Share

หวงกลับคืน

Author: jalix-ren
last update Last Updated: 2025-05-17 22:47:30

ทินกรรุ่งอรุณ แสงแดดอุ่น ๆ สาดผ่านม่านผืนบาง ละไล้ลงบนใบหน้าของอินที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง เปรมยืนอยู่มุมห้องอย่างเงียบเชียบ จนเมื่อหมอที่เขาเรียกมาตรวจอาการเดินออกมาจากห้อง อินหันไปมองด้วยสายตาเป็นกังวล

“เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับท่านแพทย์?” เสียงเปรมเต็มไปด้วยความห่วงใย

แพทย์หมอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยคำวินิจฉัย “จากที่ฉันตรวจดูทั้งหมดแล้ว คิดว่านายคนนี้น่าจะแพ้พิษบางอย่างที่สะสมในร่างกาย และเพิ่งจะแสดงอาการออกมา โชคดีที่ตรวจพบเร็ว ฉันจัดยาไว้ให้แล้ว ให้กินเช้าเย็นนะหลวงเปรม”

เปรมพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเครียด

“ที่สำคัญ ช่วงนี้อย่าให้เขาใช้ร่างกายหนัก ๆ ยิ่งถ้ามีไข้ พิษจะยิ่งกระจายเร็วขึ้น ต้องระวังให้ดี”

“ขอรับ… ขอบพระคุณมากขอรับท่านแพทย์ขอบคุณจริง ๆ”

คุณเปรมส่งหลวงแพทย์หมอจนลับสายตา ก่อนจะรีบกลับเข้าห้อง เขาเปิดประตูเบา ๆ เหมือนกลัวเสียงจะไปรบกวนคนป่วย บนเตียง อินนอนเอนพิงหมอนอยู่ก่อนแล้ว ดวงตากลมใสสบกับเขาอย่างแนบแน่น มีแววซุกซนผสมความอ่อนล้าอยู่ในนั้น

“ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้นะครับ” อินพูดเบา ๆ น้ำเสียงพยายามกลั้วหัวเราะ “ผมสบายดีม๊ากก ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ไม่เป็นไรหรอกนะครับคุณเปรม”

เปรมเดินเข้ามานั่งข้างเตียง จับมือเขาไว้แน่น

“ท่านหลวงบอกว่าอย่าให้ตัวร้อน อย่าใช้ร่างกายเยอะ แล้วเจ้ายังจะมาบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’ น่ะรึ”

“ห่วงเกินไปแล้วมั้ง” อินหัวเราะเบา ๆ พยายามจะลุกขึ้น แต่เปรมรีบประคองไหล่ไว้

“อย่าลุก!” เปรมทำเสียงดุ "ฉันบอกแล้วไงอิน ไยดื้อเช่นนี้"

อินยิ้มแห้ง ๆ อย่างจนปัญญา “เข้าใจครับ ท่านผู้คุมเปรม”

“ดี” เปรมเอื้อมมือไปแตะหน้าผากอินเบา ๆ “ยังไม่ร้อน... แต่ก็ห้ามดื้อ ห้ามลุก ห้ามซ่า ห้ามทำตัวเป็นหมาวิ่งเล่น เข้าใจที่ฉันบอกไหมอิน”

“โถ่.. พูดเหมือนผมเคยเป็นหมา”

“ก็เห็นนอนมองฉันตาแป๋วอยู่บนเตียงแบบนี้ จะไม่ให้คิดได้ยังไง”

อินกลอกตา แต่ใบหน้ากลับแดงระเรื่อเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะพิษ แต่เพราะเปรมพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใยจนทำตัวไม่ถูก

“งั้น... ถ้าผมเชื่อฟังทุกอย่างแล้ว หายไว ๆ คุณเปรมจะให้รางวัลมั้ยน้า”

“รางวัล?” เปรมหัวเราะในลำคอ ก่อนโน้มหน้าเข้ามาใกล้ “ไว้หายก่อน แล้วค่อยคิดเรื่องนั้น... ตอนนี้แค่นายอินปลอดภัย ฉันก็พอใจแล้ว”

กลิ่นน้ำอบลอยคลุ้งไปทั่วห้องไม้ที่อบอุ่น เปรมนั่งยอง ๆ ข้างอ่างไม้วงกลม ใบหน้าจริงจังขณะตักน้ำร้อนพอดี ๆ ผสมกับกลีบมะลิแห้งแลลั่นทมและน้ำอบที่เตรียมไว้อย่างพิถีพิถัน เขาใช้มือลองจุ่มน้ำเช็กอุณหภูมิ ก่อนจะพยักหน้ากับตัวเองอย่างพึงพอใจ

ชายหนุ่มเดินกลับไปยังเตียง คนโตที่นอนตาแป๋วมองเขามานานก็เอ่ยเบา ๆ “เตรียมน้ำอาบให้ใครเหรอครับ?”

