หน้าจวนองค์ชายซานอวี้ มีรถม้าคันหนึ่งมาจอดตั้งแต่เช้ามืด ฟ้ายังไม่สาง
“องค์ชายสาม หน้าจวนมีรถม้าจากสกุลฟางมาจอดรอ พะยะค่ะ” องค์รักษ์มากล่าวรายงาน “เห็นว่าจะร่วมเดินทางร่วมทัพไปกับองค์ชายด้วย พะยะค่ะ” ซานอี้ขมวดคิ้วแปลกใจ ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเรียงกันเบาๆ ความแปลกใจคงอยู่ในใบหน้างามสง่าเกลี้ยงเกลา “สกุลฟางรึ ลูกสาวคนเดียวของท่านแม่ทัพ คุณหนูฟางเฟ่ยเย่ใช่หรือไม่” ใช่พะยะค่ะ องค์รักษ์พยักหน้า ”ไปเชิญนางมาพบข้า“ องค์รักษ์รับคำสั่ง ”หม่อมชั้น ฟางเฟ่ยเย่ ถวายบังคมองค์ชาย“ เฟ่ยเย่ย่อตัวทำความเคารพ ”ทำตัวตามสบายเถอะ เชิญนั่ง“ องค์ชายสามผายมือไปทางเก้าอี้ “องค์ชายเพคะ หม่อมชั้นขอติดตามร่วมเดินทางไปช่วยท่านพ่อด้วยได้หรือไม่เพคะ เอ่อ ข้ารับรองข้าจะไม่ทำตัวเป็นภาระ แน่นอน“ ”ในกองทัพมีเหล่าทหารมากมาย เจ้าเป็นหญิง ครั้งนี้เราเกรงว่าจะไม่ได้สะดวกสบายนักหรอก ถึงแม้นครานั้นที่ร่องเรือ ก็มิได้เรียบรื่น เราต้องสูญเสียน้องสาวอันเป็นที่รักของเราไป“ ซานอี้แววตาเศร้าหมอง หลบตาต่ำ “หม่อมชั้นจะปลอมตัวเป็นชาย เป็นองค์รักษ์ของพระองค์ หม่อมชั้นมีวรยุทธ์ ชำนาญการแพทย์ ขี่ม้า ยิงธนูได้ เพคะ” เฟ่ยเย่คงตื้อต่อไป นางรู้ดีว่าองค์ชายสามเป็นคนใจอ่อน จิตใจดีเพียงไร หากเทียบกับองค์ชายรองต้วนอี้แล้ว องค์ชายสามจะมีความเจ้าเล่ห์ มากแผนการ ชอบหยอกล้อเสียมากกว่า “เท่าที่เรารู้มา คุณหนูเฟ่ยเย่ เป็นสกุลสตรี ที่เพียบพร้อม ไม่เคยไม่ได้ยินมาก่อนว่าเจ้ามีวรยุทธ และมีทักษะการแพทย์” ซานอี้ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบช้าๆ ถึงแม้ว่าซานอวี้จะเคยพบฟางเฟ่ยเย่จากงานที่ราชสำนักกรมพิธีจัดขึ้น แต่ก็ได้มองเห็นอยู่ไกลๆ สิ่งที่ได้ยินมาจากเหล่าบรรดาคุณชายเล่าขานขึ้นธรรมเนียมสกุลสตรีหญิงงามที่ยังมิได้ออกเรือนในหอสุราถังเหมินเท่านั้น “ท่านยังไม่รู้จักข้าดีพอ ถึงท่านไม่อนุญาต ข้าก็จะตามท่านไปอยู่ดี หากข้าเป็นองค์หญิงเหยียนหลิน ข้าก็จะติดตามท่านไปอยู่ดี“ เฟ่ยเย่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ย่อคำนับ ”หม่อมชั้นขอตัวลา เพคะ“ ”ช่างดื้อรั้นยิ่งนัก“ ซานอวี้ส่ายหน้า พร้อมพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ รอยยิ้มมุมปาก ทำให้แก้มมีรอยลักยิ้ม เช้านี้กองทัพส่งเสบียงและกองหนุนทัพเริ่มเคลื่อนขบวนออกเดินทาง