“บัดซบ! แม่งจบแบบนี้เหรอ!? สารเลวววววววววววว!!!”
ลี่เหยาปาโทรศัพท์ลงบนเตียงแรงพอให้ตุ๊กตาปลาวาฬกลิ้งตกพื้น หัวใจเธอยังเต้นระรัวด้วยความหัวร้อนเต็มขั้น น้ำเสียงเกรี้ยวกราดปนสิ้นหวังเหมือนคนที่เพิ่งเสียเวลาไปสามวันไถฟีดมืออถืออ่านนิยาย…แล้วเจอจบแบบขมปี๋
นิยายเรื่อง "ชะตานางหงส์เจ็ดมังกร" พระเอกเจ็ดคน ‘แต่งงานกับนางเอกและไม่มีใครรักนางจริงซักคน ไม่มีแม้แต่ตอนจบที่มันอบอุ่น สักนิด! แล้วจะให้อ่านไปทำเพื่อ?! สรุปแล้วทั้งเรื่องคือโศกนาฏกรรมจุดจบของผู้หญิงที่ไม่มีใครรัก…แม่งโคตร toxic!
“ให้ตายเหอะ คนเขียนแมร่งใจหมาจริงๆ ขอสาปให้หล่อน โดนดูดเข้านิยายตัวเอง แล้วโดน…..” เธอปิดตาแน่น ซุกหน้า ในหมอน พึมพำราวกับบทสาปส่งนักเขียน...
ทันใดนั้น แสงสว่างพวยพุ่งออกมาจากหน้าจอ ตู้ม! โลกทั้งห้องเหมือนระเบิด กลิ่นเหมือนดิจิทัลไหม้ลอยเข้าจมูก เสียงแหลมแทรกกับเสียงประหลาดราวเปลวไฟกำลังเผาสคริปต์ ลี่เหยากรีดร้อง ก่อนที่ความมืดจะกลืนกินทุกอย่าง
กะพริบตาอีกที เธอก็ไม่อยู่ในโลกเดิมอีกต่อไปแล้ว
ทันใดนั้นเอง...เสียงฟ้าผ่าราวกับรอยขีดจากสวรรค์ ฉีกม่านฟ้า และร่างของลี่เหยา หายไปจากโลกใบนี้
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังลั่นในจวนสกุลหยาง
ลี่เหยา ไม่สิ ไป๋หลินลืมตาขึ้นมาในร่างหญิงสาวผิวซีดที่เพิ่งถูกวางยา และนี่มันคือ “บทที่ 3” ของนิยาย… ก่อนวันที่นางควรตาย แต่ความตลกคือเธอ “รู้” ทุกอย่าง รู้ว่าใครวางยา รู้ว่าใครกำลังดูถูก และรู้ว่าพระเอกทั้งเจ็ด กำลังจะเดินเข้ามาทีละคน โดยไม่มีใครสนใจรัก ไป๋หลิน จริง ๆ
แต่ตอนนี้ เธอไม่ใช่ไป๋หลินเดิมอีกต่อไป เธอจะเขียนบทใหม่ทั้งหมด...ให้ผู้ชายทั้งเจ็ด ‘ตกหลุมรัก’ ด้วยตัวตนจริงของเธอ ไม่ใช่เพราะบทสคริปต์ที่ถูกวางไว้ และแล้วคืนแต่งงานของหยางเซวียนกับไป๋หลินก็มาถึง…
คืนที่พรหมจรรย์ของเธอ “ถูกแย่ง” กลางบทนิยาย โคตรดิบ… และไม่มีวันลืม
ฝนไม่ตกในคืนแต่งงานของหยางเซวียนและไป๋หลิน ทว่าในใจของลี่เหยาผู้ “ตื่น” ขึ้นในร่างนี้กลับมีเสียงฟ้าคำราม อยู่ไม่ขาด
เธอไม่รู้ว่ามาได้ยังไง จำได้แค่ด่าคนเขียนนิยายแบบสาปส่ง…แล้วความมืดก็กระชากเธอเข้ามาที่นี่… ตื่นขึ้นอีกที ก็ถูกลากเข้า ห้องหอพร้อมกับคำว่า “เจ้าสาว” ที่ยังไม่ทันพูดว่า ‘อุ๊ย’
ผ้าคลุมหน้าสีแดงถูกกระชากออก ร่างของเธอถูกเหวี่ยง ลงเตียง ผืนฟูกหนาแต่แข็ง กลิ่นดอกบัวจากผ้าปูปนกับกลิ่นตัวเขาสด ดิบ หยาบกร้าน
“อะ… เดี๋ยว!”
“เงียบ”
เสียงของเขาเย็นเฉียบ แต่ดวงตากลับไม่หลบเธอแม้แต่นิด ราวกับจับจ้องสัตว์ประหลาดในร่างผู้หญิง
“ข้าไม่สนว่าเจ้าอยากแต่งหรือไม่ แต่คืนนี้เจ้าต้องเป็น ของข้า เพราะข้าไม่ยอมให้ใครครหาได้ว่าเจ้าสาวของหยางเซวียน ‘ยังบริสุทธิ์’ หลังคืนเข้าหอ”
ริมฝีปากเธอสั่น แต่อุณหภูมิในกายกลับพุ่งพรวดจนปากแห้งไปหมด เขารู้... เธอเห็นจากแววตาเขา รู้ว่าเธอไม่ใช่ “ไป๋หลิน” คนเดิม รู้ว่าเธอ “ตื่น” แล้ว รู้ว่าข้างในเธอกำลังแตกตื่น... แต่เขาก็ยัง กดตัวเธอลงจนติดเตียงอยู่ดี
มือกร้านสากของเขาไม่ได้อ้อมค้อม เขากระชาก สายคาดอกผ้าไหมของเธอขาดดัง “พรืด” เสื้อซับตัวบางหลุด ลงไปอย่างไร้เยื่อใย ปล่อยผิวขาวของเธอเปลือยต่อหน้าเขาแบบ ไม่มีบท ไม่มีกล้อง ไม่มีรีไรต์
“ไม่เอาแบบนี้….ไม่…. ได้โปรด…”
“ข้าไม่ได้รักเจ้า” เขากระซิบข้างหู
“แต่คืนนี้ ข้าจะให้เจ้าจดจำไปชั่วชีวิต”
แล้วเขาก็ก้มลงฝังฟันลงบนลำคอเธอแรงพอให้รอยเลือดซึม
“อ๊าา!”
เสียงเธอดังไปถึงหน้าห้อง แต่ไม่มีใครกล้าเข้าหยางเซวียนผลักขาเธอออก หยาบ ดิบ โหดร้ายอย่างที่เธอไม่เคยอ่านจากนิยายเรื่องไหน
แล้วเขาก็ฝังร่างเขาเข้ามาในตัวเธอ... ไม่มีการถาม ไม่มีการขอ ไม่มีคำหวาน มีแค่ความแน่น กระแทกเข้าจนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นในห้องหอ
“มันไม่ควร… รู้สึกแบบนี้…” เธอกระซิก… หอบแรง น้ำตาซึม แต่ความจริงคือร่างเธอตอบสนองทุกแรงบีบ ทุกแรงกระแทก ทุกจังหวะที่เขาควบเธอราวกับต้องการลงทัณฑ์ มากกว่าร่วมรัก
แสงจากโคมแดงสลัวไหวราวกับหัวใจของหญิงสาวที่กำลังเต้นระรัว ร้อนแรงปะทะความหนาวเย็นภายนอก ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวถูกทิ้งพาดปลายเตียงเหมือนเศษของพิธีที่ไม่มีใครใส่ใจ เหลือไว้เพียงร่างเปลือยของเธอ ที่บิดเร้าอยู่ใต้ร่างชายหนุ่มในชุดเข้าหอ
เสียงลมหายใจเธอขาดห้วง ราวกับถูกดึงกระชากออกไปพร้อมกับสัมผัสของเขา
มือข้างหนึ่งของเขากดตรึงข้อมือเธอกับหมอน อีกมือเลื่อนผ่านขาเนียนแนบเข้าไปกลางต้นขาที่สั่นระริกจากแรงที่ไม่ได้เตรียมใจรับ
ไป๋หลิน ไม่สิ ลี่เหยา ในร่างของไป๋หลิน ร้องในลำคอ ดวงตาเบิกกว้าง แต่กลับไม่ผลักไส... ร่างของเธอกำลังตอกย้ำความจริงอย่างชัดเจนว่า ต่อให้จิตใจจะต่อต้าน แต่กายของเธอได้ทรยศไปเรียบร้อยแล้ว
“ไม่เอาแบบนี้...”
