งสวนโดยไม่รู้ตัวเหมือนร่างกายอยากถูกกระแทกซ้ำอีกแรงกว่าเดิม
เขากระชากผมเธอขึ้นมากระซิบ
“เจ้าก็ครางเหมือนต้องการอยู่ดี ไป๋หลิน”
น้ำเสียงเขาขบขันแต่ต่ำลึก… แล้วเขาก็จับขาเธอพาดบ่า อ้าขาออกกว้างจนช่องทางของเธอเปิดโล่งให้เขามองเห็นทั้งหมด
"อ๊าาาา!!" เธอกรีดร้องอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะเจ็บ… แต่เพราะเขากระแทกเข้ามาแรงจัด จนข้างในเธอตอดตึงรอบแก่นเขาแน่น
"ข้า… อ๊า…!"
ริมฝีปากเธอสั่น เธอกัดมันไว้แน่น แต่น้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่รู้ว่านี่คือความอาย หรือความฟินที่ไม่ควรเกิดขึ้นจากสิ่งที่เขาทำ
มือของเขาลูบแผ่นหลังเธอลงมาช้า ๆ แล้วตบก้นเธอดัง เพี๊ยะ! “แฉะขนาดนี้ ยังจะพูดว่าไม่ใช่รึ?”
“อย่า… อย่าทำกับข้าเป็นแบบนี้…”
“แต่เจ้าชอบมันนี่ ชอบเวลาข้า จับเจ้าไว้แน่น ๆ แล้ว เอาเจ้าจนลืมสิ้นทุกสิ่ง ใช่หรือไม่?”
เธอสะอื้นสั่น แต่ก็ยอมให้เขาจับเอวกระแทกกลับมาใส่ตัวเขาอีกครั้ง...คืนนี้ ไม่มีอ้อมค้อม ไม่มีความนุ่มนวล มีแต่ความดิบเถื่อน ราตรีที่ยังไม่จบ เมื่อ “หยางเซวียน” ไม่ปล่อยเธอแม้หลังปลดปล่อย
ผ้าม่านในห้องหอยังแกว่งเบา ๆ จากแรงลม แต่ภายใน… กลับอบอวลไปด้วยไอน้ำจากกายที่ยังไม่ยอมหยุด
เสียงหอบหายใจของไป๋หลินขาดเป็นห้วง ๆ ร่างทั้งร่างเธอเปียกชื้น เหงื่อชโลมตามซอกคอ หน้าอก หน้าท้อง และหว่างขา… ที่ยังคงมี “ของเขา” อัดแน่นแนบลึกอยู่ในนั้น
เธอเพิ่งเสร็จ แรง ทั้งร่างกระตุกวูบวาบเกือบสิบนาที น้ำตาไหลเพราะข้างในร้อนฉ่า ราวกับเขาพ่นไฟเข้าไปในกายเธอพร้อมน้ำข้นร้อนที่เธอรู้ว่า... ไม่มีใครเคยให้เธอแบบนี้
แต่แล้ว… เขาไม่ได้ผละออก กลับจับเอวเธอไว้แน่กว่าเดิม แล้วเริ่มขยับตัวอีกครั้ง ช้า… แน่น… และเสียดลึกยิ่งกว่าเดิม
“อะ… ไม่นะ… พอแล้ว…”
เธอครางในลำคอ เสียงเบาจนแทบไม่เหลือแรงพูด ร่างเธอสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่หยางเซวียนกลับโน้มลงมากระซิบชิดใบหูเธอ เสียงทุ้มเย็นเฉียบ แต่แฝงเปลวไฟแผดเผา
“ยังไม่พอ… เจ้ายังไม่ได้ขอข้าเลยนี่… หรือไม่จริง?”
