Home / วาย / บัญชารักคุณหลวง / ข้ามาหาแล้วหนา

Share

ข้ามาหาแล้วหนา

Author: jalix-ren
last update Last Updated: 2025-05-17 22:48:06

หลังจากพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลครบกำหนดสองวันตามคุณหมอสั่ง ธีรัชก็ได้กลับมาที่บ้านของตนเองอีกครั้ง บ้านที่เขาควรจะเคยคุ้นแต่กลับรู้สึกแปลกตา เหมือนกลายเป็นแค่ฉากในละครที่ไม่ได้ฉายให้ใครดู

เขาเดินช้า ๆ ผ่านห้องนั่งเล่น มองเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัวล้ำสมัย ตู้เย็น ทีวี และโซฟานุ่ม ๆ ที่เคยนั่งดูซีรีส์กับตัวเองในทุกคืนวันศุกร์จนลากไปเช้าของอีกวัน... ชีวิตที่สะดวกสบายและบ้านหลังใหญ่โตที่เขาสร้างมันขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ด้วยความภาคภูมิใจที่แต่ก่อนเขาต้องรู้สึกดีใจและมีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับมาเหยียบที่แห่งนี้

แต่ครั้งนี้ทำไมมันกลับไม่อุ่นเหมือนอ้อมแขนของใครบางคนที่เขาคิดถึงจับใจ หรือเพียงเพราะโลกใบนี้ ไม่มีคุณเปรมอยู่ด้วย...

ธีรัชนั่งลงกับพื้นเบา ๆ ตรงระเบียงหลังบ้าน ลมฤดูหนาวพัดแผ่วผ่านใบหญ้า เสียงนกกระจอกยังคงร้องเจื้อยแจ้วไม่รู้วันเวลาผ่านไปแค่ไหนสำหรับพวกมัน ต่างจากหัวใจของธีรัชที่เหมือนหยุดเดินตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาจาก “บ้าน” หลังหนึ่งในยุคต้นรัตนโกสินทร์กลับมา

เขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แต่ก็ไม่ได้กลิ่นดอกมะลิที่เคยหอมกรุ่นในยามเช้า กลิ่นหอมน้ำอบไทยที่มักจะติดตัวคุณเปรมเวลาอยู่ใกล้มันก็จะตีขึ้นจมูกชวนให้หลงใหล.. แต่พอตอนนี้มันไม่มีแล้วกลับคิดถึงแทบบ้า

เสียงฝีเท้าเบา ๆ เดินเข้ามาใกล้ กิ๊ก เพื่อนร่วมงานที่มาเฝ้าเขาตั้งแต่วันที่นอนโรงพยาบาลวันแรกจนวันสุดท้ายด้วยความเป็นห่วงจับใจ เธอวางแก้วชาเขียวเย็นลงข้างตัวเขา พร้อมกล่องบราวนี่ที่เธอรู้ว่าธีรัชน่ะชอบที่สุด

“กินซะ จะได้หายไว้ๆ” กิ๊กพูดพร้อมรอยยิ้มขำ ๆ

ธีรัชมองชาเขียว ก่อนจะหลุบตาลง น้ำตาหยดหนึ่งร่วงแหมะใส่ฝ่ามือตัวเองโดยไม่รู้ตัว ใช่สินะนี่เป็นบราวนี่ของเขา เคยได้เป็นทั้งหน้ากล้วยและได้นำไปขายในตลาดน้ำ และยังได้คำชมจากปากของคนคนนั้น.. ซึ่งคิดว่าตอนนี้คงไม่ได้ยินมันอีกแล้ว

กิ๊กรีบเอื้อมมือมาแตะแขนเขา “เฮ้ย! เป็นไรเนี่ย แกร้องไห้ทำไม ธีร์?”

เขาเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงแผ่วเบาแต่มั่นคง “ถ้าเรามีคนรักอยู่ในอดีต...ยุครัชกาลที่สาม แกว่ามันเป็นไปได้มั้ยกิ๊ก?”

เธอทำหน้างง “อิธีร์ แกดูการะเกดเยอะไปป้ะ ฝันไกลไปถึงยุคคุณพี่หมื่นแล้วเหรอ? หลับไปแค่สามวันเองนะมึง ฝันขนาดนั้นแล้ว?!”