เสียงเธอสั่น แต่มันไม่ใช่เสียงปฏิเสธอีกต่อไป มันคือเสียงของคนที่กลัวตัวเองมากกว่าคนตรงหน้า
“เจ้ารู้ตัวหรือไม่…” เสียงเขากระซิบข้างหู ขณะปลายจมูกลากผ่านซอกคอเธอ “…ว่ากายของเจ้า…กำลังขอข้าอยู่”
มือของเขาสอดเข้าใต้ต้นขาอีกครั้ง ลูบขึ้นช้า ๆ ผ่านความชื้นร้อนระอุที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้อีก
เธอหอบเบา ๆ กลีบปากเผยอ ดวงตาปรือ มองเขาเหมือนคนหลงทางที่หยิ่งยโสเกินกว่าจะเอ่ยคำขอ แต่เธอไม่ได้ห้าม ไม่ได้ผลักไส ไม่ได้ขัดขืน มีเพียงแผ่นอกที่ยกขึ้นลงแรง กับหัวใจที่เต้นกระหน่ำจนร่างสั่น
หยางเซวียนยิ้มช้า ๆ มุมปากโค้งนิดเดียว แต่แฝงแรงอันตรายราวกับนักล่าที่เพิ่งเห็นเหย่ายอมวางคอให้เชือดเอง
เขาก้มลงจูบริมฝีปากนาง ไม่ใช่จูบอ่อนโยน หากแต่แน่นหนัก ดูดกลืน และครอบครองจนลมหายใจเธอขาดห้วง
“ข้าจะทำให้เจ้า…ลืมทุกสิ่งที่เจ้าเคยรู้สึก” เสียงของเขาทั้งเย็นและเร่าร้อนราวกับไฟซ่อนน้ำแข็ง
ร่างเขาแนบสนิทกับเธอ แรงกดหนักลงทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว ความแข็งกร้าวของเขาเสียดสีผ่านความอ่อนนุ่มของเธอ ทุกแรงกระแทกหนักแน่นแต่ชัดเจน ไม่หยาบ ไม่รีบร้อน เหมือนเขาตั้งใจจะฝังตัวตนของเขาไว้ในเธอทุกอณู
“อึก… ข้า…” ไป๋หลินกัดฟัน เสียงของเธอกลายเป็นเสียงครางพร่า แม้ในยามที่พยายามกลั้นเอาไว้
แผ่นหลังเธอแอ่นรับ สะโพกสั่นไหวไปตามแรงกระแทกของเขาที่ถาโถมลงมาเป็นจังหวะ ผ้าห่มไหมกระจัดกระจาย กลิ่นเหงื่อ กลิ่นรัก กลิ่นเนื้อแนบเนื้อปะทะกันในคืนที่ไม่มีใครเข้ามาขัดจังหวะได้
เมื่อเขาโน้มลงจูบซอกคอเธออีกครั้ง เสียงเธอก็หลุดออกมาเบา ๆ
“…หยาางเซวียนนนน…”
เขาหยุดเพียงนิด มองหน้าเธอ ริมฝีปากเขาแนบใบหู กระซิบเสียงต่ำ
“ข้าอยากได้ยินเสียงเจ้า…เรียกข้าซ้ำอีก” และเขาขยับสะโพกหนักลงทันที แรงพอให้เสียงเตียงดัง เอี๊ยด ขึ้นมาอีกครั้ง กลีบเนื้อของเธอกระตุกวูบ ความร้อนจากภายในไหลทะลักขึ้นสู่ยอดอก เธอกรีดร้องเสียงสั่น หายใจแรง
ไป๋หลิน—ลี่เหยา แตกซ่านในอ้อมแขนของเขา ไม่ใช่เพราะเขาบังคับ ไม่ใช่เพราะเธอไม่มีทางเลือก แต่เพราะร่างกายของเธอ… “ยอมรับ” เขาไปหมดแล้ว
เขากระซิบข้างหูอีกครั้ง “ดี… เพราะเจ้าจะไม่มีวันหนีจากข้าไปได้อีก” เสียงเขาแหบพร่า เรียกชื่อเธอซ้ำซ้ำ...