“ก็เตรียมให้คนดื้อที่นอนเถียงฉันเมื่อครู่อยู่นี่ไง” เปรมว่า ยื่นมือมาพยุงเขาขึ้นอย่างทะนุถนอม “ไป อาบน้ำก่อน เดี๋ยวฉันจะเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อให้ด้วย”

อินทำตาโตแสร้งตกใจ “คุณเปรมจะอาบน้ำให้ผมเหรอครับ?”

“อืม ก็ไม่ใช่ว่าเจ้าจะลุกอาบเองได้หรอกมั้ง หลวงแพทย์ท่านบอกว่าอย่าให้ร่างกายร้อน จะลุกเดินตะลอน ๆ ไม่ได้นะ”

อินแอบกลอกตาในใจ ‘ผมไม่ได้ป่วยขนาดนั้นซะหน่อย’ แต่ก็ไม่เถียงอะไร กลับพยักหน้าเชื่อฟังราวกับลูกแมวเชื่อง ๆ …ซึ่งแน่นอนว่าเชื่องเฉพาะภายนอก

เมื่อมาถึงอ่าง อินก็ยืนจ้องอ่างอยู่นานก่อนจะแกล้งร้อง “แย่แล้ว… แขนข้างนี้เหมือนจะปวดแฮะ ถอดเสื้อไม่ได้เลยครับ”

เปรมขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือมาปลดกระดุมให้ด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “เด็กอะไร ดื้อแล้วยังขี้อ้อนอีก”

แต่ยังไม่ทันได้ถอดเสื้อให้เสร็จดี… ร่างสูงก็โดนคว้าคอเสื้อกระชากลงอ่างพร้อมเสียงน้ำสาด!

โครมมม!

“อิน!”

เสียงเปรมตะโกนดังสนั่นขณะจมลงในน้ำอุ่นจนกลีบกุหลาบกระจายเต็มพื้น ตัวเปียกมะล่อกมะแล่กทั้งชุดสีขาวบางจนแนบไปกับผิวอย่างช่วยไม่ได้

อินหัวเราะลั่น ขณะที่เปรมถลึงตาใส่แล้วตามด้วย

“นี่! หูเจ้ามันน่าหยิกนัก!”

“โอ๊ยๆๆ หยิกแรงไปแล้ว!” อินร้องเสียงหลง แต่ก็ยังไม่หยุดแกล้ง กลับรวบตัวเปรมไว้แน่นแล้วเอ่ยเสียงทะเล้น “ผมอาบคนเดียวมันเหงาอะครับ ต้องมีเพื่อนแช่ด้วยสิ”

“อิน!!”

ไม่ทันให้เขาได้ลุกหนี ร่างเปลือยของอินก็โน้มเข้ามา โอบกอดแน่นพร้อมทั้งมือที่ซุกซนค่อย ๆ จัดการกับเสื้อเปียกของเปรมออกทีละชิ้น จนเปรมต้องยอมแพ้ หัวเราะพรืดออกมา

“พอเลย! เจ้านี่มันตัวป่วนจริง ๆ”

เปรมขยี้ผมเปียกของอินด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะหันไปหยิบกลีบดอกมะลิมาแปะบนหัวอีกฝ่าย

“เนี่ย เป็นไงล่ะ เจอคืนบ้าง”

“แค่เนี้ยผมไม่ยอมแพ้หรอกครับ” อินกระซิบเบา ๆ ใกล้ใบหู แล้วแนบริมฝีปากลงบนต้นคอเปรมอย่างรวดเร็ว

“เห้ย! อิน!”

เสียงร้องดังลั่น ขณะที่ใบหน้าเปรมเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด เขารีบลูบคอพลางมองอินด้วยสายตาวิบวับ

“แกล้งทิ้งรอยรึ? เจ้ามันแสบเสียจริงนะ”

" ก็คุณเปรม..สวยมากเลยนี่ครับ "อินพูดยิ้ม ๆ ราวกับพูดเรื่องธรรมดา ขนาดที่หยิบดอกลั่นทมในอ่างมาทัดหูของอีกคน

เปรมหลุดหัวเราะ ยื่นหน้ามากระซิบใกล้ ๆ " จริงหรือ..งั้นก็ลองให้ฉันทิ้งรอยไว้บนใบหน้าซื่อๆนั้นดูบ้าง "

ทั้งคู่หัวเราะเสียงใส ก่อนจะจูบกันเบา ๆ ท่ามกลางกลิ่นดอกไม้และไอน้ำอุ่นคลุ้งเต็มห้อง

