“เข้าไปคุยกันในบ้านดีไหมคะ” นางพยายามถ่วงเวลาเพื่อเลี่ยงที่จะตอบคำถาม
“โธ่ป้าแก้วขา...บอกพินเถอะนะคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณตาคุณยายของพินไปทำอะไรที่วัดคะ” เธอวิงวอนสวรรค์ขออย่าให้เป็นอย่างที่เธอกลัว
“เอ่อ...คือว่า คุณตา...เฮ้อ” นางถอนใจแรง ลำบากใจที่ต้องแจ้งข่าวร้ายให้พินอินรู้ด้วยตัวเอง “ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ...”
น้ำตาของพินอินไหลพรากตั้งแต่ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบของป้าแก้ว แต่ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้เธอกระจ่างใจว่าสิ่งที่กลัวเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ
“คุณตา!...คุณตาของพินเป็นอะไรคะ ไม่จริงใช่ไหมคะป้าแก้ว”
“ท่านเพิ่งไปเมื่อเช้านี้ค่ะ ตอนนี้อาจารย์นิพนธ์กับคุณยายอยู่กับท่านที่วัดค่ะ”
ป้าแก้วตอบเสียงแหบเครือท้ายประโยค เมื่อเห็นสีหน้าสะเทือนใจ กับน้ำตาไหลพรากของพินอิน นางดึงหญิงสาวมากอดแน่นอย่างต้องการปลอบประโลม
“อย่าเสียใจไปเลยนะคะคุณพิน คุณตาท่านนอนหลับไปเฉย ๆ ท่านไปอย่างไม่ทรมานสักนิดเลยทีเดียว”
“ไม่จริง! ตอนพินไปทำงานท่านยังแข็งแรง ทำไมอยู่ ๆ ท่านถึงทิ้งพินกับคุณยายไปแบบนี้ได้ค่ะป้าแก้ว” พินอินร้องไห้โฮด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ขาของเธอไร้กำลังจะยืน น้ำตาไหลเป็นสาย ร่ำไห้ตัวโยนอยู่ในอ้อมแขนของป้าแก้ว “คุณตายังอยู่กับพิน คุณตาไม่ได้เป็นอะไร ป้าแก้วโกหกพินใช่ไหม” พินอินสะอื้นพลางร้องปฏิเสธเสียงสั่น น้ำตาไหลเป็นทางอย่างเสียขวัญ
“ท่านไปแล้วจริง ๆ ค่ะหนูพิน”
“ทำไมไม่มีใครคิดจะบอกพินสักคนคะว่าคุณตาจากพินไปแล้ว ถ้าพินไม่กลับมาเองก็คงไม่มีโอกาสส่งคุณตาใช่ไหมคะ” เธอร้องปริ่มจะขาดใจตายตามคุณตาของเธอไปด้วยความอาวรณ์
“โธ่คุณพินของป้า...ทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวาย แล้วเราก็ไม่อยากให้คุณพินเสียงานเพราะรู้ว่าคุณต้องเป็นแบบนี้ยังไงคะ” ป้าแก้วอธิบายพลางเอ่ยอย่างปลอบประโลมใจหญิงสาวด้วยความสงสารจับใจ
“อย่าเสียใจไปเลยค่ะ คนเราทุกคนก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น สักวันเราก็ต้องไปเหมือนอย่างท่านกันทุกคนแหละค่ะ หยุดร้องเถอะนะคะคนดีของป้า”
“พินมาไม่ทันได้ดูใจคุณตา ทำไมคุณตาต้องจากพินไปไวแบบนี้ด้วย”
พินอินคร่ำครวญร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยน หมดเรี่ยวแรงจะยืนจนป้าแก้วต้องกอดประคองเธอไว้ และเธอก็กอดตอบหญิงวัยกลางคนแน่นทั้งสะอื้นอย่างรวดร้าว เธอเสียใจที่กลับมาไม่ทันดูใจคุณตาเป็นครั้งสุดท้าย หญิงสาวไม่สามารถหักห้ามอารมณ์และหยุดร่ำไห้ได้ แม้อ้อมกอดของป้าแก้วจะโอบรัดตัวเธอไว้อย่างปลอบประโลมก็ตาม
