หญิงสาวเดินไปที่โต๊ะกระจกกลางห้อง ดึงลิ้นชักออกมาและหยิบสมุดบัญชีของตนกางออก ยอดเงินคงเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่งของยอดหนี้ทำให้เธอรู้สึกหนักใจ คิ้วเรียงเส้นสวยขมวดเป็นปมแล้วค่อย ๆ คลายออกเมื่อเห็นนามบัตรของหนุ่มอิตาลีที่วางอยู่บนโต๊ะ
“พินจะไม่ยอมให้คุณยายเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้เด็ดขาด พินจะต้องไถ่บ้านของเราคืนให้ได้ค่ะ”
พินอินหยิบนามบัตรดังกล่าวขึ้นมามองอย่างมีความหวัง แล้วเดินตรงไปที่โต๊ะทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์และรออย่างใจเย็น
แอนโทนี่กระโดดตัวลอยเมื่อได้รับอีเมล์ตอบกลับจากพินอิน หลังจากที่เธอปล่อยให้เขารออยู่ถึงสองวันและเขากำลังคิดว่าจะโทรกลับไปหาเธอในวันรุ่งขึ้นอยู่พอดี นึกไม่ถึงว่าอยู่ ๆ จะได้รับอีเมล์ตอบกลับจากเธอเสียก่อน เขารีบเขียนอีเมล์ขอนัดพบหญิงสาวในวันรุ่งขึ้นส่งกลับไปถึงเธออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบติดต่อคาร์ลอย่างตื่นเต้น แล้วในวันรุ่งขึ้น...แอนโทนี่รีบเดินทางมาพบพินอินตามนัดหมาย โดยไม่ลืมเตรียมร่างสัญญาจ้างงานไปด้วย ขณะเดินทางเขาพยายามโทรหาคาร์ลแต่ไม่สามารถติดต่อฝ่ายนั้นได้
“ไปอยู่ที่ไหนนะคาร์ล ทำไมถึงไม่รับสาย”
แอนโทนี่บ่นพึมพำหลังจากพยายามติดต่อนายจ้างทั้งวันแต่กลับติดต่อคีแรนไม่ได้เลย จึงฝากข้อความถึงนายจ้างทิ้งไว้หลากหลายทาง จากนั้นจึงเดินทางมาพบพินอินเพื่อเซ็นสัญญาว่าจ้างด้วยยอดค่าตัวสูงกว่าห้าแสนบาท พินอินจะได้รับเงินงวดแรกเมื่อสัญญาสมบูรณ์ ส่วนเงินจำนวนที่เหลือจะได้รับหลังทำงานเสร็จสิ้น
“ตกลงว่าคุณจะให้พินเริ่มงานเมื่อไหร่คะ” พินอินถามขัดจังหวะขึ้นหลังนั่งรอแอนโทนี่ซึ่งพยายามติดต่อเพื่อนผ่านโทรศัพท์อยู่พักใหญ่
“ผมพยายามติดต่อหาคาร์ลแต่เขาปิดโทรศัพท์และผมยังไม่ได้รับอีเมล์ติดต่อกลับจากเขาเลยครับ แต่ไม่เป็นไร...” แอนโทนี่เอ่ยอย่างตัดสินใจ “ถ้าคุณพินพร้อมเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณไปรอคาร์ลที่บ้านของเขา เมื่อเขากลับมาเราจะได้เริ่มงานกันทันที”
“อย่างนั้น...พินขอเวลาอีกสองวัน เพื่อหาคนมาอยู่ดูแลคุณยาย บางทีวันนั้นคุณอาจติดต่อคาร์ลได้แล้วและเราจะได้เริ่มทำงานกันได้เลย”
“ตกลงครับ ถ้าอย่างนั้นอีกสองวันพบกัน ไม่ทราบว่าคุณพินจะให้ผมไปรับที่บ้านเลยหรือเปล่าครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ อีกสองวัน พินจะมาพบคุณโทนี่ที่นี่ตอนแปดโมงเช้า ไม่ทราบว่าคุณสะดวกหรือเปล่าคะ”
“ได้เลยครับ สรุปว่าแปดโมงเช้าผมจะมารอรับคุณที่นี่”
“ค่ะ”
