เสียงเครื่องมือกระทบกันเป็นจังหวะ ละอองฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ ท่ามกลางไอแดดยามสาย แรงงานทาสหลายสิบชีวิต ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขยันขันแข็งบางคนขุดดิน บางคนแบกฟืน บ้างกวาดลานดินกว้างของเรือนหลังใหญ่ ทุกคนต่างมีสีหน้าซีดเซียว เหงื่อไหลท่วมกาย และแววตาเหนื่อยล้า
ธีรัชหยุดกึก สายตากวาดมองรอบตัวอย่างไม่อยากเชื่อ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี้ย?
หัวใจของเขาเต้นระส่ำ ภาพตรงหน้าดูแปลกประหลาดและไม่คุ้นเคย นี่มันยุคไหนกันแน่? เท่าที่จำได้... เขากำลังขับรถกลับบ้านหลังจากออกไปดีลงานกับคุณเจน ไม่ใช่เหรอ? แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกที กลับพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางแรงงานทาสและเรือนไม้เก่าแก่ที่ดูคร่ำครึ แต่สะอาดเหมือนโดนขัดให้เงาอยู่ตลอดเวลา
หรือว่านี่เป็นผลจากการดื่มหนักจนเกินไป?
ความคิดยังไม่ทันตกผลึก ภาพบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว แสงไฟหน้ารถพุ่งลงสู่แม่น้ำ ความรู้สึกเย็นเฉียบของสายน้ำที่โอบล้อมร่างก่อนทุกอย่างจะดับวูบ
ถ้าอย่างนั้น...เขาตายแล้วอย่างนั้นเหรอ!?ร่างกายชาวาบไปหมด ความเป็นจริงโถมเข้าใส่จนแทบตั้งตัวไม่ติด ก่อนที่ธีรัชจะได้ขบคิดถึงเรื่องนี้ต่อ เสียงทุ้มเข้มของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
"ไออิน! มึงจะยืนซื่ออยู่กงนั้นทำไมวะ รีบเดินมาได้แล้ว!"
ธีรัชสะดุ้ง หันขวับไปตามเสียง เขาเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำแดด ร่างกายกำยำดูแข็งแรง เสื้อผ้าบนตัวก็เก่าขาดไม่ต่างจากคนงานรอบตัว แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดคือแววตาดุดันที่กำลังจ้องตรงมาที่เขา
"ครับ?" เขาโพล่งออกไป เสียงของตัวเองแหบแห้งและฟังดูแปลกไปจากเดิม
"ไออิน! มึงจะเล่นอะไรของมึงอีก กูเรียกมึงนั่นแหละ!" ชายหนุ่มตะโกนกลับมา
ธีรัชนิ่งงัน สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว
'ไออิน'... ใครคือไออิน? ทำไมเขาถึงถูกเรียกชื่อนี้อีกแล้ว? แล้วทำไมสภาพร่างกายเขาถึงเปลี่ยนไปแบบนี้
ธีรัชก้มมองมือตัวเอง นิ้วเรียวยาวที่เคยสะอาดสะอ้าน บัดนี้กลับเต็มไปด้วยรอยหยาบกร้านและร่องรอยบาดแผลจากการทำงานหนัก ส่วนเสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็เป็นเพียงผ้าฝ้ายเนื้อหยาบที่มีรอยขาดติดตัว
นี่มันอะไรกันวะ!?
สิงที่เห็นธีรัชเอาแต่ยืนนิ่งเหมือนคนไร้วิญญาณก็หมดความอดทน ก้าวพรวดเข้ามาคว้าข้อมือแล้วลากเขาให้เดินตามไป
"เดี๋ยว! นี่จะพาผมไปไหน?" ธีรัชพยายามขืนตัว แต่เรี่ยวแรงกลับอ่อนลงอย่างน่าประหลาด ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเขา ไม่ใช่เลย...
"ไปพายเรือให้คุณเปรมสิวะ! หรือมึงลืมไปแล้วว่ามึงเป็นใคร?" สิงหันขวับมามองเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ
ธีรัชกัดฟันแน่น หัวใจเต้นระรัว คำพูดของสิงเป็นดั่งมีดกรีดลงบนความคิดของเขา นี่มันไม่ใช่แค่ความฝัน แต่มันคือความจริง และเขาไม่ได้เป็น ‘ธีรัช’ พ่อหนุ่มเซลส์แมนอีกต่อไป
เพราะตอนนี้...