หลังจากอาบน้ำกันจนเปียกปอน เปรมกับอินก็ช่วยกันเช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าให้กัน เปรมบ่นอุบที่มีรอยแดงจาง ๆ อยู่ตรงคอ

“เจ้ามันร้าย…” เปรมงึมงำ

“ใครบอกให้คุณสวยเองล่ะครับ” อินตอบหน้าตาเฉย

สุดท้าย บ่าวกับนายก็พากันหัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนจะเดินไปกินข้าวเช้าซึ่งกลายเป็นมื้อเที่ยงอย่างสมบูรณ์แบบ

วันเวลาผันผ่านไปอย่างเงียบงัน ราวกับสายน้ำใต้ศาลาริมเรือนที่ไหลเอื่อยไม่เคยหยุด ธีรัชไม่รู้เลยว่าฤดูเปลี่ยนกี่ครั้งแล้ว ตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่ในร่างอิน อยู่ข้างคุณเปรม คนที่เขารักสุดหัวใจ

" คุณเปรมออกไปราชการแต่เช้าเลยรึ" หญิงวัยชราถามเมื่อเห็นอินเอาขนมใส่กระจาด

" ใช่จ้ะป้า คุณเปรมคงยุ่งมากเลย" อินตอบยิ้มบาง พรางหยิบตะกร้าเดินไปยังศาลาริมน้ำที่หลังเรือน

เขาวางขนมลงบนโต๊ะเล็ก ๆ จัดเรียงให้เรียบร้อย กลิ่นขนมหอมละมุนจากมะพร้าวอ่อน ผสมกลิ่นกล้วยหอมลอยฟุ้งคล้ายจะเต้นรำไปกับลมบางๆ เขานั่งลงมองต้นมะลิต้นโปรดที่ปลูกไว้ริมศาลา หัวใจอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ต้นมะลิที่เป็นเหมือนตัวแทนของความรัก

เขารักชีวิตนี้เหลือเกิน รักจนไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงวันที่มันต้องจบลง

และในเมื่อยามคุณเปรมกลับถึงบ้านทุกๆ วัน ด้วยความเหนื่อยล้าจากงาน แต่พอเห็นขนมในศาลา ก็อดยิ้มไม่ได้ทุกที

"เจ้าอีกแล้วนะอิน ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าฝืน..." เปรมมักพูดขณะเคี้ยวขนมที่อินทำให้จนหมดทุกคำ

" ดื้อเสียจริงเจ้าเด็กบ้านี่"

อินก็จะหัวเราะเบา ๆ "ผมอยากให้คนรักได้กินของอร่อยทุกวันนี่ครับ"

และทุกค่ำคืน ทั้งคู่จะนั่งที่ศาลานี้ มองดูดาว ชมฟ้า แลต้นไม้ริมคลอง พูดคุยหยอกเย้ากันเรื่องนู่นนี่ วิถีชีวิตแสนเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความรักที่อุ่นละมุน บางทีเหมือนไร้ผู้คน ก็มักจะจูบจุมพิตแทนการบอกรักอยู่บ่อยครั้ง

เวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ ร่วกับความสุขที่พึ่งจะมาเริ่มเอาตอนจบของละคร แต่ใครจะรู้ ว่าละครทุกเรื่องไม่ได้จบสวยเหมือนกันทุกครั้งไป และค่ำคืนนี้จะกลายเป็นคืนสุดท้ายของพวกเขา โดยที่ไม่มีใครอาจจะรู้ได้เลยว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

อินวางขนมไว้บนโต๊ะเรียบร้อยพร้อมกับกาน้ำชาที่กำลังอุ่นพร้อมรับประทาน เขานั่งจ้องต้นมะลิ เหม่อลอยไปไกล... คิดถึงวันแรกที่ได้เจอกับคุณเปรม ความรู้สึกอบอุ่น ความอ่อนโยนทุกย่างก้าวของคนผู้นี้ที่มอบให้เขาไม่ขาดสาย

แต่จู่ ๆ... หัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมาเฉียบพลัน ราวกับมีมือหนึ่งบีบรัดไว้แน่น การหายใจขาดเป็นห้วง อาการป่วยบ้าๆนี่มันกลับมาเล่นงานอินอีกแล้ว แต่ครั้งนี้มันกลับรู้สึกเจ็บปวดกว่าทุกครั้งราวกับร่างกายจะฉีกเป็นชิ้นๆ

อินพยายามจะลุกขึ้นแต่ขากลับไร้เรี่ยวแรง จะตัวเผลอไปค้ำกับไม้กั้นระเบียบศาลาใบหน้าคมจ้องมองลงไปด้านล่าง เขาเห็นภาพตัวเองในผืนน้ำ กายหยาบกำลังจางลงทีละนิด

