เข้าสู่ระบบฟ้ารุ่งในจวนแม่ทัพกลับหม่นกว่าค่ำคืนที่เพิ่งจางไป
กลิ่นควันไฟในลานฝึกยังกรุ่น แต่ห้องรับรองกลับเงียบราววัดร้างไม่มีเสียงฝึกอาวุธไม่มีเสียงหัวเราะจากเหล่าทหาร มีเพียงความ เงียบงันอึดอัด ที่แขวนอยู่ในอากาศ ราวกับจวนทั้งหลัง… ขาดหัวใจเซี่ยหลิน ยืนอยู่ตรงระเบียงมองทิวเขาด้านไกล
นิ้วมือเขากำจดหมายนั้นไว้จนยับ ลายหมึกบนหน้ากระดาษ ยังชัดเจน แต่สิ่งที่บีบคั้นอยู่ในอก… คือ ถ้อยคำที่เธอเลือกไม่พูดกับเขาตรง ๆ“อย่าตามหา…”
คำเพียงนั้นตัดทุกสิ่งราวคมดาบแต่เขากลับไม่รู้… ว่าบาดเจ็บที่ใดก่อนคือความอับอายของนางหรือเพราะเขาคือผู้ที่ทำให้นางต้องร้องไห้เงียบ ๆ ทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดเขาเอง
มือที่ครั้งหนึ่งจับเธอไว้แน่น…ในยามนี้สั่นราวไร้แรง
เขานึกย้อนถึงเสียงครางพร่าของนางนึกถึงปลายนิ้วของเขา… ที่เคยสอดลึกเข้าไปในตัวเธออย่างหยาบกร้านแล้วนึกถึงน้ำตานางที่เขา ไม่เคยเห็น…เพราะมัวเมากับความต้องการของตนเองฟ้ารุ่งในจวนแม่ทัพกลับหม่นกว่าค่ำคืนที่เพิ่งจางไปกลิ่นควันไฟในลานฝึกยังกรุ่น แต่ห้องรับรองกลับเงียบราววัดร้างไม่มีเสียงฝึกอาวุธไม่มีเสียงหัวเราะจากเหล่าทหาร มีเพียงความ เงียบงันอึดอัด ที่แขวนอยู่ในอากาศ ราวกับจวนทั้งหลัง… ขาดหัวใจเซี่ยหลิน ยืนอยู่ตรงระเบียงมองทิวเขาด้านไกลนิ้วมือเขากำจดหมายนั้นไว้จนยับ ลายหมึกบนหน้ากระดาษ ยังชัดเจน แต่สิ่งที่บีบคั้นอยู่ในอก… คือ ถ้อยคำที่เธอเลือกไม่พูดกับเขาตรง ๆ“อย่าตามหา…”คำเพียงนั้นตัดทุกสิ่งราวคมดาบแต่เขากลับไม่รู้… ว่าบาดเจ็บที่ใดก่อนคือความอับอายของนางหรือเพราะเขาคือผู้ที่ทำให้นางต้องร้องไห้เงียบ ๆ ทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดเขาเองมือที่ครั้งหนึ่งจับเธอไว้แน่น…ในยามนี้สั่นราวไร้แรงเขานึกย้อนถึงเสียงครางพร่าของนางนึกถึงปลายนิ้วของเขา… ที่เคยสอดลึกเข้าไปในตัวเธออย่างหยาบกร้านแล้วนึกถึงน้ำตานางที่เขา ไม่เคยเห็น…เพราะมัวเมากับความต้องการของตนเอง
ข้ามเทือกเขาไปยังหุบเหวใต้รอยแยกแห่งหนึ่ง เสียงใบไม้ไหวและไอหมอกจางในโถงหินสีดำทำให้ยามค่ำยิ่งหนาวเหน็บและภายในห้องบัลลังก์ที่เย็นจัดจนโคมไฟยังหลีกทางเขากำลังนั่งอยู่"ฮั่นหยางเทียน" บุรุษในหน้ากากดำ ผู้นำลัทธิมาร ผู้วางรากเหง้าเงาในหอเงาจันทร์ เพียงเพื่อ "เล่นฆ่าเวลา" ยามที่หอถูกทำลาย มันก็แค่หนึ่งหมากในเกมเสียง เปรี้ยง!