เขาคือ 'ไออิน' แรงงานทาสของเรือนนี้!
ธีรัชพยายามตั้งสติ กลั้นใจเดินตามสิงค์ไปตามทางเดินดินที่ทอดยาวไปยังเรือนใหญ่ ระหว่างทางเขากวาดตามองรอบตัวอย่างละเอียดมากขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาเคยเห็นแค่ในหนังประวัติศาสตร์ ชายหญิงที่แต่งตัวด้วยผ้าฝ้ายเก่า ทรงผมที่ดูโบราณ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ ทุกอย่างล้วนแต่เป็นภาพของยุคสมัยที่แตกต่างจากชีวิตเดิมของเขาโดยสิ้นเชิง
ธีรัชกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงเบา
"เดี๋ยวครับ แล้วคุณเปรมคือใคร? สิงค์จะพาผมไปหาเขาทำไม?"
สิงค์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
"ว่ะ! ไอนี่ ขนาดคุณเปรมท่านไม่เอาเรื่อง มึงก็ยังเพี้ยนไปหมดแล้วหรือไง?"
"ครับ? ผมไปทำอะไรนะ?" ธีรัชขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน
สิงค์ถอนหายใจหนัก ๆ อย่างเหลืออด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด
"ก็มึงนั่นแหละ! มึงแอบเข้าไปในเรือนใหญ่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าห้ามเข้าเวลานั้น สุดท้ายมึงก็วิ่งหนีจนตกน้ำตกท่า!"
ธีรัชเบิกตากว้างขึ้น 'ไออิน' แอบเข้าไปในเรือนใหญ่เหรอ? แล้วไปเห็นอะไรเข้า ถึงทำให้ตกใจจนวิ่งหนีขนาดนั้น?
"แอบดู...? ผมน่ะเหรอ?" เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ
"เออสิวะ! มึงก็รู้กฎดีว่าพอถึงยามพลบค่ำ ห้ามเหยียบเข้าไปในเรือนคุณเปรมเด็ดขาด แต่ก็ยังเสือกเข้าไปอีก!" สิงค์พูดเสียงเครียด
ธีรัชรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในอก บางอย่างกำลังบอกเขาว่า เรื่องที่ไออินไปเห็นเข้า...อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์นี้
แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ถามอะไรต่อ สิงค์ก็หยุดเดิน ก่อนจะผลักเขามายืนอยู่ที่ริมท่าน้ำ ข้างหน้าเป็นเรือไม้ลำเล็ก พร้อมไม้พายที่วางอยู่ข้าง ๆ
"อะนี่งานมึง พายเรือไปส่งคุณเปรมที่ตลาด กูจะไปทำงานต่อ!" พูดจบก็เดินจากไป ปล่อยให้ธีรัชยืนอยู่ที่ท่าน้ำเพียงลำพัง
"ด.. เดี๋ยว! ผมไม่รู้ว่าตลาดมันอยู่ที่ไหนนะ "เสียงพูดที่ค่อยผ่อนเบาลงกลืนหายลงคอ เพราะเห็นว่าอีกคนเดินห่างออกไปไกลจนไม่น่าได้ยินแล้ว
ธีรัชมองเรือไม้ที่ไหลล่องอยู่บนผิวน้ำ ก่อนจะก้มลงมองมือของตัวเอง
จากเซลส์แมนหนุ่มในโลกปัจจุบัน กลายมาเป็นทาสในยุคโบราณ...ชีวิตที่พลิกผลันจนไม่มีแม้เวลาให้ตั้งตัว
หลังจากที่ยืนรออยู่ครู่หนึ่ง เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากทางเดินไม้ริมท่าน้ำ ธีรัชหันไปมองแล้วก็ต้องชะงัก
ชายหนุ่มร่างสูงสง่าในวัยปลายยี่สิบปรากฏตัวขึ้น ผิวขาวราวกับลูกเจ้าพระยาที่ไม่เคยต้องแดด คิ้วเข้ม ตาคม ริมฝีปากอิ่มเรียวได้รูป ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าล้วนเหมือนภาพวาดชั้นครู เสื้อทรงอย่างน้อยสีแดงสดกับโจงกระเบนสีเข้มขับเน้นให้เขาดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ผ้าคาดเอวสีเหลืองอ่อนตัดกับเนื้อผ้าเนียนละเอียด ที่ข้างเอวเหน็บกริชโบราณเล่มงาม นอกจากนั้นที่นิ้วชี้ข้างขวายังสวมแหวนประดับมรกตเม็ดโตเป็นประกาย ท่าทางของเขาสง่างามและทรงอำนาจ ราวกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่
และข้างหลังชายผู้นั้น มีบ่าวสองคนเดินตามอยู่ห่างๆ หนึ่งในนั้นแบกหีบไม้ที่ดูเหมือนมีน้ำหนักพอสมควร
ธีรัชมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเป็นประกาย นอกจากจะสง่าแล้วยังรูปงามอีกด้วย ชายคนนี้ต้องเป็นเจ้านายของบ้านนี้แน่ ๆ!