ธีรัชหัวเราะแห้ง ๆ กลบเกลื่อน พยายามยิ้มให้เหมือนทุกอย่างเป็นแค่ฝันโง่ ๆ ทั้งที่ในใจเหมือนมีมีดเล่มหนึ่งกรีดซ้ำตรงแผลเดิม ธีรัชได้แต่นั่งตักขนมและดื่มน้ำหวานที่ขมปลายลิ้นเข้าไป เขาเอาแต่เหม่อลอย มองออกไปด้านนอกของบ้าน

ไม่นานพอถึงเวลากิ๊กก็ต้องขอตัวกลับ เธอลุกและเดินออกไปจากบ้าน หลังจากนั่งอยู่กับเขาสักพัก ทิ้งให้ธีรัชอยู่ตามลำพังกับเงาของความคิด เขาตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำ กดเปิดไฟ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับคนในกระจก

นั่นคือธีรัช

ชายหนุ่มผิวขาวเหลือง ผมดำขลับ กล้ามเนื้อแน่นตึงตามแบบฉบับหนุ่มออฟฟิศที่เข้ายิมเป็นกิจวัตร ไม่มีรอยขีดข่วนจากจอบเสียม ไม่มีรอยฟกช้ำจากการแบกของ ไม่มีแม้แต่คราบดินที่เคยฝังอยู่ตามซอกเล็บของบ่าวผู้ภักดี

เขายกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองอย่างแผ่วเบา เหมือนอยากจะรู้ว่านี่คือฝันหรือความจริง

“นายอิน...” เขาพึมพำเบา ๆ “ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้กันนะ”

ในวินาทีนั้น น้ำตาหยดใหม่ไหลซึมออกจากหางตา แต่คราวนี้...มันมีรอยยิ้มปะปนอยู่ในนั้นด้วยแม้จะไม่มีใครตอบ แม้เสียงลมหายใจในห้องน้ำจะเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังอยู่...แต่ธีรัชรู้

หัวใจของเขามันกลับไม่ได้อยู่ที่นี่เลยแม้แต่น้อย ถึงจะยังลงเต้น แต่ก็ไม่สามารถทำให้เขาดูเหมือนคนมีชีวิตเลยสักนิด

ภายในบ้านหลังใหญ่เงียบสงัด แดดยามสายส่องลอดผ่านผ้าม่านสีขาวบางเบา แสงไหววูบสะท้อนลงบนพื้นห้องนอนกว้างขวางราวกับเตือนให้เจ้าของห้องลุกขึ้นจากเตียงได้แล้ว แต่ธีรัชกลับนอนนิ่งอยู่เช่นนั้น ดวงตาที่ลืมขึ้นมองเพดานกลับมืดมนเหมือนใจที่เขาแบกไว้ไม่ต่างกันเลย

ใจของเขายังคงเต็มไปด้วยชื่อของใครคนหนึ่ง...คนที่ห่างไกลจากเขาไปไกลเหลือเกิน......คุณเปรม

ชายหนุ่มในร้อยกว่าปีที่แล้ว คนที่เขารักหมดหัวใจ คนที่เขาไม่ได้แม้แต่โอกาสจะกล่าวคำลา...

ไม่แม้แต่คำว่าคิดถึง หรือร่ำลาก่อนที่เขาจะหายไปจากยุคอดีต

"ตอนนี้...คุณจะเป็นอย่างไรบ้างนะ"

เขาคิดในใจซ้ำๆ ทั้งคืนจนนอนไม่หลับ

“จะกินข้าวอิ่มหรือเปล่า หลับสบายดีไหม... หรือกำลังคิดถึงผมอยู่เหมือนที่ผมคิดถึงคุณ”

" คิดถึงคุณที่สุดเลยครับ.."

" คุณเปรม"

ความทรงจำเมื่อคราวก่อนที่พัดพาเขากลับไปสู่ยุครัชกาลที่สามยังคงชัดเจน มันเหมือนความฝัน แต่มันกลับเจ็บปวดและมีน้ำหนักเกินกว่าจะเป็นเพียงแค่จินตนาการ เมื่อคนที่เขารักที่สุดยังอยู่ในอดีต และเขา...กลับต้องเดินต่อเพียงลำพังในยุคปัจจุบัน

วันต่อมา ธีรัชตัดสินใจไปที่ร้านหนังสือขนาดใหญ่ เขาเดินตรงไปยังชั้นประวัติศาสตร์แล้วหยิบทุกเล่มที่มีข้อมูลเกี่ยวกับยุครัชกาลที่สาม เขาอยากรู้เหลือเกิน...ว่าชื่อของคนรักจะถูกกล่าวถึงในหน้าประวัติศาสตร์หรือไม่

แค่ชื่อเดียวก็พอ ให้เขาได้รู้ว่าคุณเปรม...ยังมีอยู่ในโลกใบนี้แม้จะเป็นในหน้าเอกสารเหล่านั้น

แต่นั่นก็ไม่มี...ไม่มีเลย หัวใจของเขาเหมือนถูกบีบอีกครั้ง

จนกระทั่งในเวลาเที่ยงตรงของอีกวัน สายของกิ๊กโทรมา เขาคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากแท่นชาร์จ ก่อนจะกดรับสาย

เสียงใสๆ ของเธอถามขึ้นแซว “ไหวมั้ยพ่อคนป่วย จะกลับมาทำงานรึยัง?”

ธีรัชนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบตกลงเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่ฟื้นดีนัก "อือ ไหวดิ พักนานเกินไปลูกค้าหายหมด "

" แจ๋มแมวเลยจ้า น้องทีทีของแม่" เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆในสาย

" งั้นแม่ครับ น้องทีทีขอเงินหน่อยสิ "

" ตลกกก ไปทำงานหาเงินเองสิจ๊ะ นี่ฉันดูแลแกมันตั้งสองวันกับอีก8ชม. 21วิเลยนะ" ธีรัชหัวเราะร่าออกมา ก่อนจะพูดจริงจังให้เธอเริ่มเข้าเรื่องงาน

"เอาละ ครั้งนี้เป็นบ้านทรงไทยนะ เจ้าของเขาอยากขายมากๆ แล้วบอกอยากคุยกับแกโดยเฉพาะอีกด้วย เขาบอกว่าเป็นแฟนคลับน้องทีทีของฉันละ!" กิ๊กหัวเราะในสาย

ธีรัชหัวเราะเบาๆ กับความติดตลกที่อีกฝ่ายพยายามพูดเสริมให้ ก่อนจะถามกลับไปในสาย

" เค..แล้วยังไง ต้องไปเจอวันไหน?"

" ดูในแชทเลยจ้า " จากนั้นสายก็ตัดไป

ธีรัชเขาไม่ได้คิดอะไรมาก...กระทั่งได้รับที่อยู่จากกิ๊กในแชต ถึงกับต้องผงะ

- " นัดเจอกับลูกค้าบ่ายวันนี้นะคะน้องทีที "

- "ได้ส่งโลเคชั่น "

"เดี๋ยวนี้มันก็เที่ยงแล้วนะ แกคิดว่าฉันเป็นโรบอทหรือไงห้ะ" -

- "แกไปทันหนา เชื่อฉันสิ อิอิ "

ข้อความทั้งหมดมันระบุไว้แค่นั้น ทิ้งไว้แต่คำสาปแช่งเพื่อนตัวดี ที่จู่ๆก็ยัดงานด่วนมาให้เขา ทั้งที่รู้ว่าพึ่งหายดี โอ้ย ธีรัชอยากจะกระโดดเข้าโทรศัพท์ไปหยุมหัวนางตัวดีจริงๆ

สุดท้ายธีรัชก็รีบอาบน้ำเตรียมตัวภายในระยะสั้นๆเร่งรีบ เขาขับรถไปตามซอยที่อยู่ระบุไว้ ตามเวลาที่นัดไว้เขาต้องไปถึงก่อนบ่ายโมง แต่ดูยังไงมันก็ไม่ได้จริงๆ เพราะระยะทางจากบ้านเขาถึงบ้านลูกค้ามะนคนละเขตกันเลยนะ เขาคิดคำพูดเมื่อถึงลูกค้าเอาไว้ เพื่อเจอลูกค้าหัวร้อนจะได้พูดขอโทษขอโพยถูก

แต่ในระหว่างทาง เขาขับบ้านผ่านบ้านหลายหลังในละแวกนั้น ลัดเลาะตามถนน จนมาถึง... บ้านเรือนไทยหลังหนึ่งที่ตั้งตระหง่าน อยู่กลางเมืองหลวงราวกับหลุดออกมาจากอีกโลกหนึ่ง

ธีรัชชะงัก เขาจอดรถแล้วลงมายืนจ้องมันอยู่นาน บางอย่างในใจของเขากำลังไหววูบ...

เรือนไทยหลังนี้…มันคุ้นตาเกินไป มันคล้ายกับบ้านของคุณเปรม...แทบจะเหมือนทุกมุม แต่กลับดูเก่าและโทรมจนดูหม่นหมองยามมองเข้าไปในบ้าน

เขาคิดว่าตัวเองมาช้ามากแล้ว คงโดนลูกค้าตำหนิแหง แต่พอเดินเข้าไปใกล้กับรั้วไม้ ก็พบเข้ากับกระดาษที่แปะอยู่กับรั้ว พร้อมกับรอยปากกาหมึกซึมที่เขียนไว้ให้อ่าน

ผมจะมาถึงประมาณบ่ายสาม เชิญเข้าไปดูในบ้านแล้วคำนวณราคารอเลยครับ กุญแจอยู่ในกระถางเล็กๆตรงต้นไม้หน้าบ้านครับ

เมื่ออ่านจบ ธีรัชก็โล่งใจที่ไม่ต้องโดนคำตำหนิหรือคอมเพลนจากลูกค้าแล้ว เขามองหาต้นไม้ใหญ่ที่กิ่งก้านสูงจนพันเข้ากับสายไฟด้านบนจนดูน่ากังวล ก่อนจะมองหลุบต่ำ ก็พบเข้ากับกระถางดินสองสามอันวางอยู่ที่โคนของต้น เขาหยิบกุญแจจากใต้กระถางดินเผา ไขประตูรั้ว แล้วเดินเข้าไป

