ธีรัชในร่างอิน ยืนตัวแข็งอยู่กลางตลาดน้ำที่จอแจด้วยผู้คน เขากลืนน้ำลายลงคอพลางหันซ้ายหันขวาอย่างกระวนกระวาย เชี่ยแล้ว ตอนนี้..เขาหลงกับคุณเปรมและแม่หญิงปิ่นแก้วแล้วจริงๆ
รอบตัวเขาคือภาพของตลาดน้ำสมัยโบราณที่ดูสมจริงยิ่งกว่าฉากในละครพีเรียดที่เขาเคยดู มันมีชีวิต มีเสียง มีสีสัน และมีกลิ่นที่อบอวลไปหมด กลิ่นหอมของขนมไทยอย่างทองหยิบ ฝอยทอง ลอยปะปนมากับกลิ่นปลาย่างและข้าวใหม่หุงร้อนๆ ใกล้ๆ กันคือร้านขายสมุนไพรไทยที่วางขมิ้น ตะไคร้ และเครื่องเทศแห้งส่งกลิ่นหอมฉุน แม้จะคึกคัก แต่ทุกอย่างล้วนเป็นของที่เขาไม่คุ้นเคยในฐานะ คนยุคเจนซีที่เติบโตมากับห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ อินยกมือขึ้นปาดเหงื่อ พยายามรวบรวมสติ เอาไงดีวะ เรามาเดินกับคุณเปรมแถวร้านขายเครื่องประดับนี่หว่า แต่พอหันไปมองรอบตัวแล้วกลับพบว่าร้านที่เขาเดินผ่านเมื่อครู่ดูคล้ายกันไปหมด ร้านค้าทำจากไม้ไผ่และใบจากถูกตั้งเรียงรายอยู่บนโป๊ะริมน้ำ บ้างตั้งขายบนเรือพายที่จอดอยู่ริมท่า ในแม่น้ำมีพ่อค้าแม่ค้าแจวเรือไปมา เสียงเจรจาการค้าดังแข่งกันจนแทบจับใจความไม่ได้ “ไอ้หนุ่ม! จะมายืนเกะกะตรงนี้ทำไม ถ้าไม่ซื้อก็ไปยืนที่อื่น!” เสียงพ่อค้าคนหนึ่งตวาดใส่ อินสะดุ้งก่อนจะรีบพยักหน้าหงึกๆ “ขะ...ขอโทษครับ” เขารีบถอยออกมาจากแผงขายของ แต่กลับชนเข้ากับหญิงชาวบ้านที่ถือถาดขนมหวานจนขนมร่วงพื้น “ตายแล้ว! ตาฝ้าตาฟางหรือไงกันวะเองอิ?” หญิงวัยกลางคนเอ็ด อินยกมือไหว้ปะหลกๆ “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” หญิงคนนั้นจ้องหน้าเขาด้วยสายตาแปลกใจนิดๆ “เป็นบ่าววัดไหนรึ?” “หะ?!” อินอ้าปากค้าง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในร่างทาสหนุ่ม เสื้อผ้าที่เขาสวมก็เป็นเพียงผ้าผืนเดียวพันรอบเอวแบบคนใช้แรงงาน ต่างจากชาวบ้านคนอื่นที่แต่งตัวสะอาดสะอ้านกว่า แม่งเอ๊ย ลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นแค่ทาสในยุคนี้ อินรีบโค้งหัวให้หญิงคนนั้นแล้วเดินหนีออกมาโดยไม่กล้าหันกลับไป แต่ยิ่งเดินลึกเข้าไปในตลาด ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองติดอยู่ในเขาวงกตที่เต็มไปด้วยกลิ่นและเสียงที่ไม่คุ้นเคย มีพ่อค้าจีนยืนเคร่งขรึมอยู่หน้าแผงลอย ขายเครื่องลายครามและผ้าไหมสวยงาม ในขณะที่พ่อค้าชาวอินเดียเสนอขายเครื่องเทศและกำยาน กลิ่นหอมฉุนแตะจมูกจนอินเผลอจามออกมา มีเด็กน้อยวิ่งเล่นไปมาบนสะพานไม้ เสียงหัวเราะของพวกเขาเจือไปกับเสียงคนเร่ขายของ และเสียงพายเรือกระทบผิวน้ำ แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีเสียงของคุณเปรมและแม่หญิงปิ่นแก้ว อินเริ่มร้อนใจ หรือกูจะเป็นไอ้ทาสที่ถูกเจ้านายทิ้งไว้กลางตลาดจริงๆ วะ?! เขากวาดตามองหาใครสักคนที่อาจพอให้เบาะแสได้ แต่ทันใดนั้นเอง ขณะที่เขาหมุนตัวมองไปรอบๆ หางตาก็ดันเหลือบไปเห็นบางอย่าง เงาดำวูบหนึ่งในตรอกเล็กๆ ข้างร้านขายผ้าไหม อินหยุดชะงัก รู้สึกถึงลางสังหรณ์ประหลาด ใครบางคนกำลังแอบมองมา ชายฉกรรจ์ในชุดดำคนนั้นรีบหันหลังเดินหายเข้าไปในซอย อินขมวดคิ้วก่อนจะรีบก้าวตามไปอย่างไม่รู้ตัว หากแต่ทันทีที่พ้นจากสายตาผู้คน อะไรบางอย่างก็ตวัดรัดรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว! อินถูกจับตัวไปแล้ว! ตรอกมืดในตลาดน้ำ อินดิ้นรนสุดชีวิตเมื่อชายฉกรรจ์ในชุดดำตวัดแขนล็อคตัวเขาแน่น ร่างของเขาถูกลากถอยเข้าไปในตรอกแคบๆ ที่มีกลิ่นอับของขยะเน่าและโคลนตม กลางวันแสกๆ แบบนี้ ใครจะไปคิดว่าจะโดนฉุด! ชายปิดหน้าปิดตาคนนั้นกดมีดสั้นจ่อลำคอเขา ดวงตาภายใต้ผ้าคลุมแสดงออกถึงความผิดหวังชัดเจน “แค่ทาสกระจอกงั้นรึ?” มันพึมพำ ก่อนจะกระชากคอเสื้อเขาแรงขึ้น “แล้วหลวงพิชิตเดโชอยู่ไหน?! บอกมา!” อินขมวดคิ้วแน่น หลวงพิชิตเดโช? ใครวะ? “มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง!” โจรตะคอก ดวงตาวาวโรจน์ “บอกมาว่าหลวงพิชิตเดโชไปทางไหน!” อินรู้ดีว่าต่อให้ตัวเองบอกว่า ไม่รู้ ไปเป็นร้อยรอบ พวกมันก็คงไม่เชื่อ เขาหายใจลึกๆ ระงับความตื่นตระหนก แล้วเปลี่ยนเข้าสู่โหมดเซลส์แมนตามสัญชาตญาณ “โถ่พี่ชาย พี่ใจเย็นก่อน พี่คิดว่าผมเป็นใครกัน?” อินปรับโทนเสียงเป็นเป็นมิตร “ผมเป็นแค่ทาส เดินตามเจ้านายไปมา ขนาดข้าวแต่ละมื้อยังต้องรอเขาให้กินอิ่มก่อน ผมจะไปรู้เรื่องของคนชั้นสูงอย่างหลวงพิชิตเดโชได้ยังไง?” ชายฉกรรจ์ขมวดคิ้ว หรี่ตามองอย่างจับผิด “งั้นเอ็งก็คงได้ยินมาบ้างว่าหลวงพิชิตเดโชจะไปที่ใด” ไอ้เวร! อินสบถในใจ แต่สีหน้ายังคงแต้มรอยยิ้มบางๆ “ก็อาจจะเคยได้ยินมา... แต่พี่จะให้ผมบอกทั้งที่ไม่มีอะไรตอบแทน มันก็กระไรอยู่นา” โจรชะงักไปเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล “ไอ้ทาสนี่แปลกนัก” มันพูดเสียงขุ่น “ทำไมไม่กลัวตายรึ?” อินยิ้มเจื่อน ก็กูตายไปแล้วรอบนึงไง! แต่ไม่ได้พูดออกไป โจรขยับมีดเข้าใกล้คอมากขึ้น อินรีบแถไปต่อ “เอางี้! ผมอาจพอช่วยพี่ได้ แต่ขอเวลาผมไปสืบก่อนสิ ผมอยู่กับพวกเจ้านายทั้งวัน