การมาของเฟ่ยเย่ครั้งนี้ เฟ่ยเย่เองก็รู้สึกหนักใจเป็นอย่างยิ่ง ในสถานะองค์หญิงเหยียนหลินก็ไม่ได้มีความสนิทอะไรกับท่านแม่ทัพฟางเลยแม้แต่น้อย
การที่นางมาที่นี่ประการแรกเป็นห่วงพี่ซานอี้เสียมากกว่า อีกอย่างตอนนี้นางเองก็อยู่ในสถานะลูกสาวของท่านแม่ทัพฟางแล้ว จะให้นิ่งดูดายเฝ้าเรือน ทั้งๆที่รู้ว่าบิดาตนถูกพวกศัตรูล้อมเช่นนั้น นางคงทนไม่ได้ “เราต้องวางแผน บุกหุบเขาลิ่ว เพื่อชิงตัวท่านแม่ทัพฟางในคืนนี้ ต้องช่วยให้ได้ในคราวเดียว ไม่ให้พวกมันตั้งรับได้ทัน“ ซานอี้ใช้ไม้จิ้มไปที่แผนที่จำลอง และวางแผนให้ทุกฝ่ายกระจายกำลัง บุกโจมตีพร้อมกันรอบหุบเขาลิ่ว หลังจากที่เฟ่ยเย่นั่งและทำความเข้าใจแผนสักพัก ”แล้วข้าล่ะ ข้าต้องทำอะไร“ เฟ่ยเย่เอ่ยถาม ”เจ้าไม่ต้องทำอะไร อยู่ในค่ายรักษาผู้บาดเจ็บ“ ซานอี้พูดทำเสียงเข้ม สีหน้าสงบนิ่ง ”เดิมทีเจ้าก็ไม่ได้อยู่ในแผนเราตั้งแต่แรก รอที่ค่ายเถอะ“ มีเจ้าช่วยรักษาทหารบาดเจ็บคงช่วยได้มากทีเดียว เมื่อเข้าใจแผนแล้วเหตุใดข้าจะตามไปด้วยมิได้เล่า เฟ่ยเย่เม้มปากแน่นแต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดนอกจาก ”ข้าเข้าใจแล้ว“ เฟ่ยเย่เอามือประสานกันทำความเคารพแบบผู้ชาย ยามจื่อ! เสียงสัญญานบุก ซานอี้ได้เดินตามแผนที่วางไว้ แต่คิดถึงไม่ถึง พวกมันจะมีทหารกองหนุนเข้ามาเสริมอีก 10000 คนและมาได้ไวถึงเพียงนี้ การสูัรบเป็นไปอย่างดุเดือด สถานะการณ์ทางฝ่ายซานอี้ยังตกเป็นรอง ซานอี้ฟาดทวนสั่งหารเหล่าทหาร เพลงทวนของซานอี้ไม่ได้เป็นรองใคร เค้าเข้าไปในใจกลางหุบเขาได้สำเร็จ แต่กระนั้นก็ไปเผชิญหน้ากับต้าฝู่ แม่ทัพของหนานเจียง ถ้าเทียบวรยุทธซานอี้กับต้าฝู่ ก็ไม่แน่ว่าผู้ใดจะชนะ “ข้ามารอองค์ชายอยู่สักพักแล้ว“ น้ำเสียงต้าฝู่กล่าวออกมาอย่างใจเย็น “แม่ทัพอยู่ที่ไหน” ซานอี้กำทวนแน่นพร้อมรับมือ ”ผ่านข้าไปให้ได้ก่อน แล้วข้าจะบอก“ ต้าฝู่กล่าวอย่างมั่นใจ จากนั้นเสียงอาวุธกระทบกันก็ดังขึ้น ซานอี้หลบหลีบรวดเร็วพริ้วไหว ทำให้ต้าฝู่อารมณ์เสีย กระบองเหล็กมีหนามฟาดมาทางซานอี้แบบไม่นับ เจ้าต้าฝู่นี่แรงเยอะเสียจริง ตุบ! ซานอี้โดนฟาดด้วยกระบองหนาม ฟาดลงมาอีกคราวนี้ซานอี้ใช้ทวนรับ ทวนของซานอี้หักเป็น 2 ท่อน ต้าฝู่ได้ใจฟาดกระบองลงไปที่ร่างซานอี้ไม่ยั้งมือ เฟ่ยเย่หาทางเข้าใจกลางหุบเขาเจอแล้ว เสียงต่อสู้ดังมาจากด้านหนึ่ง มีทหารออกมาสกัดเฟ่ยเย่เป็นระยะๆ นางคงสู้ผ่านทหารพวกนั้นอย่างสบาย เฟ่ยเย่เห็นซานอี้ต่อสู้อยู่กับต้าฝู้ อีกด้านหนึ่ง เป็นที่คุมขังท่านแม่ทัพฟาง และทหารหลายคน “ท่านพ่อ ข้ามาช่วยท่าน นางใช้กระบี่ในมือฟันกุญแจขาด” เฟ่ยเย่เปิดประตูคุก แม่ทัพและคนอื่นๆ รีบพากันออกมา “เจ้ามาได้อย่างไร ข้าถูกพิษ ไม่มีแรงยกกระบี่ คนในคุกถูกพิษกันหมด” ท่านแม่ทัพกล่าวด้วยท่าทางอิดโรย “ออกไปทางด้านนั้น มีทหารของเรารออยู่ ท่านพ่อรีบออกจากที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้าตามไป ท่านพ่อไม่ต้องห่วงข้า รีบไป” เฟ่ยเย่ไม่รอคำตอบจากแม่ทัพฟาง นางรีบไปทางซานอี้ เมื่อครู่เห็นอยู่ว่าการประลองนี้พี่ซานอี้ตกเป็นรองต้าฝู่ เมื่อมาถึง ภาพที่เห็น เฟี้ยว! มีลูกศรพรุ่งมาทางซานอี้ ลูกศรปักเข้าที่กลางหน้าอก..ฉึก! เสียงลูกศรแวกผิวหน้าอก สร้างความเจ็บปวดให้ซานอี้เป็นอย่างยิ่ง เฟ่ยเย่โกรธจัด กัดริมฝีปากแน่น “เจ้ากล้าดีอย่างไรทำร้ายคนของข้า เจ้าพวกสมควรตาย“ สองมือของเฟ่ยเย่กำมัดแน่น ตัวลอยขึ้นอยู่กลางอากาศ ทันใดนั้นพลังงานบางอย่างเป็นลำแสงสีฟ้าพรุ่งจากหัวของเฟ่ยเย่ ถูกส่งไปยังผู้ที่ยิงลูกศร จนชักเกร็งร่างกระตุก หยุดหายใจ พลังงานนี้เฟ่ยเย่เองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาหาคำตอบนั้น นางรับมือกับต้าฝู่ 2 เพลงกระบี่ นางรู้แล้วนางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้าฝู่ ยากที่จะรับมือ นางสลัดห่อยาในแขนเสื้อในมาอยู่ในมือแล้วสาดผงยาสลบไปที่หน้าต้าฝู่ รีบพยุงซานอี้วิ่งออกมา มีทหารของหนานเจียงทะลักเข้าเรื่อยๆ นางสู้จนอ่อนแรง ตามแขนมีรอยดาบถากๆ แต่ก็หลายรอย ”เสี่ยวเป่า..เสี่ยวเป่า“ เฟ่ยเย่เป่าปากเรียก ไม่นานเสี่ยวเป่าก็ปรากฏตัวขึ้น เสี่ยวเป่าคำรามส่งเสียงด้วยความโกรธ ใช้ลำตัวเลื้อยทับพวกทหาร ใช้หางปัดให้พ้นทาง เสี่ยวเป่าพาเฟ่ยเย่กับซานอี้ขี่หลัง พามายังถ้ำซึ่ง อยู่ทางภูเขาอีกฝ่ายหนี่งหากใช้เวลาเดินกลับค่ายอี้ชาง จะต้องใช้เวลาเดิน 5-6 วัน แต่เสี่ยวเป่าหารู้ไม่ ภูเขานี้อยู่ในเขตของหนานเจียงในงานเลี้ยงพิธีปักปิ่น องค์หญิงเยียนหลินไม่ได้พบท่านราชครูหรือท่านอาจารย์จึงเอ่ยปากถามความกับเหม่ยจู “ในงานนี่ข้าไม่เห็นท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ไม่มาหรือ?” “องค์หญิงน้อย เหม่ยจูก็ไม่เห็นเจ้าคะ เดี๋ยวเหม่ยจูไปสอบถามที่ตำหนักเรือนรับรองให้เจ้าค่ะ“เหม่ยจูจึงไปตามรับสั่งขององค์หญิง!