โดยมึรถม้าของสกุลฟางร่วมเดินทางไปด้วย สตรีที่นั่งในรถม้าแต่งตัวเป็นชาย ดูทะมัดทะแมง รวบผมสูง มีคันธนูวางอยู่ด้านข้าง ขอบรองเท้ามีมีดสั้นซ่อนไว้ มึอาวุธลับที่ซุกซนอยู่ตามแขนเสื้อพร้อมออกรบ คนรับใช้รุ่ยรุ่ย ไม่ได้ติดตามไปด้วย เดิมเหยียนหลินเกิดในราชวงศ์ จึงได้ฝึกวรยุทธ์และยุทธศาสตร์การรบเหมือนบรรดาพี่ๆองค์ชายในวัง ส่วนวิชาแพทย์นั้นได้อาจารย์หมอหลวงสกุลยุนเป็นอาจารย์สั่งสอน วิชาฝั่งเข็มและวิชาแพทย์ต่างๆ สำหรับซานอี้แล้วน้องเหยียนหลินเป็นน้องคนสนิท ที่ไปไหนไปกัน กอดคอเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กด้วยวัยที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด มีแม่นมคนเดียวกัน นอนด้วยกัน เล่นด้วยกัน ฝึกยุทธด้วยกัน กระทั่งองค์ชายซานอี้เติบโต ต้องแยกจวนออกไปเหมือนบรรดาพี่ๆน้องๆเหล่าองค์ชายทั้งหลาย คึกๆๆ ม้าวิ่งเยาะๆ รักษาระยะให้สมดุลไปกับหน้าต่างรถม้าสกุลฟาง “เจ้า..อยู่ในรถม้าน่าเบื่อหรือไม่ ออกมาขี่ม้าควบไปกับเราได้นะ” องค์ชายซานอี้โน้มหน้าเข้าใกล้หน้าต่าง ชายม่านหน้าต่างรถม้าเปิดออก เผยให้เห็นรอยยิ้มที่สดใส ”ข้าไปได้หรือเจ้าคะ แต่ข้าไม่มีม้าเปล่า มีแค่ม้าเทียมรถตัวนี้“ เฟ่ยเย่ยังคงยิ้มสดใส ตาเป็นประกายเจิดจ้า ”หยุดรถสิ เราหาม้าให้เจ้าได้“ การหาม้าไม่ได้ยากลำบากสำหรับองค์ชาย เค้าแค่ออกคำสั่งเท่านั้น ”เหยียนหลินในร่างเฟ่ยเย่กับองค์ชายซานอี้ ควบม้าเคียงกันไป“ ทั้งสองสนิทกันอย่างรวดเร็ว ซานอี้ก็คิดไม่ถึงว่าเฟ่ยเย่ นิสัยใจคอแอบคล้ายกับ เหยียนหลินมากถึงเพียงนี้ ค้างแรมกลางป่า ความมืดคืบคลาน เสียงใบไม้ถูกเสียดสี ดังสวบสาบๆ เสียงเหมือนคนหลายคนกำลังรุกคืบ อยู่ในป่า สัญชาตญาณ ทำให้ซานอี้ตื่นตัว “แม่ทัพน้อย มีพวกโจรสุ่มโจมตี พะยะค่ะ” ทหารนายหนึ่งกล่าวรายงาน “ป้องกันเสบียงก่อน” ซานอี้ออกคำสั่ง อีกด้านหนึ่ง เฟ่ยเย่ค่อยระวังตัวอยู่ นางแอบข้างโขดหินใหญ่ ในมือง้างสายธนู คอยยิ่งสกัด ”ถอนกำลัง ข้าสั่งทหารถอนกำลังแล้ว ตรงนี้อันตรายมาก“ ว่าแล้วซานอี้ก็รวบเอวบางๆของเฟ่ยเย่พาดบ่า ส่วนเอวพาดอยู่บนบ่าของซานอี้ หัวห้อยต่ำทางด้านหลัง ส่วนขาถูกรวบไว้ด้านหน้าด้วยมือเดียวของซานอี้ ในมืออีกข้างหนึ่งถือทวนยาว ”อย่าดิ้นสิ อยากถูกโจรพวกนั้นจับหรือไง อยู่นิ่งๆ ยิ่งดิ้นเราก็ยิ่งล่าช้า” ซานอี้พูดพลางรีบยาวเท้ายาวๆ พลาง