หน้าหลัก / โรแมนติก / บรรณาการเย้ารัก / Chapter 2. ข้าไม่มีความจำเป็นต้องฆ่าตัวตาย

แชร์

Chapter 2. ข้าไม่มีความจำเป็นต้องฆ่าตัวตาย

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-12 21:08:36

            วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าแล้ว หญิงสาวในชุดกระโปรงสีชมพูปักลายดอกไม้เล็กๆ เพิ่มความอ่อนหวาน นางมั่นใจว่าคนที่นางต้องการพบหน้านั้นกำลัง ‘หลบหน้า’

นางควรรู้สึกอย่างไรดี เจ้าของบ้านต้องออกไปอยู่ด้านนอก ส่วนนางผู้มาอาศัยกลับนอนเอกเขนกอยู่ในเรือนที่สภาพที่พอซุกหัวนอนได้ หลังจากสำรวจดูที่ต้องซ่อมแซมแล้ว นางจึงถือสิทธิ์ที่พ่อบ้านหันซูอนุญาตให้นางเรียกใช้บ่าวไพร่ได้ เรียกคนมาโยกย้ายเครื่องเรือนและซ่อมหลังคาที่มีรอยรั่ว แม้เป็นต้นฤดูร้อน ทว่าหากมีพายุเข้าก็คงลำบากไม่น้อย เรื่องเหล่านี้ไม่ควรนิ่งนอนใจ ในเมื่อไม่มีอะไรให้ทำนางไม่ลังเลที่จะทำ  หญิงสาวจึงเรียกบ่าวรับใช้มาจัดการซ่อมแซมหลังคา อะไรที่รกหูรกตานางก็ชี้นิ้วสั่งการให้บ่าวไพร่ทำ  สิ่งไหนไม่ถูกใจ นางก็ลุกขึ้นทำด้วยตัวเอง

            จากวันแรกๆ ที่สวมอาภรณ์ถักทอด้วยไหมงดงามเพื่อรอพบท่านราชครู แต่เขาไม่ปรากฏกายเสียที หลายวันเข้าการแต่งตัวรอเก้อทำให้นางหงุดหงิด จนวันนี้นางสวมเพียงชุดผ้าฝ้ายธรรมดา เกล้าผมอย่างเรียบง่ายไม่ได้สวมเครื่องประดับมากมาย นางพาดบันไดพิงต้นสาลี่แล้วปีนขึ้นไป

            “แม่นางเหอ!”

            “ว้าย!”

หญิงสาวตกใจเสียงเรียกเหยียบบันไดพลาด แต่ยังดีที่มือไม้ว่องไวคว้าบันไดไว้ได้ทัน นางสงบสติระงับความตื่นเต้นได้แล้วก็หันไปทำตาดุใส่คนที่เรียกนาง

            “พ่อบ้านหันซู!”

            “แม่นางเหอ ท่านอย่าคิดสั้น” หันซูทำหน้าตาตื่นรีบยื่นมือไปจับขาหญิงสาวไว้ 

            “เจ้า! อย่ามาถูกตัวข้านะ!”

            “ข้าน้อยไม่ปล่อยขอรับ! แม่นางเหออย่าทำร้ายตัวเองเช่นนี้!”

            “ทำร้ายตัวเองอันใด ข้าแค่จะปีนขึ้นไปตัดกิ่งสาลี่”

            “หา...”

            “เจ้าบ้า! ปล่อยขาข้าเดี๋ยวนี้นะ”

            ด้วยไม่ทันระวังตัว และเพิ่งนึกได้ว่าตนเองยื้อยึดขาสตรีอยู่จึงรีบปล่อยมือ เป็นจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวสะบัดปลายเท้าทำให้หันซูผงะเสียหลังหงายหลังแบบไม่มีใครช่วย ครั้งจะใช้วรยุทธ์ก็นึกได้อีกว่านายท่านสั่งมิให้เปิดเผยตัวจึงจำยอมให้ตัวเองหงายหลังล้มตึงอย่างน่าอับอาย