มือหนึ่งของเขากระชับต้นขาเธอไว้แน่น อีกมือลูบจากกลางแผ่นหลัง ไล้ลงมาตามแนวสันสันกระดูกก้นกบ จนถึงสะโพก แล้วกดเธอลง รับเขาเข้าไปอีกครั้ง… ทั้งแท่ง
เธอผวา เผลอกัดไหล่เขาแน่น
“อ๊าา… ทะ… ท่าน…”
“เรียกชื่อข้า…” เขาสั่งเสียงต่ำ ดวงตานิ่งเหมือนน้ำแข็งแต่แววตากลับลุกไหม้ เธอสั่นพร่า…แล้วก็เอ่ยออกมาช้า ๆ เสียงอาย เสียงอ้อน เสียงของคนที่ต้านไม่ไหวอีกแล้ว
“หยาาาง…เซวียน…”
เพียงแค่นั้น เขาก็เปลี่ยนจังหวะทันที
กระแทก เร็ว หนัก แน่น เสียดเข้าลึกจนเธอกรีดร้อง
“ฮึก… อื้ออออ!!”
เขาขยับสะโพกอย่างคนควบคุมทุกอย่างไว้ในมือ ทุกท่วงท่าเหมือนกำลัง ลงทัณฑ์ แต่ในความรุนแรงนั้น กลับแฝงด้วยความรู้สึกที่เธอไม่เคยสัมผัสการถูก “ครอบครอง” อย่างสมบูรณ์
จนสุดท้าย เธอกระตุกแรงอีกครั้ง
ร่างกายชักเกร็ง ตอดรัดเขาแน่นจนเขาเผลอครางต่ำ ในลำคอ “ชิ... เจ้าร้อนขึ้นทุกครั้งที่ข้าเอาเจ้า…” และแล้ว เขาก็กระแทกอัดสุดแรงอีกที ก่อนจะปลดปล่อยตัวเองใส่เธอ อีกครั้ง น้ำร้อนพุ่งลึกเข้าข้างใน ร่างเขาสั่นระริกทับเธอไว้ สองรอบ… ภายในสองชั่วยาม…
แต่เขายังไม่ยอมถอนตัวออกเลย นิ่ง เงียบ ร้อนจัด เขาจ้องหน้าที่แดงฉ่ำ เหงื่อชโลมแก้มเธอ แล้วกระซิบชิดริมฝีปาก
“…รอบสาม ข้าจะให้เจ้าร้องจนลืมชื่อตนเอง”
ลิ้นของเขา… ในค่ำคืนที่เธอไม่มีแรงแม้แต่จะขอให้หยุด
ขาของเธอสั่นระริก ความอ่อนล้าจากรอบที่สองยังแล่นอยู่ในกล้ามเนื้อต้นขาไร้เรี่ยวแรง สะโพกตกลงแผ่ว ๆ บนฟูกหนา เส้นผมเปียกชื้นเกาะกรอบหน้า ผิวเธอขึ้นสีชมพูจัดจาก แรงกระแทกไม่ยั้งเมื่อครู่
ไป๋หลินหมดแรงจนแม้แต่เปลือกตาก็หนักราวจะปิดลง…
แต่หยางเซวียน เขายัง ไม่พอ เขาเฝ้ามองเธอครางจบรอบสองด้วยใบหน้าหวานบิดเบี้ยว ความเสียวร้อนปะทะน้ำตาบาง ๆ ที่เอ่อล้นตรงหางตาเขากระซิบในใจ…
“สวยกว่านี้ เจ้าก็คงไม่มีอีกแล้ว”
เขาโน้มตัวลงอย่างเงียบเชียบ จับเรียวขาของเธอที่สั่นเปลี้ยแยกออกอย่างใจเย็น ปลายนิ้วร้อนลูบผ่านผิวด้านในต้นขาจนเธอสะดุ้งน้อย ๆ แล้วเสียงครางอ่อนหวิวก็หลุดจากปาก
“อื้อ… ท่าน… หยางเซวียน… ข้า อ๊า... ไม่ไหวแล้ว…”
“ข้ารู้…” เสียงเขาต่ำจัด ราบเรียบราวคนคุมอารมณ์ ได้ดีเหลือเกิน “เจ้าหมดแรง จึงทำได้แค่ รับมันทั้งหมดไว้เงียบ ๆ ใช่ไหม…”
ก่อนเธอจะได้ถาม เขาก็เลื่อนตัวลงต่ำ…
ต่ำกว่าเอว… ต่ำกว่าท้องน้อย…
จนปลายจมูกแตะลงที่ปุ่มกระสันกลางหว่างขา
เธอกระตุก เผลอยกสะโพกหนี แต่เขากดเอวเธอลง กับเตียงแน่นด้วยสองมือ “เจ้าเสร็จสองครั้ง… แต่ข้าอยาก ให้เจ้าจำ ครั้งที่สาม ว่าเป็นเพราะลิ้นข้า” แล้วเขาก็ ตวัดลิ้น… ลงตรงนั้น แรงพอให้เสียง “ชวับ” ดังสะท้อนกำแพง
"อ๊าาาาาา!!"