แอบยิ้มที่มุมปากเผยให้เห็นลักยิ้มที่ข้างแก้ม เค้าวางเฟ่ยเย่ลงอย่างนุ่มนวลในรถม้า “เราต้องเร่งเดินทางกันหน่อย มีคนคอยดักปล้นเสบียง แสดงว่าการมาของเรามีคนจับจ้องแล้ว“ ซานอี้พูดพลางก็นั่งลงด้านข้างเฟ่ยเย่ ส่วนเฟ่ยเย่นั่นมีอาการหูแดง หน้าแดง เม้มริมฝีปากบนกัดริมฝีปากล่าง คิ้วหมวด หน้าคว่ำ ดวงตาแข็งกร้าว นางโกรธจนพูดไม่ออก ได้แต่กอดอก หันหน้าไปทางอื่น เชิดคางขึ้นสูงเล็กน้อย ”ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ“ ซานอี้ อมยิ้มน้อยๆ ”เพคะ“ เฟ่ยเย่รับคำแบบไม่หันมามองหน้า เฟ่ยเย่คิดในใจ พี่ซานอี้คนบ้า ขี้เล่นจนติดเป็นนิสัย นี่ข้าไม่ใช่เหยียนหลินแล้วสักหน่อย หรือพี่สามจะชอบหยอกย้อเช่นนี้กลับสตรีอื่นๆ ไปทั่วกันนะ ”องค์ชายคงพาบรรดาหญิงสาวแบกขึ้นบ่าแบบนี้บ่อยๆ ใช่มั้ยเจ้าคะ“ เฟ่ยเย่หันมาถามตาเขม่ง ”เปล่าสักหน่อย นอกจากเหยียนหลินน้องข้า ข้าก็ไม่เคยใกล้ชิดสตรีนางใดมาก่อน แต่กับเจ้าไม่รู้ทำไม..ข้าขออภัยคุณหนูด้วยนะ ไม่ได้คิดจะหมิ่นเกียรติเจ้า แต่เหตุการณ์มันอันตรายเกินไป“ ซานอี้ยิ้มให้เฟ่ยเย่ ลักยิ้มข้างแก้มนั่น ช่างมีเสน่ห์น่ามอง เส้นทางไปเหนือนั้นแสนลำบาก ยิ่งเข้าใกล้เขตเหนือก็เรื่มมีหิมะตก โปรยปราย เฟ่ยเย่กับองค์ชายซานอี้ใช้รถม้าคันเดียวกัน จากการถูกโจรบุกปล้นครานั้น ทำให้เสียม้าและรถเสบียงไปบางส่วน ยังดีที่ว่าที่เสียไปเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น@ ณ ตำหนักบูรพา“อ๋องฉีเสด็จ! พะยะค่ะ”ขันทีน้อยหน้าตำหนักบูรพากล่าวรายงาน อันซื่อกำลังนั่งจิบน้ำชาสนทนากับต้วนอวี้ ส่วนซานอี้นั่งเล่นหมากกระดานกับลั่วซือเมื่ออ๋องฉีมาเยือนจึงทำความแปลกใจให้อันซื่อถึงขนาดต้องเอ่ยปาก “เสด็จอา มีธุระอันใดกับหลานหรือไม่ พระเจ้าข้า”อันซื่อยืนทำความเคารพผู้เป็นอา บรรดาน้องๆก็รู้มารยาทจึงลุกขึ้นคำนับด้วย“ในพิธีบวงสรวงเทวดา ข้าไม่เห็นองค์ชายน้อยแม้นแต่เงา จึงอยากมาเยี่ยมเยียนเค้าสักหน่อย”ใจจริงแล้วอ๋องฉีอยากมาจับสังเกตมากกว่า“ทูลเสด็จอา องค์ชายน้อยไม่ได้อยู่ที่นี่ พระเจ้าข้าท่านราชครูรับองค์ชายน้อยเป็นลูกศิษย์อีกคนหนึ่ง ตอนนี้จึงร่ำเรียนอยู่กับท่านราชครู พระเจ้าข้า”อันซื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีทีเดียวจนต้วนอวี้มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า “ไหนๆท่านอาก็เสด็จมาถึงนี่แล้ว