แต่แล้วภาพตรงหน้ามันก็ทำให้ขาของเขาหยุดนิ่ง กลิ่นไม้เก่าและกลิ่นสะอาดของบ้านที่ถูกดูแลอย่างดีผสมกันลอยมาแตะจมูก ขณะที่ฝ่าเท้าแตะพื้นไม้ตรงเฉลียง มันดังเอี๊ยดเบาๆ สะท้อนกับความทรงจำ ความหวังเล็กๆ ผุดขึ้นในหัว เพราะภาพของบ้านตรงหน้าที่คุ้นตาจนทำให้เขาอยากจะดูให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

เขาวิ่งขึ้นบ้านเดินตรงไปห้องๆนึง ที่คิดว่ามันต้องเป็นห้องนอนแน่ ก่อนจะเปิดเข้าไป ใจหล่นตกลงวูบ เพราะพื้นตรงหน้ากลับโล่งโจ้ง ถ้าหากก้าวผิดนิดเดียวอาจจะตกลงไปก้นจ้ำอยู่กับพื้นด้านล่างเป็นแน่

แต่ความหวังยังไม่หมดแค่นั้น ธีรัชก้าวยาวๆลงจากเรือน รีบเดินอ้อมไปด้านหลังอย่างมีความหวังแต่กลับเจอกับเพียงป่ารกร้าง หญ้าขึ้นสูง ไม่มีศาลาริมน้ำ ไม่มีต้นมะลิ

ไม่มีอะไรเลยที่ควรจะอยู่...

เขาหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ส่ายหน้าเหมือนด่าความเพ้อฝัน “คิดไปได้…”

ธีรัชกลับเข้ามานั่งในโถงของเรือน กางไอแพดขึ้น คำนวณราคาการรีโนเวท เพราะสภาพที่เก่าจนมีบางจุดปลวกกิน และไม้ที่มีทั้งอันแข็งแรงและหักง่ายผสมปนเป หากขายตอนนี้ใครเล่าจะมาซื้อบ้านโทรมๆหละงหลังนี้กัน

ตัวเลขต่างๆ ปรากฏขึ้นเรื่อยๆ บนหน้าจอ แต่จู่ๆ ใจของเขากลับถูกฉุดดึงไปในอดีต ทุกแผ่นไม้ ทุกเสา ทุกคานในเรือนนี้ ล้วนกระซิบบางอย่างที่เขาคิดถึง

น้ำตาเม็ดใสค่อยๆ ไหลลงอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว จนหยดลงบนหน้าจอที่สว่างจ้าของไอแพด ธีรัชเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเพ้อจนอาจจะเสียการเสียงานได้ ฝ่ามือถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตาใสข้างแก้มอย่างลวกๆ ก่อนจะรีบกลับไปจดจ่อกับงานในมืออีกครั้ง

จนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหน้าตรงทางขึ้นมาบนเรือน ธีรัชรับรู้ได้ถึงการมาของบุคคลนึง เขาคิดว่าน่าเจ้าของบ้านที่มาถึงแล้ว เลยยังคงก้มหน้าทำงานโดยไม่เงยขึ้น หวังจะให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกล่าวทักทาย

แต่แล้ว...เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างนุ่มนวล

เสียงที่เขาจำได้ดี...แม้จะผ่านมากี่ปี กี่ชาติ กี่ภพ เขาก็จำได้ว่าเสียงนี้คือเสียงของใคร

“ผมว่าจะไม่ขายเรือนหลังนี้แล้วละ

" แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นรีโนเวท...จะใช้งบเท่าไหร่หรอครับ..คุณธีรัช”

ธีรัชชะงัก หัวใจเขาเต้นแรงเหมือนจะระเบิดนิ้วชะงักค้างอยู่กลางหน้าจอไอแพด เขาเงยหน้าช้าๆ มองไปยังต้นเสียง ราวกับทั้งโลกหยุดหายใจ เพราะคนตรงหน้าเป็นคนที่เขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะได้พบเจออีกเมื่อไหร่ หรือตอนไหน แต่คนคนนั้นกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้

คุณเปรม... เป็นคุณเปรมของเขาจริงๆ

ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ไม่ได้จัดแต่งผม ไฝเสน่ห์ยังอยู่ตรงมุมปาก ดวงตาคมคายคู่นั้นที่เขาฝันถึงทุกคืน

ธีรัชแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาผุดลุกขึ้น วิ่งเข้าไปโอบกอดร่างตรงหน้าแน่นราวกับกลัวว่าจะหายไป ถ้าหากไม่คว้าไว้

"คุณเปรม...ผม...ผมคิดถึงคุณ" เขาร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตาเปียกอกของอีกฝ่ายที่ก็กอดเขากลับแน่นไม่แพ้กัน

เสียงนุ่มๆ ดังขึ้นใกล้ใบหู"ฉันมาหานายอินแล้วหนา..."

" ไม่สิ...ตอนนี้ต้องเรียกว่าธีรัช "

หัวใจของธีรัชเหมือนถูกปลดพันธนาการ อดีต ปัจจุบัน ทุกอย่างพังทลาย เหลือเพียงแค่เสียงหัวใจของคนสองคน ที่ในที่สุดก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง...