            “พ่อบ้านเป็นอะไรหรือไม่”  หญิงสาวรีบก้าวลงจากบันได บ่าวไพร่ที่อยู่ใกล้รีบเข้ามาประคองให้ลุกขึ้น และปัดเศษใบไม้ออกจากร่างของพ่อบ้าน

            “แม่นางเหอไม่ได้คิดสั้นแน่นะขอรับ”  หันซูอับอาย แต่ก็พยายามคิดถึงคำสั่งของนายท่านที่ต้องทำอย่างเคร่งครัด

            “ไม่” นางยืนยันด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าไม่มีความจำเป็นต้องฆ่าตัวตาย”

            “นั้นสิขอรับ บ่าวช่างโง่เขลายิ่งนัก” หันซูหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อ “ไม่ทราบแม่นางเหอทำสิ่งใดหรือขอรับ”

            “ข้าอยู่ว่างไม่มีอะไรทำ เห็นต้นสาลี่ก็เลยคิดว่าจะขึ้นไปตัดแต่งกิ่งเสียหน่อย จะได้ออกดอกออกผลดี”

            “อ้อ...”

            “อ้ออะไรของเจ้า” นางขึงตาใส่ แล้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ได้ยินว่าหลังรัชทายาทขึ้นครองราชเป็นฮ่องเต้ก็ไม่ทรงโปรดท่านราชครูอีก  คงเป็นความจริงสินะ”

            “เอ่อ...”

            “ดูจากสภาพความเป็นอยู่แล้วก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด” นางยังคงพูดเองเออเอง แล้วหันมาจ้องหน้าพ่อบ้านหนุ่ม “แต่ถึงอย่างไรก็มิใช่อยู่ซอมซ่อเช่นนี้”

            “เป็นข้าน้อยที่บกพร่องเองขอรับ”

            “ถูกแล้ว เป็นความผิดของเจ้า” นางเบ้ปากใส่ แล้วถอนหายใจอีกรอบ “ข้ารู้ว่าท่านราชครูไม่อยากพบหน้าข้า แต่เขาเป็นเจ้าบ้าน ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอยู่บนเขาเช่นนั้น ต่อให้บอกว่าแช่น้ำพุร้อนรักษาบาดแผลอย่างไรก็คงไม่นานขนาดนี้ เอาเป็นว่าเจ้าเชิญท่านราชครูกลับมาเถิด ข้าต้องคุยกับเขา”

            “ขอรับ”

            “อืม แล้วข้าก็จำได้ว่าพูดไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ต้องพูดกับเจ้าอีกหน เรียกข้าว่าเยว่ซินก็พอ ไม่ต้องเรียกแม่นางเหอ ฟังแล้วรำคาญหู”

            “ขะ...ขอรับ ทราบแล้วแม่นางเยว่ซิน”

เอาเข้าไป ...

            “ยังจะยืนบื้ออะไรอยู่ ไปเชิญท่านราชครูกลับมาได้แล้ว”

            “ขอรับ”  หันซูรับคำสั่งแล้วรีบเดินลิ่วๆ ออกไป  แปลกใจที่ตัวเองต้องทำตามคำสั่งนาง และแปลกใจยิ่งกว่าว่ากิริยาท่าทางเช่นนี้ นี่นางเป็นคณิกาอันดับหนึ่งจริงๆ หรือ? ช่างเหมือนอันธพาลโดยแท้

            เยว่ซินกลอกตามองบน  ช่างน่าสงสารท่านราชครูเสียจริง  รับเคราะห์แทนฮ่องเต้จนตัวเองบาดเจ็บสาหัส แต่ต้องถูกขับออกมาอยู่หมู่บ้านเล็กๆ ทุรกันดาร ห่างไกลเมืองหลวงเป็นพันลี้  ความเป็นอยู่ก็สุดแสนน่าเวทนา  นี่นางคิดถูกหรือผิดที่ยอมเดินทางไกลมาถึงที่นี่