“…ไป๋หลิน ไป๋หลิน ไป๋หลิน…”
แต่เธอรู้ว่าเขากำลังร้องเรียกตัวตนใหม่ของเธอที่ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เธอไม่ได้เสียพรหมจรรย์ให้ตัวละครในนิยาย
แต่เธอ “ถูกเอา” โดยตัวละคร ที่เธอเคยอ่านอยู่บนหน้าจอมือถือสดๆ ร้อนๆ เมื่อไม่กี่นาทีก่อนและในวินาทีนั้น ลี่เหยาก็รู้ว่า…
นี่ไม่ใช่แค่นิยายอีกต่อไปแล้ว
โรงเตี้ยมแสงเทียนสลัว ๆ กระพริบไหวในห้องพัก ๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารร้อนและไม้หอมไป๋หลินนั่งลงที่โต๊ะเล็ก ๆ ด้านมุมห้อง สั่งอาหารจากคนใช้ในโรงเตี้ยมด้วยเสียงเรียบเฉย ไม่มองหน้าใคร“บะหมี่ซุปสามรสร้อน ๆ หนึ่งชาม” เสียงของเธอเย็นชา แต่มือกลับสั่นเล็กน้อยเมื่อรับจดหมายและของที่ขาฝากไว้เมื่อเช้าอาหารร้อนถูกวางลงตรงหน้าไป๋หลินจ้องมองไปยังประตูไม้ที่ถูกปิดสนิท เธอพยายามกล้ำกลืนความรู้สึกที่ปะทุขึ้นในใจ“ไม่สนใจเขา ไม่คิดถึงเขา”เธอวางช้อนอย่างมั่นคง แล้วยกมือไปจับผ้าคลุมที่แขวนอยู่ข้างเตียง ไอร้อนในอ่างไม้ลอยฟุ้งหนาแน่น ราวกับม่านหมอก ที่บดบังเส้นแบ่งระหว่างความฝันกับความจริง น้ำเก๊กฮวยอุ่นถูกเทลงผสมน้ำจนกลิ่นหอมจาง ๆ กระจายไปทั่วห้องอาบน้ำแสงตะเกียงสั่นไหว ละอองไอน้ำเกาะกระจกเป็นหยด ไป๋หลินถอดเสื้อผ้าอย่างไม่รีรอ ฝ่ามือของนางลูบผ่านต้นคอเปลือยช้า ๆ ดวงตาเหม่อลอย สะท้อนแสงไฟเหมือนกระจกหยกปล่อยให้ความร้อนของน้ำชะล้างความเหนื่อยล้าและความคิดยุ่งเหยิงแม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าแต่จิตใจของเธอก็ยังคงเข้มแข็งไม่ไหวหวั่น แต่สำหรับไป๋หล
เสียงของเขาไม่ต้องตะโกน ก็สะเทือนใจจนเธอเผลอกลืนน้ำลาย “ข้าเหมาห้องทั้งหมดในโรงเตี้ยมนี้แล้ว”เสียงนั้นสงบ เย็นชา แต่มีกระแสพลังบางอย่างแฝงอยู่ สายตาทุกคนในโรงเตี้ยมหันไปมองผู้มาใหม่ขุนนางหนุ่มร่างสูง ในชุดคลุมดำขลับ ปักตราหยกประจำตระกูลเขายืนอยู่กลางห้องราวเจ้าของโรงเตี้ยม“ใครอยากพักต่อ คืนเงินไปข้างนอก”“คืนนี้ โรงเตี้ยมนี้คือเรือนหอของภรรยาข้า”ไป๋หลินที่แอบฟังอยู่ข้างบน รู้สึกเหมือนมีลูกไฟเล็ก ๆ วิ่งวนไปทั่วร่างเขาพูดว่า "ภรรยา"…ประโยคนั้นไม่มีอยู่ในบทเดิมและในตอนนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูห้องเธอเบา ๆ ก่อนประตูก็ถูกผลักเข้ามา หยางเซวียนเดินเข้ามาอย่างเงียบงัน ไม่แม้แต่จะถามว่าเธออยู่ไหมเขาวางห่อผ้าลงบนโต๊ะไม้เสียงดัง “ตุบ” แล้วค่อย ๆ คลี่ออกข้างในมี…เหรียญทองน้ำหนักดีถุงเงินที่เธอเคยซ่อนไว้ใต้เตียง…ซึ่งควรจะหายไปตอนหนีกับข้าวร้อน ๆ ที่มีกลิ่นอาหารโปรดของเธอและ “จี้หยกดอกเหมย” ที่เธอเคยทำตกไว้ในห้องหอ“เจ้าหนีเก่ง” เขาเอ่ยขณะยืนพิงเสากลางห้อง“แต่ข้าเรียนรู้มานานว่า...ของมีค่าไม่ควรปล่อยให้หายไปสอ