เขามัวแต่จ้องตาไม่กะพริบจนลืมสิ่งรอบตัว ทันใดนั้นเอง ทาสหนุ่มที่เดินมาด้วยกันก็สะกิดเขาเบา ๆ พร้อมกระซิบเตือนเสียงเข้ม
"ก้มหัวลงสิวะ! จะยืนตาแป๋วใส่คุณเปรมอยู่ทำไม!"
ธีรัชสะดุ้ง รีบก้มหน้าลงอย่างเก้ ๆ กัง ๆ แต่ยังไม่ทันไร เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงหวดที่แผ่นหลัง เสียงหวายกระทบผิวดัง เพี๊ยะ!
"อึก!" ธีรัชสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นมองคนที่ลงมือฟาดเขา
คนที่ถือหวายไว้ในมือนั้นคือชายหนุ่มผิวเข้ม รูปร่างกำยำ ใบหน้าดุดัน ธีรัชจำได้ว่าสิงเรียกเขาว่า ‘ดำ’ หัวหน้าทาสที่ในมือกลับมีหวานเส้นบาง ถ้าถูกฟาดลงเนื้อคงเป็นรอยแน่ๆ
"อย่าลืมที่ต่ำที่สูงไอ้อิน!" ดำพูดเสียงกดต่ำ
ธีรัชกำหมัดแน่น รู้สึกถึงความโกรธปนสับสนที่แล่นขึ้นมา แต่เขายังไม่ทันได้ตอบโต้ เสียงทุ้มของชายที่ถูกเรียกว่าคุณเปรมก็ดังขึ้น
"หยุดเถอะดำ"
" บ่าวเรือนฉัน ไยจะต้องถูกลงโทษเพราะเรื่องแค่นี้ "
ดำรีบโค้งศีรษะลงต่ำ "ขอรับคุณเปรม"
ธีรัชเงยหน้ามองเจ้าของชื่ออย่างเงียบงัน เมื่อสายตาทั้งคู่สบกัน หัวใจของเขาก็สะดุดไปวูบหนึ่ง คุณเปรมมีดวงตาคมกริบที่แฝงไปด้วยอำนาจ การจ้องมองของเขาทำให้ธีรัชรู้สึกเหมือนถูกแหวกเปลือยความคิดทั้งหมดออกมา
"เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?" น้ำเสียงของคุณเปรมราบเรียบแต่ทรงพลัง
ธีรัชรีบส่ายหน้า "ม..ไม่เป็นไรครับ"
" ฉันหมายถึง ที่จมน้ำอาการดีขึ้นแล้วรึ "น้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับไอเย็นน้ำแข็ง ทำให้ธีรัชรู้สึกขนลุกซู่
" ดีขึ้นแล้วครับ.. "
คุณเปรมพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขึ้นเรืออย่างสง่างามโดยแทบไม่ต้องให้บ่าวช่วยพยุง เขานั่งลงอย่างเป็นระเบียบก่อนจะหันมามองธีรัชอีกครั้ง
"รีบออกเรือเถิด แม่ปิ่นแก้วรอฉันอยู่"
" ครับ!..ขอรับ " เขาพูดอย่างลนลาน
ธีรัชเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ขณะที่มือของเขากำแน่นรอบไม้พาย แม้จะยังงุนงงกับสถานการณ์ทั้งหมด แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายก่อนที่ตัวเองจะโดนเฆี่ยนอีก
เขาพายเรืออย่างระมัดระวัง แม้จังหวะแรกจะดูติดขัดไปบ้างแต่โชคดีที่ทักษะการพายเรือจากตอนเด็ก ๆ ยังพอช่วยให้เขาควบคุมทิศทางได้อยู่บ้าง
ระหว่างที่พายไป ธีรัชก็เหลือบมองคุณเปรมเป็นระยะ ชายหนุ่มร่างสูงสง่าเอนตัวพิงพนักเบาะหนัง มองทอดไปยังสายน้ำอย่างสงบนิ่ง ใบหน้าคมนั้นไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมามากนัก แต่แววตาของเขาให้ความรู้สึกเยือกเย็นและลึกลับจน ธีรัชไม่อาจคาดเดาได้เลย