พินอินปาดน้ำตา แหงนหน้ามองบนและกระพริบตาถี่เพื่อไล่หยดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีก แต่พอเดินเข้าเขตวัด ได้ยินเสียงสวดพระอภิธรรมดังก้องไปทั้งศาลา ความทุกข์ที่เกิดจากการสูญเสียก็ถาโถมเข้ามาจนเธอแทบควบคุมอารมณ์ไม่ไหว ทำอย่างไรก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกเลย แม้จะกดเล็บจิกอุ้งมือตัวเองแรง ๆ ให้ความเจ็บที่ร่างกายบรรเทาความปวดร้าวในใจแต่ก็ไม่สามารถระงับความโศกที่ตีตื้นขึ้นมาจุกคอหอย หัวใจปวดร้าวและเจ็บเสียดแน่นไปทั้งอก
อาจารย์นิพนธ์เดินเข้ามาหยุดยืนใกล้ ๆ แล้ววางมือลงบนบ่าของเธอออกแรงบีบเบา ๆ อย่างต้องการจะถ่ายเทกำลังใจให้แทนคำปลอบประโลม เธอเลยพยายามบอกตัวเองว่ายังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกมาก สิ้นคุณตาเสียคน เธอก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่เสาหลักของครอบครัว ดูแลคุณยายแทนคุณตา ดังนั้นเธอจะอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด
พินอินปาดน้ำตา หายใจสะอื้นอย่างปวดร้าว เธอพยายามจะระงับความโศกเศร้า ข่มความรู้สึกปวดร้าวขณะกระพุ่มมือไหว้ชายวัยกลางคนอย่างอ่อนน้อม
“อย่าเสียใจไปเลยหนูพิน คุณตาเปี่ยมท่านไปสบายแล้ว แต่ถ้าหนูไม่เข้มแข็งวิญญาณท่านคงจะมีห่วง”
ลำคอของพินอินขมไปหมด เธอกลั้นสะอื้นเสียจนเจ็บคอ พูดอะไร ไม่ออกได้แต่พยักหน้าเบา ๆ พลางปาดน้ำตาชื้นสองข้างแก้มอีกครั้ง พินอินคลานเข่าเข้าไปใกล้คุณยาย โผเข้ากอดเอวของท่านไว้แน่น ขณะพยายามควบคุมความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านขึ้นมาจุกคอหอย กลั้นสะอื้นจนร้าวในอก ขาดคุณตาไปเสียคน โลกของเธอก็เหมือนกับเหลือเพียงครึ่งใบ แต่อย่างน้อยในโลกอีกครึ่งใบที่เหลือก็มีคุณยายอยู่กับเธอด้วย เธอไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกเบี้ยว ๆ ใบนี้
หลังเสร็จพิธีสวดพระอภิธรรม พินอินทำหน้าที่ส่งแขกโดยมีอาจารย์นิพนธ์อยู่ให้ความช่วยเหลืออย่างมีน้ำใจ หญิงสาวพยายามทำทุกอย่างแทนคุณยายอย่างเข้มแข็ง แม้บางครั้งจะต้องคอยแอบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเองอย่างกลั้นไม่อยู่ แต่เธอก็สามารถผ่านทุกอย่างไปได้จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน
บ้านที่คุณตาของเธอเคยนั่งยองขุดดินอยู่หน้าประตูรั้ว ต้นไม้ที่คุณตาเคยใช้สายยางฉีดรดน้ำให้ความชุ่มชื้น เก้าอี้เหล็กดัดที่วางมุมสวนซึ่งคุณตาของเธอเคยนั่งอ่านหนังสืออยู่เป็นประจำ ห้องโถงที่คุณตาชอบออกมานั่งดูทีวีกับคุณยายและทุก ๆ บริเวณในบ้านที่คุณตาเคยช่วยเธอกับคุณยายเก็บกวาดทำความสะอาด