            ช่างเถอะ  เพื่อ ‘เหอเยว่ซิน’ แล้ว เรื่องแค่นี้ไม่นับว่านักหนาอะไร

            หญิงสาวหมดอารมณ์จะตัดแต่งกิ่งสาลี่ นางปัดมือไปมาแล้วมองเลยไปยังภูเขาลูกโตที่อยู่ด้านหลังแนวกำแพงผุพัง ได้ยินว่าเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีดีแค่น้ำพุร้อนสำหรับบำบัดรักษาโรค นางไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ ไม่รู้ว่าเป็นความจริงกี่ส่วนกัน  แต่นางมั่นใจว่า หากท่านราชครูแช่น้ำพุร้อนนานขนาดนี้ผิวหนังคงเปื่อยยุ่ยไปแล้ว

            “แม่นางเหอ ...เอ่อ ..แม่นางเย่วซินจะไปไหนหรือขอรับ” บ่าวรับใช้เอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวก้าวเร็วๆ ออกไปจากบริเวณเรือนของตนเอง

            “แค่เดินเล่น ไม่ต้องตามมา” 

นางตอบห้วนๆ โบกมือโบไม้เป็นเชิงไล่ แล้วเดินออกทางประตูด้านหลัง นางเคยเดินมาสำรวจบริเวณนี้แล้ว หากไม่มีหญ้าขึ้นรกปกคลุมคงไม่มีผู้ใดรู้ว่าแนวกำแพงพังไปครึ่งหนึ่ง  จะซอมแซมจุดนี้ต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย และนางจะทำอะไรโดยไม่บอกเจ้าของบ้านคงไม่ดีแน่

เพียงพ้นสายตาของบ่าวรับใช้ เจ้าของร่างเพรียวบางก็ผ่อนคลายมากขึ้น การเดินป่าขึ้นเขาเป็นเรื่องที่ ‘เหอเยว่ซิน’ ไม่มีวันทำแน่นอน  แต่สำหรับ ‘เซียงเยว่ซิน’ นี่คือสิ่งที่โปรดปรานนัก นางเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุเพียงสิบปี บิดามารดาและพี่ชายคนรองตายไปเพราะกลุ่มทหารพ่ายทัพ เหลือเพียงนางที่รอดชีวิตอยู่  ผลักดันให้ต้องเอาตัวรอด จำต้องลักเล็กขโมยน้อยเพียงเลี้ยงชีพ  ใช้ชีวิตเช่นนี้จนอายุสิบสี่ บังเอิญได้พบกับ ‘เหอเยว่ซิน’ ซึ่งถูกเลี้ยงดูเพื่อเป็นคณิกาอันดับหนึ่ง นางขายศิลปะไม่ขายเรือนร่าง กิริยาอ่อนช้อยงดงาม เชี่ยวชาญผีผาและดีดพิณ ร่ายรำและเขียนอักษร ซึ่งตรงข้ามกับนางทุกอย่าง

‘ข้ากับเจ้าชื่อเดียวกันเลย’  เหอเยว่ซินเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน คราวนั้นได้พบกันเพราะเหอเย่ว ซินมาไหว้พระขอพร ส่วนนางมาอาศัยกินข้าวที่โรงทาน ด้วยความอยากเห็นหญิงงามจึงโผล่เข้าไปดู

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 46. บทส่งท้าย 2 (จบ)