ถ้าผมได้ยินอะไรเกี่ยวกับหลวงพิชิตเดโช ผมจะส่งข่าวให้พี่” ดวงตาของมันฉายแววลังเล ก่อนที่มันจะพยักหน้าเหมือนกำลังชั่งใจ และจังหวะนั้นเอง! อินอาศัยเสี้ยววินาทีที่มันเผลอ กระชากแขนออกแล้วถีบเข้าเต็มท้อง! “อั่ก!” โจรล้มลงไปกระแทกพื้นเสียงดัง อินไม่รอช้า รีบหมุนตัววิ่งไปทางออกของตรอก แต่ทันทีที่โผล่ออกมา กลับเจอโจรอีกคนยืนขวางทางอยู่แล้ว แม่ง! โดนล้อมซะแล้ว! เขาหันหลังกลับ แต่โจรคนแรกที่เพิ่งโดนถีบก็ดันยันตัวขึ้นมาแล้ว อินกำหมัดแน่น เหงื่อไหลอาบแผ่นหลัง ทำยังไงดีวะ กูไม่ใช่ตัวเอกนิยายกำลังภายในนะ! “หมดทางหนีแล้วไอ้ทาส!” โจรแสยะยิ้ม ก่อนที่พวกมันจะขยับเข้ามาใกล้ แต่ยังไม่ทันที่มันจะได้ลงมือ เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังขึ้นจากปลายตรอก ตามมาด้วยเสียงตะโกน “ไอ้ชาติชั่ว!” เสียงนี้คุ้นหูอินเหลือเกิน และวินาทีถัดมา เขาก็เห็นร่างของชายคนหนึ่งกระโจนเข้ามาอย่างว่องไว คุณเปรม! อินยังไม่ทันอ้าปากพูดอะไร คุณเปรมก็พุ่งหมัดซัดเข้าที่กรามของโจรคนหนึ่งอย่างแม่นยำ! ผัวะ! โจรเซล้มกระแทกกำแพง ก่อนที่ชายหนุ่มจะตวัดเท้าเตะโจรอีกคนจนมันกระเด็นไปนอนกองกับพื้น อินยืนอ้าปากค้าง ตกใจในฝีมือของเจ้านายตัวเอง คุณเปรมสะบัดข้อมือ นัยน์ตาดุดันกวาดมองโจรทั้งสองที่ครางโอดโอยอยู่บนพื้น ก่อนจะหันมามองอินที่ยังยืนนิ่ง “เจ้าไปโดนจับตัวมาได้ยังไง?” อินอ้าปากพะงาบๆ “ผม...คือ...” คุณเปรมถอนหายใจ สีหน้าเคร่งเครียด “พวกมันคงถูกจ้างมาเพื่อฆ่าฉัน” อินสะดุ้ง “ฆ่าคุณเปรมเหรอครับ!?” “อืม” คุณเปรมพยักหน้า มองโจรทั้งสองที่นอนหมดสภาพ “แต่พวกมันช่างปัญญาน้อยนัก รู้แค่ยศหลวงพิชิตเดโช แต่กลับไม่รู้ว่าข้าคือใคร” อินเบิกตากว้าง เดี๋ยวนะ... หลวงพิชิตเดโช ก็คือ เขาหันไปจ้องหน้าคุณเปรมอย่างตกตะลึง “คุณเปรมเป็นหลวงพิชิตเดโชเหรอ!?” คุณเปรมเหลือบตามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “เจ้าพึ่งรู้รึ?” อินอยากจะเป็นลม กูพูดกับโจรเมื่อกี้ว่ากูไม่รู้จักหลวงพิชิตเดโช! นี่มัน... กูขายเจ้านายตัวเองแล้วไม่รู้ตัว! “เอาเถอะ” คุณเปรมโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “เราต้องรีบออกไปจากที่นี่” อินพยักหน้ารัวๆ รีบเดินตามคุณเปรมออกจากตรอก แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยคำถาม นี่กูโดนพาไปยุคโบราณ แล้วดันเป็นทาสของขุนนางใหญ่ที่มีคนหมายหัวอีกเหรอ!? ชีวิตวัยรุ่นที่พึ่งจะประสบความสำเร็จ กับหน้าที่การงาน และทรัพย์สินเงินทอง