" ค..คือ คุณเปรมขอรับ..ช ช่วยบอกทางไปตลาดได้มั้ยครับ "
ทันทีที่พูดจบประโยค ผู้เป็นนายก็ขำเบาๆ ก่อนจะชี้นิ้ว ให้พายไปตามแม่น้ำ เขาโล่งใจขึ้นนึกว่าคุณเปรมจะเป็นเจ้านายที่โหดร้ายกว่านี้ซะอีก
ในที่สุดเรือก็ล่องมาถึงท่าเรือของเรือนหลังงาม หญิงสาวร่างระหงในชุดไทยสไบเฉียงสีอ่อนยืนรออยู่ที่โป๊ะ ใบหน้าของเธองามละมุน ดวงตากลมโตส่งประกายสดใสขณะมองมาทางพวกเขา
"ท่านพี่มาช้า! ข้ารอตั้งนานแน่ะ"
เสียงหวานดังขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะสาวเท้าลงมา คุณเปรมลุกขึ้นยืน ก่อนจะยื่นมือให้เธอจับเพื่อประคองขึ้นเรือ ปิ่นแก้วยิ้มกว้างเมื่อก้าวขึ้นมานั่งข้างพี่ชายอย่างเรียบร้อย เธอเหลือบตามองธีรัชก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย
"บ่าวคนใหม่หรือเจ้าคะพี่เปรม?"
คุณเปรมพยักหน้าเพียงเล็กน้อย "อืม พึ่งได้มาจากพวกแขกเมื่อเดือนก่อน"
ธีรัชเผลอกลืนน้ำลายลงคอเมื่อสายตาของหญิงสาวไล่มองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขารีบก้มหน้าลงต่ำแสดงความเคารพ
"นายชื่ออะไรล่ะ?" ปิ่นแก้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใส
"ธี-- อิน...ขอรับ" ธีรัชตอบไปตามที่สิงเรียก แม้จะยังไม่ชินกับชื่อนี้นักก็ตาม
"ดูตัวโตใช่เล่น" หญิงสาวหัวเราะคิก มองพี่ชายตนด้วยแววตาหยอกเย้า
"พี่เปรมคงจะไว้ใช้งานหนักเป็นแน่"
คุณเปรมเพียงเหลือบมองธีรัชแวบหนึ่งก่อนจะหันไปทางหน้าท่า "รีบพายเถอะ เราจะไปตลาดกัน"
ธีรัชรับคำก่อนจะออกแรงพายอีกครั้ง ล่องเรือไปตามสายน้ำที่สองฟากฝั่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนไทยที่เรียงรายเป็นระเบียบ แสงแดดสะท้อนผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับ
ณ ตลาดน้ำ
พอมาถึงตลาด ธีรัชก็มองรอบตัวด้วยความตื่นตาตื่นใจ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วเรียกลูกค้า ตลาดน้ำตรงหน้านั้นให้ความรู้สึกเหมือนฉากในละครพีเรียดที่เขาเคยดูไม่มีผิด หญิงสาวนุ่งโจงห่มสไบ
ชายหนุ่มแต่งตัวเรียบร้อยในชุดไทย มีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายของอยู่ริมคลอง กลิ่นหอมของขนมไทยลอยมาแตะจมูกจนเขาเผลอกลืนน้ำลาย
เขาเดินตามคุณเปรมและแม่ปิ่นแก้วไปเงียบ ๆ อย่างไม่กล้าปริปากพูดอะไร เมื่อคุณเปรมหยุดเลือกของ ธีรัชก็ยืนอยู่ข้างหลังอย่างสงบเสงี่ยมทำหน้าที่ถือของอย่างเงียบ ๆ แต่แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเงาของตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ที่ตั้งโชว์อยู่หน้าร้านขายกระจก
"เชี้ย!"