สักพักองค์หญิงน้อยเริ่มมีอาการปวดหัวตาลายรู้สึกร้อนวูบวาบ ”แย่แล้ว ข้าถูกวางยา เหล้าจอกจอกสุดท้ายของคุณชายจางมีปัญหาแน่ๆ พิษชนิดใดกันนะ องค์หญิงน้อยรีบหยิบเข็มออกจากห่อผ้า แท่งไปที่จุดอู่ซูเสฺวียป้องการลมปราณทั้ง 5 ก่อนที่พิษจะได้วิ่งไปทั่วร่างให้ช้าลง องค์หญิงน้อยค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินออกจากงานพิธีปักปิ่นเพื่อกลับตำหนักจิ่งหลิน!แต่ก็ไม่พ้นสายตาคุณชายจางที่ได้วางแผนชั่วอยู่ก่อนแล้วองค์หญิงน้อยเริ่มมีเหงื่อออกตามใบหน้าและ มีอาการร้อนรุ่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นางเดินโซซัดโซเซ พยายามประคองตัวเพื่อพาตัวเองไปให้ถึงตำหนักจิ่งหลิน และแล้ว! คนที่มาดักหน้าองค์หญิงน้อยคือคุณชายจางนั่นเอง เค้าก้าวเท้าเข้ามาหาองค์หญิงน้อยอย่างช้าๆ เดินเข้ามาหนึ่งก้าว องค์หญิงก็เดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว“อย่าเข้ามานะ เจ้าใส่อะไรลง
@ ณ สำนักศึกษาอู่หวิ๋นไถในวิชาฝึกยุทธ์ของท่านอาจารย์เจียงห้องเรียนส่วนใหญ่ของท่านอาจารย์เจียงคือลานฝึกยุทธ์ องค์ชายน้อยยังคงจับคู่อยู่กับซื่อจือหวังโหวน้อยหรือหวังจื่อเย่สหายร่วมเรียนส่วนอีกด้านหนึ่งของสนามที่ติดกันเป็นสนามตีคลีซึ่งผู้ที่อยู่ในสนามตีคลีคือห้องเรียนขององค์ชายอันซื่อ,องค์ชายต้วนอวี้,ฉีอ๋องกับพรรคพวกและคนอื่นๆที่เรียนระดับชั้นเดียวกันในสนามตีคลีควบม้าแข่งตีคลีค่อนข้างดุเดือดจนทำให้เยียนหลินให้ความสนใจมองไม่อาจละสายตาไปจากตรงนั้นได้!“องค์ชายน้อย! องค์ชายน้อย!”ซื่อจื่อเรียกเยียนหลินที่เหมือนจะยืนจ้องใจจดจ่ออยู่ในสนามตีคลี เค้าจึงเอามือวางบนบ่าเยียนหลินเบาๆ พร้อมกับเรียกเยียนหลินว่า“องค์ชายน้อย”เยียนหลินสะดุดเล็กน้อยหันกลับมามองต้นเสียง“อ่อ ซื่อจื่อ!”เยียนหลินอุทาน! “อาจารย์เรียกพวกเราแล้ว ไปกันเถอะ”ซื่อจื่อพูดพร้อมชี้มือไปทางลานฝึกยุทธ์ เยียนหลินพยักหน้ารับและเดินไปพร้อมซื่อจื่อที่ลานฝึกยุทธ์ตรงนั้นมีราวแขวนขึงเชือกป่านสูงราวสิบกว่าฉื่อเห็นจะได้ อาจารย์เจียงเรียกให้ลูกศิษย์มารวมตัวกันที่นั่น เมื่อทุกคนได้เข้าแถวยืนอยู่ต่อหน้าท่านอาจารย์เจียงกันทั้งหมดอาจารย์เจียงจ
@ ณ ตำหนักบูรพา“อ๋องฉีเสด็จ! พะยะค่ะ”ขันทีน้อยหน้าตำหนักบูรพากล่าวรายงาน อันซื่อกำลังนั่งจิบน้ำชาสนทนากับต้วนอวี้ ส่วนซานอี้นั่งเล่นหมากกระดานกับลั่วซือเมื่ออ๋องฉีมาเยือนจึงทำความแปลกใจให้อันซื่อถึงขนาดต้องเอ่ยปาก “เสด็จอา มีธุระอันใดกับหลานหรือไม่ พระเจ้าข้า”อันซื่อยืนทำความเคารพผู้เป็นอา บรรดาน้องๆก็รู้มารยาทจึงลุกขึ้นคำนับด้วย“ในพิธีบวงสรวงเทวดา