พินอินจึงเดินเข้าไปกระชับข้อมือเหี่ยวย่นของคุณยายไว้ในมือพลางทอดสายตามุ่งมั่นมองสบตาท่านและเอ่ยอย่างเข้มแข็ง
“คุณยายไม่ต้องกังวลเรื่องบ้านของเรานะคะ พินสัญญาว่าจะไม่ยอมให้บ้านที่คุณตากับคุณยายสร้างไว้หลุดไปเป็นของคนอื่นแน่ ๆ ค่ะ พินจะต้องหาเงินมาไถ่บ้านของเราคืนทันตามกำหนดแน่นอนค่ะ”
“พิน...นี่หลานรู้แล้วอย่างนั้นเหรอ” คุณยายจิตถอนหายใจแรง
“พินขอโทษค่ะ คืนนั้นพินแอบลุกขึ้นมาหยิบเอกสารจำนองบ้านของเราไปดูถึงได้รู้ว่าพินเป็นต้นเหตุทำให้คุณตากับคุณยายเดือดร้อนมาโดยตลอด”
“อย่าพูดแบบนั้น...พินเป็นคนที่ตากับยายรักที่สุดในชีวิต ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรพวกเราก็ยอมทำเพื่อพินได้เสมอ” คุณยายจิตดึงร่างบอบบางของหลานสาวเข้ามาสวมกอดไว้แนบอก
“พินไม่เคยรู้เลยว่าทุกอย่างที่พินได้มาต้องแลกมากับความทุกข์กังวลใจของคุณตาคุณยาย ทั้งที่พินโตแล้วเรียนจบมีงานทำพินก็ยังไม่ทันได้ทำให้คุณตาหมดกังวล ท่านก็ต้องมาจากพินไปเสียก่อน ต่อไปพินจะดูแลคุณยาย ดูแลบ้านที่คุณตารักแทนคุณตากับแม่เองค่ะ พินจะไม่ยอมสูญเสียอะไรไปอีกเด็ดขาด ไม่ว่าจะคุณยายหรือบ้านของคุณตา พินจะรักษาทุกอย่างไว้ให้ได้ค่ะ”
“ยายไม่อยากให้พินยึดติดมากนัก ไม่มีบ้านหลังนี้ก็ไม่เป็นไร ยังไงความรักของทุกคนก็ยังอยู่ในตัวพินเสมอนะลูก เงินจำนวนมากขนาดนั้นกับเวลาแค่ไม่กี่เดือน พินจะไปหามาจากไหนได้ทัน มันจะทำให้ทุกข์ใจเปล่า ๆ นะพินเอ๊ย”
“พินพอมีเงินเก็บเกือบครึ่งของยอดหนี้ที่เรามีแล้วค่ะคุณยาย ตอนนี้พินก็ได้งานถ่ายแฟชั่นชิ้นใหม่ ค่าจ้างแพงเอาเรื่องนะคะ ถ้าพินทำงานนี้เสร็จก็จะรับงานอีกสักสองสามชิ้น เราก็จะก็มีเงินมากพอจะไถ่บ้านทันกำหนดนัดชำระหนี้แล้วค่ะ”
“ถ่ายแฟชั่นอะไรจะได้เงินทีละเยอะแยะขนาดนั้นละลูก อย่าบอกกับยายว่าพินจะถ่ายแบบโป๊เปลือยนะ ยายไม่ยอมเด็ดขาด” คุณยายจิตดันร่างบอบบางของหลานสาวห่างตัวเล็กน้อยพร้อมกับตวัดตามองสบตาหลานอย่างจับพิรุธ
“โธ่...คุณยายขา พินไม่ทำงานแบบนั้นให้คุณยายเสียใจแน่ ๆ ค่ะ งานที่พินทำเป็นงานพิเศษกับช่างภาพชื่อดังระดับโลกเลยนะคะ พินโชคดีที่มีรูปร่างหน้าตาตามคุณสมบัติที่เขาต้องการ แต่รับรองไม่ใช่งานถ่ายเปลือยแน่ค่ะ” พินอินอธิบายชัดเจน
“ถ้าอย่างนั้นยายก็เบาใจ” คุณยายจิตระบายลมหายใจยาว
“คุณยายอยู่กับป้าแก้วต้องดูแลตัวเองให้มากนะคะ อย่านอนดึก แล้วก็ต้องกินยาตามที่หมอสั่งอย่าให้ขาด ถ้าจะไปหาหมอก็ให้ป้าแก้วเรียกรถมารับ อย่าเดินตากแดดไปโบกรถหน้าปากซอยเด็ดขาดเดี๋ยวเป็นลมเป็นแร้งไปจะลำบากรู้ไหมคะ”
“เอาล่ะ ๆ เลิกกำกับอย่างกับยายเป็นเด็กเล็ก ๆ เสียที ยายสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดี พินไม่ต้องเป็นห่วงไปทำงานอย่างสบายใจเถอะลูก” คุณยายจิตยิ้มเอ็นดูพลางเอื้อมมือลูบศีรษะของหลานสาวเบา ๆ
“พินรักคุณยายนะคะ คุณยายต้องดูแลตัวเองให้ดี สุขภาพจะได้แข็งแรงอยู่ดูแลพินไปนาน ๆ เพราะถ้าไม่มีคุณยาย พินคงอยู่ในโลกนี้คนเดียวอย่างไม่มีความสุขตลอดไป”
“ยายก็รักพิน ยายสัญญาจะรักษาตัวเองให้แข็งแรงจะได้อยู่ดูแลพิน ยายจะไม่ยอมเป็นอะไรง่าย ๆ หรอก หากยังไม่เห็นพินของยายเป็นฝั่งเป็นฝาอย่างที่ตาเขาหวังไว้” คุณยายจิตตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ถ้าอย่างนั้นคุณยายคงต้องอยู่กับพินไปอีกร้อยปีเลยค่ะเพราะพินยังเด็ก ยังไม่เคยมีความคิดเรื่องนั้นเลย” เธอยิ้มอ่อนพลางเอ่ย
“หึๆ...หลานสาวยายสวยน่ารักขนาดนี้ ยายไม่เชื่อหรอกว่าพินจะอยู่เป็นโสดนาน สักวันจะต้องมีผู้ชายที่ดีพอเข้ามาเอาชนะใจหลานสาวยายได้อย่างแน่นอน”
คุณยายจิตเอ่ยอย่างเอ็นดูหลานสาวและแอบคิดถึงพลวัตน์บุตรชายอาจารย์นิพนธ์เพื่อนบ้านผู้เอื้อเฟื้ออย่างมีความหวังว่าสักวันหลานสาวท่านจะยอมใจอ่อนให้กับความจริงใจของชายหนุ่ม
“บางทีผู้ชายคนนั้นอาจจะยังไม่เกิดก็ได้นะคะยาย” พินอินตอบเสียงทะเล้นเพราะไม่คิดว่าชายคนนั้นจะกำลังก้าวเข้ามาทักทายหัวใจเธอในเร็ววันนี้ และเขาจะจู่โจมเข้าหาเธอรวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทันทีเดียว
หลังเซ็นสัญญาร่วมงานกับคาร์ล คีแรนผ่านแอนโทนี่ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของช่างภาพชื่อดัง พินอินก็เดินทางมาพร้อมกับทีมงาน แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้พบกับคีแรน แอนโทนี่บอกกับเธอว่าคีแรนมีความจำเป็นต้องเดินทางกลับอิตาลีกะทันหันและจะกลับมาในอีกสองวันข้างหน้า
นางแบบสาวถอนใจยาว นึกเสียดายเวลาสองวันที่ไม่ได้อยู่กับคุณยาย หากรู้ว่าคาร์ลเลื่อนกำหนดเริ่มงานไปอีกสองวัน เธอคงไม่ต้องรีบเดินทางมาที่นี่แล้วป่านนี้ก็อาจจะกำลังนอนหนุนตักคุณยายอยู่ที่บ้าน เธอจึงนึกเคืองนายจ้างขึ้นมาเล็กน้อยแม้จะไม่มีสิทธิ์โกรธเขาก็ตาม
เธอนึกถึงใบหน้าคมเข้มสไตล์หนุ่มอิตาลีของคาร์ล คีแรน ขณะเรียบเรียงข้อมูลประวัติส่วนตัวของเขาที่สืบค้นได้จากอินเตอร์เน็ต คาร์ลเป็นชื่อเล่นของ คีแรน ริคาร์โด เจมส์ บุตรชายนักธุรกิจใหญ่เจ้าของไร่องุ่น สถานที่ผลิตไวน์ชื่อดังของอิตาลีทางตอนบนของกรุงโรม
คีแรนเป็นลูกผู้น้องของราฟาเอลโล่ รัชชุกร อัลแบร์โต นักธุรกิจมาเฟียเจ้าของกาสิโนใหญ่อันดับหนึ่งของเอเชีย มารดาของคีแรนเป็นน้องสาวบิดาของราฟาเอลโล่ ซึ่งเธอเพิ่งได้ข่าวว่าราฟาเอลโล่แต่งงานกับสาวชาวไทยเช่นเดียวกับบิดาของคีแรนที่เพิ่งแต่งงานใหม่หลังจากภรรยาของเขาเสียไปเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นพอได้พบรักใหม่กับม่ายสาวชาวไทย เดวิดจึงตัดสินใจแต่งงานกับเธอทันที
คีแรนนั้นมีกิติศัพท์เรื่องความดุและเจ้าระเบียบ แต่สาว ๆ ก็พร้อมใจที่จะเข้าแถวมาเสี่ยงที่จะทอดสะพานให้เขาอยู่เสมอ เพราะความคมเข้มสไตล์หนุ่มชิชิลีกับดวงตาวาวหวานราวน้ำผึ้งหยดคู่นั้น
พินอินเงยหน้า กระพริบตาปริบ ๆ ใส่สามีแล้วถามขึ้นอย่างประหลาดใจ ขณะที่คนถูกถามรีบส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธว่าตนเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน ความสงสัยใคร่รู้ของพินอินทำให้คีแรนเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะคำสั่งของภรรยาสาวที่สั่งให้เขาเข้าไปเรียบเคียงสืบข่าวมาจากพิมพ์พรโดยข่มขู่เขาว่าหากทำไม่สำเร็จ นำข่าวมาบอกเธอไม่ได้ คืนนี้เธอจะไม่ยอมให้เขาแตะต้องตัวเธออย่างเด็ดขาดเจ้าบ่าวทำหน้าเซ็งนิด ๆ ที่ถูกเจ้าสาวแก้แค้นเอาคืน ใช้เขาเข้าไปสอดแนมเรื่องของเพลงพิณ เหมือนอย่างที่เขาเคยใช้เงินหว่านล้อมจ้างให้เธอทำแบบเดียวกันกับสองแม่ลูกพินอินกวาดตามองรอบบ้านที่เต็มไปด้วยภาพความทรงจำแสนอบอุ่นอย่างตื้นตัน รู้สึกปลาบปลื้มที่เธอสามารถรักษาสมบัตินี้ไว้ได้ เธอมองกรอบรูปของแม่ที่แขวนอยู่ต่ำกว่ากรอบรูปของคุณตาซึ่งติดอยู่เหนือหิ้งสำหรับวางโกฐกระดูก กระถางธูป แจกันดอกไม้บนผนังตามอย่างที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยส่วนใหญ่ถือปฏิบัติกันถ้าแม่กับคุณตายังอยู่กับหนูที่นี่ แม่กับคุณตาก็ไม่ต้องห่วงหนูกับคุณยายอีกแล้วนะคะ วันนี้หนูมีความสุขมาก คีแรนเขาสัญญาว่าจะดูแลหนูกับคุณยายแทนคุณตากับแม่เอง เรามีลูกชายด้วยกันคนหนึ่งแล้วนะคะ พว
“ดีเลียนโตอีกหน่อย ยายแก้วเขาคงจะอุ้มไปอวดทั่วเมืองแน่ ๆ” คุณยายจิตเอ่ยกลั้วหัวเราะชอบใจ“แค่ตอนนี้ดิฉันยังอยากจะอุ้มไปอวดคุณพลเธอเสียเลยค่ะป้าจิต” หญิงกลางคนเอ่ย“ไม่ต้องค่ะ” พินอินเผลอห้ามป้าแก้วเสียงแข็ง หน้าตาบึ้งตึงทันทีที่ได้ยินชื่อบุตรชายอาจารย์นิพนธ์เสียงขึงขังกับสีหน้าบึ้งตึงของพินอินทำให้ทุกคนหันมองเธออย่างสนใจ คีแรนสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของพินอิน เขาจึงตั้งใจจะเก็บไว้ถามเธอเมื่ออยู่ด้วยกันลำพังว่าป้าแก้วพูดอะไรให้เธอขัดเคืองใจ“ขอโทษค่ะป้าแก้ว พินหวงลูกมากไปหน่อย พินคิดว่าตาหนูยังเล็กเลยยังไม่อยากจะพาแกไปไหนค่ะ”หญิงกลางคนยิ้มเจื่อนและรีบส่งทารกน้อยคืนให้กับพินอินที่ยื่นมือออกมาขอตัวลูกของเธอคืน ราวกับกลัวว่าคนสูงวัยจะพาลูกชายของเธอไปไหน“ป้าก็พูดไปอย่างนั้นเองแหละค่ะ”“พินขอตัวพาลูกไปนอนก่อนนะคะ”เธอกล่าวก่อนจะอุ้มลูกชายเดินตรงไปที่ห้องนอนของตน โดยมีคีแรนเดินตามไม่ห่างท่ามกลางสายตางงงันของป้าแก้วกับคุณยายจิต และทันทีที่วางลูกชายลงบนที่นอนเรียบร้อย คีแรนก็ถามเธอทันที“ป้าแก้วพูดอะไรให้เธอไม่พอใจอย่างนั้นรึ” เขาไม่เข้าใจบทสนทนาภาษาไทยระหว่างเธอกับป้าแก้วแต่จับน้
“ฉันอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นเหลือเกินคาร์ล อยากรู้ว่าส่วนไหนของเธอที่ทำให้คุณคลั่งไคล้ได้ยาวนานขนาดนี้ แล้วคุณไม่เคยพบกับเธออีกเลยเหรอคะ” พินอินรอฟังคำตอบจากเขาอย่างจดจ่อ“เธอได้เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ทุกวันอยู่แล้วคารา” เขากุมหน้าของเธอไว้พลางเอ่ยเฉลยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“หื้ม...” เธอกระพริบตาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ“เธอจำวันนั้นไม่ได้สินะ วันที่เธอช่วยเหลือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งกลางหิมะ เด็กผู้หญิงที่กำลังหิวโซแต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลจากใครนอกจากเธอพินอิน”ความทรงจำในอดีตหมุนวนตีกลับขึ้นเป็นภาพที่แสนพร่าเลือนอยู่ในหัวของพินอิน ขนอ่อนทั่วร่างกายของเธอลุกชันด้วยความตื่นกระจ่าง ดวงตากลมวาวเบิกโพลงขึ้นอย่างตื่นตะลึงทันทีที่ระลึกขึ้นได้ เด็กสาวที่เขาพูดถึงแท้จริงก็คือตัวเธอเองอย่างนั้นรึ...“โอ้...คาร์ล มันเป็นไปได้ยังไง”“มันคือพรหมลิขิต สวรรค์กำหนดให้เธอเกิดมาเพื่อเป็นของฉันคารา ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ตอนที่เห็นเธอหลับอยู่บนเตียงของฉันวันที่เราได้พบกันที่เมืองไทยเป็นวันแรก” เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ไล้แก้มนุ่มด้วยปลายนิ้วและอดใจไม่ให้จูบเธอไม่ไหวจูบของคีแรนแผ่วเบาดุจขนนก พ
การเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ทำให้เขานึกอยากจะหยุดงานก็หยุดเฉยๆ เพื่อมาคอยเฝ้าอารักขาเธอยิ่งกว่าเป็นเทวดาประจำตัว ไม่ว่าพินอินจะขยับตัวไปทางไหนคีแรนต้องปรี่เข้าไปประคอง เธอจะหยิบจับทำอะไร เขาก็กุลีกุจอเข้ามาทำแทนราวกับกลัวเธอจะเป็นลมล้มพับกลางอากาศไปอีก เพราะตั้งแต่คราวนั้น คีแรนก็ไม่ยอมให้เธอทำขนมอีก เขาดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหินด้วยเกรงว่าหากเธอหมดสติคราวนี้คงไม่โชคดีเหมือนคราวก่อนและอาจทำให้เกิดอันตรายกับตัวเธอเองและลูกในท้องได้ ดังนั้นแค่เธอเดินสะดุด คีแรนก็รีบเดินเข้ามาอุ้มเธอแล้วคุณยายของเธอกับแม่กาบก็พลอยเห็นดีเห็นงามให้คีแรนดูแลเธออย่างใกล้ชิด ทั้งสองเป็นคนแก่ที่ค่อนข้างหัวสมัยใหม่จึงไม่ตะขิดตะขวงใจกับการที่คีแรนย้ายตัวเองเข้ามานอนในห้องของพินอิน ทำตัวประหนึ่งเป็นคู่สามีภรรยา ทั้งที่เขากับเธอยังไม่ได้จัดการทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี“เราไปจดทะเบียนสมรสกันที่สถานทูตก่อนดีไหมคารา ส่วนพิธีแต่งงานรอให้คุณคลอดลูกของเราเสียก่อนค่อยจัดที่โบสถ์ดีไหม” เขาปรึกษาเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะลูบไล้หน้าท้องแข็งนูนของเธอ หยอกเย้ากับลูกน้อยในครรภ์ของเธอเล่นอยู่อย่างเพลิดเพลิน“คุณจะแต่งงานกั