"ไม่… ยังไม่ได้… คุณเปรม..." อินพร่ำในใจ

" ช..ช่วยด้วย!..ช่วยข้าที!! "

เขาพยายามฝืนลุกขึ้นเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ แต่ทุกอย่างกลับพร่ามัว จนสุดท้ายร่างกายที่หนักอึ้งพลัดตกลงน้ำ ร่างของเขาทรุดลงไปช้าๆ ก่อนที่สติจะดับวูบไป พร้อมกับความรู้สึกสุดท้ายที่เขายังคิดถึงแค่คนเดียว… คุณเปรม

ธีรัชลืมตาขึ้นในสถานคุ้นตา ที่เขาไม่ได้เห็นมันมานาน ท่ามกลางแสงไฟนวลจ้า กลิ่นยาและผ้าปูเตียงพลาสติกตีเข้าจมูก เขากะพริบตาช้าๆ หันไปพบหญิงสาวคนหนึ่ง บุคคลที่เขารู้จัก ..กิ๊ก เพื่อนสนิทจากบริษัทเดียวกัน

"ธีรัช! แกฟื้นแล้ว!" เธอวิ่งออกไปเรียกหมอด้วยเสียงดีใจ

แต่ธีรัชกลับ…

ทรุดลงท่ามกลางความเงียบงัน ร่างกายสั่นเทา ราวกับจะพังทลายไปพร้อมกับเสียงหัวใจที่แตกสลาย ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ น้ำใส ๆ ไหลทะลักออกมาไม่หยุด ราวกับเขื่อนอารมณ์ที่พังทลายจนไม่อาจกั้นขอบเขตแห่งความเจ็บปวดได้อีกต่อไป

เขาไม่ได้ดีใจ… ไม่เลย

ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความปลื้มปีติ มีเพียงเสียงพร่าพรายแหบแห้งที่เอื้อนเอ่ยชื่อหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เสียงที่เต็มไปด้วยความอาวรณ์ เศร้าสร้อย ปริแตกอย่างไร้การควบคุม

"คุณเปรม... คุณเปรม..."

ทุกครั้งที่เสียงนั้นหลุดออกจากริมฝีปาก ก็เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นคอยบีบเค้นหัวใจให้ยับเยินน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงรินราวสายฝนในฤดูโศก

ความรักที่ยังตกค้างอยู่ในใจ มันไม่ได้จางหายมันกัดกร่อนอย่างเงียบงัน

และตอนนี้…มันกำลังกลืนกินธีรัชทั้งคนจนแทบไม่เหลือชิ้นส่วนใดให้เรียกว่าความเข้มแข็งอีกต่อไป แสดงว่า..ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขามะนจะหายไปดื้อๆแบบนี้เลยหรอ.. เรื่องราวทุกอย่างมันจะจบลงแบบนี้จริงๆใช่มั้ย

ในเวลาเดียวกันที่ศาลาริมน้ำ เปรมที่กลับมาถึงบ้าน ขาเรียวเดินตรงไปที่ศาลาด้วยหัวใจที่รู้เส้นทางนี้ดีเหลือเกิน เขาเห็นขนมวางอยู่บนโต๊ะ และรู้ทันทีว่าอินต้องทำไว้รอเหมือนกับทุกวัน ก่อนจะส่ายหัวไปมาอย่างเบื่อหน่ายกับความดื้อรั้น

"อิน?" เขาเรียกชื่อเบา ๆ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ

"ไม่อยู่รึ? "

พอสังเกตดูรอบๆอยู่พักใหญ่ก็พบว่าอีกคนน่าจะไม่ได้อยู่แถวนี้จริงๆ เขาจึงหันไปมองต้นมะลิหวังจะเดินไปแวะชื่นชมมันเหมือนทุกครั้ง

ทันใดนั้น… กลีบมะลิทั้งต้นร่วงหล่นพร้อมกันราวกับไม่มีแรงจะยึดกิ่ง ใบไม้เริ่มแห้งและกรอบ ทั้งที่ไม่มีแม้แต่ลม ราวกับลางร้าย ที่กำลังจะมาแจ้งให้เขาทราบว่าตอนนี้มันไม่ปกติ

เปรมใจหายวาบ เขาวิ่งหาคนรักทั่วเรือน ถามไถ่ทุกผู้คนจนวิ่งไปถึงแม่ปิ่นแก้ว น้องสาวที่กำลังนั่งอยู่ในโถงเรือนปักผ้า

" เอ๊ะ? "

"อินไม่ได้รอที่ศาลาเหรอเจ้าคะ?" นางถามด้วยสีหน้างงงัน

เปรมวิ่งกลับมาที่ศาลาอีกครั้ง หัวใจเต้นแรงอย่างไร้สาเหตุ... แต่แล้วจู่ๆภาพวันนั้นที่อินที่นอนอยู่ข้างกานกันแท้ๆ กายหยากลับค่อยๆเลือนหายไปก็ย้อนกลับมาในหัวเขา ราวกับจะจางไปกับอากาศรอบตัวและไม่มีวันหาพบ

หรือวันนี้ ร่างของอินก็หายไปราวกับเป็นหมอกเช่นกันกับวันนั้น..