ของเขากำลังจะกลายเป็นอะไรไปแล้ววะเนี่ย! อินเดินตามหลังคุณเปรมออกจากตรอกแคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับของขยะเน่าและความชื้นของคลองน้ำใกล้ ๆ เขาเผลอยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมตามขมับ หัวใจยังเต้นระรัวจากเหตุการณ์เฉียดตายเมื่อครู่ แต่พอเหลือบตาไปมองคุณเปรมที่เดินนำอยู่ด้านหน้า เขาก็ต้องขมวดคิ้วนิด ๆ อย่างแปลกใจ คุณเปรม… ตัวเล็กกว่าที่คิดแฮะ ในตอนที่พบกันครั้งแรกของอิน คุณเปรมเป็นคนสง่างาม มีบารมี และท่วงท่ามั่นคงจนดูเหมือนสูงใหญ่ แต่พอเดินตามหลังใกล้ ๆ แบบนี้ กลับรู้สึกว่าเจ้านายของเขาดูเล็กกว่าที่จินตนาการไว้ หรือไม่ก็เป็นเพราะตัวเขาเองที่สูงเกินไปในยุคนี้ สูงจนเป็นจุดเด่นท่ามกลางฝูงชนเสียมากกว่า “คุณเปรมครับ...” อินเอ่ยขึ้น พลางมองเหลือบไปทางตรอกมืดด้านหลัง “แล้วพวกโจรเมื่อกี้จะทำยังไงกับมันครับ?” คุณเปรมปรายตามองเขา ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “เดี๋ยวนครบาลก็มาลากตัวพวกมันไปเอง ข้าแจ้งไปแล้ว” อินพยักหน้าอย่างโล่งอก แต่พอหันกลับมาเห็นสีหน้าของคุณเปรมที่เรียบนิ่งแต่แฝงความเคร่งขรึมอยู่ เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก “แล้วท่านหายไปไหนมา?” อินถามต่อ “แม่หญิงปิ่นแก้วล่ะครับ อยู่ที่ไหน?” คุณเปรมถอนหายใจนิด ๆ ราวกับเหนื่อยใจกับคำถามของเขา “ฉันพาแม่ปิ่นไปหาพวกพ่อค้าจีนที่เป็นคนรู้จัก เสร็จธุระแล้วก็ออกมาตามหาเจ้า แล้วดูสิกลับต้องมาเจอเจ้าถูกโจรจับตัวไปเสียก่อน” อินแค่นหัวเราะแห้ง ๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นหรอกนะ! แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปากแก้ตัว คุณเปรมกลับหยุดเดินกะทันหัน แล้วหมุนตัวมาจ้องหน้าเขานิ่ง ๆ “แล้วเจ้าล่ะ?” อินกระพริบตาปริบ ๆ “ครับ?” “เหตุใดเจ้าถึงถูกโจรพวกนั้นลากตัวไปได้?” “เอ่อ...” อินอึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไงดี ก็เพราะพวกมันเข้าใจผิดคิดว่าฉันรู้จักหลวงพิชิตเดโชน่ะสิ! แต่ถ้าพูดแบบนั้นไปมันจะดูโง่เกินไปหรือเปล่า? คุณเปรมหรี่ตามองเขา ก่อนจะถามต่อ “แล้วเหตุใดเจ้าถึงหนีฉันไปละ?” “หา?” อินอ้าปากค้าง “ผมไม่ได้หนี! ผมแค่เดินดูตลาด แล้วเผลอหลงเฉย ๆ!” “เหรอ?” คุณเปรมเลิกคิ้วขึ้น “หรือเจ้าคิดจะเป็นทาสหนีเจ้านายกันแน่?” อินสะดุ้ง รีบส่ายหน้ารัว ๆ “โธ่ท่าน! ผมเป็นทาสที่ไหนกัน ผมแค่—” “แล้วทำไมเจ้าถึงสูงขนาดนี้?” คุณเปรมพูดแทรกขึ้นมากะทันหัน น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ดวงตาคู่นั้นมองเขาอย่างพิจารณา อินชะงักไปกับคำถามไม่คาดคิด “หา?” “เจ้าสูงเกินไป” คุณเปรมกวาดสายตามองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “สูงเกินหน้าเกินตา สูงเสียจนเป็นจุดเด่น ใครเห็นก็จำได้” อินเม้มริมฝีปาก “...ก็สูงมาแต่เกิดแล้วครับ จะให้ทำยังไง?” “ทำตัวให้ต่ำลงเสียหน่อยก็ดี” คุณเปรมว่า ก่อนจะยกมือขึ้นโบกเบา ๆ เป็นเชิงให้เขาเดินตามไปต่อ “ไปกันได้แล้วไอยักใหญ่” เอ๋ ยักใหญ่คุณเปรมว่าเขาหรอ!? อินได้แต่ถอนหายใจ จะให้ฉันทำตัวให้ต่ำลงยังไงในเมื่อฉันตัวสูงกว่าคนยุคนี้ทั้งตลาด! แต่สุดท้ายก็ได้แต่เดินตามคุณเปรมไปแต่โดยดี แม้ในใจยังคงเต็มไปด้วยความสับสน ชีวิตทาสในยุคนี้มันลำบากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!?ธีรัชในร่างอิน ยืนตัวแข็งอยู่กลางตลาดน้ำที่จอแจด้วยผู้คน เขากลืนน้ำลายลงคอพลางหันซ้ายหันขวาอย่างกระวนกระวาย เชี่ยแล้ว ตอนนี้..เขาหลงกับคุณเปรมและแม่หญิงปิ่นแก้วแล้วจริงๆรอบตัวเขาคือภาพของตลาดน้ำสมัยโบราณที่ดูสมจริงยิ่งกว่าฉากในละครพีเรียดที่เขาเคยดู มันมีชีวิต มีเสียง มีสีสัน และมีกลิ่นที่อบอวลไปหมด กลิ่นหอมของขนมไทยอย่างทองหยิบ ฝอยทอง ลอยปะปนมากับกลิ่นปลาย่างและข้าวใหม่หุงร้อนๆ ใกล้ๆ กันคือร้านขายสมุนไพรไทยที่วางขมิ้น ตะไคร้ และเครื่องเทศแห้งส่งกลิ่นหอมฉุน แม้จะคึกคัก แต่ทุกอย่างล้วนเป็นของที่เขาไม่คุ้นเคยในฐานะ คนยุคเจนซีที่เติบโตมากับห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้ออินยกมือขึ้นปาดเหงื่อ พยายามรวบรวมสติ เอาไงดีวะ เรามาเดินกับคุณเปรมแถวร้านขายเครื่องประดับนี่หว่า แต่พอหันไปมองรอบตัวแล้วกลับพบว่าร้านที่เขาเดินผ่านเมื่อครู่ดูคล้ายกันไปหมด ร้านค้าทำจากไม้ไผ่และใบจากถูกตั้งเรียงรายอยู่บนโป๊ะริมน้ำ บ้างตั้งขายบนเรือพายที่จอดอยู่ริมท่า ในแม่น้ำมีพ่อค้าแม่ค้าแจวเรือไปมา เสียงเจรจาการค้าดังแข่งกันจนแทบจับใจความไม่ได้“ไอ้หนุ่ม! จะมายืนเกะกะตรงนี้ทำไม ถ้าไม่ซื้อก็ไปยืนที่อื่น!” เสียงพ่อค้าคน
เสียงเครื่องมือกระทบกันเป็นจังหวะ ละอองฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ ท่ามกลางไอแดดยามสาย แรงงานทาสหลายสิบชีวิต ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขยันขันแข็งบางคนขุดดิน บางคนแบกฟืน บ้างกวาดลานดินกว้างของเรือนหลังใหญ่ ทุกคนต่างมีสีหน้าซีดเซียว เหงื่อไหลท่วมกาย และแววตาเหนื่อยล้าธีรัชหยุดกึก สายตากวาดมองรอบตัวอย่างไม่อยากเชื่อนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี้ย?