    “แล้ว...ท่าน...ท่านพี่ชอบข้าตรงไหน ทำไมท่านอยากแต่งงานกับข้า”‘ถามเอาตอนนี้มิช้าไปหน่อยหรือเจ้าลิงน้อย’ฉู่ห่าวหรานคลี่ยิ้มอ่อนโยน “ข้าชอบเวลาที่มีเจ้าอยู่ข้างกาย”แม้มีบิดาเป็นบัณฑิต แต่เยว่ซินไม่ได้ลึกซึ้งกับถ้อยคำที่ต้องคิดสลับซับซ้อน ขณะที่นางคิดทบทวนคำพูดของเขา ปลายนิ้วของชายหนุ่มก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกที่ละชิ้น กว่านางจะรู้ตัว บนร่างก็เหลือเพียงเอี๊ยมสีแดงปิดบังบัวตูมคู่งาม“อ๊ะ!” เยว่ซินได้สติรีบยกมือขึ้นปิดทรวงอกแล้วหันหลังให้ เขาไม่เคยฝึกยุทธ์ไม่ใช่หรือ? เหตุใดเปลื้องเสื้อผ้ารวดเร็วถึงเพียงนี้เพราะหันหลังให้ เขาจึงเห็นรอยแผลเป็นสีชมพูจางๆ บนแผ่นหลังของนาง เด็กอายุสิบขวบได้รับบาดแผลขนาดนี้ นางต้องอดทนมากกว่าเขาหลายร้อยหลายพันเท่ากว่าจะผ่านมันมาได้ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำลายรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะของนางได้เลย นั้นคือสิ่งที่เขาเรียนรู้จากนางฉู่ห่าวหรานโน้มหน้าลงประทับริมฝีปากกับรอยแผลของนางเบาๆ เยว่ซินสะดุ้งแต่ไม่กล้าเอี้ยวตัวกลับมามอง นางลืมไปเสียสนิทใจว่าตนหันหลังให้เขา“แผลอยู่ด้านหลังคงใส่ยาลำบากสินะ” เขาพูดเสียงพร่าชวนให้คนฟังหวั่นไหวพลางแกะสายเอี๊ยมเส้นเล็กด้านหลังขอ

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 45. บทส่งท้าย 1.

    ‘คุณชายฉินฝากบอกคุณหนูว่า เมื่อถึงเวลาขายผลผลิตจะเป็นคนรับซื้อไว้เองขอรับ’ หม่าเจียนอี้รายงานตามที่ฉินเฟยหลงกำชับไว้ ‘เขาจะต้องการไปทำไมเยอะแยะ’ แรกทีเดียวนางไม่เข้าใจนัก แต่หลังจากมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงเดินทางจากไปได้ราวสองเดือน นางได้ข่าวว่าในวังหลวงเกิดก่อกฎบ แต่ครั้งนี้ไม่สูญเสียเท่าที่ผ่านมา เนื่องจากหลายฝ่ายทนพฤติกรรมฮ่องเต้ทรราชไม่ไหว รวมทั้งต้องการโคนล้มอำนาจเสนาบดีฝ่ายซ้าย ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ถึงเวลานี้นางคาดเดาได้แล้วว่าฉินเฟยหลงแท้จริงแล้วเป็นใคร แต่ช่างเถอะ อย่างไรนางอยู่ที่นี่ไกลเมืองหลวงมาก หากไม่เพราะการข่าวของโรงรับจำนำเจิ้งจิงดีเยี่ยม นางคงไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไปที่กว่าจะรู้ข่าวก็ผ่านมานานนับเดือน เพราะความใจลอยคิดเรื่องอื่น ทำให้เยว่ซินเผลอเหยียบชายกระโปรงตนเอง นางเสียจังหวะเล็กน้อย แต่มือข้างหนึ่งยืนมาประคองนางไว้ก่อน “ไหวหรือไม่” น้ำเสียงอ่อนโยนเจือนความห่วงใย ทำให้เยว่ซินรู้ว่ามือที่ประคองนางอยู่คือใคร ทว่านางมองที่พื้นเห็นรองเท้าบุรุษยืนใกล้ม