ร่างของชายในหน้ากากเงินพุ่งชนเสาศิลา เลือดทะลัก จากปาก “เจ้าทำให้ของเล่นข้า…โดนเหยียบ” เสียงเขาเย็นเฉียบ ไม่ดัง แต่ดังก้องในอกเหมือนแรงสะกิดจากขุมนรก“แค่หอสุรา… ข้าเก็บไว้ให้หญิงฝึกดาบพักผ่อน… แต่พวกเจ้ากลับปล่อยให้พวกมันถูกเผา…”เขาเหยียดกายขึ้นจากบัลลังก์ ผ้าคลุมดำลากเสียงเสียดพื้นอย่างเยือกเย็น หน้ากากยังอยู่ แต่ดวงตาคู่นั้นแดงวาบ… คล้ายเพลิงจากใต้บาดาลเขาคือผู้ปลุกปั้นราคะให้กลายเป็นอาวุธท ไม่เคยเห็นหญิงใดเป็นมากกว่าของเล่นบนฝ่ามือ ดวงตาคู่นั้น… วาววับ เย็นชา ไร้แววเมตตาแต่คืนนี้ หลังจากเขาเฝ้ามองผ่านม่านส
อวี้หลันสะดุ้งเธอได้ยินเพียงบางคำ ร่างกายยังเต้นตุบ จากฤทธิ์ยาแต่หัวใจเริ่มตื่น เซี่ยหลินหันกลับไปมือของเขาแตะปลายนิ้วของนาง ไม่พูดอะไรแต่แววตาคู่นั้น… สั่นสะเทือนยิ่งกว่าเสียงฆ้องสนามรบ“ข้าจะกวาดล้างหอนี้ทั้งหมด…และหากมันผู้ใดเกี่ยวข้อง ……ข้าก็จะลากพวกมันออกมาเองกับมือ”นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงรื้นกลีบปากเธอขยับจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่เสียงม้าเหยียบดินดังขึ้นอีกครั้งรายงานจากสายข่าวอีกสายกำลังมา…ไอน้ำในห้องบ่อหยกหนาทึบราวม่านหมอกจากหุบเหว น้ำร้อนล้อมร่าง “ฮั่นหยางเทียน”เหมือนอ้อมแขนของสัตว์ร้ายที่เขาเลี้ยงไว้เอง ผิวแกร่งเปียกชุ่มเป็นเงา สายน้ำไล้ผ่านแผงอกและหน้าท้องแข็งเป็นลอน แต่ความร้อนจากบ่อยังสู้ความเดือดในอกไม่ได้เขาคือเจ้าลัทธิมารผู้ครองเงามืด ภายใต้หน้ากากสีดำ เขาปลดสายรัดอย่างเนิบช้า เสียงโลหะกระทบกัน ก่อนหน้ากากเลื่อน เผยใบหน้าคม คิ้วเข้มได้รูป ดวงตาลึกละเมียดแฝงแววลึกลับ จมูกโด่งรับกับริมฝีปากหยักบางที่โค้งขึ้นเพียงน้อย ก็เหมือนเชื้อเชิญให้จิตใจสตรีละลายในรอยยิ้มแผ่วมีเงาเย็นของ
เมื่อใครต้องตา…พวกนางจะเดินเข้าไปมอบตราให้หญิง ผู้นั้นและพาเข้าด้านใน ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรต่อจากนั้นโต๊ะที่เซี่ยหลิง จ้าวอี้หาญ และอวี้หลันนั่งอยู่แม้จะหลบมุมแต่ก็ “งามเกินไปที่จะมองข้าม”อวี้หลัน… ในชุดโบตั๋นโปร่งใบหน้าที่กำลังซับเหงื่อดวงตาแดงเรื่อจากยาปลุกอารมณ์ที่แทรกมากับสุราและกลิ่นกำยานริมฝีปากที่ขบไว้แน่นจากความร้อนในกายทั้งหมดนั้น…มันสั่นไหวในตาทุกบุรุษรวมถึง “เขา” บุรุษในหน้ากากดำเสียงฝีเท้าเขาหยุดลงตรงหน้าโต๊ะพัดในมือเคาะเบา