เชิญนั่งลงดื่มชาสักถ้วย เล่นหมากกระดานกับหลานๆสักตาสองตาเทิด”ต้วนอวี้เผยมือพร้อมกล่าวเชิญอ๋องฉี“ไม่เป็นไร ข้าจะไปพบเสด็จพี่แล้วก็จะกลับจวนเลย ไว้เจอกันที่สำนักศึกษาเถอะ“อ๋องฉีสะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเดินออกจากตำหนักบูรพาไป”เสด็จพี่! เสด็จอาประสงค์สิ่งใดกันแน่ ใยข้ารู้สึกได้ว่าไม่หวังดีต่อองค
เยียนหลินได้มาเรียนที่สำนักอู่หวินไถได้เดือนกว่าแล้ว สำนักศึกษามีวันหยุดประจำเดือน 4 วันเพื่อให้นักเรียนได้หยุดพักผ่อนและกลับไปเยี่ยมบ้านได้เช้านี้เยียนหลินกับองค์ชายทั้งสี่ต่างก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับวังหลวง “องค์ชายน้อย! เจ้าอยู่หรือไม่?“ เสียงใครคนหนึ่งด้านนอกเอ่ยถามถึงคนในห้อง“อยู่! ข้าอยู่” เยียนหลินเดินไปเปิดประตู ผู้ที่มาเรียกคือซื่อจื่อหวังจื่อเย่นี่เอง“พี่จื่อเย่! มีเรื่องอันใดหรือ?“เยียนหลินถามด้วยความสงสัย”เจ้ากำลังเก็บของอยู่หรือ“ซื่อจือสอบถามเรียบๆเคียงๆ”ใช่! ใกล้เสร็จแล้วล่ะ พี่จื่อเย่เข้ามาดื่มชาก่อนสิ“ เยียนหลินเชื้อเชิญ ซื่อจื่อจึงเข้ามาในห้องพักแต่นั่งลงตรงโต๊ะกลางห้องที่ไว้รับแขก เยียนหลินจึงนั่งลงข้างๆ และรินชาให้”พี่จื่อเย่มีธุระอันใดกับข้าหรือไม่“เยียนหลินถามแบบไม่ค้อม”วันหยุดนี้ข้าชวนเจ้าไปเที่ยวได้หรือไม่?“จื่อซื่อก็พูดแบบไม่อ้อมค้อม แต่อันซื่อกับต้วนอวี้เมื่อได้ยินซื่อจื่อพูดเช่นนั้นจึงรีบหันไม่พูดพร้อมกันว่า”ไม่ได้!” อันซื่อและต้วนอวี้ต่างก็มองหน้ากันและกัน“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้! แต่เสด็จพ่อคิดถึงองค์ชายน้อยเหลือเกิน อีกอย่างท่านราชครูก็จะมาในวันพร
เช้านี้เยียนหลินเข้าเรียนวิชาแพทย์และสมุนไพรของท่านอาจารย์เซียว นางนั่งเรียนคู่กับซื่อจื่อหวังโหวน้อย ถัดมาที่โต๊ะด้านหลังเป็นองค์ชายซานอี้กับองค์ชายลั่วซือนั่งคู่กันเนื่องจากเยียนหลินมีพื้นฐานทางการเรียนแพทย์มาจากสำนักหมอหลวงในวังแล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายในวิชาของอาจารย์เซียวและมักจะได้คะแนนเป็นลำดับสูงสุดในชั้นเรียน จึงเป็นที่โปรดปรานของท่านอาจารย์เซียวยิ่งนักตอนนี้ในเวลานั่งเรียน อยู่ๆ เยียนหลินก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา นางมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากหลายเม็ดใบหน้าที่ขาวนวลกับริมฝีปากบัดนี้กับซีดลง