หัวใจของเขาเต้นระส่ำ ภาพตรงหน้าดูแปลกประหลาดและไม่คุ้นเคย นี่มันยุคไหนกันแน่? เท่าที่จำได้... เขากำลังขับรถกลับบ้านหลังจากออกไปดีลงานกับคุณเจน ไม่ใช่เหรอ? แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกที กลับพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางแรงงานทาสและเรือนไม้เก่าแก่ที่ดูคร่ำครึ แต่สะอาดเหมือนโดนขัดให้เงาอยู่ตลอดเวลาหรือว่านี่เป็นผลจากการดื่มหนักจนเกินไป?ความคิดยังไม่ทันตกผลึก ภาพบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว แสงไฟหน้ารถพุ่งลงสู่แม่น้ำ ความรู้สึกเย็นเฉียบของสายน้ำที่โอบล้อมร่างก่อนทุกอย่างจะดับวูบถ้าอย่างนั้น...เขาตายแล้วอย่างนั้นเหรอ!?ร่างกายชาวาบไปหมด ความเป็นจริงโถมเข้าใส่จนแทบตั้งตัวไม่ติด ก่อนที่ธีรัชจะได้ขบคิดถึงเรื่องนี้ต่อ เสียงทุ้มเข้มของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง"ไออิน! มึ
บรรยากาศร้อนระอุของบ่ายแก่ๆ เสียงเครื่องปรับอากาศภายในบ้านจัดสรรสไตล์โมเดิร์นหลังใหญ่ ทำงานราวกับจะกลบเสียงแมลงน่าร้อนที่ส่งเสียงระงมอยู่ด้านนอก ชายหนุ่มในชุดสุภาพยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคัก การสนทนาที่อยู่ตรงหน้าเขามันชวนให้น่าดึงดูดมากกว่าอากาศร้อนด้านนอก ดวงตาของธีรัช ส่องประกายด้วยความมั่นใจ ขณะยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนวัยกลางคนสามถึงสี่ท่าน ที่ดูเหมือนจะตั้งใจมองหาบ้านหลังใหม่ เขาไม่สนใจความร้อนระอุที่มีเพียงความมุ่งมั่นที่จะปิดดีลนี้ให้สำเร็จธีรัชในชุดสุภาพ เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็กสีดำ สวมให้ลุควันนี้ดูเรียบหรูน่าเชื่อถือ พร้อมกับผมสีดำขลับ ที่เซ็ดไว้อย่างดี ดูเหมือนว่าเขาคือมืออาชีพที่มีประสบการณ์สูงในการขาย และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เขาจะใช้มันจริงๆ เพราะเขารู้ดีว่าลูกค้าทั้งสามคนนี้ คงไม่ใช่คนที่จะปฏิเสธการซื้อบ้านง่ายๆ"บ้านหลังนี้ สถานที่ดีมากนะครับ ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ถ้าคิดถึงอนาคต อยากได้บ้านที่ทั้งสะดวกสบายและเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หลังนี้ถือว่าตอบโจทย์ที่สุด" ธีรัชพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ ปล่อยให้ลูกค้าฟังไปขณะใช้สายตาสอดส่องไปตามแต่ละมุมของบ้านลูกค้าหญิงคนหนึ่ง