อ้อมก่อนที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่เคยได้รับ จิตใจเหมือนโดนรดน้ำจนมันกลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง ฝ่ามือลูบไหล่แผ่นหลังของคนที่เขารัก ซ้ำไปซ้ำมาราวกับไม่อยากจะเชื่อสายตา จุมพิตแผ่วเบาแตะลงที่หน้าผากหม่นของเขา ก่อนที่ทั้งคู่จะเงยหน้ามาสบตากัน

END

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บัญชารักคุณหลวง   ข้ามาหาแล้วหนา

    หลังจากพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลครบกำหนดสองวันตามคุณหมอสั่ง ธีรัชก็ได้กลับมาที่บ้านของตนเองอีกครั้ง บ้านที่เขาควรจะเคยคุ้นแต่กลับรู้สึกแปลกตา เหมือนกลายเป็นแค่ฉากในละครที่ไม่ได้ฉายให้ใครดู เขาเดินช้า ๆ ผ่านห้องนั่งเล่น มองเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัวล้ำสมัย ตู้เย็น ทีวี และโซฟานุ่ม ๆ ที่เคยนั่งดูซีรีส์กับตัวเองในทุกคืนวันศุกร์จนลากไปเช้าของอีกวัน... ชีวิตที่สะดวกสบายและบ้านหลังใหญ่โตที่เขาสร้างมันขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ด้วยความภาคภูมิใจที่แต่ก่อนเขาต้องรู้สึกดีใจและมีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับมาเหยียบที่แห่งนี้แต่ครั้งนี้ทำไมมันกลับไม่อุ่นเหมือนอ้อมแขนของใครบางคนที่เขาคิดถึงจับใจ หรือเพียงเพราะโลกใบนี้ ไม่มีคุณเปรมอยู่ด้วย...ธีรัชนั่งลงกับพื้นเบา ๆ ตรงระเบียงหลังบ้าน ลมฤดูหนาวพัดแผ่วผ่านใบหญ้า เสียงนกกระจอกยังคงร้องเจื้อยแจ้วไม่รู้วันเวลาผ่านไปแค่ไหนสำหรับพวกมัน ต่างจากหัวใจของธีรัชที่เหมือนหยุดเดินตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาจาก “บ้าน” หลังหนึ่งในยุคต้นรัตนโกสินทร์กลับมาเขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แต่ก็ไม่ได้กลิ่นดอกมะลิที่เคยหอมกรุ่นในยามเช้า กลิ่นหอมน้ำอบไทยที่มักจะติดต

  • บัญชารักคุณหลวง   หวงกลับคืน

    ทินกรรุ่งอรุณ แสงแดดอุ่น ๆ สาดผ่านม่านผืนบาง ละไล้ลงบนใบหน้าของอินที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง เปรมยืนอยู่มุมห้องอย่างเงียบเชียบ จนเมื่อหมอที่เขาเรียกมาตรวจอาการเดินออกมาจากห้อง อินหันไปมองด้วยสายตาเป็นกังวล“เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับท่านแพทย์?” เสียงเปรมเต็มไปด้วยความห่วงใยแพทย์หมอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยคำวินิจฉัย “จากที่ฉันตรวจดูทั้งหมดแล้ว คิดว่านายคนนี้น่าจะแพ้พิษบางอย่างที่สะสมในร่างกาย และเพิ่งจะแสดงอาการออกมา โชคดีที่ตรวจพบเร็ว ฉันจัดยาไว้ให้แล้ว ให้กินเช้าเย็นนะหลวงเปรม”เปรมพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเครียด“ที่สำคัญ ช่วงนี้อย่าให้เขาใช้ร่างกายหนัก ๆ ยิ่งถ้ามีไข้ พิษจะยิ่งกระจายเร็วขึ้น ต้องระวังให้ดี”“ขอรับ… ขอบพระคุณมากขอรับท่านแพทย์ขอบคุณจริง ๆ”คุณเปรมส่งหลวงแพทย์หมอจนลับสายตา ก่อนจะรีบกลับเข้าห้อง เขาเปิดประตูเบา ๆ เหมือนกลัวเสียงจะไปรบกวนคนป่วย บนเตียง อินนอนเอนพิงหมอนอยู่ก่อนแล้ว ดวงตากลมใสสบกับเขาอย่างแนบแน่น มีแววซุกซนผสมความอ่อนล้าอยู่ในนั้น“ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้นะครับ” อินพูดเบา ๆ น้ำเสียงพยายามกลั้วหัวเราะ “ผมสบายดีม๊ากก ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ไม่เป็นไรหรอกน