ๆ บนผิวไม้ขณะที่แผ่นหยกสลักลายเสือถูกวางลงตรงหน้าอวี้หลัน… ด้วยมือของข้ารับใช้ในผ้าไหมดำ เซี่ยหลิงเงยหน้าขึ้น ช้า นิ่ง เย็นเฉียบ“ของใคร”บุรุษในหน้ากากพูดเพียงคำเดียว “ของข้า”จ้าวอี้หาญขำเบา ๆ แต่ขำแบบคนที่พร้อมฟาดพัดใส่หน้าคู่ต่อสู้ “ดูเหมือนเจ้าคงยังไม่ได้อ่านกฎของงานนี้สินะ“นาง… มากับข้า”“มากับท่าน… ไม่ใช่ของท่าน”เสียงอีกฝ่
เขากระแทกเข้าไปลึกสุด แช่ไว้ ขณะที่อวี้หลันร้องลั่น สะโพกกระตุกแตกซ้ำอีกครั้งในอ้อมแขนทั้งสองน้ำรักทะลักล้น จนหยดลงเสื่อเป็นทางเขาถอนตัวช้า ๆ เสียงเนื้อหลุดจากกัน เฉาะ! ดังลั่น แล้วเซี่ยหลินก้าวเข้าต่อทันทีไม่แม้แต่รอให้เธอได้พัก...เสียงใหม่ ฉึก! ก้องกังวานอีกครั้ง ความร้อนระลอกใหม่แทรกเข้ากาย กลีบที่เพิ่งปล่อยแตกกลับต้องรับลำใหม่ที่แข็งขึงไม่แพ้กัน“ข้า… จะขยี้เจ้าอีกครั้ง อวี้หลัน…” เสียงเขากัดฟัน ขณะที่สะโพกเริ่มกระแทกอย่างแรงร่างนางโยนขึ้นลงตามจังหวะตั่บ! ตั่บ! ตั่บ! หน้าอกกระเพื่อม เสียงครางดังต่อเนื่องจากลำคอจนหลุดเสียงพูด“ข้า… ไม่ไหว… ได้โปรด…!”แต่ไม่มีใครหยุด ไม่มีใครใจดี ไม่มีแม้แต่วินาทีให้เธอหายใจความใคร่จากฤทธิ์ยา ผสานแรงกระแทกจากทั้งสองชาย หลอมรวมจนไฟใต้ผิวเธอลุกพรึ่บ ลนจิตไม่เหลือสติเซี่ยหลินเร่งจังหวะสุดแรง กลีบนางตอดรัดแน่น มือของเขาตีสะโพกเธอจนแดงก่อนจะกระแทกครั้งสุดท้าย—แล้วปล่อยน้ำร้อนข้นเข้าโ
“ข้าขออนุญาตนะ… อวี้หลันคนงามเพื่อความสมจริง”อวี้หลันเบิกตานิดหนึ่ง แต่ไม่ขัดขืนใบหน้าแดงซ่านจากสุรา และบางสิ่งที่ไหลอุ่นขึ้นจากในอกมือของเขาลูบผ่านเนินอกแล้ว ปลดสายผ้าแพรฟึบ…ผืนผ้าบางร่วงลงพื้นหน้าอกเปลือยขาวละมุนสั่นระริกอยู่ตรงหน้ายอดอกชูชันจากอากาศเย็นผสมฤทธิ์บางอย่างที่ปะทุจากภายในร่าง อี้หานโน้มตัวลงช้า ๆ ปลายนิ้วลูบผ่านเนินเนื้อ แล้วใช้สันจมูกถูไล้เบา ๆอวี้หลันกลั้นหายใจมือเกาะบ่าชายหนุ่มแน่น… เขาไม่ให้โอกาสนางถอยริมฝีปากเขาบดจูบลงตรงยอดอกดูด… ขบ…ลิ้นเขาตวัด…ลากช้าๆ….นางสะอื้นในลำคอ“อื้อ…!”เสียงผ้าด้านหลังขยับเซี่ยหลินลุกเข้ามาเงียบ ๆ นั่งคุกเข่าด้านหลังนาง มือหนาแตะแผ่นหลังแล้วค่อย ๆ ประคองไหล่เปลือยของนางไว้เสียงเขาแหบแผ่ว“หากเจ้าเล่นละคร… จงเล่นให้เหมือนตายไปแล้วเพื่อมัน”ขณะอี้หานยังคลอเคลียยอดอกเซี่ยหลินก้มลงจูบที่ท้ายทอยนางลมหายใจเขาร้อนผ่าวปลายนิ้วลูบผ่านซี่โครงนางจากด