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 44. เจ้าจะไปไหน

    มู่หงเทียนคืนหยกชิ้นนั้นให้เซียงเริ่นเจิน “หยกชิ้นนี้เป็นหยกลายเมฆที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนประทานให้” ฉินเฟยหลงปรายตามองเล็กน้อยก่อนเผยรอยยิ้ม “เอาเป็นว่า วันข้างหน้า หากพวกเจ้าต้องการล้างมลทินหาคนผิดมาลงโทษ ข้าจะช่วยเจ้าเต็มที่” เซียงเริ่นเจินไม่รู้ว่าที่แท้ฉินเฟยหลงเป็นใคร รู้เพียงว่าเขามีลักษณะโดดเด่นเหนือคนทั่วไป แต่ลึกๆ เขากลับรู้สึกมีความหวัง การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แม้เขาเป็นขุนนางแต่ก็คาดหวังเห็นความสุขของชาวบ้านเหนือสิ่งอื่นใด “เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว พวกเราต้องเดินทาง” มู่หงเทียนเอ่ยกับทุกคน แต่สายตาหยุดที่ฉู่ห่าวหราน “ข้าหวังใจว่าเจ้าจะกลับไปช่วยงานอีกครั้ง” ฉู่ห่าวหรานไม่ได้ปากตอบรับ เขาเพียงส่งยิ้มน้อยๆ แล้วประสานมือคารวะ “ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย” หลังจากสิ้นสุดการสนทนา ทั้งหมดออกมาส่งมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงขึ้นรถม้า ทว่ายังมีรถม้าโกโรโกโสคุ้นตารออยู่ไม่ไกล เยว่ซินจำได้ดีว่าเป็นรถม้าของฉู่ห่าวหราน “ทำไมรถม้าของท่านมาอยู่ตรงนี้” “ข้าเองก็ต้องกลับคฤหาสน์เชิงเขาแล้ว” “

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 43. ไขว่คว้าความสุข

    ฉู่ห่าวหรานตื่นจากภวังค์พลิกฝ่ามือหงายขึ้นแล้วประสานมือกับนางแล้วส่งยิ้มอ่อนโยน “ข้าไม่ได้เป็นอะไร เจ้าอย่ากังวลใจไปเลย” ท่าทีสนิทสนมและอาการห่วงใยเต็มเปี่ยมนี้ ทำเอาพ่อและแม่บุญธรรมรวมทั้งฉินเฟยหลง นั่งยิ้มกริ่มแม้แต่หันซูที่เคยไม่ชอบนิสัยไร้มารยาทของนางยังยอมรับว่า ทั้งคู่เหมาะสมกันยิ่ง คู่สวรรค์สร้างเช่นนี้ไม่แต่งงานกันได้อย่างไร เยว่ซินเพิ่งรู้ว่าตกเป็นเป้าสายตาจึงคิดชักมือกลับแต่ฉู่ห่าวหรานบีบมือนางไว้ไม่ยอมปล่อย จะว่าไป นางมีเรี่ยวแรงมากกว่าเขา แต่ทำไม นางไม่สามารถดึงมือตนเองกลับมาได้ การที่เขากุมมือไว้มันรู้สึกดีเหลือเกิน “เด็กโง่” มู่ยี่หัวเราะร่า พอใจที่เห็นว่าที่ลูกเขยใส่ใจลูกสาวบุญธรรมอย่างดี “บุรุษที่ดีเช่นนี้ต้องรีบคว้าไว้สิ ” “พวกท่านไม่เข้าใจ” นางหมายถึงบาดแผลไฟไหม้บนแผ่นหลังของนาง เป็นสามีภรรยา ยามร่วมหอต้องเปลือยกายแล้วเขาเห็นแผลเป็นของนางจะไม่หมดเสน่หาไปหรือ? แม้ฉู่ห่าวหรานยืนยันว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แต่นางยังเป็นกังวลอยู่ดี “แผลเป็นของฉู่ห่าวหรานรักษาได้ แผลเป็นของเจ้าก็รักษาได้เช่นก