พินอินเงยหน้า กระพริบตาปริบ ๆ ใส่สามีแล้วถามขึ้นอย่างประหลาดใจ ขณะที่คนถูกถามรีบส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธว่าตนเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน ความสงสัยใคร่รู้ของพินอินทำให้คีแรนเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะคำสั่งของภรรยาสาวที่สั่งให้เขาเข้าไปเรียบเคียงสืบข่าวมาจากพิมพ์พรโดยข่มขู่เขาว่าหากทำไม่สำเร็จ นำข่าวมาบอกเธอไม่ได้ คืนนี้เธอจะไม่ยอมให้เขาแตะต้องตัวเธออย่างเด็ดขาดเจ้าบ่าวทำหน้าเซ็งนิด ๆ ที่ถูกเจ้าสาวแก้แค้นเอาคืน ใช้เขาเข้าไปสอดแนมเรื่องของเพลงพิณ เหมือนอย่างที่เขาเคยใช้เงินหว่านล้อมจ้างให้เธอทำแบบเดียวกันกับสองแม่ลูกพินอินกวาดตามองรอบบ้านที่เต็มไปด้วยภาพความทรงจำแสนอบอุ่นอย่างตื้นตัน รู้สึกปลาบปลื้มที่เธอสามารถรักษาสมบัตินี้ไว้ได้ เธอมองกรอบรูปของแม่ที่แขวนอยู่ต่ำกว่ากรอบรูปของคุณตาซึ่งติดอยู่เหนือหิ้งสำหรับวางโกฐกระดูก กระถางธูป แจกันดอกไม้บนผนังตามอย่างที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยส่วนใหญ่ถือปฏิบัติกันถ้าแม่กับคุณตายังอยู่กับหนูที่นี่ แม่กับคุณตาก็ไม่ต้องห่วงหนูกับคุณยายอีกแล้วนะคะ วันนี้หนูมีความสุขมาก คีแรนเขาสัญญาว่าจะดูแลหนูกับคุณยายแทนคุณตากับแม่เอง เรามีลูกชายด้วยกันคนหนึ่งแล้วนะคะ พว
“ดีเลียนโตอีกหน่อย ยายแก้วเขาคงจะอุ้มไปอวดทั่วเมืองแน่ ๆ” คุณยายจิตเอ่ยกลั้วหัวเราะชอบใจ“แค่ตอนนี้ดิฉันยังอยากจะอุ้มไปอวดคุณพลเธอเสียเลยค่ะป้าจิต” หญิงกลางคนเอ่ย“ไม่ต้องค่ะ” พินอินเผลอห้ามป้าแก้วเสียงแข็ง หน้าตาบึ้งตึงทันทีที่ได้ยินชื่อบุตรชายอาจารย์นิพนธ์เสียงขึงขังกับสีหน้าบึ้งตึงของพินอินทำให้ทุกคนหันมองเธออย่างสนใจ คีแรนสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของพินอิน เขาจึงตั้งใจจะเก็บไว้ถามเธอเมื่ออยู่ด้วยกันลำพังว่าป้าแก้วพูดอะไรให้เธอขัดเคืองใจ“ขอโทษค่ะป้าแก้ว พินหวงลูกมากไปหน่อย พินคิดว่าตาหนูยังเล็กเลยยังไม่อยากจะพาแกไปไหนค่ะ”หญิงกลางคนยิ้มเจื่อนและรีบส่งทารกน้อยคืนให้กับพินอินที่ยื่นมือออกมาขอตัวลูกของเธอคืน ราวกับกลัวว่าคนสูงวัยจะพาลูกชายของเธอไปไหน“ป้าก็พูดไปอย่างนั้นเองแหละค่ะ”“พินขอตัวพาลูกไปนอนก่อนนะคะ”เธอกล่าวก่อนจะอุ้มลูกชายเดินตรงไปที่ห้องนอนของตน โดยมีคีแรนเดินตามไม่ห่างท่ามกลางสายตางงงันของป้าแก้วกับคุณยายจิต และทันทีที่วางลูกชายลงบนที่นอนเรียบร้อย คีแรนก็ถามเธอทันที“ป้าแก้วพูดอะไรให้เธอไม่พอใจอย่างนั้นรึ” เขาไม่เข้าใจบทสนทนาภาษาไทยระหว่างเธอกับป้าแก้วแต่จับน้
“ฉันอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นเหลือเกินคาร์ล อยากรู้ว่าส่วนไหนของเธอที่ทำให้คุณคลั่งไคล้ได้ยาวนานขนาดนี้ แล้วคุณไม่เคยพบกับเธออีกเลยเหรอคะ” พินอินรอฟังคำตอบจากเขาอย่างจดจ่อ“เธอได้เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ทุกวันอยู่แล้วคารา” เขากุมหน้าของเธอไว้พลางเอ่ยเฉลยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“หื้ม...” เธอกระพริบตาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ“เธอจำวันนั้นไม่ได้สินะ วันที่เธอช่วยเหลือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งกลางหิมะ เด็กผู้หญิงที่กำลังหิวโซแต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลจากใครนอกจากเธอพินอิน”ความทรงจำในอดีตหมุนวนตีกลับขึ้นเป็นภาพที่แสนพร่าเลือนอยู่ในหัวของพินอิน ขนอ่อนทั่วร่างกายของเธอลุกชันด้วยความตื่นกระจ่าง ดวงตากลมวาวเบิกโพลงขึ้นอย่างตื่นตะลึงทันทีที่ระลึกขึ้นได้ เด็กสาวที่เขาพูดถึงแท้จริงก็คือตัวเธอเองอย่างนั้นรึ...“โอ้...คาร์ล มันเป็นไปได้ยังไง”“มันคือพรหมลิขิต สวรรค์กำหนดให้เธอเกิดมาเพื่อเป็นของฉันคารา ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ตอนที่เห็นเธอหลับอยู่บนเตียงของฉันวันที่เราได้พบกันที่เมืองไทยเป็นวันแรก” เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ไล้แก้มนุ่มด้วยปลายนิ้วและอดใจไม่ให้จูบเธอไม่ไหวจูบของคีแรนแผ่วเบาดุจขนนก พ
การเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ทำให้เขานึกอยากจะหยุดงานก็หยุดเฉยๆ เพื่อมาคอยเฝ้าอารักขาเธอยิ่งกว่าเป็นเทวดาประจำตัว ไม่ว่าพินอินจะขยับตัวไปทางไหนคีแรนต้องปรี่เข้าไปประคอง เธอจะหยิบจับทำอะไร เขาก็กุลีกุจอเข้ามาทำแทนราวกับกลัวเธอจะเป็นลมล้มพับกลางอากาศไปอีก เพราะตั้งแต่คราวนั้น คีแรนก็ไม่ยอมให้เธอทำขนมอีก เขาดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหินด้วยเกรงว่าหากเธอหมดสติคราวนี้คงไม่โชคดีเหมือนคราวก่อนและอาจทำให้เกิดอันตรายกับตัวเธอเองและลูกในท้องได้ ดังนั้นแค่เธอเดินสะดุด คีแรนก็รีบเดินเข้ามาอุ้มเธอแล้วคุณยายของเธอกับแม่กาบก็พลอยเห็นดีเห็นงามให้คีแรนดูแลเธออย่างใกล้ชิด ทั้งสองเป็นคนแก่ที่ค่อนข้างหัวสมัยใหม่จึงไม่ตะขิดตะขวงใจกับการที่คีแรนย้ายตัวเองเข้ามานอนในห้องของพินอิน ทำตัวประหนึ่งเป็นคู่สามีภรรยา ทั้งที่เขากับเธอยังไม่ได้จัดการทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี“เราไปจดทะเบียนสมรสกันที่สถานทูตก่อนดีไหมคารา ส่วนพิธีแต่งงานรอให้คุณคลอดลูกของเราเสียก่อนค่อยจัดที่โบสถ์ดีไหม” เขาปรึกษาเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะลูบไล้หน้าท้องแข็งนูนของเธอ หยอกเย้ากับลูกน้อยในครรภ์ของเธอเล่นอยู่อย่างเพลิดเพลิน“คุณจะแต่งงานกั