ในกระจกเงานั้น...คือภาพของหญิงสาววัยแรกแย้ม ผิวขาวอมชมพูราวกลีบดอกพีชที่เพิ่งแย้มบาน ผิวพรรณของเธอสะท้อนแสงเช้าแวววาวนวลเนียน ไม่มีรอยใดต้องซ่อนเส้นผมยาวดำขลับ หยักศกเล็กน้อยจากไอน้ำ ปล่อยยาวระต้นคอจนถึงสะโพก ราวม่านราตรีที่คลุมความฝันไว้ทุกเส้นสายใบหน้าของเธอได้รูป พวงแก้มกลมละมุน ดวงตากลมโตซ่อนแววฝันและความอ่อนโยนขนตายาวพริ้มรับแสงธรรมชาติ จมูกโด่งรั้นน้อย ๆ เพิ่มความน่าเอ็นดูริมฝีปากอิ่มนุ่มแดงจางราวดอกทับทิมที่เพิ่งแตะน้ำค้างยามรุ่งสางเรือนร่างของไป๋หลิน...ช่างเป็นหุ่นซ้อนรูปที่บรรพชน ในบทกวีจะต้องเอ่ยชมทรวงอกได้รูปแน่นกระชับนุ่มนวลไม่ใหญ่เกินไป แต่สะกดตาให้ไม่อาจละเอวคอดกิ่ว จนคนมองต้องกลืนน้ำลาย กลมกลืนรับกับสะโพกผายได้สัดส่วนทุกเส้นสายช่าง ถูกวาดขึ้นจากปลายพู่กันเทพยดาในสายตาของใครคนหนึ่งเมื่อคืนนี้...เธออาจจะเป็น ภรรยาแต่ในกระจกเช้านี้เธอคือ หญิงสาวเต็มตัว ทั้งน่าทะนุถนอม ทั้งงดงามเกินคำใดจะพรรณนา และที่สำคัญที่สุด...ไป๋หลิน ในกระจก…คือหญิงสาวผู้กำลังจะเปลี่ยนชะตาชีวิตในนิยายที่เธอเคยรู้ตอนจบ "ฉันจะหนีตอนนี้ไม่ได
ฟ้าสางแล้ว แสงยามเช้าเล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีเลือดนก ร่างของนางนอนแนบแผ่นอกกว้าง หายใจช้า ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้าแบบที่ไม่ใช่แค่นอนกับใคร แต่เหมือน…ถูก “กลืนกิน” ทั้งตัวเขาลุกขึ้นจากเตียงราวกับยังไม่รู้สึกพอ ผิวกายเขาร้อนผ่าว เหงื่อซึมตามหน้าผากและแผ่นหลัง สายตาคมทอดมองร่างเธอที่ยังนอนหมดแรงเรียวขาเธอสั่นน้อย ๆ ขณะพยายามขยับตัว แต่ขาเปลี้ยเกินกว่าจะหนี เขาหยิบเสื้อคลุมมาพาดไหล่ตัวเอง แล้วช้อนร่างเธอขึ้นจากฟูกอย่างไร้คำพูด เธอผวา ซุกหน้ากับอกเขา“ท่าน… จะพาข้าไปที่ใด…”เสียงเธอแผ่วจัด แทบไม่มีแรง แต่ยังเต็มไปด้วย แรงต้านจาง ๆ เขาโน้มใบหน้าลงข้างหูเธอ กระซิบเสียงต่ำชิด เนื้อแก้มที่ยังแดงร้อนจากการถูกเขารังแกทั้งคืน“ข้าจะพาเจ้าไป… ล้าง”เพียงคำเดียว กล้ามเนื้อในท้องของเธอก็กระตุกเบา ๆเสียงน้ำในอ่างกระทบไม้ดังกึกก้อง กลิ่นสมุนไพรผสมดอกบัวคลุ้งในอากาศ หยางเซวียนวางร่างเธอลงในน้ำอุ่น แล้วถอดเสื้อคลุมตนเองตามลงมาทันที ร่างสูงล่ำเปลือยเปล่า… พร้อมสายตาที่ราวกับกำลัง “อ่าน” ร่างเธอทุกส่วนอีกครั้งมือเขาลงน้ำช้า ๆ ตักน้ำร้อนรินจากไหล่เธอ แล้วไล้ผ่านซอกคอ สบตาเธอชิด จนลมหายใจแทบจะเ