เปรมทรุดลงตรงหน้าต้นมะลิ ทันทีที่ความคิดตกตะกอน เขากอดมันไว้แน่นพร้อมกับ น้ำตาไหลพรากอย่างห้ามไม่อยู่ ราวกับความเจ็บปวดจะล้นออกมาทางทุกอณู กายขาวสั่นระริกร่ำไห้ครวญครางเหมือนคนเสียสติ

"อิน… ฉันขอโทษ… กลับมาหาฉันเถอะ… เจ้าอย่าไปแบบนี้เลย…"

" อินได้โปรด.."

เปรมพร่ำพูดด้วยเสียงสะอื้น คนที่เคยยิ้มง่ายแต่เข้มแข็งกลับอ่อนแอเหมือนเด็ก ใจที่แตกสลายเป็นขุยผง มันละลายไปกับสายน้ำตาที่ลากยาวบนหน้าแก้ม

ศาลาริมน้ำเงียบงัน มีเพียงเสียงน้ำไหลอแทบขาดใจดังอยู่รอมล่อ กับขนมที่ยังวางอยู่เหมือนรอใครบางคนจะกลับมานั่งข้าง ๆ... แต่คนนั้น อาจไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว

ต้นมะลิหน้าศาลายืนต้นแห้งกรอบ ลำต้นที่เคยแน่นหนักด้วยกลีบขาวสะอาดบัดนี้กลับเหลือเพียงกิ่งก้านเปลือยเปล่า เหมือนมือที่เหยียดขึ้นฟ้าเรียกร้องบางสิ่งที่ไม่มีวันย้อนคืน เหมือนหัวใจของเปรมที่เหือดแห้งไปพร้อมกับวันสุดท้ายที่เขาได้ยินเสียงของอิน

แม้ไม่มีใครเข้าใจว่าชายคนหนึ่งจะสามารถเสียใจได้มากเพียงใดต่อการจากลาที่ไม่มีแม้แต่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายให้คว้าจับ... เปรมเข้าใจ

เขาเดินทางตามหาอินทุกที่... จากใต้สุดของแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงแม่น้ำสายรองที่ไร้ชื่อ จากตลาดบกถึงตลาดน้ำ ไปจนถึงเมืองเหนือเมืองใต้ เขาถามหาคนที่รักสุดหัวใจ คนที่เขาได้ฝากหัวใจเอาไว้

" เห็นชายหนุ่มผิวสีเข้ม ตัวสูงๆ สูงกว่าฉันอีกเขามีหน้าตาที่ใสซื่อ เห็นมาแถวนี้บ้างไหม "เปรมถามซ้ำ ๆ อย่างคนหลงผิด ทั้งน้ำเสียงและดวงตาเปื้อนความหวังที่ค่อย ๆ ดับลงในทุกคำตอบที่ได้รับกลับมา

วันแล้ววันเล่า เขากลับมานั่งที่ศาลาเดิม ใต้ต้นมะลิเดิม แม้มันจะแห้งเฉาไปหมดแล้ว แต่เขายังเอื้อมมือไปพรมน้ำรดมันเบา ๆ ทุกวันราวกับว่ายังมีชีวิตยังมีความหวัง เหมือนที่เขายังรออินกลับมา

“เจ้าคงหนาว... ฉันจะดูแลเจ้าแทนอิน... จนกว่าเขาจะกลับมา ” เปรมกระซิบกับต้นไม้แห้งกรังที่แม้แต่สัตว์ยังไม่อยากอิงอาศัย ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า รอยคล้ำใต้ตาฉายชัดเจนดั่งผู้ไม่ได้นอนมานับสัปดาห์

เสียงหัวเราะของเขากลายเป็นเสียงพูดคนเดียวที่ไม่เคยมีคำตอบ น้ำเสียงที่เคยเปี่ยมด้วยอำนาจของขุนนางกลับแผ่วเบาเหมือนคนเสียสติ... ใครผ่านมาก็อดไม่ได้จะหันไปมองด้วยความสงสารและกลัวในคราวเดียวกัน