เสียงเธอดังลั่น ไม่ใช่คราง แต่เป็นกรีดร้องอารมณ์พุ่งทะยาน เขาไม่ได้หยุด…ลิ้นของเขา วน ตรงปุ่มนั้นแรง ๆ แล้ว ดูดเม้ม อย่างจงใจ เสียงเนื้อกับน้ำดังเปียกปอน ลามไปถึงซอกขา เธอสั่นจนตัวโยน ไม่มีแรงขัด ไม่มีแรงผลักเขาออก
"ไม่… พอแล้ว… ข้า… เสร็จ… ไปแล้ว…!"
เขาหยุดเพียงครู่ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย น้ำของเธอเปื้อน ริมฝีปากเขา ดวงตาเยือกเย็น แต่แววลุ่มหลงในนั้นรุนแรงเสียยิ่งกว่าความรัก
“เจ้าเสร็จเพราะ แท่งร้อนข้าไปแล้วสองครั้ง…”
“…ครั้งนี้ ข้าจะทำให้เจ้าร้องไห้เพราะ ลิ้นข้าเอง”
แล้วเขาก็ฝังหน้าเข้าระหว่างขาเธออีกครั้ง รัวลิ้นถี่ยิบ สอดเข้าลึก ตวัดตรงจุดที่เธอสั่นที่สุด แล้วดูดแรงจนร่างเธอ กระตุกไม่หยุด
อ๊าาาาาา! อะ อ๊าาาาา!
ท่าน! … เซวียนนนน!!
น้ำตาเธอพรั่งพรู ร่างกระตุก เสียงร้องสะท้าน สะโพกยกขึ้นเองขณะเขากดมันลงไว้แน่น…แล้วเธอก็เสร็จใส่ปากเขา ทั้งหมด เขาดูดกลืนทุกหยด กลิ่นเธอซึมเข้าโพรงจมูก ลิ้นเขายังแตะอยู่ตรงนั้น จนเธอหายใจหอบแรงราวกับเพิ่งโดน “เฆี่ยน” ด้วยความฟินทั้งร่าง
สุดท้าย เขาเงยหน้าขึ้น เช็ดปากช้า ๆ แล้วกระซิบเสียงแหบชิดริมฝีปากเธอที่สั่นระริก
“เจ้าทั้งหมดนี้… เป็นของข้าแล้ว ไป๋หลิน”
เปลวเทียนล้อมร่างนางทั้งสี่ทิศ กลิ่นกำยานดำล่องลอย คล้ายกระชากสติให้หลุดจากโลกความจริงฝ่ามือของโม่อวี้วางบนหน้าผากนางแต่เขาไม่ใช่คนที่จะเริ่มพิธีนี้ตรงกลางเรือน กลางเสื่อปูรองศักดิ์สิทธิ์ที่โรยด้วยกลีบบัวสีชาด เขากำลังถอดเสื้อคลุมเผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง รอยแผลเก่าเป็นทางยาวไม่ใช่จากศึก แต่จากอดีตที่เขาตัดออกจากตัวเองไม่ได้ไป๋หลินนอนนิ่ง เรือนผมหล่นกระจายบนหมอนดอกไม้แห้งใบหน้าซีด แต่ผิวเริ่มอุ่นขึ้นเพราะปราณที่หล่อเลี้ยงจากมือของ บุรุษผู้หนึ่ง “ฮั่นซู” เขานั่งข้างนาง นิ่ง ราวกับไม่มีสิ่งใดในโลกนอกจากชีพจรของนางแล้วค่อย ๆ หยิบมีดเล่มเล็ก ปลายคมสะท้อนแสงเทียน เขากรีดปลายนิ้วของตนเองอย่างเรียบ เงียบ ไม่หวั่นไหว หยดเลือดแรก แดง สด ไหลออกช้า ๆ เขยิบเข้ามา ประคองใบหน้านางด้วยมือเดียวจรดนิ้วนั้นที่ริมฝีปากนางเบา ๆ เสียงเขาต่ำ… เกือบกลืนกับลมหายใจของพิธี“เจ้าหลับอยู่…แต่ข้ารู้ว่าเจ้าจะได้ยิน…” “…นี่คือเลือดของข้า คืนแรก…ของเจ็ดคืนแห่งพันธะ” เขาแตะนิ้วนั้นที่ริมฝ
ค่ำคืนหลังการเฉลิมฉลอง ทั่วทั้งวังหลวงถูกห่มด้วยแสงตะเกียงและเสียงหัวเราะเหล่าขุนนางชูจอกสุรา เสียงดนตรีดังก้อง แคว้นเว้ยเพิ่งเปลี่ยนบัลลังก์ แต่ผู้คนเชื่อว่าชัยชนะนั้นมั่นคงไม่มีใครรู้เลยว่า เธอ หญิงที่เปลี่ยนชะตานิยายทั้งเรื่องกำลังจะตายกลางสวนหลังตำหนัก ใต้เงาจันทร์จาง ร่างของไป๋หลินเอนพิงต้นหลิว มือข้างหนึ่งกำแน่นกับอก ริมฝีปากขาวซีด ลมหายใจสั้นเหมือนเทียนที่ใกล้ดับพิษภายในกายกำลังกัดกินเส้นลมปราณ คำสาปที่ไม่เคยหาย กลับมาครั้งสุดท้าย เพื่อทำหน้าที่ของมัน“พิษ ยังไม่จบ” เธอกระซิบแทบไร้เสียง “พวกเขา ไม่ควรเห็นฉันตาย” และก่อนที่สติจะหลุดร่างหนึ่งในชุดนักพรตสีเงาหมอกก็ปรากฏตรงหน้าเธอเงียบ เร็ว เหมือนรู้มาก่อนโม่อวี้ ผู้ที่ไม่อยู่ในงานเลี้ยง ผู้ที่ไม่เคยต้องถามใคร ผู้ที่รู้ด้วย “ญาณ” ว่าหญิงที่เขาเฝ้ามองในทุกภพชาติ กำลังจะตายตรงนี้เขาคุกเข่าลงข้างเธอ วางฝ่ามือกลางหลังนาง กระแสจิตแทรกเข้าสำรวจ และเมื่อเจอเส้นพิษ ดวงตาเขาปิดลงช้า ๆ “เหลือเวลาสามราตรี”ไม่มีเสียงหวีดร้อง ไม่
คนผู้นั้นไม่กล้าเดินผ่าน เขาเห็นร่างของนางในท่ากึ่งเปลือย สะโพกขาวโค้งรอรับลิ้น เห็นใบหน้าของหยางเซวียน แนบแน่นกับหว่างขา จับต้นขาเธอไว้แน่นจนร่องรักปลิ้นขึ้นทุกที ที่เขาดุนลิ้นเข้าไป“เสร็จให้ข้าอีกครั้ง... ครั้งนี้ต่อหน้าข้า” เขากระซิบ ทั้งที่ลิ้นยังวนไม่หยุด เสียงครางแผ่วของเธอหลุดจากปาก กลั้นไม่ได้ มือจิกหิน เล็บเกร็งแน่น สะโพกเธอกระตุกพรืดแล้วกระตุกอีกซู่… เสียงน้ำตกกลบแทบไม่ทันเสียงครางในลำคอเธอแตกตรงนั้น แตกบนปลายลิ้นของเขา น้ำเธอไหลซึมเข้าปากเขาเต็ม ๆ พร้อมเสียงหอบพร่าอีกฟากของม่านน้ำตก เงาร่างที่หลบมองถึงกับเบือนหน้าไปหัวใจเต้นแรงเหมือนจะระเบิด…แต่ขาเขายังไม่กล้าขยับ เพราะภาพนั้น… ยังฝังอยู่ในหัวเธอกำลังเสร็จ ไม่ใช่คนธรรมดาที่พาเธอถึง แต่คือ หยางเซวียน ผู้ที่เลียกลีบของเธอด้วยความรัก... และสายตาที่เธอไม่ยอมให้ใครนอกจากเขาม่านน้ำตกยังซัดกระแทกผนังหินไม่หยุด แต่เสียงมันเบากว่าเสียงหอบถี่ของเธอในตอนนี้ ร่างเธอเปลือยครึ่งท่อน ขาทั้งสองถูกจับแยกออก มือยังสั่นระริกแม้จะไร้เชือก
ข้างม่านไหมบางสีงาช้าง หญิงสาวในชุดผ้าไหมสีอ่อนยืนอยู่เงียบงันอาภรณ์ของนางพลิ้วไหวเมื่อสายลมพัดผ่าน เป็นชุดกระโปรงยาวลากพื้น สีชมพูอ่อนเจือกลีบบัว ปักลายบุปผางามด้วยดิ้นทองละเอียดประณีตดอกโบตั๋นบานสะพรั่งกระจายไปตามสาบเสื้อและชายกระโปรง ดุจสวนดอกไม้ที่เบ่งบานใต้แสงจันทร์แขนเสื้อกว้างแบบหรูหรา ปักลายเถาไม้เลื้อยทอดตัวอ่อนช้อยจนสุดชายผ้าเอวคอดถูกรัดด้วยสายรัดผ้าไหมปักดิ้นเงิน แทรกด้วยลูกปัดหยกเล็กละเอียด เส้นผมถูกรวบครึ่งศีรษะด้วยปิ่นหยกขาวรูปกลีบดอกไม้ ทิ้งปลายผมดำขลับยาวสลวยลงมาแม้จะไม่ประดับมากนัก ทว่าทุกอย่างบนเรือนร่างล้วนบรรจงประดับด้วยความละเมียดละไม งามอย่างมีสง่า... ราวภาพในฝันนางกำลังยืนเงียบอยู่ในกลุ่มข้าหลวงนางใน ไร้ตำแหน่ง ไร้ฐานะ แต่ในสายพระเนตรขององค์จักรพรรดิกลับมองนาง… ราวกับอัญมณีเพียงหนึ่งเดียวที่ทั้งโลกมิอาจหาใดเทียบเคียงนางยืนอยู่ที่นี่ ข้างบัลลังก์อันสูงส่ง ทว่าไม่ใช่ในฐานะจักรพรรดินี นางเพียงมายืน ณ ที่แห่งนี้…เพราะคำขอสุดท้ายจากเขาคำขอที่เปลี่ยนฉากสุดท้ายของเรื่องราว ให้ไม่ใช่เพียงการจากลาแต่เป็นบทส่งท้าย...ของหัวใจสอ