พินอินตอบตกลงและเซ็นสัญญาจ้างงานกับแอนโทนี่เรียบร้อย ทั้งที่ยังไม่เคยพบหน้าคีแรนแม้แต่ครั้งเดียว เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับมือกับช่างภาพคนนั้นไหวไหมเพราะประวัติของเขาเท่าที่เธออ่านจากข้อมูลที่หาได้ คาร์ล คีแรนเป็นคนทำอะไรตามอำเภอใจ และไม่เคยไว้หน้าใครทั้งนั้น ถ้าเขาไม่พอใจใคร เขาก็ไม่คิดจะรักษาน้ำใจคนคนนั้น ความดุกระด้างของคาร์ล ทำให้เขาได้รับฉายาฮิตเลอร์แห่งวงการ
พินอินข่มความวิตกไว้ภายใต้สีหน้าราบเรียบ แววตากังวลถูกอำพรางไว้ภายใต้เปลือกตาหลุบต่ำกับแผงขนตางอนยาว ลมหายใจถูกระบายยาว หลังแยกกับแอนโทนี่ พินอินจึงรีบเดินกลับบ้านเพื่อติดต่อป้าแก้วให้ช่วยดูแลคุณยายของเธอ
“พินจะไปทำงานกี่วัน ยายอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องรบกวนแก้วเขาหรอกลูก” หญิงชราเอ่ยกับหลานสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรจ้ะป้าจิต ฉันดูแลป้าแทนพินมันได้ ไม่ได้รบกงรบกวนอะไรหรอก”
“ให้ป้าแก้วดูแลคุณยายแทนพินเถอะค่ะ พินเองก็ยังไม่รู้เลยค่ะว่าต้องทำงานสักกี่วัน พอดีเพิ่งได้งานถ่ายแฟชั่นชิ้นใหม่เสียด้วย พอทำงานแล้วพินคงไม่ค่อยได้กลับบ้าน ถ้าไม่มีใครมาอยู่ดูแลคุณยาย พินก็คงไปทำงานไม่ได้เพราะเป็นห่วงคุณยายแน่ ๆ ค่ะ”
พินอินเอ่ยพลางช้อนสายตาขึ้นมองคุณยายของเธออย่างห่วงใย สิ้นคุณตาไปคนเธอก็เหลือเพียงคุณยายที่เป็นโลกของเธอเพราะฉะนั้นถ้าไม่มั่นใจว่าท่านมีคนดูแล เธอคงไม่สามารถไปทำงานไกล ๆ ได้อย่างสบายใจแน่
“คุณพินไม่ต้องห่วงนะคะ ป้าจะดูแลคุณยายแทนคุณพินอย่างดีเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะป้าแก้ว ถ้าคุณยายเจ็บป่วยตอนไหนก็รีบโทรหาพินเลยนะคะไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนเวลาพิน ดึกแค่ไหนก็ต้องโทรบอกพินนะคะอย่าให้เป็นอย่างคราวของคุณตา...” พินอินกำชับเสียงเข้มก่อนจะทอดแผ่วเบาในท้ายประโยค
“ไม่ต้องกังวลหรอกพินเอ๊ย...ยายยังแข็งแรง ยังอยู่กับพินได้อีกนานลูก” คุณยายจิตกล่าวปลอบหลานสาว
“ป้าสัญญาว่าจะดูแลคุณยายให้ดีที่สุด และหากมีอะไรเกิดขึ้น ป้าจะรีบโทรหาคุณพินทันทีแน่นอนค่ะ” ป้าแก้วให้สัญญาหนักแน่น
“ขอบคุณป้าแก้วมากค่ะ พรุ่งนี้พินคงต้องไปกราบขอบพระคุณอาจารย์นิพนธ์ด้วย ท่านกรุณาพินมากที่ยอมอนุญาตให้ป้าแก้วมาช่วยดูแลคุณยายแทนพิน”
ป้าแก้วยิ้มกับเธอบาง ๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปทิ้งให้เธออยู่คุยกับคุณยายตามลำพัง
พินอินเงยหน้า กระพริบตาปริบ ๆ ใส่สามีแล้วถามขึ้นอย่างประหลาดใจ ขณะที่คนถูกถามรีบส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธว่าตนเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน ความสงสัยใคร่รู้ของพินอินทำให้คีแรนเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะคำสั่งของภรรยาสาวที่สั่งให้เขาเข้าไปเรียบเคียงสืบข่าวมาจากพิมพ์พรโดยข่มขู่เขาว่าหากทำไม่สำเร็จ นำข่าวมาบอกเธอไม่ได้ คืนนี้เธอจะไม่ยอมให้เขาแตะต้องตัวเธออย่างเด็ดขาดเจ้าบ่าวทำหน้าเซ็งนิด ๆ ที่ถูกเจ้าสาวแก้แค้นเอาคืน ใช้เขาเข้าไปสอดแนมเรื่องของเพลงพิณ เหมือนอย่างที่เขาเคยใช้เงินหว่านล้อมจ้างให้เธอทำแบบเดียวกันกับสองแม่ลูกพินอินกวาดตามองรอบบ้านที่เต็มไปด้วยภาพความทรงจำแสนอบอุ่นอย่างตื้นตัน รู้สึกปลาบปลื้มที่เธอสามารถรักษาสมบัตินี้ไว้ได้ เธอมองกรอบรูปของแม่ที่แขวนอยู่ต่ำกว่ากรอบรูปของคุณตาซึ่งติดอยู่เหนือหิ้งสำหรับวางโกฐกระดูก กระถางธูป แจกันดอกไม้บนผนังตามอย่างที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยส่วนใหญ่ถือปฏิบัติกันถ้าแม่กับคุณตายังอยู่กับหนูที่นี่ แม่กับคุณตาก็ไม่ต้องห่วงหนูกับคุณยายอีกแล้วนะคะ วันนี้หนูมีความสุขมาก คีแรนเขาสัญญาว่าจะดูแลหนูกับคุณยายแทนคุณตากับแม่เอง เรามีลูกชายด้วยกันคนหนึ่งแล้วนะคะ พว
“ดีเลียนโตอีกหน่อย ยายแก้วเขาคงจะอุ้มไปอวดทั่วเมืองแน่ ๆ” คุณยายจิตเอ่ยกลั้วหัวเราะชอบใจ“แค่ตอนนี้ดิฉันยังอยากจะอุ้มไปอวดคุณพลเธอเสียเลยค่ะป้าจิต” หญิงกลางคนเอ่ย“ไม่ต้องค่ะ” พินอินเผลอห้ามป้าแก้วเสียงแข็ง หน้าตาบึ้งตึงทันทีที่ได้ยินชื่อบุตรชายอาจารย์นิพนธ์เสียงขึงขังกับสีหน้าบึ้งตึงของพินอินทำให้ทุกคนหันมองเธออย่างสนใจ คีแรนสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของพินอิน เขาจึงตั้งใจจะเก็บไว้ถามเธอเมื่ออยู่ด้วยกันลำพังว่าป้าแก้วพูดอะไรให้เธอขัดเคืองใจ“ขอโทษค่ะป้าแก้ว พินหวงลูกมากไปหน่อย พินคิดว่าตาหนูยังเล็กเลยยังไม่อยากจะพาแกไปไหนค่ะ”หญิงกลางคนยิ้มเจื่อนและรีบส่งทารกน้อยคืนให้กับพินอินที่ยื่นมือออกมาขอตัวลูกของเธอคืน ราวกับกลัวว่าคนสูงวัยจะพาลูกชายของเธอไปไหน“ป้าก็พูดไปอย่างนั้นเองแหละค่ะ”“พินขอตัวพาลูกไปนอนก่อนนะคะ”เธอกล่าวก่อนจะอุ้มลูกชายเดินตรงไปที่ห้องนอนของตน โดยมีคีแรนเดินตามไม่ห่างท่ามกลางสายตางงงันของป้าแก้วกับคุณยายจิต และทันทีที่วางลูกชายลงบนที่นอนเรียบร้อย คีแรนก็ถามเธอทันที“ป้าแก้วพูดอะไรให้เธอไม่พอใจอย่างนั้นรึ” เขาไม่เข้าใจบทสนทนาภาษาไทยระหว่างเธอกับป้าแก้วแต่จับน้
“ฉันอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นเหลือเกินคาร์ล อยากรู้ว่าส่วนไหนของเธอที่ทำให้คุณคลั่งไคล้ได้ยาวนานขนาดนี้ แล้วคุณไม่เคยพบกับเธออีกเลยเหรอคะ” พินอินรอฟังคำตอบจากเขาอย่างจดจ่อ“เธอได้เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ทุกวันอยู่แล้วคารา” เขากุมหน้าของเธอไว้พลางเอ่ยเฉลยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“หื้ม...” เธอกระพริบตาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ“เธอจำวันนั้นไม่ได้สินะ วันที่เธอช่วยเหลือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งกลางหิมะ เด็กผู้หญิงที่กำลังหิวโซแต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลจากใครนอกจากเธอพินอิน”ความทรงจำในอดีตหมุนวนตีกลับขึ้นเป็นภาพที่แสนพร่าเลือนอยู่ในหัวของพินอิน ขนอ่อนทั่วร่างกายของเธอลุกชันด้วยความตื่นกระจ่าง ดวงตากลมวาวเบิกโพลงขึ้นอย่างตื่นตะลึงทันทีที่ระลึกขึ้นได้ เด็กสาวที่เขาพูดถึงแท้จริงก็คือตัวเธอเองอย่างนั้นรึ...“โอ้...คาร์ล มันเป็นไปได้ยังไง”“มันคือพรหมลิขิต สวรรค์กำหนดให้เธอเกิดมาเพื่อเป็นของฉันคารา ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ตอนที่เห็นเธอหลับอยู่บนเตียงของฉันวันที่เราได้พบกันที่เมืองไทยเป็นวันแรก” เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ไล้แก้มนุ่มด้วยปลายนิ้วและอดใจไม่ให้จูบเธอไม่ไหวจูบของคีแรนแผ่วเบาดุจขนนก พ
การเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ทำให้เขานึกอยากจะหยุดงานก็หยุดเฉยๆ เพื่อมาคอยเฝ้าอารักขาเธอยิ่งกว่าเป็นเทวดาประจำตัว ไม่ว่าพินอินจะขยับตัวไปทางไหนคีแรนต้องปรี่เข้าไปประคอง เธอจะหยิบจับทำอะไร เขาก็กุลีกุจอเข้ามาทำแทนราวกับกลัวเธอจะเป็นลมล้มพับกลางอากาศไปอีก เพราะตั้งแต่คราวนั้น คีแรนก็ไม่ยอมให้เธอทำขนมอีก เขาดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหินด้วยเกรงว่าหากเธอหมดสติคราวนี้คงไม่โชคดีเหมือนคราวก่อนและอาจทำให้เกิดอันตรายกับตัวเธอเองและลูกในท้องได้ ดังนั้นแค่เธอเดินสะดุด คีแรนก็รีบเดินเข้ามาอุ้มเธอแล้วคุณยายของเธอกับแม่กาบก็พลอยเห็นดีเห็นงามให้คีแรนดูแลเธออย่างใกล้ชิด ทั้งสองเป็นคนแก่ที่ค่อนข้างหัวสมัยใหม่จึงไม่ตะขิดตะขวงใจกับการที่คีแรนย้ายตัวเองเข้ามานอนในห้องของพินอิน ทำตัวประหนึ่งเป็นคู่สามีภรรยา ทั้งที่เขากับเธอยังไม่ได้จัดการทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี“เราไปจดทะเบียนสมรสกันที่สถานทูตก่อนดีไหมคารา ส่วนพิธีแต่งงานรอให้คุณคลอดลูกของเราเสียก่อนค่อยจัดที่โบสถ์ดีไหม” เขาปรึกษาเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะลูบไล้หน้าท้องแข็งนูนของเธอ หยอกเย้ากับลูกน้อยในครรภ์ของเธอเล่นอยู่อย่างเพลิดเพลิน“คุณจะแต่งงานกั