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 42. พี่เขย

    “ขออภัยแม่นางเหอ ตอนนี้จิตใจของข้าอยู่ที่การดูแลซินเอ๋อร์ คงไม่มีใจไปทำสิ่งอื่นได้” “ซะ...ซิน...ซินเอ๋อร์” เยว่ซินทำตาปริบๆ ไม่คิดว่าเขาจะเรียกนางสนิทสนมอย่างนี้ “คุณชายฉินเรียกเจ้าว่าซินเอ๋อร์ได้แล้วข้าเรียกไม่ได้รึ” ฉู่ห่าวหรานยังคงน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาจ้องเขม็งที่นางทำให้หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าหงุดจนคางแทบชิดอก ท่าทางของเยว่ซินทำให้ฉินเฟยหลงหัวเราะด้วยความพอใจ “เรียกซินเอ๋อร์นั้นเหมาะสมแล้ว” ฉินเฟยหลงพอใจที่เห็นฉู่ห่าวหรานแสดงท่าทีชัดเจนเช่นนี้ ก็คงมีลิงน้อยโง่งมของเขาที่ดูไม่ออกหรือไรว่าอีกฝ่ายมีใจให้นาง “เอาล่ะ ข้ามาเพื่อกล่าวลา และหวังใจว่าจะได้พบท่านราชครูฉู่ที่เมืองหลวง ท่านมิต้องรีบให้คำตอบข้า แค่เมื่อถึงวันนั้น ข้าจะถามท่านอีกครั้ง” “ขอบคุณคุณชายฉิน” ฉินเฟยหลงผงกศีรษะให้เล็กน้อย แล้วจับท่อนแขนของเหอเยว่ซิน กึ่งลากกึ่งจูงออกมาทันที ไม่น่าเชื่อเลยว่า เขาเตือนนางแล้ว แต่นางยังกล้าทอดสะพานให้ฉู่ห่าวหรานอีก สตรีผู้นี้น่าชังยิ่งนัก “เอ๊ะ!” “ยังจะอยู่อีกเรอะ” เหอเยว่ซินกัดริมฝีปากไม่กล้าโต้เถียงอะไร ได้แต่ปล่อยให้เขาลากออกมา ฉู่ห่าวหรานถอนใจเบาๆ ในห้องเหลือเพียงเขา

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 41. คนมีแผลอยู่ด้วยกันไม่ดีหรือไร

    “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรไม่รู้ มาช่วยข้าเตรียมอาหารเถิด” “ได้เจ้าค่ะ ฮูหยิน” “เชี่ยวเมิ่น!” เสียงหัวเราะหวานใสของทั้งสองคนทำให้ห้องครัวเล็กๆ ดูอบอุ่นขึ้น เชี่ยวเมินติดตามจางฮุ่ยเหมยมานาน ลำบากมาด้วยกันก็มาก นางได้แต่หวังว่านายของตนจะพบความสุขเสียที. ฉินเฟยหลงเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของหญิงสาวก็เดาความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายได้ แม้ใบหน้าระบายยิ้มแต่ดวงตาเปล่งประกายความไม่พอใจอยู่หลายส่วน “แม่นางเหอ” เจ้าของชื่อตัวจริงถึงกับสะดุ้ง เหอเยว่ซินที่ยืนอยู่หลังบานประตูที่แง้มอยู่ มือที่ประคองถาดขนมหวานสั่นน้อยๆ เมื่อเห็นว่าผู้มาเป็นใคร นางก็คลี่ยิ้มอ่อนหวานแล้วเอ่ยทักทาย “คุณชายฉินเฟยหลง” แม้เขาจะยิ้มแต่ดวงตาไม่ยิ้ม ชายหนุ่มไม่ได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตน เขาคลี่พัดในมือโบกเบาๆ แสร้งทำเป็นมองเข้าไปด้านใน“อ่อ...ท่านราชครูฉู่อยู่กับซินเอ๋อร์ที่นี่เองหรือ? แหม...ดูเอาใจใส่ซินเอ๋อร์ดีเหลือเกิน” ชายหนุ่มลอบสังเกตสีหน้าของเหอเยว่ซินแล้วพูดต่อ “เจ้าคงคิดสินะว่า ที่ตรงนั้นควรเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status