Accueil / วาย / บัญชารักคุณหลวง / บ่าวขี้สงสัยกับนายขี้เมา

Share

บ่าวขี้สงสัยกับนายขี้เมา

Auteur: jalix-ren
last update Dernière mise à jour: 2025-05-17 22:23:58

หลังจากเดินตามคุณเปรมมาได้สักพัก อินก็สังเกตเห็นแม่หญิงปิ่นแก้วกำลังสนทนาอยู่กับหญิงสาวในชุดไทยโบราณอีกสองคน ซึ่งดูท่าจะเป็นเพื่อนสนิทของนาง

คุณเปรมเดินเข้าไปหากลุ่มหญิงสาวที่กำลังพูดคุยกันใต้ต้นไม้ใหญ่ แม่หญิงปิ่นแก้วยืนอยู่กับสหายอีกสองคน ทั้งสามแต่งกายงดงามตามแบบกุลสตรีผู้ดี มีเครื่องประดับแวววาวรับแสงแดดยามบ่าย

เมื่อเห็นคุณเปรมก้าวเข้ามา แม่บุหลันและแม่จันทร์รีบพนมมือขึ้นไหว้ตามมารยาท

แม่บุหลัน & แม่จันทร์: "ข้าไหว้เจ้าค่ะ คุณพี่เปรม"

คุณเปรมพยักหน้ารับอย่างสำรวม ก่อนจะหันไปทางน้องสาว

คุณเปรม: "แม่ปิ่นแก้วเจ้านี้เดินเร็วเสียจริง พี่ตามหาแทบพลิกตลาดเลยรู้ไหม"

แม่หญิงปิ่นแก้ว: "พี่เปรม! ข้ากำลังพูดคุยกับแม่บุหลันและแม่จันทร์เฉย ๆ เจ้าค่ะ"

แม่บุหลัน (หัวเราะเบา ๆ) : "แม่ปิ่นพูดเสียเหมือนพวกข้าล่อลวงนางให้เสียการเสียงานอย่างไรอย่างนั้น"

แม่จันทร์ (ยิ้มขำ) : "พวกข้าเพียงแต่ชวนกันชมตลาด ดูผ้าแพรกับเครื่องหอมเท่านั้นเองเจ้าค่ะ"

คุณเปรม (พยักหน้ารับ) : "เป็นเช่นนั้นก็ดี แต่ตอนนี้พี่ว่าควรกลับเรือนเถิด แดดเริ่มคล้อยแล้ว"

แม่หญิงปิ่นแก้ว (ทำหน้าหนักใจ) : "พี่เปรมมารับข้าเช่นนี้ เห็นทีข้าต้องถูกดุแน่ ว่ากลับช้า"

แม่บุหลัน: "คุณเปรมช่างเป็นพี่ชายที่ห่วงใยน้องนัก ขนาดหล่อนออกเรือนไปแล้วยังดูแลอย่างดีน่าอิจฉาเสียจริง"

แม่จันทร์ (กระเซ้าเย้าแหย่) : "ใช่เจ้าค่ะ หากข้ามีพี่ชายเช่นนี้ คงอบอุ่นใจนัก"

คุณเปรม (หัวเราะเบา ๆ) : "หากเจ้าสองคนอยากมีพี่ชายเพิ่ม ข้าคงต้องขออนุญาตพ่อแม่พวกเจ้าก่อนกระมัง"

แม่จันทร์ (หัวเราะพลางไหว้อีกครั้ง) : "ฮึ พูดเสียเช่นนี้ พี่ชายของข้าได้ยินเข้าคงไม่ยอมแน่"

แม่หญิงปิ่นแก้ว (ยิ้มพลางส่ายหน้า) : "อย่ากวนพี่ข้าเลย พวกเจ้านี่จริง ๆ เถิด ข้าไปก่อนนะ"

คุณเปรม (พยักหน้า) : "เอาเถิด แม่ปิ่นแก้วไปเถอะ เราอย่ามัวโอ้เอ้กันอีกเลย"

หลังจากร่ำลากันเรียบร้อย แม่หญิงปิ่นแก้วก็ค้อมศีรษะให้สหายทั้งสอง ก่อนเดินตามคุณเปรมออกมา โดยมีอินเดินตามอยู่ด้านหลัง...

เมื่อเดินมาถึงท่าเรือ คุณเปรมหันมาสั่งอินว่า

“เจ้าจงพายเรือไปส่งแม่หญิงปิ่นให้ถึงเรือน ส่วนข้ามีธุระต้องไปพบสหายต่อ”

อินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง “แล้วคุณเปรมจะกลับเรือนอย่างไรขอรับ หรือจะให้ข้ารอพายกลับ?”

คุณเปรมหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนโบกมือไม่มาเบาๆ

“ข้าหาทางกลับเองได้ เจ้าอย่ากังวลให้มากนัก” ก่อนจะปรายตามองอินแล้วพูดต่อ

“และอย่าได้กังวลว่าจะถูกเฆี่ยนเพราะทิ้งเจ้านายไว้กลางตลาด เจ้าคิดมากไปแล้ว”

อินที่ได้ฟังก็กลืนน้ำลายลงคออย่างโล่งอก ก่อนจะพายเรือออกไปพร้อมแม่หญิงปิ่นแก้ว ระหว่างทาง หญิงสาวก็ชวนคุยอย่างเป็นกันเอง

“เจ้าเป็นทาสที่รูปร่างสูงใหญ่นัก ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดรูปร่างแข็งแรงเช่นนี้มาก่อน” นางเอ่ยพร้อมยิ้มขำ

อินที่ได้ฟังก็แอบยืดอกเล็กน้อยอย่างภูมิใจที่มีคนเห็นด้วยกับร่างกานใหม่นี้ “ข้าก็เป็นแบบนี้แต่เดิมขอรับ อาจเพราะได้ทำงานหนักมาตลอด”

แม่หญิงปิ่นพยักหน้าแล้วพูดต่อ “คุณพี่เปรมตาถึงนัก ที่เลือกเจ้ามาปรนนิบัติ เจ้าเป็นแบบที่พี่ข้าชอบเลยนะ”

อินชะงักมือที่กำพายก่อนจะหันมามองแม่หญิงปิ่นอย่างงุนงง “เอ่อ... ข้าเป็นแบบที่คุณเปรมชอบ?”

