LOGINเธอถูกวางหน้าฉากแล้วทรงหยิบเสื้อผ้าในตู้ส่งให้ นิลลนารีบเปลี่ยนแล้วเดินออกมา คิ้วบางขมวดด้วยความสงสัยว่าพระองค์จะทรงทำอะไร ทรงเอื้อมพระหัตถ์กุมมือเธอไว้แล้วรั้งให้เดินตามทหารหน้าตำหนักรีบก้าวติด ทรงหันพระวรกายแล้วตรัสสั่ง“ไม่ต้องตามมา”“แต่ฝ่าบาท”ทหารสองนายไม่อาจละเลยหน้าที่“ได้ยินที่เราสั่งไหม”“พะยะค่ะฝ่าบาท”นิลลนาถูกพามาถึงคอกม้าหญิงสาวยืนมองด้วยความแปลกใจ ฝ่าบาทจะทรงทำอะไรดึกคื่นป่านนี้ยังจะพาขี่ม้าเที่ยวอีกอย่างนั้นหรือ“ฝ่าบาทจะทรงไปไหนหรือเพคะ ดึกมากแล้ว”หญิงสาวพยายามปราม บทพระองค์จะทรงห่ามก็ทำอะไรไม่ฟังใครเลย“เราจะพาเจ้าไปที่หนึ่ง เจ้าต้องชอบมากแน่”ม้าสีขาวขนาดใหญ่ถูกรั้งออกมาจากคอก ท่าทางมันดูไม่ค่อยคุ้นชินกับคนสักเท่าไหร่ แต่กับฝ่าบาทดูเชื่องอย่างประหลาด“มันชื่อสปีด เป็นม้าที่วิ่งเร็วและมีพละกำลังมากแต่ค่อนข้างไม่คุ้นกับใคร มีเราขี่มันได้คนเดียว”ทรงขึ้นขี่ม้าแล้วยื่นพระหัตถ์มาให้เธอจับนิลลนาลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็จำยอม เอวบางถูกรวบบังเหียนกระตุกม้าเริ่มวิ่งออกนอกอาณาเขต ทรงเคลื่อนม้ามายังผืนทรายกวางยามค่ำคืนอากาศเริ่มหนาวแต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นภายใต้อ้อมพระกรของพระอง
ทรงทอดพระเนตรนาฬิกาฝาผนัง บ่งบอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม ทรงหยุดพระหัตถ์ซึ่งกำลังทรงพระอักษร บิดพระวรกายเพื่อไล่ความขบเมื่อยแล้วลุกยืน คำพูดของนางยังคงดังก้อง ค่ำคืนนี้จะเสด็จไปเยือนตำหนักบุปผชาติ และนิลลนาจะต้องเป็นของพระองค์เพียงคนเดียว องครักษ์คู่กายในวันนี้ไม่ใช่อัสลัน พระองค์ต้องการให้พักผ่อนเพราะคงเจอเรื่องเครียด ทรงสาวพระบาทตามทางเดินอันมีแสงไฟสีส้มอ่อนสลัวๆ ตลอดเส้นทางพระราชดำเนิน ทรงทอดพระเนตรหิ่งห้อยซึ่งกำลังล่องลอย บางครั้งในพระอุระรู้สึกแน่นขึ้นมาการเกิดเป็นกษัตริย์นั้นทำให้พระองค์ต้องทรงเด็ดขาด เรื่องส่วนตัวมาทีหลัง เคยเหงา เหว่หว้าเปล่าเปลี่ยนแต่กลับทรงคิดเรื่องเหล่านั้นได้ชั่วระยะเดียวเท่านั้น เมื่อต้องหันกลับมาทอดพระเนตรประชาชนอีกมากมาย บางครั้งพระองค์อยากทรงหนีไปให้ไกลให้พ้นสภาวะกดดัน อยากอยู่ในที่สงบเงียบไม่มีผู้ใดรบกวน อยากมีใครสักคนร่วมมองฟ้าดูดาวด้วยกันตลอดจนชั่วชีวิตตำหนักบุบผชาติมีแสงไฟเปิดตลอดเส้นทาง ทรงเสด็จมาถึงหน้าประตูตำหนักข้ารับใช้รีบเปิดให้ ทหารทำหน้าที่ยืนยามด้านหน้า ร่างบางในชุดนอนสีขาวแนบกายยืนสั่นสะท้านทั้งที่เตรียมตัวเตรียมใจเหตุใดถึงยังหวาดกลัว ทันที่ประ