ธีรัชเผลออุทานออกมาเสียงดังจนคุณเปรมกับปิ่นแก้วหันมามอง เขารีบยกมือขึ้นปิดปากแล้วเบือนสายตากลับไปที่กระจกอีกครั้ง สิ่งที่สะท้อนอยู่ในนั้นคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวสีเข้ม ใบหน้าคมจมูกเป็นสันกล้ามเนื้อแขนที่โผล่พ้นผ้าออกมาเป็นมัดๆและขนาดตัวที่ สูงราว 190 ได้
‘นี่อิน… เรอะ?’
ธีรัชกลืนน้ำลายลงคอ ถ้าอยู่ในยุคของเขาคงมีสาว ๆ มาติดตรึมแน่ ๆ แค่ปรับทรงผม ใส่สูทดี ๆ ก็คงหล่อไม่แพ้นายแบบ
"นายอิน?" เสียงของคุณเปรมดังขึ้น
ธีรัชสะดุ้ง รีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว
"ขออภัยขอรับ!"
คุณเปรมไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่เหลือบตามองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปเลือกซื้อของต่อ แต่ปิ่นแก้วกลับมองเขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
"เจ้าดูตื่นเต้นเหมือนคนที่ไม่เคยเห็นกระจกมาก่อนเลยนะ" หญิงสาวยิ้มบาง ๆ
"เอ่อ… ข้าแค่ตกใจที่ตัวเองดู… สูงกว่าที่คิดไปมากขอรับ" ธีรัชแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ
ปิ่นแก้วหัวเราะคิกก่อนจะหันไปเลือกผ้าไหมต่อ ส่วนธีรัชก็ก้มหน้าก้มตาถือของต่อไป แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถาม
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี้ ในร่างนี้ได้
เพราะอะไรทำให้เขาที่ควรจะตายไปแล้ว กลับต้องมาอยู่ในร่างของบ่าวหน้าตาดีคนนี้ ทำไมไม่เป็นสิงร่างเจ้าขุนมูลนายวะ มาเป็นทาสทำไม หรือคนรวยมีฐานะดีๆก็ได้ ธีรัชบ่นในใจกับชะตากรรมใหม่ที่ได้รับ ...
ธีรัชในร่างอิน ยืนตัวแข็งอยู่กลางตลาดน้ำที่จอแจด้วยผู้คน เขากลืนน้ำลายลงคอพลางหันซ้ายหันขวาอย่างกระวนกระวาย เชี่ยแล้ว ตอนนี้..เขาหลงกับคุณเปรมและแม่หญิงปิ่นแก้วแล้วจริงๆรอบตัวเขาคือภาพของตลาดน้ำสมัยโบราณที่ดูสมจริงยิ่งกว่าฉากในละครพีเรียดที่เขาเคยดู มันมีชีวิต มีเสียง มีสีสัน และมีกลิ่นที่อบอวลไปหมด กลิ่นหอมของขนมไทยอย่างทองหยิบ ฝอยทอง ลอยปะปนมากับกลิ่นปลาย่างและข้าวใหม่หุงร้อนๆ ใกล้ๆ กันคือร้านขายสมุนไพรไทยที่วางขมิ้น ตะไคร้ และเครื่องเทศแห้งส่งกลิ่นหอมฉุน แม้จะคึกคัก แต่ทุกอย่างล้วนเป็นของที่เขาไม่คุ้นเคยในฐานะ คนยุคเจนซีที่เติบโตมากับห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้ออินยกมือขึ้นปาดเหงื่อ พยายามรวบรวมสติ เอาไงดีวะ เรามาเดินกับคุณเปรมแถวร้านขายเครื่องประดับนี่หว่า แต่พอหันไปมองรอบตัวแล้วกลับพบว่าร้านที่เขาเดินผ่านเมื่อครู่ดูคล้ายกันไปหมด ร้านค้าทำจากไม้ไผ่และใบจากถูกตั้งเรียงรายอยู่บนโป๊ะริมน้ำ บ้างตั้งขายบนเรือพายที่จอดอยู่ริมท่า ในแม่น้ำมีพ่อค้าแม่ค้าแจวเรือไปมา เสียงเจรจาการค้าดังแข่งกันจนแทบจับใจความไม่ได้“ไอ้หนุ่ม! จะมายืนเกะกะตรงนี้ทำไม ถ้าไม่ซื้อก็ไปยืนที่อื่น!” เสียงพ่อค้าคน
เสียงเครื่องมือกระทบกันเป็นจังหวะ ละอองฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ ท่ามกลางไอแดดยามสาย แรงงานทาสหลายสิบชีวิต ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขยันขันแข็งบางคนขุดดิน บางคนแบกฟืน บ้างกวาดลานดินกว้างของเรือนหลังใหญ่ ทุกคนต่างมีสีหน้าซีดเซียว เหงื่อไหลท่วมกาย และแววตาเหนื่อยล้าธีรัชหยุดกึก สายตากวาดมองรอบตัวอย่างไม่อยากเชื่อนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี้ย?หัวใจของเขาเต้นระส่ำ ภาพตรงหน้าดูแปลกประหลาดและไม่คุ้นเคย นี่มันยุคไหนกันแน่? เท่าที่จำได้... เขากำลังขับรถกลับบ้านหลังจากออกไปดีลงานกับคุณเจน ไม่ใช่เหรอ? แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกที กลับพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางแรงงานทาสและเรือนไม้เก่าแก่ที่ดูคร่ำครึ แต่สะอาดเหมือนโดนขัดให้เงาอยู่ตลอดเวลาหรือว่านี่เป็นผลจากการดื่มหนักจนเกินไป?ความคิดยังไม่ทันตกผลึก ภาพบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว แสงไฟหน้ารถพุ่งลงสู่แม่น้ำ ความรู้สึกเย็นเฉียบของสายน้ำที่โอบล้อมร่างก่อนทุกอย่างจะดับวูบถ้าอย่างนั้น...เขาตายแล้วอย่างนั้นเหรอ!?ร่างกายชาวาบไปหมด ความเป็นจริงโถมเข้าใส่จนแทบตั้งตัวไม่ติด ก่อนที่ธีรัชจะได้ขบคิดถึงเรื่องนี้ต่อ เสียงทุ้มเข้มของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง"ไออิน! มึ
บรรยากาศร้อนระอุของบ่ายแก่ๆ เสียงเครื่องปรับอากาศภายในบ้านจัดสรรสไตล์โมเดิร์นหลังใหญ่ ทำงานราวกับจะกลบเสียงแมลงน่าร้อนที่ส่งเสียงระงมอยู่ด้านนอก ชายหนุ่มในชุดสุภาพยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคัก การสนทนาที่อยู่ตรงหน้าเขามันชวนให้น่าดึงดูดมากกว่าอากาศร้อนด้านนอก ดวงตาของธีรัช ส่องประกายด้วยความมั่นใจ ขณะยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนวัยกลางคนสามถึงสี่ท่าน ที่ดูเหมือนจะตั้งใจมองหาบ้านหลังใหม่ เขาไม่สนใจความร้อนระอุที่มีเพียงความมุ่งมั่นที่จะปิดดีลนี้ให้สำเร็จธีรัชในชุดสุภาพ เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็กสีดำ สวมให้ลุควันนี้ดูเรียบหรูน่าเชื่อถือ พร้อมกับผมสีดำขลับ ที่เซ็ดไว้อย่างดี ดูเหมือนว่าเขาคือมืออาชีพที่มีประสบการณ์สูงในการขาย และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เขาจะใช้มันจริงๆ เพราะเขารู้ดีว่าลูกค้าทั้งสามคนนี้ คงไม่ใช่คนที่จะปฏิเสธการซื้อบ้านง่ายๆ"บ้านหลังนี้ สถานที่ดีมากนะครับ ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ถ้าคิดถึงอนาคต อยากได้บ้านที่ทั้งสะดวกสบายและเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หลังนี้ถือว่าตอบโจทย์ที่สุด" ธีรัชพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ ปล่อยให้ลูกค้าฟังไปขณะใช้สายตาสอดส่องไปตามแต่ละมุมของบ้านลูกค้าหญิงคนหนึ่ง