“ใช่สิ” นางพยักหน้ารับ “ดูจากที่พี่ข้าดึงเจ้าตัวมาใกล้ตัวเช่นนี้ คงเห็นเจ้าเป็นคนที่ไว้ใจได้มาก”

'อินที่ได้ฟังยิ่งงงหนักไปกว่าเดิม ความคิดวิ่งวุ่นอยู่ในหัว ‘หรือว่า… คุณเปรมจะมีสเปคเป็นแบบนี้? แต่เดี๋ยวนะ! นี่มันยุคไหนกัน พวกรักร่วมเพศเขาไม่เปิดกว้างนี่นา หรือว่าเราคิดมากไปเอง?’'

แม่หญิงปิ่นที่เห็นอินเงียบไปก็หัวเราะเบาๆ

“ไยเจ้าทำหน้าตาเช่นนั้น หรือเจ้าคิดอะไรอยู่?”

อินสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบส่ายหัว

“เปล่าขอรับ ข้าแค่คิดว่าคุณเปรมเป็นคนแบบใดกันแน่”

แม่หญิงปิ่นหัวเราะอีกครั้ง “พี่ข้าหรือ? เขาเป็นคนตรงไปตรงมา เฉียบขาดในการตัดสินใจ แต่ก็มีเมตตาและรักครอบครัว เจ้าอยากรู้ไปทำไม?”

อินยิ้มแหยๆ “ก็แค่สงสัยขอรับ ข้าอยากรู้เรื่องของเจ้านายไว้บ้าง จะได้ไม่เผลอทำอะไรผิด..”

แม่หญิงปิ่นยิ้มขบขัน ก่อนจะถามกลับ “แล้วเจ้าชอบข้าหรือไม่?”

อินเบิกตากว้าง “เอ่อ... มิใช่ขอรับ ข้าเพียงแต่…” เขาตะกุกตะกักตอบไม่ถูกจนหญิงสาวหัวเราะคิกคักกับท่าทางของเขา พรางยกพักในมือขึ้นมาปิดหน้า

เสียงนกที่บินผ่านหัวเป็นระยะ แม่หญิงปิ่นแก้วนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ท้ายเรือ สังเกตสีหน้าของอินที่ดูเหมือนจะมีเรื่องค้างคาใจอยู่

"แม่หญิงขอรับ ข้าขอถามอะไรสักข้อได้หรือไม่" อินเอ่ยขึ้นก่อนจะเหลือบมองแม่หญิงปิ่นแก้วผ่านหางตา

"ว่ามาสิ เจ้าทาสขี้สงสัย" นางตอบพลางหัวเราะเบา ๆ

อินกระแอมไอเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ

"คือว่า...คุณเปรม เอ่อ... ท่านเป็นคนอย่างไรหรือขอรับ ข้าเห็นท่านดูกล้าหาญ แต่อีกมุมก็ดูสุขุมเยือกเย็น ข้าเลยสงสัยว่าตัวจริงของท่านเป็นแบบไหนกันแน่"

แม่หญิงปิ่นแก้วยิ้มบาง ๆ ก่อนจะทอดสายตามองไปตามลำน้ำ "คุณพี่เปรมน่ะหรือ ท่านเป็นคนที่เข้มแข็งและฉลาดหลักแหลม หัวไว มีเมตตาต่อผู้อื่น แต่ก็มักทำตัวลึกลับเสมอ ไม่ใช่คนที่ใครจะเข้าใจได้ง่าย ๆ "

นางเว้นจังหวะก่อนจะปรายตามองอินด้วยแววตาขี้เล่น "เหตุใดเจ้าถามถึงคุณพี่เปรมกันล่ะ เจ้าสนใจอะไรในตัวท่านนักหรือ?"

อินยิ้มแห้ง ๆ พลางเกาหลังคอเบา ๆ "ข้าแค่...เอ่อ" เขาหัวเราะกลบเกลื่อน ก่อนจะเสริมอย่างลังเล

"แล้วแม่หญิงกับคุณเปรม เอ่อ... เป็นอะไรกันหรือขอรับ เป็น...แบบคู่ครอง เอ่อ...แฟน เอ่อ...ภรรยาอะไรแบบนั้นหรือเปล่าขอรับ?"

แม่หญิงปิ่นแก้วที่กำลังยกพัดขึ้นมาพัดเบา ๆ ถึงกับหยุดชะงัก แล้วขบขันออกมาเสียงใส

"ฮะฮะ เจ้านี่ช่างเป็นทาสที่มีอารมณ์ขันเสียและคำพูดคำจาแปลกประหลาดจริง! " นางเว้นช่วงขบขำเบาๆ ก่อนจะกล่าวต่อ

"ข้ากับคุณพี่เปรมเป็นพี่น้องแท้ ๆ กันต่างหาก เจ้านี่ถามบ้า ๆ ได้ยังไงกัน"

อินเบิกตากว้าง "หา! พี่น้องแท้ ๆ หรือขอรับ! ข้าก็นึกว่า..."

"นึกว่าอะไรหรือ?" แม่หญิงปิ่นแก้วยกคิ้วขึ้นมองเขาอย่างสนุก

"เอ่อ...ไม่มีอะไรขอรับ ข้าก็แค่เห็นว่าทั้งสองท่านดูสนิทกันมาก ก็เลยอดสงสัยไม่ได้" อินรีบเบี่ยงเบนความสนใจ พลางพายเรือให้เร็วขึ้น

แม่หญิงปิ่นแก้วมองอินด้วยแววตากรุ่มกริ่มก่อนจะเอียงคอถาม "ว่าแต่เจ้าอยากรู้ไปทำไมกันล่ะ หรือว่า...ที่เจ้าบอกไม่ได้ชอบข้า เจ้าจะชอบพี่ข้ารึ!?"

อินสะดุ้งจนเกือบทำไม้พายหลุดมือ "มะ...ไม่ใช่นะขอรับ! ข้าแค่ถามไปตามประสาเท่านั้นเอง!"

แม่หญิงปิ่นแก้วหัวเราะคิกคัก ก่อนจะพัดเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี "เจ้านี่ช่างน่าขันเสียจริง เอาเถิด ๆ ข้าจะไม่แหย่เจ้าแล้ว รีบพายเรือไปเถิด เดี๋ยวจะถึงเรือนข้าพอดี"

อินถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเร่งพายเรือให้ถึงฝั่งโดยไว หัวใจที่เต้นระรัวเมื่อครู่ค่อย ๆ สงบลง แต่ในหัวก็ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องของคุณเปรมอย่างช่วยไม่ได้

.

.

.

.

.

เมื่อพายเรือมาถึงท่าเรือนของแม่หญิงปิ่น อินก็ช่วยยกของลงจากเรือให้ แต่หัวของเขายังหมุนวนอยู่กับบทสนทนาก่อนหน้า พลางคิดกับตัวเอง ‘หรือว่าเราจะคิดมากไปเอง…’

หลังจากแน่ใจว่าแม่หญิงปิ่นแก้วขึ้นเรือนอย่างปลอดภัย อินก็พายเรือกลับไปยังเรือนของคุณเปรม โชคดีที่เขาเป็นคนความจำดี แม้จะเคยหลงอยู่ในตลาดมาแล้ว แต่เส้นทางแม่น้ำสายนี้กลับไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา

“เห้อ… ยังดีที่กลับบ้านถูกละว่ะ” อินพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเร่งมือพายเรือไปยังจุดหมาย

พอถึงเรือนก็เวลาล่วงเลยไปเกือบเที่ยง อินลงจากเรือ พลางมองดูรอบๆ อย่างสงสัยว่าตัวเองต้องทำอะไรต่อไปดี

"แล้ว..เราควรพายเรือกลับไปรับคุณเปรมไหม? หรือว่าตามหาสิง คนที่บอกว่าเป็นเพื่อนวะ" เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเดินสำรวจเรือนไปเรื่อยๆ

รอบตัวมีทาสบางคนเริ่มพักกินข้าว ขณะที่บางคนยังคงทำงานอย่างขยันขันแข็ง อินแอบใช้สกิลเซลล์แมนฝีปากดีที่เคยชำนาญ เข้าไปคุยตีสนิทกับพวกทาสที่ดูเป็นมิตร พยายามเนียนขอตามติดไปช่วยงานด้วย เพราะเขาไม่รู้จริงๆ ว่าทาสที่นี่ต้องทำอะไรยังไงต่อ ขอแค่ไม่ยืนว่างเปล่า ก็น่าจะดูสมกับการเป็นทาสใช่ไหมนะ?

“นี่พวกพี่ๆ ทำอะไรกันอยู่เหรอ?” อินถามพลางทำหน้าทะเล้นเล็กๆ

“ตำข้าวเจ้าสิ จะให้ตำคนรึ?” ทาสคนหนึ่งตอบติดตลก ก่อนจะหัวเราะกับเพื่อน ๆ

“ข้าขอตำด้วยคนได้ไหม?” อินทำตาใสซื่อ

“เอาสิ มือใหม่ก็มานั่งตรงนี้” พวกทาสหัวเราะอีกครั้ง ก่อนจะขยับที่ให้ อินจึงร่วมตำข้าว ถูเรือน และทำงานจิปาถะไปเรื่อย จนลืมเวลาไปเสียสนิท

กว่าจะรู้ตัวอีกที ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีส้ม อาการหิวเริ่มประท้วงขึ้นมาจนท้องร้อง อินหันไปถามทาสที่ทำงานด้วยกันว่า ถ้าจะกินข้าวต้องไปที่ไหน

“ไปเรือนครัวสิ ข้าก็กำลังจะไปพอดี” ทาสคนหนึ่งชี้ไปทางอาคารไม้หลังกลางที่มีกลิ่นหอมของอาหารลอยมาแตะจมูก อินจึงเดินตามไป และที่นั่น เขาก็พบกับสิงที่กำลังกินข้าวอยู่พอดี

“อ้าว..ไอ้อิน! วันนี้เป็นไงบ้างวะ?” สิงเงยหน้าจากจานข้าว แล้วยิ้มกวนๆ

อินทรุดตัวนั่งลงตรงข้าม ถอนหายใจเฮือก “โอ๊ย อย่าให้พูด แทบไม่มีเวลาหายใจ ทำงานตั้งแต่เช้ายันเย็น”

“หึ สมควรแล้ว เป็นทาสก็ต้องทำงาน” สิงยิ้มเยาะ

“เออ ๆ แล้วคุณเปรมล่ะ ไม่ได้กลับมากับมึงเหรอ?” สิงถามขึ้นอีก

อินส่ายหน้า “เปล่า คุณเปรมบอกว่าต้องคุยธุระต่อ เลยให้กูมาส่งคุณปิ่นแก้วแล้วกลับเรือนมาก่อน”

“อ้อ เข้าใจละ” สิงพยักหน้า ก่อนจะตักข้าวเข้าปากต่อ อินก็กินเงียบๆ ตามไปด้วย พวกเขานั่งกินกันจนเสร็จ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน

อินเดินกลับมาที่เรือนทาส ห้องเล็กๆ เก่าๆ ที่เขาตื่นขึ้นมาเมื่อเช้านี้ เขานั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

“ทำไมกูถึงตายแล้วมาอยู่ในร่างนี้กันแน่วะ... ทำไมถึงได้ย้อนยุคมาแบบในหนังบุพเพสันนิวาส... โอ้ย ตอนแรกกูนึกว่ารายการแกล้งคน แต่ทุกอย่างที่เห็นวันนี้มันเรื่องจริงทั้งนั้น”

ขณะที่อินกำลังนั่งบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่ริมหน้าต่าง ดวงตาก็เหลือบไปเห็นเงาร่างหนึ่งที่ดูคุ้นตา พอมองให้ชัด ๆ ก็พบว่าคุณเปรมกำลังเดินโซซัดโซเซ ท่าทางเหมือนคนที่เพิ่งดื่มหนักมาเสียอย่างนั้น

อินขมวดคิ้ว พึมพำกับตัวเอง

“หรือว่าดื่มมาหนัก?”

เขาเหลือบมองไปรอบ ๆ อย่างชั่งใจ คิดทบทวนว่าควรจะเข้าไปช่วยดีหรือไม่ สิงเพิ่งบอกเขาไปหยก ๆ ว่าทาสอย่างเขาห้ามเหยียบขึ้นเรือนใหญ่ในเวลานี้ แต่ดูจากสภาพคุณเปรมแล้ว...

พลั่ก!

เสียงของบางอย่างล้มกระแทกกับพื้นดังขึ้น อินสะดุ้ง รีบหันไปมองด้านนอก แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคุณเปรมล้มหน้าทิ่มลงไปกับพื้นหญ้า

“เฮ้ย! ล้มไปแล้ว!” อินไม่สนใจเรื่องกฎอะไรอีกต่อไป รีบพุ่งออกจากห้อง วิ่งเข้าไปหาคุณเปรมที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น

“คุณเปรม! เป็นอะไรไหมครับ?” อินรีบย่อตัวลง แตะไหล่คุณเปรมแล้วเขย่าเบา ๆ เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ เขาก็พยายามพยุงร่างอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น แต่พอจับตัวดันขึ้น อินกลับต้องตกใจ

“เอ๊ะ ไม่หนักนี่...” เขาพึมพำ ก่อนจะตัดสินใจรวบตัวอุ้มคุณเปรมขึ้นในท่าเจ้าสาวอย่างง่ายดาย แม้ตอนแรกจะแค่คิดจะพยุงเดินขึ้นเรือนเองก็ตาม แต่ดูท่าคงไม่ไหวแน่แล้ว

อินก้าวขึ้นเรือนอย่างรวดเร็ว พลางกวาดตามองรอบ ๆ บ้านเรือนไทยที่เขาเพิ่งเคยได้ขึ้นมาเป็นครั้งแรก

“ห้องคุณอยู่ไหนครับ?” อินเอ่ยถามเสียงเบา คนที่อยู่ในอ้อมแขนขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นชี้นิ้วไปทางห้องหนึ่งที่อยู่กลางบ้าน

อินเดินไปตามทางที่อีกฝ่ายชี้ เปิดประตูเข้าไปแล้วค่อย ๆ วางร่างของคุณเปรมลงบนฟูกอย่างระมัดระวัง

“เฮ้อ... เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย” อินถอนหายใจ ก่อนจะมองคุณเปรมที่ยังหลับตาแน่น ใบหน้าของอีกฝ่ายแดงจัด คงเพราะฤทธิ์สุรา

เขาเดินสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง มองหาน้ำให้คุณเปรมดื่ม ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “อยู่เรือนใหญ่แบบนี้ คนรับใช้คงต้องมีเยอะสิ แล้วทำไมไม่มีใครมาช่วยเลยล่ะ?”

ขณะที่อินกำลังคิดหาทางปลุกคุณเปรมให้ดื่มน้ำ สายตาก็ดันไปสะดุดกับอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาต้องหยุดชะงักทันที...

ภาพวาดจากดินสอ ที่ถูกกางอยู่

อินยืนตัวแข็งค้าง ดวงตาจับจ้องไปยังภาพวาดขนาดใหญ่ที่ถูกกางไว้กลางห้อง เส้นสายบนผืนผ้าใบบรรจงวาดอย่างประณีต ทุกรายละเอียดล้วนสะท้อนออกมาอย่างงดงาม และสิ่งที่ทำให้เขาแทบลืมหายใจคือ ใบหน้านั้น ใบหน้าของเขาเอง

หัวใจของอินเต้นรัว ราวกับกำลังถูกฉุดเข้าไปในวังวนแห่งความสับสน "เรื่องบ้าอะไรวะเนี้ย..."

เขาพึมพำเบา ๆ ทำไมคุณเปรมถึงวาดรูปของเขา ทำไมใบหน้านี้ถึงถูกเก็บไว้ในห้องนอนของหลวงพิชิตเดโช

เสียงขยับตัวเบา ๆ ดังขึ้นจากเตียงข้างหลัง อินสะดุ้ง รีบหันกลับไป และต้องกลั้นหายใจอีกครั้งกับภาพตรงหน้า

คุณเปรมกำลังเอนกายพิงหมอน มือข้างหนึ่งยันกับที่นอนไว้อย่างอ่อนแรง เสื้อผ้าของเขาหลุดลุ่ย กระดุมเสื้อหลุดออกจนหมด เผยให้เห็นผิวขาวเนียนที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ โจงกระเบนที่เคยนุ่งเรียบร้อยกลับหลวมคลายอย่างหมิ่นเหม่

แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจ ดวงตาคู่คมพร่ามัวเหมือนยังจดจ่ออยู่ในห้วงภวังค์ ใบหน้าคมเข้มของเขามีเม็ดเหงื่อซึมออกมาเป็นประกายต้องแสงเทียน

อินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รู้สึกถึงความร้อนแผ่วเบาที่ค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาที่ใบหน้าตัวเอง

"ขะ...ขอโทษขอรับ ข้าต้องขออภัยที่ขึ้นเรือนมาโดยมิได้ขออนุญาต"

อินรีบกล่าวพลางก้าวถอยหลัง แต่เพียงเสี้ยววินาที เขากลับถูกรั้งไว้ด้วยแรงดึงที่คาดไม่ถึง แขนเรียวแข็งแรงกระชากเขาเข้าหาจนเสียหลัก ลำตัวของเขาทิ้งน้ำหนักลงไปคร่อมร่างของคุณเปรมโดยไม่ตั้งใจ

อินชะงักงัน ใบหน้าของพวกเขาห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ ลมหายใจอุ่นร้อนของอีกฝ่ายเป่ารดผิวแก้ม ดวงตาคู่นั้นทอดมองเขาอย่างลึกซึ้ง มีบางสิ่งในแววตาคู่นั้นที่อินไม่อาจเข้าใจ

"เหตุใดเจ้าจึงหนีข้าไป...อิน..." เสียงกระซิบแหบพร่าดังขึ้นพร้อมกับมืออุ่นที่ยกขึ้นสัมผัสข้างแก้มของอินแผ่วเบา

อินนิ่งงัน สมองขาวโพลนราวกับขาดการประมวลผล ไฝเล็กๆที่มุมปากช่วงมีเสน่ห์เสียจริงสัมผัสนั้นอ่อนโยนและคล้ายกำลังวิงวอน ก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยสิ่งใด มือข้างนั้นกลับดึงเขาเข้าหาจนปลายจมูกแทบสัมผัสกัน

และแล้ว ริมฝีปากอุ่นร้อนก็กดแนบลงมากับของเขา

อินเบิกตากว้าง ใจเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง คุณเปรมกำลังจูบเขา จูบอย่างแผ่วเบาแต่ลึกล้ำ สัมผัสที่ไม่อาจหลีกหนี

ริมฝีปากของคุณเปรมแนบแน่นกับของเขาเพียงครู่ ก่อนที่ร่างใต้ร่างจะอ่อนแรงลงอย่างกะทันหัน อินรีบขยับออก ก่อนจะพบว่าคนตรงหน้าหลับไปแล้วจริง ๆ

เขายังคงอยู่ในท่านั้น มือข้างหนึ่งกำชายเสื้อของคุณเปรมแน่นราวกับไม่แน่ใจว่าตัวเองควรขยับไปทางไหน

แววตาของอินฉายแววสับสน ปลายนิ้วยกขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองเบา ๆ สัมผัสเมื่อครู่ยังอุ่นอยู่ตรงนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป เขายังไม่เข้าใจ แต่หัวใจของเขากลับเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ

เขาก้มลงมองคุณเปรมที่หลับสนิทอยู่ใต้ร่างตนเอง ดวงหน้าหล่อเหลานั้นดูสงบ แผ่วเบาราวกับฝันไป

"...นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย" อินพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาวแล้วค่อย ๆ ขยับตัวออกจากร่างอีกฝ่าย พลางพยายามควบคุมหัวใจตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ

แต่มันคงจะยากเต็มที...

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • บัญชารักคุณหลวง   ข้ามาหาแล้วหนา

    หลังจากพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลครบกำหนดสองวันตามคุณหมอสั่ง ธีรัชก็ได้กลับมาที่บ้านของตนเองอีกครั้ง บ้านที่เขาควรจะเคยคุ้นแต่กลับรู้สึกแปลกตา เหมือนกลายเป็นแค่ฉากในละครที่ไม่ได้ฉายให้ใครดู เขาเดินช้า ๆ ผ่านห้องนั่งเล่น มองเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัวล้ำสมัย ตู้เย็น ทีวี และโซฟานุ่ม ๆ ที่เคยนั่งดูซีรีส์กับตัวเองในทุกคืนวันศุกร์จนลากไปเช้าของอีกวัน... ชีวิตที่สะดวกสบายและบ้านหลังใหญ่โตที่เขาสร้างมันขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ด้วยความภาคภูมิใจที่แต่ก่อนเขาต้องรู้สึกดีใจและมีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับมาเหยียบที่แห่งนี้แต่ครั้งนี้ทำไมมันกลับไม่อุ่นเหมือนอ้อมแขนของใครบางคนที่เขาคิดถึงจับใจ หรือเพียงเพราะโลกใบนี้ ไม่มีคุณเปรมอยู่ด้วย...ธีรัชนั่งลงกับพื้นเบา ๆ ตรงระเบียงหลังบ้าน ลมฤดูหนาวพัดแผ่วผ่านใบหญ้า เสียงนกกระจอกยังคงร้องเจื้อยแจ้วไม่รู้วันเวลาผ่านไปแค่ไหนสำหรับพวกมัน ต่างจากหัวใจของธีรัชที่เหมือนหยุดเดินตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาจาก “บ้าน” หลังหนึ่งในยุคต้นรัตนโกสินทร์กลับมาเขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แต่ก็ไม่ได้กลิ่นดอกมะลิที่เคยหอมกรุ่นในยามเช้า กลิ่นหอมน้ำอบไทยที่มักจะติดต

  • บัญชารักคุณหลวง   หวงกลับคืน

    ทินกรรุ่งอรุณ แสงแดดอุ่น ๆ สาดผ่านม่านผืนบาง ละไล้ลงบนใบหน้าของอินที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง เปรมยืนอยู่มุมห้องอย่างเงียบเชียบ จนเมื่อหมอที่เขาเรียกมาตรวจอาการเดินออกมาจากห้อง อินหันไปมองด้วยสายตาเป็นกังวล“เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับท่านแพทย์?” เสียงเปรมเต็มไปด้วยความห่วงใยแพทย์หมอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยคำวินิจฉัย “จากที่ฉันตรวจดูทั้งหมดแล้ว คิดว่านายคนนี้น่าจะแพ้พิษบางอย่างที่สะสมในร่างกาย และเพิ่งจะแสดงอาการออกมา โชคดีที่ตรวจพบเร็ว ฉันจัดยาไว้ให้แล้ว ให้กินเช้าเย็นนะหลวงเปรม”เปรมพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเครียด“ที่สำคัญ ช่วงนี้อย่าให้เขาใช้ร่างกายหนัก ๆ ยิ่งถ้ามีไข้ พิษจะยิ่งกระจายเร็วขึ้น ต้องระวังให้ดี”“ขอรับ… ขอบพระคุณมากขอรับท่านแพทย์ขอบคุณจริง ๆ”คุณเปรมส่งหลวงแพทย์หมอจนลับสายตา ก่อนจะรีบกลับเข้าห้อง เขาเปิดประตูเบา ๆ เหมือนกลัวเสียงจะไปรบกวนคนป่วย บนเตียง อินนอนเอนพิงหมอนอยู่ก่อนแล้ว ดวงตากลมใสสบกับเขาอย่างแนบแน่น มีแววซุกซนผสมความอ่อนล้าอยู่ในนั้น“ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้นะครับ” อินพูดเบา ๆ น้ำเสียงพยายามกลั้วหัวเราะ “ผมสบายดีม๊ากก ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ไม่เป็นไรหรอกน

  • บัญชารักคุณหลวง   ลางสังหรณ์

    แสงแดดยามสายทอดผ่านม่านโปร่งบางภายในโถงของเรือนหลังใหญ่ เสียงจิบน้ำชาดังแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบสงบที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของใบชาและมะลิอบแห้งเปรมนั่งเอนหลังบนเบาะรองตัวยาว ร่างกายที่เคยแบกรับภาระหนักอึ้งมาหลายวันคล้ายได้หย่อนคลายเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน เขาสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย ผ้าคลุมบางสีอ่อนพาดบ่า ใบหน้าเริ่มมีรอยอ่อนล้าจาง ๆ แต่แววตายังคงหนักแน่นและแน่วแน่เช่นเดิมอินนั่งอยู่พื้นข้าง ๆ มือหนึ่งหยิบหนังสือ อีกมือก็ไม่วายวางไว้บนขาของคนรัก พยักหน้าเบา ๆ รับฟังอย่างตั้งใจ แม้บทสนทนาที่เอ่ยออกมาจะชวนให้ใจสั่นไม่น้อย“อีกไม่กี่วัน…” เปรมเอ่ยเสียงเรียบ ขณะทอดสายตามองออกไปยังสวนหลังบ้าน“หลวงวิษณุจะถูกนำตัวไปประหาร พร้อมกับ พักพวกอีกสามคน”อินชะงักมือที่กำลังเปิดหน้ากระดาษ เสียงคำว่า “ประหาร” กระแทกเข้าหูราวกับสายลมหนาวเฉียบ เขาเงยหน้ามองอีกคน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ไม่ได้เอ่ยขัด เพราะเข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องของความแค้นส่วนตัวธรรมดา หากแต่เป็น ความยุติธรรมที่คนบาปสมควรได้รับเปรมวางถ้วยชาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันมาสบตาอินตรง ๆ“ข้ารู้ว่าเจ้าหวั่นใจ แต่การลอบสังหาร เจตนาโค่นล้มอำนาจ

  • บัญชารักคุณหลวง   น้ำเดือดที่ดับไฟกองเล็ก

    แสงแดดยามสายทอดผ่านหมู่เมฆลงมากระทบผิวน้ำในท่าเรือ เกลียวคลื่นเบาๆ ซัดกระทบข้างลำเรือสำเภาอย่างสม่ำเสมอ เสียงเชือกเสียดสีกับเสากระโดง สลับกับเสียงกลาสีเรือร้องสั่งงานก้องไปทั่วท่าเรือ เปรมยืนอยู่ที่หัวท่า ชุดเครื่องแบบขุนนางขอบทองดูขรึมขลัง เขากำลังไล่ตรวจตราสินค้าที่ถูกขนลงจากเรือ สำรวจบัญชีรายชื่อสินค้าจากแดนไกลพลางใช้แววตาเคร่งขรึมพินิจทุกรายละเอียดทว่ากระแสลมเย็นที่พัดมากลับนำพาบางสิ่งมาให้เขา กลาสีเรือชาววิลาทคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา มอบจดหมายเก่าๆ ซองขาดปลายให้โดยไม่เอ่ยคำใด เปรมรับไว้ด้วยความสงสัย ครั้นเปิดจดหมายอ่าน ความสงบของเช้าวันนั้นก็ถูกฉีกทึ้งข้อความที่เขาได้อ่านนั้นสั้น เรียบง่าย แต่ราวกับเสียงระเบิดในอก> “รีบกลับมาดูผลงานข้าสิขอรับคุณพี่เปรม ก่อนที่มันจะตายน่ะ”เส้นเลือดที่ขมับเขาปูดพองขึ้น มือข้างหนึ่งกำกระดาษจนยับยู่ยี่ ขณะที่อีกมือแทบสั่นเทา ใจของเปรมกระโจนไปข้างหน้าเร็วกว่าความคิด เขารู้ดี ใครเป็นคนทำเรื่องนี้ได้ และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าเยาะหยันเขาเช่นนี้ หลวงวิษณุ“รีบส่งกำลังตามจับหลวงวิษณุเดี๋ยวนี้!” เขาสั่งเสียงกร้าวกับทหารที่ติดตามมาด้วย" มันยังอยู่พ

  • บัญชารักคุณหลวง   ภาระที่ต้องแบกรับ

    เสียงฝีเท้าดังสม่ำเสมอบนพื้นไม้สักของตำหนักฝ่ายในเรือน เปรมเดินกลับมายังห้องพักชั้นบนอย่างเหนื่อยล้า แขนเสื้อถูกร่นขึ้นครึ่งหนึ่ง เหงื่อชื้นผุดบนหน้าผากแต่ไม่ทันได้ซับ เจ้าตัวก็ทรุดตัวลงกับเก้าอี้ไม้ฝังลายอย่างหมดแรงบนโต๊ะข้างเตียงมีจดหมายหนึ่งฉบับวางอยู่เรียบร้อย ลายมือเจ้าหนุ่มคนรักวางซองกระดาษไว้แนบด้วยใบไม้สีเขียวที่แห้งไปบ้างจากการเดินทางไกล เปรมมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแกะเปิดด้วยมือที่ยังเปรอะหมึกจากเอกสารเมื่อบ่ายเขาอ่านมันช้าๆ เงียบๆ ไม่มีใครในที่นี้รู้ว่าอินเขียนอะไรในนั้น ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีน้ำตา มีเพียงรอยยิ้มบางที่คลี่ออกบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้เก็บงำความรู้สึกจนคนรอบตัวเรียกเขาว่า ‘คุณเปรมจอมบึ้งตึง’เปรมยกใบไม้นั้นขึ้นแนบจมูก สูดกลิ่นจาง ๆ ที่หลงเหลืออยู่พลางหลับตาลงอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเปิดสมุดบันทึกเก่าหนังวัว หย่อนใบมะลิลงบนหน้าหนึ่งที่ยังว่าง แล้วจดบางสิ่งไว้ด้วยลายมือเรียบร้อยเพียงไม่กี่คำ"ยังมีบ้านให้กลับเสมอ"เขามองออกไปยังท้องฟ้ากลางคืนผ่านหน้าต่าง บนฟ้าคืนนี้เต็มไปด้วยหมู่ดาว และพระจันทร์ทรงกลดก็สุกสว่างอย่างสงบ เป็นค่ำคืนที่สวยงามเกินกว่าจะเก็บไว้ในควา

  • บัญชารักคุณหลวง   ฝากดูแลแทนข้าที

    หลายต่อหลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหก เพราะวันนี้กลับเป็นวันที่ต้องส่งคนรักออกไปทำงานไกลตัวเสียแล้ว รุ่งเช้าตรู่ แสงแดดแรกของวันทอดผ่านหน้าต่างเรือนไทยส่องสะท้อนกับผืนน้ำที่สงบเงียบ เสียงไก่ขันยังไม่ทันจางหาย อินก็ตื่นขึ้นมาอย่างรู้งาน เขาเตรียมน้ำท่าร้อนอุ่นอย่างพอดี กลิ่นมะลิจากเกลืออาบน้ำที่ตั้งใจผสมด้วยมือของตนเองลอยคลุ้งทั่วห้อง อินขัดผิวและเช็ดตัวให้เปรมอย่างอ่อนโยน ทุกจังหวะของนิ้วและฝ่ามือเหมือนตั้งใจจดจำสัมผัสของคนรักไว้ในใจ“คุณเปรม…” อินพูดขึ้นในขณะที่กำลังติดกระดุมเสื้อผ้าให้ “ถ้าเดินทางไปถึงที่โน่นแล้ว อย่าลืมเขียนจดหมายมาหาผมนะครับ อย่างน้อยก็...เดือนละสองฉบับก็ยังดี”เปรมยกมือขึ้นลูบศีรษะของอินเบา ๆ “เจ้าจะไม่เขียนตอบกลับข้ารึ?”“ผมกลัวว่าจะเขียนไม่ทันคุณเปรมต่างหาก” อินแสร้งเบะปาก พลางส่งยิ้มละมุน “แค่คิดถึงก็แทบจะเขียนทุกวันอยู่แล้ว”เปรมหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบา เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย และความเสียดายเมื่อถึงเวลาต้องไปที่ท่าเรือ อินช่วยขนของและจัดแจงทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว เขายกกระเป๋า ผูกเชือกมัดปากถุง เดินขึ้นลงเรือจนเหงื่

  • บัญชารักคุณหลวง   ขอสักทีก่อนไป

    ประตูห้องบานไม้ปิดลงเบา ๆ พร้อมเสียงกลอนที่ถูกหมุน เสียงฝีเท้าของอินหยุดชะงักอยู่หน้าประตู ก่อนจะหันกลับมา“จะให้ผมหาน้ำให้ดื—”เขาพูดได้แค่นั้นก่อนที่ร่างกำยำจะถูกคว้าหมับเข้ามาในอ้อมกอดแน่นหนา กลิ่นน้ำอบอ่อนๆจากเสื้อลินินของคุณเปรมยังไม่ทันจาง ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ประกบลงมาทาบปิดคำพูดของเขาแรงแต่ไม่รุนแรง เร่าร้อนแต่มั่นคง และเต็มไปด้วยความคิดถึงที่อัดแน่นจนล้นขอบใจอินนิ่งไปชั่วครู่ สมองขาวโพลน ก่อนที่มือจะเลื่อนขึ้นจับแผ่นอกแข็งแรง แล้วหลับตาตอบรับจูบนั้นอย่างเงียบงันแฮ่ก เสียงหอบหายใจดังขึ้นเป็นระยะ ต้นขาเรียวถูกสอดเข้าไปแทรกอยู่ระหว่างขาของคนตัวใหญ่กว่า ร่างทั้งสองบดเบียดเข้าหากันจนหลังพิงผนังไม้ ลิ้นร้อนดูดดึงรสหวานขมปลายจากปากของอีกฝ่าย มือหนากอดรัดเอวคอดไว้หลวมๆ ขนาดที่พยายามจูบตอบ" อดทนมาทั้งวันแล้ว แฮ่ก.. " เสียงพูดสุดเร้าใจดังขึ้นอยู่ข้างหูของอิน " ถอดผ้าออกสิอิน " ปากอิ่มพึมพำพ้นลมร้อนใส่ ก่อนจะใช้มือขยำก้นของอินอย่างปลุกเร้าเป้าที่นูนขึ้นโผล่พ้นผ้าโจงออกมาอย่างเห็นได้ชัดกำลังถูกันไปมาทุกครั้งที่ร่างเบียดเข้าไปใกล้ชิดจนแทบไม่มีช่องให้อากาศลอดผ่าน " เร็วเข้า.. " มือเรี

  • บัญชารักคุณหลวง   บุคคลต้องสงสัย

    พระจันทร์ลอยเด่นเหนือเรือนพัก เสียงกรอบแกรบของไม้เก่าที่ขยับตามลมเบาๆ แทบจะกลบเสียงหัวใจที่เต้นดังตุบๆ ของคนสองคนไม่ได้เลยอินขยับฟูกเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด… แล้วก็อีกนิด จนได้กลิ่นน้ำอบอ่อนๆ จากเสื้อผ้าคุณเปรมที่พาดไว้มุมฟูก"วันนี้ข้าตรวจบัญชีจนตาแทบบอด" เปรมบ่นเสียงเบา ขณะเอนตัวลงข้างอิน แขนข้างหนึ่งยันศีรษะ ส่วนอีกข้างปล่อยวางสบายๆ"ผมก็ขายของจนปากแห้ง คิดว่าจะไม่ได้ขายอะไรเลยด้วยซ้ำ… แต่แม่บุหลันมาช่วยไว้ทันครับ""นางมักใจดีเช่นนั้น…""แล้วคุณเปรมล่ะครับ วันนี้นอกจากจ้องตัวเลข ยังคิดถึงผมบ้างไหม?" อินแกล้งถามเสียงเบา ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับใต้แสงตะเกียงเปรมเลิกคิ้วมอง ก่อนเอื้อมมือมาดีดหน้าผากอีกคนเบาๆ "ข้าคิดถึงเจ้าทุกคราวที่หยุดหายใจ… แบบนี้พอหรือยัง?"อินหัวเราะคิก แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำ "จะหวานไปไหนครับท่าน!"เปรมหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะขยับมือไปแตะแก้มอินแผ่วเบา นิ้วหัวแม่มือลูบวนเบาๆ ราวกับสำรวจทุกอณู"คราวหน้า อย่าเอาเงินทั้งหมดมาให้ข้าอีก เข้าใจหรือไม่""แต่ผมอยากให้คุณ…""เจ้าจะไถ่ตัวเองไม่ใช่หรือ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าถูกจองจำตลอดชีวิตดอกหนา""แล้วถ้า… ผมยินดีจะเป็นทาสคุณตลอดช

  • บัญชารักคุณหลวง   กลับมาเฉิดฉาย

    แสงแดดอ่อนยามเช้าโรยตัวลงบนระเบียงเรือน เสียงไก่ขันเบา ๆ เคล้าเสียงนกกระจิบที่บินวนอยู่ตามชายคา เรือนเปรมในยามเช้าช่างสงบงามราวภาพวาด แต่บรรยากาศบนเรือนกลับไม่เงียบเหงาเหมือนวันก่อน ๆ เพราะชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งจิบชาร้อน พลางสนทนากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย"เจ้าจะกลับไปอยู่เรือนท้ายอย่างเดิมจริง ๆ หรือ อิน?" คุณเปรมวางถ้วยชาลงบนถาดไม้ไผ่ เคลื่อนตัวนั่งหลังตรง สีหน้าไม่เห็นด้วยนิด ๆ "ข้าไม่เข้าใจ…เหตุใดเจ้าจึงต้องทำเยี่ยงนั้น ทั้งที่บัดนี้เจ้าอยู่ตรงนี้ก็สุขสบายดี"อินนั่งก้มหน้า มือเกาะแก้วชาราวกับมันเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายของชีวิต“ก็เพราะว่าข้ามันเป็นทาสน่ะสิครับ” เสียงเขาเบาจนแทบเป็นกระซิบ “มันก็ไม่ยุติธรรมนักที่ผมได้อยู่เรือนหน้า กินดีอยู่ดี ขณะที่คนอื่นลำบากกันอยู่นั่น”คุณเปรมถอนใจยาว พยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้ดูหงุดหงิด เขาไม่อยากบังคับอิน แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้คนตรงหน้าเลือกทางที่ทำร้ายตัวเองโดยไม่จำเป็น" เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้ารักเจ้าน่ะอิน " เปรมกุมขมับปลายตามองคนตรงหน้า" รู้ครับ..ผมเองก็รักคุณเปรม " เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอ นี่มันไม่ใช่ความรู้สึกผิดที่ใช้ชีวิตเกินฐานะ แต่ถ้า

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status