“ถ้าฉันสั่งให้พวกเธอทำ จะทำหรือเปล่า ถ้าหากต้องโทษฉันจะรับเอง!”เห็นข้ารับใช้ในตำหนัก ชวนให้หงุดหงิด ร่างบางสาวเท้าตรวจอาหาร ไม่มีใครทำเธอจัดการเองก็ได้“จัดอาหารมา ที่เหลือฉันจัดการเอง!”ฮายิรีบจัดแจงช่วยบรรดาป้าๆ ในครัวจัดอาหารใส่ถาด นิลลนารับแล้วก้าวยาวไปยังห้องของนาเดียทันที ประตูห้องเปิดออก เธอวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะหัวเตียง นาเดียขยับกายหันมองด้วยความตกใจ“เกิดอะไรขึ้นคะ!”“นาเดีย ฉันพยายามขอร้องให้คนในตำหนักช่วยแล้วล่ะแต่ไม่ได้ผล เธอรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่ายังไงก็ไม่มีใครเต็มใจยกอาหารมาให้น่ะ”คนฟังแววตาหม่นลง ไม่คิดว่าพระสนมจะลงมือยกอาหารมาให้ด้วยตนเอง“ทำไมคุณถึงต้องลงทุนยกมาเองด้วยคะ ถ้าฉันพอลุกได้ ไปหาทานในห้องเครื่องเองก็ได้ค่ะ”“พูดแบบนี้อีกแล้วนาเดีย ไม่อยากเถียงด้วยแล้วทานเถอะ”นาเดียรับช้อนแล้วตักอาหารเข้าปากน้ำตาคลอ หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงต้องนอนซมในห้องไม่มีคนดูแล พระสนมดีกับเธอเช่นนี้คงหาไม่ได้อีกแล้ว ไม่อยากให้นางจากไปเลยก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นอีกครั้ง ร่างบางรีบสาวเท้ามาเปิดเห็นราชองครักษ์หนุ่มยืนอยู่ ในมือถือบางอย่าง“เอ่อ...”อัสลันอึกอัก“มีอะไรหรือเปล
ร่างบางลุกยืนแล้วหุนหันวิ่งออกนอกห้องโถงทันที กษัตริย์มาซาฮาฟทอดพระเนตรแผ่นหลังบอบบางแล้วหรี่พระเนตรลงครุ่นคิดบางอย่าง นิลลนารีบเปิดประตูห้องข้ารับใช้คนสนิทเห็นร่างอรชรนอนคว่ำหน้าบนเตียงเสียงสะอื้นยังดังแว่ว ร่างบางรีบทรุดกายลงข้างเตียงน้ำตาเอ่อ“นาเดีย...”เธอเรียกชื่อข้ารับใช้เสียงแผ่วครั้นได้ยินเสียงเรียกเธอรีบพลิกกายเพื่อหันมอง แต่ทว่าร่างกายอันบอบช้ำไม่อำนวย“โอ้ย!”“อย่าขยับนาเดีย ไม่เป็นไรไม่ต้องหันมาหรอก”“ฉันขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน ทำให้คุณต้องฝืนใจยอมฝ่าบาท”“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะนาเดีย ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้นาเดียเดือดร้อนเพราะความเห็นแก่ตัว”นิลลนาบอกเสียงเครือ“คุณไม่ผิดหรอกค่ะที่คิดอยากหนี นาเดียเองก็อยากให้คุณได้กลับบ้าน แต่นาเดียไม่มีอำนาจมากพอจะช่วยเหลือคุณ ขอโทษนะคะทั้งที่คุณมองนาเดียเหมือนเพื่อนคนหนึ่งแท้ๆ แต่นาเดียกลับทำให้คุณต้องเสียสละตัวเอง”ยิ่งพูดยิ่งเหมือนตัวเองทำให้เจ้านายต้องทุกข์ทรมาน เธอรู้สึกผิดมากจริงๆ ที่เกิดมาต่ำต้อยไม่อาจช่วยเหลือใครได้นิลลนาโน้มกายโอบกอดเพื่อนสาวด้วยความปวดร้าว เธอไม่เคยคิดเลยว่าข้ารับใช้คนสนิทจะรู้สึกกับเธอเช่นนี้ ถูก