ข้าไม่เห็นองค์ชายน้อยแม้นแต่เงา จึงอยากมาเยี่ยมเยียนเค้าสักหน่อย”ใจจริงแล้วอ๋องฉีอยากมาจับสังเกตมากกว่า“ทูลเสด็จอา องค์ชายน้อยไม่ได้อยู่ที่นี่ พระเจ้าข้าท่านราชครูรับองค์ชายน้อยเป็นลูกศิษย์อีกคนหนึ่ง ตอนนี้จึงร่ำเรียนอยู่กับท่านราชครู พระเจ้าข้า”อันซื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีทีเดียวจนต้วนอวี้มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า “ไหนๆท่านอาก็เสด็จมาถึงนี่แล้ว เชิญนั่งลงดื่มชาสักถ้วย เล่นหมากกระดานกับหลานๆสักตาสองตาเทิด”ต้วนอวี้เผยมือพร้อมกล่าวเชิญอ๋องฉี“ไม่เป็นไร ข้าจะไปพบเสด็จพี่แล้วก็จะกลับจวนเลย ไว้เจอกันที่สำนักศึกษาเถอะ“อ๋องฉีสะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเดินออกจากตำหนักบูรพาไป”เสด็จพี่! เสด็จอาประสงค์สิ่งใดกันแน่ ใยข้ารู้สึกได้ว่าไม่หวังดีต่อองค
เยียนหลินได้มาเรียนที่สำนักอู่หวินไถได้เดือนกว่าแล้ว สำนักศึกษามีวันหยุดประจำเดือน 4 วันเพื่อให้นักเรียนได้หยุดพักผ่อนและกลับไปเยี่ยมบ้านได้เช้านี้เยียนหลินกับองค์ชายทั้งสี่ต่างก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับวังหลวง “องค์ชายน้อย! เจ้าอยู่หรือไม่?“ เสียงใครคนหนึ่งด้านนอกเอ่ยถามถึงคนในห้อง“อยู่! ข้าอยู่” เยียนหลินเดินไปเปิดประตู ผู้ที่มาเรียกคือซื่อจื่อหวังจื่อเย่นี่เอง“พี่จื่อเย่! มีเรื่องอันใดหรือ?“เยียนหลินถามด้วยความสงสัย”เจ้ากำลังเก็บของอยู่หรือ“ซื่อจือสอบถามเรียบๆเคียงๆ”ใช่! ใกล้เสร็จแล้วล่ะ พี่จื่อเย่เข้ามาดื่มชาก่อนสิ“ เยียนหลินเชื้อเชิญ ซื่อจื่อจึงเข้ามาในห้องพักแต่นั่งลงตรงโต๊ะกลางห้องที่ไว้รับแขก เยียนหลินจึงนั่งลงข้างๆ และรินชาให้”พี่จื่อเย่มีธุระอันใดกับข้าหรือไม่“เยียนหลินถามแบบไม่ค้อม”วันหยุดนี้ข้าชวนเจ้าไปเที่ยวได้หรือไม่?“จื่อซื่อก็พูดแบบไม่อ้อมค้อม แต่อันซื่อกับต้วนอวี้เมื่อได้ยินซื่อจื่อพูดเช่นนั้นจึงรีบหันไม่พูดพร้อมกันว่า”ไม่ได้!” อันซื่อและต้วนอวี้ต่างก็มองหน้ากันและกัน“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้! แต่เสด็จพ่อคิดถึงองค์ชายน้อยเหลือเกิน อีกอย่างท่านราชครูก็จะมาในวันพร