เสียงใบไผ่เสียดสีกันในสายลมเย็นยาวราวเสียงกระซิบจากอดีต... หยาดน้ำค้างเกาะบนผิวโลกเหมือนน้ำตาที่ไม่มีใครยอมปล่อยให้ไหลอวี้หลัน หรือ ไป๋หลิน นางเหม่อมองแสงจันทร์ที่สาดผ่านช่องไม้ผุพาดลงมาบนฝ่ามือตนเอง สีผิวซีดขาวเหมือนไข่มุกเย็น แขนเรียวไร้แรงเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ถูกพรากเลือดมาครึ่งร่างแล้วนางเงียบอยู่นาน ก่อนจะกระซิบกับตัวเอง“ใช่... ข้าลืมไปได้ยังไง…”อีกไม่กี่วัน…ก็จะครบวันที่ข้าจะได้พักแล้วซินะ…พิษในร่างจะไม่ใช่แค่ระอุเงียบ ๆ ใต้ผิวหนังอีกต่อไป มันจะลุกขึ้น กลืนกินเส้นเลือด กล้ามเนื้อ ทุกความทรงจำ และท้ายที่สุด—ชีวิตแต่นางกลับนั่งอยู่นี่… รอดูพระจันทร์แทนที่จะเร่งหลบหนี เพราะสิ่งหนึ่งเดียวที่นางไม่มีวันหนีพ้นคือคำขอสุดท้ายของเขา“เจ้าจะอยู่กับข้า...ในวันขึ้นครองบัลลังก์ ใช่หรือไม่?”คำขอของอวี้เหวินเจี๋ย สั่นไหวในหัวใจนางยิ่งกว่าเสียงกลองสงคราม ไม่ใช่เพราะความหวาน หรือเพราะสายตาที่เขามองมาเหมือนนางคือทั้งโลกของเขา แต่เพราะนางรู้… ว่านี่คือคำขอครั
เขาอุ้มนางขึ้นแนบอก ก้าวออกจากเรือไม้ไปสู่ท่าน้ำที่อยู่ไม่ไกล ลำเรือไม้ลายพยัคเทียบท่าอย่างเงียบงัน คบเพลิงสว่างเพียงพอให้มองเห็น…โม่อวี้ ผู้ได้รู้..นางถูกลักพาตัวออกจากจวน มาด้วยความรีบร้อน แต่เมื่อเขามองเห็นอวี้เหวินเจี๋ยก้าวลงมาจากรถม้าพร้อมหญิงสาวในอ้อมแขน สิ่งหนึ่งบีบรัดในอกแน่นอวี้หลันในอ้อมแขนเขา…ดูราวกับสตรีที่เพิ่งถูกรักจนสลบ“เจ้าทำสิ่งใดกับนาง?” เสียงโม่อวี้เรียบ แต่อากาศรอบตัวกลับตึงเครียดเหมือนจะฟาดฟันอวี้เหวินเจี๋ยมองเขานิ่ง… ก่อนก้มลงกระซิบข้างหูนางที่ยังหลับสนิท “ข้าจะรอ…จนกว่าเจ้าจะตื่น แล้วตัดสินข้าด้วยปากของเจ้าเอง”แล้วจึงส่งตัวนางให้โม่เหยี่ยนโดยไม่กล่าวคำใดต่อ ราวกับยอมยกดาบทิ่มอกให้ชายตรงหน้า—ด้วยยิ้มอ่อนที่อาบเลือดไว้ภายในโม่เหยี่ยนรับร่างนางไว้แนบอก ความเปียกชื้นใต้ชายผ้าทำให้เขาชะงักเพียงชั่วลมหายใจ แต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา พลางสั่งให้สาวใช้ใกล้ชิดช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าและดูแลเรื่องราวระหว่างเขากับนาง...ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ไม่มีแม้แต่เงาข