“คุณอยากแต่งงานกับฉันจริง ๆ หรือเพราะยากได้ลูกของฉันกันแน่คะคาร์ล” คนอ่อนไหวยังหวาดระแวง“ฉันต้องการลูกแต่ฉันก็ต้องการเธอด้วยพินอิน” เขาพูดเบา ๆ ขณะมองเธออย่างลึกซึ้ง “ฉันรู้แล้วว่าวันเวลาที่ไม่มีเธอมันอ้างว้างและหม่นหมองแค่ไหน ฉันรักเธอพินอิน”เธอกุมใบหน้าเขาด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง มองลึกลงไปในดวงตาของเขาอย่างค้นคว้า “พิสูจน์สิคะคาร์ล ว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน” เขาวางมือทับฝ่ามือของเธอและกุมมือเธอไว้ “ด้วยร่างกายและวิญญาณของฉันคารา ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่าฉันรักและภักดีต่อเธอคนเดียวพินอิน”คีแรนจูบเธออย่างดูดดื่มและเคลื่อนไหวสำรวจความเปลี่ยนแปลงทุกส่วนของเธอด้วยมือ ปากและลิ้น มือกว้างเอื้อมปลดบราเซียของเธอโยนลงข้างเตียงขณะคลอเคลียริมฝีปากดื่มด่ำอยู่กับทรวงอกเต็มตึงที่ปรารถนา ทุกความเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างกลมกลืนและอ่อนโยน พินอินครางเบา ๆ เมื่อเขาเคลื่อนตัวลงต่ำ จูบผ่านหน้าท้องกลมนูนเหมือนดังจะแวะทักทายชีวิตน้อย ๆ ที่ขยับตัวอย่างเกียจคร้านตอบสนองสัมผัสของเขามาจากข้างในท้องเธอ พอเขาทักทายลูกจนหนำใจแล้วก็เคลื่อนย้ายริมฝีปากลงต่ำแล้วหยุดเพื่อเปลื้องเสื้อผ้าของเขาเองก่อนจะเริ่มใหม่อีกรอบเขาลูบไล
คีแรนทนดูพินอินกับยายของเธอช่วยกันทำขนมไปฝากขายที่ร้านอาหารของแม่กาบอย่างไม่ชอบใจนัก เขาไม่อยากเห็นทั้งสองคนลำบากจึงพยายามหว่านล้อมพินอินขอเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเธอกับ คุณยาย แต่ไม่ว่าคีแรนจะพยายามอย่างไร พินอินก็ไม่ยอมรับเงินของเขา ถึงจะอ้างว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลลูกในครรภ์เธอ พินอินก็ไม่ยอมแตะเงินเขาแม้แต่สตางค์แดงเดียวพินอินทำให้คีแรนหัวเสียกับความดื้อรั้นของเธอ แต่เขาก็ยอมรับว่าความดื้อรั้นและเด็ดเดี่ยวของพินอินเป็นอีกหนึ่งความมีเสน่ห์ของเธอที่ผูกมัดหัวใจของเขาไว้ที่เธอคีแรนหอบข้าวของออกจากหลังรถพะรุงพะรัง เมื่อพินอินปฏิเสธไม่ยอมรับเงินของเขา คีแรนเลยเปลี่ยนวิธีมาเป็นคนจัดการดูแลซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของเธอกับคุณยายให้แทน เขากำลังใช้หลังดันประตูบ้านเพราะมือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่ขนซื้อมาเมื่อได้ยินเสียงแก้วกระทบพื้นดังออกมาจากในห้องครัวเขารู้ว่าพินอินอยู่บ้านตามลำพัง พอได้ยินเสียงแก้วแตกเขาจึงตกใจและคิดไปล่วงหน้าแล้วว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับหญิงสาว เขาทิ้งข้าวของในมือเกลื่อนกระจัดกระจายเพราะเป็นห่วงพินอินและรีบวิ่งเข้