เช้านี้เยียนหลินเข้าเรียนวิชาแพทย์และสมุนไพรของท่านอาจารย์เซียว นางนั่งเรียนคู่กับซื่อจื่อหวังโหวน้อย ถัดมาที่โต๊ะด้านหลังเป็นองค์ชายซานอี้กับองค์ชายลั่วซือนั่งคู่กันเนื่องจากเยียนหลินมีพื้นฐานทางการเรียนแพทย์มาจากสำนักหมอหลวงในวังแล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายในวิชาของอาจารย์เซียวและมักจะได้คะแนนเป็นลำดับสูงสุดในชั้นเรียน จึงเป็นที่โปรดปรานของท่านอาจารย์เซียวยิ่งนักตอนนี้ในเวลานั่งเรียน อยู่ๆ เยียนหลินก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา นางมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากหลายเม็ดใบหน้าที่ขาวนวลกับริมฝีปากบัดนี้กับซีดลง นางพยายามอดทนกับความเจ็บปวดที่เพิ่มทวีมาเป็นระลอกๆ มือที่วางอยู่บนโต๊ะเกร็งจนกำแน่นทั้งสองข้าง ความเจ็บปวดนี้เริ่มมาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า จึงเริ่มทนความปวดหน่วงๆนี้แทบจะไม่ไหว ขณะเดียวกันซื่อจื่อที่นั่งข้างๆกันกับเยียนหลินก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ “องค์ชายน้อยเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ทำไมเจ้าหน้าซีดนักล่ะ”ซื่อจื่อพูดพรางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้ตรงหน้าอกเสื้อของตนออกมาแล้วซับเหงื่อที่ใบหน้าขององค์ชายน้อย ซานอี้กับลั่วซือเห็นเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นเดินไปทางเยียนหลิน ซานอี้ใช้มือทั้งสองจับที่แขนเพ
เช้าวันแรกที่อู่หวินไถ!ซานอี้กับลั่วซืออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบมาหาองค์ชายน้อยที่ห้องพักข้างๆ ทันที ซานอี้เปิดประตูเลื่อนผัวะ! ทำท่า ผงะเล็กน้อยแล้วรีบเลื่อนประตูปิดอย่างรวดเร็ว ลั่วซือยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ซานอี้จึงรีบเอ่ยเสียงดังๆขึ้นว่า“ท่านพี่! องค์ชายน้อย ข้ากับเจ้าสี่เข้าไปได้หรือไม่“ ”พวกเจ้าอย่าพึ่งเข้ามา รอสักครู่ก่อน!“อันซื่อรีบพูดสวนกลับ ภายในห้องนั้น เยียนหลินกำลังอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา “เสร็จแล้วๆ ท่านพี่ทั้งสองเชิญเข้ามาได้”เสียงเยียนหลินดังออกมาจากภายในห้อง ซานอี้และลั่วซือจึงเปิดประตูอีกครั้งและเข้าไปในห้อง“โอโห องค์ชายน้อยแต่งชุดนักศึกษาแล้วดูมีสง่างาม มีราศีไม่น้อยเลย”ลั่วซือจับตัวเยียนหลินหมุนไปมา เยียนหลินเขินจนหน้าแดงเล็กน้อย “เจ้าอย่าแกล้งน้องสิ น้องหน้าแดงหมดแล้ว”อันซื่อตำหนิลั่วซือเล็กน้อย“สง่างามจริงๆ นั่นแหละ หากข้าเป็นผู้หญิงคงหลงรักองค์ชายน้อยแล้ว”ซานอี้ก็ล้อเยียนหลินด้วยเหมือนกัน“เอาล่ะๆ พวกเราไปเรือนรับรองอาหารกันดีกว่า”ต้วนอวี้กล่าวพร้อมกับต้อนบรรดาพี่น้องให้เดินออกจากห้องพักที่เรือนรับรองอาหาร มีอาหารหลายอย่างที่ต้อ