นิลลนาช้อนสายตามองแววตาแค้นเคือง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะฝ่าบาทเพียงพระองค์เดียว“เรื่องนี้หม่อมฉันผิดคนเดียวคนอื่นไม่เกี่ยว ฝ่าบาททรงปล่อยคนอื่นไปได้ไหม!”“เจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับข้าด้วยเหรอนิลลนา”“หม่อมฉันไม่ได้ต่อรอง เพียงแค่ร้องขอต่อฝ่าบาทเท่านั้น”หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงแข็ง“นี่หรือคือการร้องขอ”ทรงเลิ่กพระขนงเพื่อเปิดศาสน์ท้ารบต่อสตรีตัวเล็กด้านหน้าริมฝีปากบางเม้มสนิทข่มกลั้นความรู้สึกในอกเอาไว้ หากตัวคนเดียวเธอคงโวยวายไม่กลัวตายไปแล้ว แต่ทำไม่ได้เพราะมีหลายชีวิตพ่วงท้ายมาด้วย“ฝ่าบาทต้องการอะไรจากหม่อมฉันหรือเพคะ ในเมื่อพระองค์มีสตรีมากมายคอยปรนนิบัติจะเสียหม่อมฉันไปสักคนจะเป็นไรไป”เธอบอกแล้วกวาดตามองรอบห้องโถงซึ่งล้วนแล้วแต่มีหญิงงามมากมายยืนห้อมล้อมอยู่“เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าต้องการอะไร เจ้าก็คือเจ้านิลลนา คนอื่นมาทดแทนไม่ได้ ถ้าหากทดแทนได้ข้าจะกักขังเจ้าไว้ทำไมอีก”คำตรัสทำเอานางสนม และบรรดาหญิงสาวถวายตัวกัดฟัน อารีมากำมือแน่นด้วยความปวดร้าวในอก ทรงยังไม่รู้พระองค์อีกเหรอว่าทำไมถึงได้รั้งหญิงชาวไทยนางนี้ไม่ยอมปล่อย ไม่อยากเชื่อเลยว่าฝ่าบาทจะทรงปันใจให้นาง แล้วเธอเล่าเป็นตัวอะไร
“ไม่เป็นไรหรอกเรายินดี”หญิงสาวหันมองนาเดียแล้วกุมมือไว้แน่น“นาเดียฉันไปก่อนนะ สักวันเราคงได้พบกัน”“รักษาตัวดีๆ นะคะ”นาเดียบอกเสียงเครือ น้ำตาเอ่อ“จ้ะ”รถถูกเปิดประตูออกนิลลนารีบขึ้นนั่ง ทหารทำหน้าที่ขับเคลื่อนออกจากบริเวณนั้นทันที นาเดียสะอื้นไห้ด้วยความอาลัยผสมความหวาดหวั่นใจ หากฝ่าบาททรงทราบเรื่องราวคงลุกลามใหญ่โต เธออาจต้องโทษประหารก็เป็นได้“กลับเข้าด้านในกันเถอะ เรื่องนี้อย่าแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด”อารีมาสั่งเสียงเด็ดขาด“พะยะค่ะพระสนม”“ได้ยินหรือเปล่านาเดีย”นาเดียชะงักหันมองแล้วถอนสายบัว “เพคะพระสนม”ผู้ร่วมแผนการสาวเท้าไปยังวังหลังเตรียมแยกย้ายกัน แต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงักเมื่อแสงไฟสาดส่องทั่วบริเวณตามด้วยทหารจำนวนมากยืนล้อมอยู่ อารีมาปากสั่นใบหน้าซีดเผือด อัสลันก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าทุกคนก่อนลอบชำเลืองนางในดวงใจ“ท่านกำลังทำอะไรอัสลัน นี่พระสนมเอกกล้าดียังไงขวางทาง”ข้ารับใช้คนสนิทรีบประกาศ“ที่กระหม่อมกล้าเพราะมีราชโองการจากฝ่าบาทมาพะยะค่ะพระสนม”อัสลันกางราชโองการทันที สนมเอกแทบทรุดกองกับพื้น“ข้าทำอะไรผิดพวกเจ้าถึงมาจับตัวเช่นนี้”อารีมายังคงหาทางรอด“พระสนมเอกน่าจะรู้อยู่แก่