จนในวันหนึ่ง ปิ่นแก้วน้องสาวที่ดูแลเปรมเงียบ ๆ มานาน ไม่อาจทนเห็นสภาพพี่ชายที่เคยเป็นเสาหลักของตระกูล กลายเป็นเพียงเงาของอดีตที่กำลังค่อย ๆ ละลายไปกับน้ำตา

เธอตัดสินใจเรียกหมอขวัญ หมอแก่จากหัวเมืองเหนือที่ขึ้นชื่อเรื่องเรียกดวงวิญญาณและเยียวยาจิตใจของคนหลงทาง

เมื่อหมอมาถึงศาลา เขาไม่พูดอะไรนอกจากหลับตานิ่งและเอ่ยคำสวดแผ่วเบา ลมเย็นประหลาดพัดผ่านศาลาเบา ๆ เหมือนหอบเอากลิ่นจาง ๆ ของดอกมะลิที่ไม่มีวันบานอีกต่อไปกลับมา

เปรมไม่แม้แต่จะหันไปมอง เขาเพียงหลุบตาต่ำ กุมมือแน่น

“ท่านยังรอเขาอยู่ใช่หรือไม่...” หมอเอ่ยถามเบา ๆ

เปรมเงยหน้าขึ้น น้ำตาเอ่อล้นออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาพยักหน้าช้า ๆ

“เขาไม่เคยลาจากข้าด้วยซ้ำ... ฉันแค่... อยากได้ยินเสียงเขาอีกสักครั้ง”

และเมื่อพิธีสิ้นสุดลง ไม่มีแม้แต่ปาฏิหาริย์ ไม่มีแม้แต่จะได้ยินเสียงของอิน ไม่มีดวงวิญญาณกลับมาตามความเชื่อ มีเพียงความเงียบ... ที่ดังที่สุดเท่าที่เปรมเคยได้ยินมาในชีวิต

เขาทรุดตัวลงบนพื้นศาลา ซบหน้าลงบนตักของต้นมะลิที่ไร้กลิ่น ดวงตาทอดว่างเปล่า เหมือนชายผู้ที่ต่อให้มีชีวิตอยู่ ก็ไร้จิตวิญญาณมานานแล้ว

"แล้วฉันต้องทำอย่างไร..ตอนนี้เจ้าคงได้กลับบ้านแล้วใช่หรือไม่อินของฉัน.. " เสียงพึมพำแผ่วเบาลอยล่องไปตามสายลม กับความหวังอันริบหรี่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บัญชารักคุณหลวง   ข้ามาหาแล้วหนา

    หลังจากพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลครบกำหนดสองวันตามคุณหมอสั่ง ธีรัชก็ได้กลับมาที่บ้านของตนเองอีกครั้ง บ้านที่เขาควรจะเคยคุ้นแต่กลับรู้สึกแปลกตา เหมือนกลายเป็นแค่ฉากในละครที่ไม่ได้ฉายให้ใครดู เขาเดินช้า ๆ ผ่านห้องนั่งเล่น มองเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัวล้ำสมัย ตู้เย็น ทีวี และโซฟานุ่ม ๆ ที่เคยนั่งดูซีรีส์กับตัวเองในทุกคืนวันศุกร์จนลากไปเช้าของอีกวัน... ชีวิตที่สะดวกสบายและบ้านหลังใหญ่โตที่เขาสร้างมันขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ด้วยความภาคภูมิใจที่แต่ก่อนเขาต้องรู้สึกดีใจและมีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับมาเหยียบที่แห่งนี้แต่ครั้งนี้ทำไมมันกลับไม่อุ่นเหมือนอ้อมแขนของใครบางคนที่เขาคิดถึงจับใจ หรือเพียงเพราะโลกใบนี้ ไม่มีคุณเปรมอยู่ด้วย...ธีรัชนั่งลงกับพื้นเบา ๆ ตรงระเบียงหลังบ้าน ลมฤดูหนาวพัดแผ่วผ่านใบหญ้า เสียงนกกระจอกยังคงร้องเจื้อยแจ้วไม่รู้วันเวลาผ่านไปแค่ไหนสำหรับพวกมัน ต่างจากหัวใจของธีรัชที่เหมือนหยุดเดินตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาจาก “บ้าน” หลังหนึ่งในยุคต้นรัตนโกสินทร์กลับมาเขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แต่ก็ไม่ได้กลิ่นดอกมะลิที่เคยหอมกรุ่นในยามเช้า กลิ่นหอมน้ำอบไทยที่มักจะติดต

  • บัญชารักคุณหลวง   หวงกลับคืน

    ทินกรรุ่งอรุณ แสงแดดอุ่น ๆ สาดผ่านม่านผืนบาง ละไล้ลงบนใบหน้าของอินที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง เปรมยืนอยู่มุมห้องอย่างเงียบเชียบ จนเมื่อหมอที่เขาเรียกมาตรวจอาการเดินออกมาจากห้อง อินหันไปมองด้วยสายตาเป็นกังวล“เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับท่านแพทย์?” เสียงเปรมเต็มไปด้วยความห่วงใยแพทย์หมอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยคำวินิจฉัย “จากที่ฉันตรวจดูทั้งหมดแล้ว คิดว่านายคนนี้น่าจะแพ้พิษบางอย่างที่สะสมในร่างกาย และเพิ่งจะแสดงอาการออกมา โชคดีที่ตรวจพบเร็ว ฉันจัดยาไว้ให้แล้ว ให้กินเช้าเย็นนะหลวงเปรม”เปรมพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเครียด“ที่สำคัญ ช่วงนี้อย่าให้เขาใช้ร่างกายหนัก ๆ ยิ่งถ้ามีไข้ พิษจะยิ่งกระจายเร็วขึ้น ต้องระวังให้ดี”“ขอรับ… ขอบพระคุณมากขอรับท่านแพทย์ขอบคุณจริง ๆ”คุณเปรมส่งหลวงแพทย์หมอจนลับสายตา ก่อนจะรีบกลับเข้าห้อง เขาเปิดประตูเบา ๆ เหมือนกลัวเสียงจะไปรบกวนคนป่วย บนเตียง อินนอนเอนพิงหมอนอยู่ก่อนแล้ว ดวงตากลมใสสบกับเขาอย่างแนบแน่น มีแววซุกซนผสมความอ่อนล้าอยู่ในนั้น“ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้นะครับ” อินพูดเบา ๆ น้ำเสียงพยายามกลั้วหัวเราะ “ผมสบายดีม๊ากก ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ไม่เป็นไรหรอกน

  • บัญชารักคุณหลวง   ลางสังหรณ์

    แสงแดดยามสายทอดผ่านม่านโปร่งบางภายในโถงของเรือนหลังใหญ่ เสียงจิบน้ำชาดังแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบสงบที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของใบชาและมะลิอบแห้งเปรมนั่งเอนหลังบนเบาะรองตัวยาว ร่างกายที่เคยแบกรับภาระหนักอึ้งมาหลายวันคล้ายได้หย่อนคลายเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน เขาสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย ผ้าคลุมบางสีอ่อนพาดบ่า ใบหน้าเริ่มมีรอยอ่อนล้าจาง ๆ แต่แววตายังคงหนักแน่นและแน่วแน่เช่นเดิมอินนั่งอยู่พื้นข้าง ๆ มือหนึ่งหยิบหนังสือ อีกมือก็ไม่วายวางไว้บนขาของคนรัก พยักหน้าเบา ๆ รับฟังอย่างตั้งใจ แม้บทสนทนาที่เอ่ยออกมาจะชวนให้ใจสั่นไม่น้อย“อีกไม่กี่วัน…” เปรมเอ่ยเสียงเรียบ ขณะทอดสายตามองออกไปยังสวนหลังบ้าน“หลวงวิษณุจะถูกนำตัวไปประหาร พร้อมกับ พักพวกอีกสามคน”อินชะงักมือที่กำลังเปิดหน้ากระดาษ เสียงคำว่า “ประหาร” กระแทกเข้าหูราวกับสายลมหนาวเฉียบ เขาเงยหน้ามองอีกคน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ไม่ได้เอ่ยขัด เพราะเข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องของความแค้นส่วนตัวธรรมดา หากแต่เป็น ความยุติธรรมที่คนบาปสมควรได้รับเปรมวางถ้วยชาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันมาสบตาอินตรง ๆ“ข้ารู้ว่าเจ้าหวั่นใจ แต่การลอบสังหาร เจตนาโค่นล้มอำนาจ