เมื่อเธอถูกเขา ครอบครอง อย่างที่ไม่มีใครเตรียมใจ เสียงผิวหนังกระแทกกันดังต่อเนื่อง เฉอะแฉะ ลื่นเปียก จนได้ยินเสียงของเธอชัดเจนเกินจะหลอกตัวเองได้ร่างของลี่เหยา สั่นระริกใต้ร่างของเขา… ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะความรู้สึกมัน ล้น จนไม่รู้จะจัดการยังไง"ข้าไม่รักเจ้า" คำพูดนั้นยังวนในหู แต่กลับกระตุ้นหัวใจ ให้ยิ่งเต้นแรง… เพราะการกระทำมันตรงข้ามทุกคำพูดความหนักของเขา ความดิบของเขา… เขาไม่ได้โอบเธอไว้แบบรัก เขากด กร้าว บด ขยี้ ทุกจังหวะเหมือนจะเอาเธอให้ "ยับ" จนไม่มีชิ้นดีสะโพกเขาเคลื่อนลึก กระแทกอัดเข้ามาไม่หยุดอัดแน่นเสียจนเธอเผลออ้าปาก…ส่งเสียงครางน่าอาย..“อ๊ะ… อ๊ะ… มะ… ไม่… ได้…”เธอพูดออกไป แต่เสียงที่หลุดออกมากลับแหบพร่า หอบ ครางสะท้านในใจเธอประท้วง "นี่มันขืนใจ! เขาไม่ได้ขอ เขาไม่รัก!" แต่ในร่างกายกลับรู้สึกถึงความร้อนวูบวาบที่ก้นท้อง ความเสียวแล่นผ่านสันหลัง หัวนมชูชัน ก้นเด้งสวนโดยไม่รู้ตัวเหมือนร่างกายอยากถูกกระแทกซ้ำอีกแรงกว่าเดิมเขากระชากผมเธอขึ้นมากระซิบ“เจ้าก็ครางเหมือนต้องการอยู่ดี ไป๋หลิน”น้ำเสียงเขาขบขันแต่ต่ำลึก… แล้วเขาก็จับขาเธอพาดบ่า อ้าขาออกกว้างจนช่องทางของเธ
“บัดซบ! แม่งจบแบบนี้เหรอ!? สารเลวววววววววววว!!!”ลี่เหยาปาโทรศัพท์ลงบนเตียงแรงพอให้ตุ๊กตาปลาวาฬกลิ้งตกพื้น หัวใจเธอยังเต้นระรัวด้วยความหัวร้อนเต็มขั้น น้ำเสียงเกรี้ยวกราดปนสิ้นหวังเหมือนคนที่เพิ่งเสียเวลาไปสามวันไถฟีดมืออถืออ่านนิยาย…แล้วเจอจบแบบขมปี๋นิยายเรื่อง "ชะตานางหงส์เจ็ดมังกร" พระเอกเจ็ดคน ‘แต่งงานกับนางเอกและไม่มีใครรักนางจริงซักคน ไม่มีแม้แต่ตอนจบที่มันอบอุ่น สักนิด! แล้วจะให้อ่านไปทำเพื่อ?! สรุปแล้วทั้งเรื่องคือโศกนาฏกรรมจุดจบของผู้หญิงที่ไม่มีใครรัก…แม่งโคตร toxic!“ให้ตายเหอะ คนเขียนแมร่งใจหมาจริงๆ ขอสาปให้หล่อน โดนดูดเข้านิยายตัวเอง แล้วโดน…..” เธอปิดตาแน่น ซุกหน้า ในหมอน พึมพำราวกับบทสาปส่งนักเขียน...ทันใดนั้น แสงสว่างพวยพุ่งออกมาจากหน้าจอ ตู้ม! โลกทั้งห้องเหมือนระเบิด กลิ่นเหมือนดิจิทัลไหม้ลอยเข้าจมูก เสียงแหลมแทรกกับเสียงประหลาดราวเปลวไฟกำลังเผาสคริปต์ ลี่เหยากรีดร้อง ก่อนที่ความมืดจะกลืนกินทุกอย่างกะพริบตาอีกที เธอก็ไม่อยู่ในโลกเดิมอีกต่อไปแล้วทันใดนั้นเอง...เสียงฟ้าผ่าราวกับรอยขีดจากสวรรค์ ฉีกม่านฟ้า และร่างของลี่เหยา หายไปจากโลกใบนี้เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดัง