LOGINข้ามเทือกเขาไปยังหุบเหวใต้รอยแยกแห่งหนึ่ง เสียงใบไม้ไหวและไอหมอกจางในโถงหินสีดำทำให้ยามค่ำยิ่งหนาวเหน็บและภายในห้องบัลลังก์ที่เย็นจัดจนโคมไฟยังหลีกทาง
เขากำลังนั่งอยู่"ฮั่นหยางเทียน" บุรุษในหน้ากากดำ ผู้นำลัทธิมาร ผู้วางรากเหง้าเงาในหอเงาจันทร์ เพียงเพื่อ "เล่นฆ่าเวลา" ยามที่หอถูกทำลาย มันก็แค่หนึ่งหมากในเกม
เสียง เปรี้ยง!
ร่างของชายในหน้ากากเงินพุ่งชนเสาศิลา เลือดทะลัก จากปาก “เจ้าทำให้ของเล่นข้า…โดนเหยียบ” เสียงเขาเย็นเฉียบ ไม่ดัง แต่ดังก้องในอกเหมือนแรงสะกิดจากขุมนรก
“แค่หอสุรา… ข้าเก็บไว้ให้หญิงฝึกดาบพักผ่อน… แต่พวกเจ้ากลับปล่อยให้พวกมันถูกเผา…”
เขาเหยียดกายขึ้นจากบัลลังก์ ผ้าคลุมดำลากเสียงเสียดพื้นอย่างเยือกเย็น หน้ากากยังอยู่ แต่ดวงตาคู่นั้นแดงวาบ… คล้ายเพลิงจากใต้บาดาล
เขาคือผู้ปลุกปั้นราคะให้กลายเป็นอาวุธท ไม่เคยเห็นหญิงใดเป็นมากกว่าของเล่นบนฝ่ามือ ดวงตาคู่นั้น… วาววับ เย็นชา ไร้แววเมตตาแต่คืนนี้ หลังจากเขาเฝ้ามองผ่านม่านส
เมื่อชีวิตจริงเริ่มต้น… และหัวใจยังคงจำเขาได้แม้ไม่มีเวทมนตร์หรือคำสาปใดหลงเหลืออยู่เสียงเครื่องวัดชีพจรดังติ๊ก… ติ๊ก… สม่ำเสมอ กลิ่นยาแผ่วจางในอากาศม่านสีฟ้าอ่อนข้างเตียงไหวเบาสายลมจากหน้าต่างบานเล็กพัดเข้ามา พร้อมเสียงใบไม้ไหวไกลๆหลี่เหยาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เปลือกตาหนักอึ้ง แขนเธอ มีสายน้ำเกลือ ข้างเตียงวางมือถือของเธอที่ยังเปิดหน้าจอนิยายที่ขึ้นว่า THE ENDเธอกะพริบตาหลายครั้ง หอบลมหายใจ เหมือนตื่นจากฝันที่ยาวนานจนนับเวลาไม่ได้“เธอน็อคเพราะทำงานหนักเกินไปค่ะ หมอวินิจฉัยว่าอ่อนเพลียขั้นรุนแรง และร่างกายพักผ่อนผิดสมดุล” โชคดีที่เพื่อนของเธอส่งเธอมาโรงพยาบาลทันเสียงพยาบาลพูดกับใครบางคนหน้าห้อง เธอฟังอย่างเลื่อนลอยก่อนจะมีเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา และทันทีที่เขาเปิดม่านเตียงออก… เธอก็แทบลืมหายใจชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์สีขา
ดวงตาเธอกระตุก มือที่เคยแน่น กำแน่นขึ้นอีกครั้ง เสียงพิณหยุด กลีบโบตั๋นที่ปลิวในฝันค้างกลางอากาศ และเสียงสุดท้าย แผ่วลงเหนือข้างหูเธอ ราวกับกล่าวจากใจถึงใจ“เจ้าชนะคำสาปแล้ว ลี่เหยา ได้เวลาตื่นจากนิยายเสียที”เปลือกตาเธอเปิดช้าช้า หินใต้แผ่นหลังเย็นเยียบ อากาศรอบตัวหนักแน่นจนเหมือนจะร้องไห้ออกมาได้เองเบื้องหน้าคือชายชุดนักพรต ผ้าคลุมสีหมอก เปื้อนโลหิตจาง มือเขายื่นมารองท้ายทอยเธอเบา ๆ“…โม่อวี้…” เสียงเธอแผ่ว “เจ้าจำชื่อลี่เหยาได้อย่างไร…”เขามองเธอ นิ่ง และตอบด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความจริง“ข้าจำเจ้า… ไม่ใช่เพราะเจ้าชื่ออะไร แต่เพราะ… ไม่ว่าเจ้าจะใช้ชื่อไหนเจ้าคือ ‘หญิงเดียว’ ที่ข้าเฝ้ามองจากโลกทุกใบ”แสงแห่งคำสาปจางลงเหมือนม่านหมอกเช้าตรู่ กลิ่นเลือด กลิ่นกลีบบุปผา และเสียงสายพิณที่เงียบลงไปแล้ว คงอยู่เพียงในห้วงใจไป๋หลินทรุดลงบนเข่าข้างหนึ่ง
ทุกอย่างคือความเงียบขาว ขาวจนเจ็บตาขาวจนเหมือนกลืนเธอเข้าไปทั้งร่าง ขาวจนไม่มีแม้คำว่า “ฉัน” หรือ “เธอ” หลงเหลือไป๋หลิน ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนไม่รู้ว่าตัวเองหลับหรือตื่นร่างเธอล่องลอยอยู่กลางความนิ่ง เหมือนถูกปลดปล่อย…แต่หัวใจกลับยังแน่น แน่นจนเจ็บเธอพยายามขยับ แต่แขนไม่มี ขาไม่มีมีเพียง “ความรู้สึก” ว่าเธอขาดบางสิ่งที่สำคัญมากและในความว่างนั้น เธอเริ่มร้องไห้ ไม่มีเสียง ไม่มีน้ำตา แค่ความเจ็บที่ปริแตกจากกลางอกกระจายช้า ๆ เหมือนลมหนาว“ข้า… อยู่คนเดียวหรือ?”เสียงเธอไม่ดังแม้ในใจตนเอง และเมื่อคำถามนั้นดังขึ้น ลมหายใจรอบกายเปลี่ยนไปเหมือนอากาศสูดกลับเหมือนโลกจำเธอได้อีกครั้งแสงแดดยามบ่ายส่องลอดม่านไม้ไผ่ในเรือนชา กลิ่นขนมงาปิ้งอุ่นลอยมาจากเตา ต้นโบตั๋นริมหน้าต่างเพิ่งผลิบาน...แต่เสียงพิณที่ดังอยู่ใต้ต้นไม้นั้น กลับขับกล่อมอะไรบางอย่าง ที่บาดลึกกว่ากลีบดอกไม้ เสียงสายดีดช้า เนิบนุ่ม แล้วจบลงอย่างเงียบงันหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่ใต้ศาลาริมน้ำ ยกชาขึ้นจิบช้า
เขาถอนกายออกอย่างรวดเร็ว ปลายลำยังแข็งโด่ เต้นตุบ ๆ เหมือนปีศาจที่หิวไม่หยุด เขารวบสะโพกเธอไว้ กระชากร่างเธอขึ้นจากพื้นแล้วพลิกให้นอนคว่ำ หน้ากดลงกับพรมเธอครางแผ่ว “มะ…ไม่ไหวแล้ว…ได้โปรด…ข้า…”“ไม่ต้องขอ ข้าจะ เอาเจ้าให้ขาด” เสียงเขาแหบพร่าเต็มไปด้วยปราณแตกซ่าน มือเขาจับสะโพกกลมกลึงไว้แน่น แล้ว อัดแก่นกายเข้าด้านหลัง อย่างแรงไม่มีหยั่ง!ตั่กกก!!“อ๊าาาาาาาาาาาาา!!”ร่างเธอกระตุกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต หัวจิกพื้น ผ้าห่มขาดติดเล็บ แขนสั่นเทา น้ำตาไหลพราก แต่ปากยังครางซ้ำไม่หยุดปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!เสียงเอวเขากระแทกกับสะโพกเธอดังจนเทียนล้มไปอีกเล่ม เนื้อในเธอ ตอดรัดหนักจนแก่นเขาสั่น ฮั่นซูกัดฟันกรอด ปลายมือสั่นแทบหลุดสติ เขาตบก้นเธอเต็มแรงซ้ายขวา“ข้า…จะ…แตกแล้ว…”เขาโน้มตัวลง คร่อมบนแผ่นหลังเธอ ลมหายใจร้อนกรุ่นบนต้นคอ มือข้างหนึ่งยกขาเธอขึ้นสูงกว่าเดิมจนเปิดทางให้เขาเสียบลึกขึ้
หลังพิธี…ที่ควรจบลง แต่เขาไม่ยอมให้จบ สามีคนที่ 6 ของนางเอก…และราตรีที่ลมหายใจยังไม่ทันจางร่างของเธอยังคร่อมอยู่บนตักเขาเรียวขาเกร็งเบา ๆ ต้นขาแนบชิดสะโพกเขาอย่างลืมตัว ลมหายใจยังถี่ เหงื่อยังซึมหลัง แผ่นอกยังแนบอกเขาแน่นจนได้ยินเสียงหัวใจซ้อนกันเมื่อครู่…หัวใจเธอล่องอยู่ในอดีต เสียงกระซิบครางพร่าในฝัน เสียงที่บอกชื่อเขา"ฮั่นซู" ยังลอยในหู มือที่เคยแตะเธอในความมืด สะโพกที่เคยกระแทกเธอทุกค่ำคืน กลิ่นกายของเขา ลมหายใจของเขา…ทุกอย่างกลับมาทั้งหมด…และเมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็ยังอยู่ตรงนี้ฮั่นซูยังนั่งอยู่ใต้เธอ มือใหญ่ประคองเอวเธอไว้ ลำกายเขายังอยู่ในตัวเธอ แข็ง ร้อน จนรู้สึกชัดทุกการเต้น และสายตาเขา…ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย"เจ้า…" เขากระซิบพร่า "ยังแน่นเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา…หลัน"มือเล็กกำไหล่เขาแน่นกว่าเดิม กายยังสั่น…แต่ไม่ใช่เพราะความกลัวเธอรู้แล้ว นี่ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป และราตรีนี้…ยังไม่จบเลยด้วยซ้ำเธอยังคร่อมตักเขาอย
ในฝัน เขารวบขานางขึ้นพาดเอวแล้วกระแทกเข้ามาแรงขึ้น ตับ! ตับ! เสียงเขาดังชิดข้างหู“ข้าจะให้เจ้าจำร่างกายข้าได้…แม้แต่ในฝัน”เขาขยับเอวแรง ความร้อนพุ่งขึ้นสันหลัง มือเธอจิกบ่าเขาไว้เขากระซิบ เสียงแหบต่ำ ริมฝีปากกดลงข้างหูเรียกชื่อข้า “…ฮั่นซู…” เธอหอบ มือสั่นเขากดสะโพกเข้ามา ช้า ลึก แน่น เธอร้องออกมา เสียงดังกว่าทุกครั้ง ไม่ใช่เพราะเจ็บ แต่เพราะครั้งนี้—เธอ รู้ว่าใครกำลังครอบครองเธอสะโพกเขาขยับ แต่ไม่รีบร้อน เขาจูบนางทุกแห่ง หน้าอก ข้อมือ เอว แผ่นท้อง กลางอกมือเขาทาบหน้าเธอขณะกระแทกเข้า ดวงตาเธอจ้องเขาแน่น ไม่มีฝัน ไม่มีคาถามีแค่ นางกับเขา กับความจริงที่ทุกสัมผัสย้ำซ้ำให้ตลอดหกคืนร่างเปลือยเปล่าของเธอสั่นระริก ร่องรอย การครอบครองยังอ่อนแดงบนต้นขาแต่ภายใน...ยังคงมี บางสิ่งที่กัดกินอยู่ฮั่นซูนั่งลงข้างนาง ลมหายใจเขาเริ่มเร่ง แต่ไม่ใช่เพราะราคะอีกต่อไป คือแรงปราณที่กำลังลุกวาบจากจุดชีพจรทั้งเจ็ดมือข้างหนึ่งของเขายกขึ้น นิ้วแตะกลางอกเธออีกมือแนบหน้าท้องแ