  • บัญชารักคุณหลวง   ลางสังหรณ์

    แสงแดดยามสายทอดผ่านม่านโปร่งบางภายในโถงของเรือนหลังใหญ่ เสียงจิบน้ำชาดังแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบสงบที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของใบชาและมะลิอบแห้งเปรมนั่งเอนหลังบนเบาะรองตัวยาว ร่างกายที่เคยแบกรับภาระหนักอึ้งมาหลายวันคล้ายได้หย่อนคลายเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน เขาสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย ผ้าคลุมบางสีอ่อนพาดบ่า ใบหน้าเริ่มมีรอยอ่อนล้าจาง ๆ แต่แววตายังคงหนักแน่นและแน่วแน่เช่นเดิมอินนั่งอยู่พื้นข้าง ๆ มือหนึ่งหยิบหนังสือ อีกมือก็ไม่วายวางไว้บนขาของคนรัก พยักหน้าเบา ๆ รับฟังอย่างตั้งใจ แม้บทสนทนาที่เอ่ยออกมาจะชวนให้ใจสั่นไม่น้อย“อีกไม่กี่วัน…” เปรมเอ่ยเสียงเรียบ ขณะทอดสายตามองออกไปยังสวนหลังบ้าน“หลวงวิษณุจะถูกนำตัวไปประหาร พร้อมกับ พักพวกอีกสามคน”อินชะงักมือที่กำลังเปิดหน้ากระดาษ เสียงคำว่า “ประหาร” กระแทกเข้าหูราวกับสายลมหนาวเฉียบ เขาเงยหน้ามองอีกคน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ไม่ได้เอ่ยขัด เพราะเข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องของความแค้นส่วนตัวธรรมดา หากแต่เป็น ความยุติธรรมที่คนบาปสมควรได้รับเปรมวางถ้วยชาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันมาสบตาอินตรง ๆ“ข้ารู้ว่าเจ้าหวั่นใจ แต่การลอบสังหาร เจตนาโค่นล้มอำนาจ

  • บัญชารักคุณหลวง   น้ำเดือดที่ดับไฟกองเล็ก

    แสงแดดยามสายทอดผ่านหมู่เมฆลงมากระทบผิวน้ำในท่าเรือ เกลียวคลื่นเบาๆ ซัดกระทบข้างลำเรือสำเภาอย่างสม่ำเสมอ เสียงเชือกเสียดสีกับเสากระโดง สลับกับเสียงกลาสีเรือร้องสั่งงานก้องไปทั่วท่าเรือ เปรมยืนอยู่ที่หัวท่า ชุดเครื่องแบบขุนนางขอบทองดูขรึมขลัง เขากำลังไล่ตรวจตราสินค้าที่ถูกขนลงจากเรือ สำรวจบัญชีรายชื่อสินค้าจากแดนไกลพลางใช้แววตาเคร่งขรึมพินิจทุกรายละเอียดทว่ากระแสลมเย็นที่พัดมากลับนำพาบางสิ่งมาให้เขา กลาสีเรือชาววิลาทคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา มอบจดหมายเก่าๆ ซองขาดปลายให้โดยไม่เอ่ยคำใด เปรมรับไว้ด้วยความสงสัย ครั้นเปิดจดหมายอ่าน ความสงบของเช้าวันนั้นก็ถูกฉีกทึ้งข้อความที่เขาได้อ่านนั้นสั้น เรียบง่าย แต่ราวกับเสียงระเบิดในอก> “รีบกลับมาดูผลงานข้าสิขอรับคุณพี่เปรม ก่อนที่มันจะตายน่ะ”เส้นเลือดที่ขมับเขาปูดพองขึ้น มือข้างหนึ่งกำกระดาษจนยับยู่ยี่ ขณะที่อีกมือแทบสั่นเทา ใจของเปรมกระโจนไปข้างหน้าเร็วกว่าความคิด เขารู้ดี ใครเป็นคนทำเรื่องนี้ได้ และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าเยาะหยันเขาเช่นนี้ หลวงวิษณุ“รีบส่งกำลังตามจับหลวงวิษณุเดี๋ยวนี้!” เขาสั่งเสียงกร้าวกับทหารที่ติดตามมาด้วย" มันยังอยู่พ

  • บัญชารักคุณหลวง   ภาระที่ต้องแบกรับ

    เสียงฝีเท้าดังสม่ำเสมอบนพื้นไม้สักของตำหนักฝ่ายในเรือน เปรมเดินกลับมายังห้องพักชั้นบนอย่างเหนื่อยล้า แขนเสื้อถูกร่นขึ้นครึ่งหนึ่ง เหงื่อชื้นผุดบนหน้าผากแต่ไม่ทันได้ซับ เจ้าตัวก็ทรุดตัวลงกับเก้าอี้ไม้ฝังลายอย่างหมดแรงบนโต๊ะข้างเตียงมีจดหมายหนึ่งฉบับวางอยู่เรียบร้อย ลายมือเจ้าหนุ่มคนรักวางซองกระดาษไว้แนบด้วยใบไม้สีเขียวที่แห้งไปบ้างจากการเดินทางไกล เปรมมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแกะเปิดด้วยมือที่ยังเปรอะหมึกจากเอกสารเมื่อบ่ายเขาอ่านมันช้าๆ เงียบๆ ไม่มีใครในที่นี้รู้ว่าอินเขียนอะไรในนั้น ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีน้ำตา มีเพียงรอยยิ้มบางที่คลี่ออกบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้เก็บงำความรู้สึกจนคนรอบตัวเรียกเขาว่า ‘คุณเปรมจอมบึ้งตึง’เปรมยกใบไม้นั้นขึ้นแนบจมูก สูดกลิ่นจาง ๆ ที่หลงเหลืออยู่พลางหลับตาลงอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเปิดสมุดบันทึกเก่าหนังวัว หย่อนใบมะลิลงบนหน้าหนึ่งที่ยังว่าง แล้วจดบางสิ่งไว้ด้วยลายมือเรียบร้อยเพียงไม่กี่คำ"ยังมีบ้านให้กลับเสมอ"เขามองออกไปยังท้องฟ้ากลางคืนผ่านหน้าต่าง บนฟ้าคืนนี้เต็มไปด้วยหมู่ดาว และพระจันทร์ทรงกลดก็สุกสว่างอย่างสงบ เป็นค่ำคืนที่สวยงามเกินกว่าจะเก็บไว้ในควา

  • บัญชารักคุณหลวง   ฝากดูแลแทนข้าที

    หลายต่อหลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหก เพราะวันนี้กลับเป็นวันที่ต้องส่งคนรักออกไปทำงานไกลตัวเสียแล้ว รุ่งเช้าตรู่ แสงแดดแรกของวันทอดผ่านหน้าต่างเรือนไทยส่องสะท้อนกับผืนน้ำที่สงบเงียบ เสียงไก่ขันยังไม่ทันจางหาย อินก็ตื่นขึ้นมาอย่างรู้งาน เขาเตรียมน้ำท่าร้อนอุ่นอย่างพอดี กลิ่นมะลิจากเกลืออาบน้ำที่ตั้งใจผสมด้วยมือของตนเองลอยคลุ้งทั่วห้อง อินขัดผิวและเช็ดตัวให้เปรมอย่างอ่อนโยน ทุกจังหวะของนิ้วและฝ่ามือเหมือนตั้งใจจดจำสัมผัสของคนรักไว้ในใจ“คุณเปรม…” อินพูดขึ้นในขณะที่กำลังติดกระดุมเสื้อผ้าให้ “ถ้าเดินทางไปถึงที่โน่นแล้ว อย่าลืมเขียนจดหมายมาหาผมนะครับ อย่างน้อยก็...เดือนละสองฉบับก็ยังดี”เปรมยกมือขึ้นลูบศีรษะของอินเบา ๆ “เจ้าจะไม่เขียนตอบกลับข้ารึ?”“ผมกลัวว่าจะเขียนไม่ทันคุณเปรมต่างหาก” อินแสร้งเบะปาก พลางส่งยิ้มละมุน “แค่คิดถึงก็แทบจะเขียนทุกวันอยู่แล้ว”เปรมหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบา เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย และความเสียดายเมื่อถึงเวลาต้องไปที่ท่าเรือ อินช่วยขนของและจัดแจงทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว เขายกกระเป๋า ผูกเชือกมัดปากถุง เดินขึ้นลงเรือจนเหงื่

  • บัญชารักคุณหลวง   ขอสักทีก่อนไป

    ประตูห้องบานไม้ปิดลงเบา ๆ พร้อมเสียงกลอนที่ถูกหมุน เสียงฝีเท้าของอินหยุดชะงักอยู่หน้าประตู ก่อนจะหันกลับมา“จะให้ผมหาน้ำให้ดื—”เขาพูดได้แค่นั้นก่อนที่ร่างกำยำจะถูกคว้าหมับเข้ามาในอ้อมกอดแน่นหนา กลิ่นน้ำอบอ่อนๆจากเสื้อลินินของคุณเปรมยังไม่ทันจาง ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ประกบลงมาทาบปิดคำพูดของเขาแรงแต่ไม่รุนแรง เร่าร้อนแต่มั่นคง และเต็มไปด้วยความคิดถึงที่อัดแน่นจนล้นขอบใจอินนิ่งไปชั่วครู่ สมองขาวโพลน ก่อนที่มือจะเลื่อนขึ้นจับแผ่นอกแข็งแรง แล้วหลับตาตอบรับจูบนั้นอย่างเงียบงันแฮ่ก เสียงหอบหายใจดังขึ้นเป็นระยะ ต้นขาเรียวถูกสอดเข้าไปแทรกอยู่ระหว่างขาของคนตัวใหญ่กว่า ร่างทั้งสองบดเบียดเข้าหากันจนหลังพิงผนังไม้ ลิ้นร้อนดูดดึงรสหวานขมปลายจากปากของอีกฝ่าย มือหนากอดรัดเอวคอดไว้หลวมๆ ขนาดที่พยายามจูบตอบ" อดทนมาทั้งวันแล้ว แฮ่ก.. " เสียงพูดสุดเร้าใจดังขึ้นอยู่ข้างหูของอิน " ถอดผ้าออกสิอิน " ปากอิ่มพึมพำพ้นลมร้อนใส่ ก่อนจะใช้มือขยำก้นของอินอย่างปลุกเร้าเป้าที่นูนขึ้นโผล่พ้นผ้าโจงออกมาอย่างเห็นได้ชัดกำลังถูกันไปมาทุกครั้งที่ร่างเบียดเข้าไปใกล้ชิดจนแทบไม่มีช่องให้อากาศลอดผ่าน " เร็วเข้า.. " มือเรี