นางพยายามอดทนกับความเจ็บปวดที่เพิ่มทวีมาเป็นระลอกๆ มือที่วางอยู่บนโต๊ะเกร็งจนกำแน่นทั้งสองข้าง ความเจ็บปวดนี้เริ่มมาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า จึงเริ่มทนความปวดหน่วงๆนี้แทบจะไม่ไหว ขณะเดียวกันซื่อจื่อที่นั่งข้างๆกันกับเยียนหลินก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ “องค์ชายน้อยเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ทำไมเจ้าหน้าซีดนักล่ะ”ซื่อจื่อพูดพรางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้ตรงหน้าอกเสื้อของตนออกมาแล้วซับเหงื่อที่ใบหน้าขององค์ชายน้อย ซานอี้กับลั่วซือเห็นเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นเดินไปทางเยียนหลิน ซานอี้ใช้มือทั้งสองจับที่แขนเพ
เช้าวันแรกที่อู่หวินไถ!ซานอี้กับลั่วซืออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบมาหาองค์ชายน้อยที่ห้องพักข้างๆ ทันที ซานอี้เปิดประตูเลื่อนผัวะ! ทำท่า ผงะเล็กน้อยแล้วรีบเลื่อนประตูปิดอย่างรวดเร็ว ลั่วซือยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ซานอี้จึงรีบเอ่ยเสียงดังๆขึ้นว่า“ท่านพี่! องค์ชายน้อย ข้ากับเจ้าสี่เข้าไปได้หรือไม่“ ”พวกเจ้าอย่าพึ่งเข้ามา รอสักครู่ก่อน!“อันซื่อรีบพูดสวนกลับ ภายในห้องนั้น เยียนหลินกำลังอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา “เสร็จแล้วๆ ท่านพี่ทั้งสองเชิญเข้ามาได้”เสียงเยียนหลินดังออกมาจากภายในห้อง ซานอี้และลั่วซือจึงเปิดประตูอีกครั้งและเข้าไปในห้อง“โอโห องค์ชายน้อยแต่งชุดนักศึกษาแล้วดูมีสง่างาม มีราศีไม่น้อยเลย”ลั่วซือจับตัวเยียนหลินหมุนไปมา เยียนหลินเขินจนหน้าแดงเล็กน้อย “เจ้าอย่าแกล้งน้องสิ น้องหน้าแดงหมดแล้ว”อันซื่อตำหนิลั่วซือเล็กน้อย“สง่างามจริงๆ นั่นแหละ หากข้าเป็นผู้หญิงคงหลงรักองค์ชายน้อยแล้ว”ซานอี้ก็ล้อเยียนหลินด้วยเหมือนกัน“เอาล่ะๆ พวกเราไปเรือนรับรองอาหารกันดีกว่า”ต้วนอวี้กล่าวพร้อมกับต้อนบรรดาพี่น้องให้เดินออกจากห้องพักที่เรือนรับรองอาหาร มีอาหารหลายอย่างที่ต้อ
รถม้าค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากราชวังเหล่าบรรดาพี่ๆ องค์ชายต่างฝ่ายต่างนั่งกันเงียบสงบ ไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก ทำให้เยียนหลินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก องค์ชายต้วนอี้และซานอี้ก็ได้แต่มองหน้ากันไปมา ส่วนองค์ชายอันซื่อก้มหน้าก้มตาอ่านตำรา และองค์ชายลั่วซือก็นั่งกอดอกหัวพิงขอบหน้าต่าง เหมือนงีบหลับเสียอย่างนั้น เยียนหลินได้แต่ถอนหายใจอยู่หลายครั้ง ครึ่งชั่วยามผ่านไปรถม้าก็ค่อยๆ มาจอดที่หน้าสำนักศึกษาอู่หวินไถ!วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่ของสำนักศึกษาอู่หวินไถ จึงมีป้ายประกาศรายชื่อนักเรียนที่เข้ามาใหม่และมีการจัดอันดับห้องเรียนใหม่ตรงบริเวณป้ายประกาศรายชื่อมีคนจำนวนมากที่เบียดเสียดเข้าไปดูรายชื่อของตนเอง เยียนหลินจึงยืนอยู่เว้นระยะห่างจากตรงป้ายประกาศพอสมควรโดยมีลั่วซือยืนระวังความปลอดภัยให้น้องส่วนอันซื่อ ต้วนอวี้ และซานอี้เข้าไปเบียดเสียดมองหารายชื่อของตนเองและคนรู้จัก“ท่านพี่! ท่านดูสิ! รายชื่อของท่านอยู่อันดับหนึ่ง ส่วนชื่อข้าอยู่อันดับสี่ เราได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้ว”ต้วนอวี้สะกิดเรียกอันซื่อและชี้มือไปทางป้ายประกาศทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งมาปัดมือของต้วนอวี้ออกอย่างแรง “เจ้
องค์หญิงเยียนหลินรีบตื่นขึ้นในตอนเช้า อาบน้ำแต่งองค์ด้วยเสื้อผ้าที่ท่านอาจารย์มอบให้ ทรงเสด็จไปยังเรือนรับรองโดยมิได้มีเหม่ยจูตามเสด็จมาด้วย เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในเรือนรับรอง เห็นนางกำนัลเก็บวาดทำความสะอาดตามห้องพักต่างๆ องค์หญิงรีบถามนางกำนัลที่ทำความสะอาดบริเวณนั้น“ท่านอาจารย์ล่ะ เจ้าเห็นท่านอาจารย์ของข้าหรือไม่?”“ทูลองค์หญิง ท่านราชครูไปแล้ว เพคะ!”นางกำนัลตอบคำถามองค์หญิงอย่างน้อบนอม“ไปไหนหรือ?”องค์หญิงซักถามนางกำนัลต่ออีก“ทรงขึ้นรถม้าออกนอกราชวังไปแล้วเจ้าค่ะ” นางกำนัลตอบคำถามองค์หญิงอย่างน้อบนอม“ไปแล้วหรือ!”องค์หญิงถึงกลับอึงไป และพูดอยู่กับตัวเองย้ำๆ ว่าไปแล้วหรือ! นางเดินกลับตำหนักจิ่งหลินด้วยความผิดหวัง เหม่ยจูเห็นองค์หญิงเดินกลับตำหนักด้วยท่าทางเหม่ยลอย นางคว้าแขนองค์หญิงและเขย่าเรียกเบาๆ“องค์หญิง! องค์หญิงไปไหนมาหรือเจ้าคะ?”เหม่ยจูเขย่าองค์หญิงเบาๆ อีกครั้ง!“ไปหาท่านอาจารย์ แต่ท่านอาจารย์กลับไปแล้ว”องค์หญิงตอบเหม่ยจูด้วยสีหน้าผิดหวัง“องค์หญิงน้อย ฝ่าบาทให้ขันทีเว่ยมาตามไปพบเสด็จฯ เพคะ องค์หญิงน้อยทรงรีบไปที่ตำหนักตงเตี้ยนเถอะเจ้าค่ะ“เหม่ยจูรีบจูงมือขององค์หญิงน้อย