“คุณอยากแต่งงานกับฉันจริง ๆ หรือเพราะยากได้ลูกของฉันกันแน่คะคาร์ล” คนอ่อนไหวยังหวาดระแวง“ฉันต้องการลูกแต่ฉันก็ต้องการเธอด้วยพินอิน” เขาพูดเบา ๆ ขณะมองเธออย่างลึกซึ้ง “ฉันรู้แล้วว่าวันเวลาที่ไม่มีเธอมันอ้างว้างและหม่นหมองแค่ไหน ฉันรักเธอพินอิน”เธอกุมใบหน้าเขาด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง มองลึกลงไปในดวงตาของเขาอย่างค้นคว้า “พิสูจน์สิคะคาร์ล ว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน” เขาวางมือทับฝ่ามือของเธอและกุมมือเธอไว้ “ด้วยร่างกายและวิญญาณของฉันคารา ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่าฉันรักและภักดีต่อเธอคนเดียวพินอิน”คีแรนจูบเธออย่างดูดดื่มและเคลื่อนไหวสำรวจความเปลี่ยนแปลงทุกส่วนของเธอด้วยมือ ปากและลิ้น มือกว้างเอื้อมปลดบราเซียของเธอโยนลงข้างเตียงขณะคลอเคลียริมฝีปากดื่มด่ำอยู่กับทรวงอกเต็มตึงที่ปรารถนา ทุกความเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างกลมกลืนและอ่อนโยน พินอินครางเบา ๆ เมื่อเขาเคลื่อนตัวลงต่ำ จูบผ่านหน้าท้องกลมนูนเหมือนดังจะแวะทักทายชีวิตน้อย ๆ ที่ขยับตัวอย่างเกียจคร้านตอบสนองสัมผัสของเขามาจากข้างในท้องเธอ พอเขาทักทายลูกจนหนำใจแล้วก็เคลื่อนย้ายริมฝีปากลงต่ำแล้วหยุดเพื่อเปลื้องเสื้อผ้าของเขาเองก่อนจะเริ่มใหม่อีกรอบเขาลูบไล
คีแรนทนดูพินอินกับยายของเธอช่วยกันทำขนมไปฝากขายที่ร้านอาหารของแม่กาบอย่างไม่ชอบใจนัก เขาไม่อยากเห็นทั้งสองคนลำบากจึงพยายามหว่านล้อมพินอินขอเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเธอกับ คุณยาย แต่ไม่ว่าคีแรนจะพยายามอย่างไร พินอินก็ไม่ยอมรับเงินของเขา ถึงจะอ้างว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลลูกในครรภ์เธอ พินอินก็ไม่ยอมแตะเงินเขาแม้แต่สตางค์แดงเดียวพินอินทำให้คีแรนหัวเสียกับความดื้อรั้นของเธอ แต่เขาก็ยอมรับว่าความดื้อรั้นและเด็ดเดี่ยวของพินอินเป็นอีกหนึ่งความมีเสน่ห์ของเธอที่ผูกมัดหัวใจของเขาไว้ที่เธอคีแรนหอบข้าวของออกจากหลังรถพะรุงพะรัง เมื่อพินอินปฏิเสธไม่ยอมรับเงินของเขา คีแรนเลยเปลี่ยนวิธีมาเป็นคนจัดการดูแลซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของเธอกับคุณยายให้แทน เขากำลังใช้หลังดันประตูบ้านเพราะมือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่ขนซื้อมาเมื่อได้ยินเสียงแก้วกระทบพื้นดังออกมาจากในห้องครัวเขารู้ว่าพินอินอยู่บ้านตามลำพัง พอได้ยินเสียงแก้วแตกเขาจึงตกใจและคิดไปล่วงหน้าแล้วว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับหญิงสาว เขาทิ้งข้าวของในมือเกลื่อนกระจัดกระจายเพราะเป็นห่วงพินอินและรีบวิ่งเข้