  • บัญชารักคุณหลวง   บุคคลต้องสงสัย

    พระจันทร์ลอยเด่นเหนือเรือนพัก เสียงกรอบแกรบของไม้เก่าที่ขยับตามลมเบาๆ แทบจะกลบเสียงหัวใจที่เต้นดังตุบๆ ของคนสองคนไม่ได้เลยอินขยับฟูกเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด… แล้วก็อีกนิด จนได้กลิ่นน้ำอบอ่อนๆ จากเสื้อผ้าคุณเปรมที่พาดไว้มุมฟูก"วันนี้ข้าตรวจบัญชีจนตาแทบบอด" เปรมบ่นเสียงเบา ขณะเอนตัวลงข้างอิน แขนข้างหนึ่งยันศีรษะ ส่วนอีกข้างปล่อยวางสบายๆ"ผมก็ขายของจนปากแห้ง คิดว่าจะไม่ได้ขายอะไรเลยด้วยซ้ำ… แต่แม่บุหลันมาช่วยไว้ทันครับ""นางมักใจดีเช่นนั้น…""แล้วคุณเปรมล่ะครับ วันนี้นอกจากจ้องตัวเลข ยังคิดถึงผมบ้างไหม?" อินแกล้งถามเสียงเบา ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับใต้แสงตะเกียงเปรมเลิกคิ้วมอง ก่อนเอื้อมมือมาดีดหน้าผากอีกคนเบาๆ "ข้าคิดถึงเจ้าทุกคราวที่หยุดหายใจ… แบบนี้พอหรือยัง?"อินหัวเราะคิก แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำ "จะหวานไปไหนครับท่าน!"เปรมหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะขยับมือไปแตะแก้มอินแผ่วเบา นิ้วหัวแม่มือลูบวนเบาๆ ราวกับสำรวจทุกอณู"คราวหน้า อย่าเอาเงินทั้งหมดมาให้ข้าอีก เข้าใจหรือไม่""แต่ผมอยากให้คุณ…""เจ้าจะไถ่ตัวเองไม่ใช่หรือ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าถูกจองจำตลอดชีวิตดอกหนา""แล้วถ้า… ผมยินดีจะเป็นทาสคุณตลอดช

  • บัญชารักคุณหลวง   กลับมาเฉิดฉาย

    แสงแดดอ่อนยามเช้าโรยตัวลงบนระเบียงเรือน เสียงไก่ขันเบา ๆ เคล้าเสียงนกกระจิบที่บินวนอยู่ตามชายคา เรือนเปรมในยามเช้าช่างสงบงามราวภาพวาด แต่บรรยากาศบนเรือนกลับไม่เงียบเหงาเหมือนวันก่อน ๆ เพราะชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งจิบชาร้อน พลางสนทนากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย"เจ้าจะกลับไปอยู่เรือนท้ายอย่างเดิมจริง ๆ หรือ อิน?" คุณเปรมวางถ้วยชาลงบนถาดไม้ไผ่ เคลื่อนตัวนั่งหลังตรง สีหน้าไม่เห็นด้วยนิด ๆ "ข้าไม่เข้าใจ…เหตุใดเจ้าจึงต้องทำเยี่ยงนั้น ทั้งที่บัดนี้เจ้าอยู่ตรงนี้ก็สุขสบายดี"อินนั่งก้มหน้า มือเกาะแก้วชาราวกับมันเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายของชีวิต“ก็เพราะว่าข้ามันเป็นทาสน่ะสิครับ” เสียงเขาเบาจนแทบเป็นกระซิบ “มันก็ไม่ยุติธรรมนักที่ผมได้อยู่เรือนหน้า กินดีอยู่ดี ขณะที่คนอื่นลำบากกันอยู่นั่น”คุณเปรมถอนใจยาว พยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้ดูหงุดหงิด เขาไม่อยากบังคับอิน แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้คนตรงหน้าเลือกทางที่ทำร้ายตัวเองโดยไม่จำเป็น" เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้ารักเจ้าน่ะอิน " เปรมกุมขมับปลายตามองคนตรงหน้า" รู้ครับ..ผมเองก็รักคุณเปรม " เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอ นี่มันไม่ใช่ความรู้สึกผิดที่ใช้ชีวิตเกินฐานะ แต่ถ้า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status