“คุณอยากแต่งงานกับฉันจริง ๆ หรือเพราะยากได้ลูกของฉันกันแน่คะคาร์ล” คนอ่อนไหวยังหวาดระแวง“ฉันต้องการลูกแต่ฉันก็ต้องการเธอด้วยพินอิน” เขาพูดเบา ๆ ขณะมองเธออย่างลึกซึ้ง “ฉันรู้แล้วว่าวันเวลาที่ไม่มีเธอมันอ้างว้างและหม่นหมองแค่ไหน ฉันรักเธอพินอิน”เธอกุมใบหน้าเขาด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง มองลึกลงไปในดวงตาของเขาอย่างค้นคว้า “พิสูจน์สิคะคาร์ล ว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน” เขาวางมือทับฝ่ามือของเธอและกุมมือเธอไว้ “ด้วยร่างกายและวิญญาณของฉันคารา ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่าฉันรักและภักดีต่อเธอคนเดียวพินอิน”คีแรนจูบเธออย่างดูดดื่มและเคลื่อนไหวสำรวจความเปลี่ยนแปลงทุกส่วนของเธอด้วยมือ ปากและลิ้น มือกว้างเอื้อมปลดบราเซียของเธอโยนลงข้างเตียงขณะคลอเคลียริมฝีปากดื่มด่ำอยู่กับทรวงอกเต็มตึงที่ปรารถนา ทุกความเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างกลมกลืนและอ่อนโยน พินอินครางเบา ๆ เมื่อเขาเคลื่อนตัวลงต่ำ จูบผ่านหน้าท้องกลมนูนเหมือนดังจะแวะทักทายชีวิตน้อย ๆ ที่ขยับตัวอย่างเกียจคร้านตอบสนองสัมผัสของเขามาจากข้างในท้องเธอ พอเขาทักทายลูกจนหนำใจแล้วก็เคลื่อนย้ายริมฝีปากลงต่ำแล้วหยุดเพื่อเปลื้องเสื้อผ้าของเขาเองก่อนจะเริ่มใหม่อีกรอบเขาลูบไล
คีแรนทนดูพินอินกับยายของเธอช่วยกันทำขนมไปฝากขายที่ร้านอาหารของแม่กาบอย่างไม่ชอบใจนัก เขาไม่อยากเห็นทั้งสองคนลำบากจึงพยายามหว่านล้อมพินอินขอเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเธอกับ คุณยาย แต่ไม่ว่าคีแรนจะพยายามอย่างไร พินอินก็ไม่ยอมรับเงินของเขา ถึงจะอ้างว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลลูกในครรภ์เธอ พินอินก็ไม่ยอมแตะเงินเขาแม้แต่สตางค์แดงเดียวพินอินทำให้คีแรนหัวเสียกับความดื้อรั้นของเธอ แต่เขาก็ยอมรับว่าความดื้อรั้นและเด็ดเดี่ยวของพินอินเป็นอีกหนึ่งความมีเสน่ห์ของเธอที่ผูกมัดหัวใจของเขาไว้ที่เธอคีแรนหอบข้าวของออกจากหลังรถพะรุงพะรัง เมื่อพินอินปฏิเสธไม่ยอมรับเงินของเขา คีแรนเลยเปลี่ยนวิธีมาเป็นคนจัดการดูแลซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของเธอกับคุณยายให้แทน เขากำลังใช้หลังดันประตูบ้านเพราะมือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่ขนซื้อมาเมื่อได้ยินเสียงแก้วกระทบพื้นดังออกมาจากในห้องครัวเขารู้ว่าพินอินอยู่บ้านตามลำพัง พอได้ยินเสียงแก้วแตกเขาจึงตกใจและคิดไปล่วงหน้าแล้วว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับหญิงสาว เขาทิ้งข้าวของในมือเกลื่อนกระจัดกระจายเพราะเป็นห่วงพินอินและรีบวิ่งเข้