  • บัญชารักคุณหลวง   น้ำเดือดที่ดับไฟกองเล็ก

    แสงแดดยามสายทอดผ่านหมู่เมฆลงมากระทบผิวน้ำในท่าเรือ เกลียวคลื่นเบาๆ ซัดกระทบข้างลำเรือสำเภาอย่างสม่ำเสมอ เสียงเชือกเสียดสีกับเสากระโดง สลับกับเสียงกลาสีเรือร้องสั่งงานก้องไปทั่วท่าเรือ เปรมยืนอยู่ที่หัวท่า ชุดเครื่องแบบขุนนางขอบทองดูขรึมขลัง เขากำลังไล่ตรวจตราสินค้าที่ถูกขนลงจากเรือ สำรวจบัญชีรายชื่อสินค้าจากแดนไกลพลางใช้แววตาเคร่งขรึมพินิจทุกรายละเอียดทว่ากระแสลมเย็นที่พัดมากลับนำพาบางสิ่งมาให้เขา กลาสีเรือชาววิลาทคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา มอบจดหมายเก่าๆ ซองขาดปลายให้โดยไม่เอ่ยคำใด เปรมรับไว้ด้วยความสงสัย ครั้นเปิดจดหมายอ่าน ความสงบของเช้าวันนั้นก็ถูกฉีกทึ้งข้อความที่เขาได้อ่านนั้นสั้น เรียบง่าย แต่ราวกับเสียงระเบิดในอก> “รีบกลับมาดูผลงานข้าสิขอรับคุณพี่เปรม ก่อนที่มันจะตายน่ะ”เส้นเลือดที่ขมับเขาปูดพองขึ้น มือข้างหนึ่งกำกระดาษจนยับยู่ยี่ ขณะที่อีกมือแทบสั่นเทา ใจของเปรมกระโจนไปข้างหน้าเร็วกว่าความคิด เขารู้ดี ใครเป็นคนทำเรื่องนี้ได้ และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าเยาะหยันเขาเช่นนี้ หลวงวิษณุ“รีบส่งกำลังตามจับหลวงวิษณุเดี๋ยวนี้!” เขาสั่งเสียงกร้าวกับทหารที่ติดตามมาด้วย" มันยังอยู่พ

  • บัญชารักคุณหลวง   ภาระที่ต้องแบกรับ

    เสียงฝีเท้าดังสม่ำเสมอบนพื้นไม้สักของตำหนักฝ่ายในเรือน เปรมเดินกลับมายังห้องพักชั้นบนอย่างเหนื่อยล้า แขนเสื้อถูกร่นขึ้นครึ่งหนึ่ง เหงื่อชื้นผุดบนหน้าผากแต่ไม่ทันได้ซับ เจ้าตัวก็ทรุดตัวลงกับเก้าอี้ไม้ฝังลายอย่างหมดแรงบนโต๊ะข้างเตียงมีจดหมายหนึ่งฉบับวางอยู่เรียบร้อย ลายมือเจ้าหนุ่มคนรักวางซองกระดาษไว้แนบด้วยใบไม้สีเขียวที่แห้งไปบ้างจากการเดินทางไกล เปรมมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแกะเปิดด้วยมือที่ยังเปรอะหมึกจากเอกสารเมื่อบ่ายเขาอ่านมันช้าๆ เงียบๆ ไม่มีใครในที่นี้รู้ว่าอินเขียนอะไรในนั้น ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีน้ำตา มีเพียงรอยยิ้มบางที่คลี่ออกบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้เก็บงำความรู้สึกจนคนรอบตัวเรียกเขาว่า ‘คุณเปรมจอมบึ้งตึง’เปรมยกใบไม้นั้นขึ้นแนบจมูก สูดกลิ่นจาง ๆ ที่หลงเหลืออยู่พลางหลับตาลงอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเปิดสมุดบันทึกเก่าหนังวัว หย่อนใบมะลิลงบนหน้าหนึ่งที่ยังว่าง แล้วจดบางสิ่งไว้ด้วยลายมือเรียบร้อยเพียงไม่กี่คำ"ยังมีบ้านให้กลับเสมอ"เขามองออกไปยังท้องฟ้ากลางคืนผ่านหน้าต่าง บนฟ้าคืนนี้เต็มไปด้วยหมู่ดาว และพระจันทร์ทรงกลดก็สุกสว่างอย่างสงบ เป็นค่ำคืนที่สวยงามเกินกว่าจะเก็บไว้ในควา

  • บัญชารักคุณหลวง   ฝากดูแลแทนข้าที

    หลายต่อหลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหก เพราะวันนี้กลับเป็นวันที่ต้องส่งคนรักออกไปทำงานไกลตัวเสียแล้ว รุ่งเช้าตรู่ แสงแดดแรกของวันทอดผ่านหน้าต่างเรือนไทยส่องสะท้อนกับผืนน้ำที่สงบเงียบ เสียงไก่ขันยังไม่ทันจางหาย อินก็ตื่นขึ้นมาอย่างรู้งาน เขาเตรียมน้ำท่าร้อนอุ่นอย่างพอดี กลิ่นมะลิจากเกลืออาบน้ำที่ตั้งใจผสมด้วยมือของตนเองลอยคลุ้งทั่วห้อง อินขัดผิวและเช็ดตัวให้เปรมอย่างอ่อนโยน ทุกจังหวะของนิ้วและฝ่ามือเหมือนตั้งใจจดจำสัมผัสของคนรักไว้ในใจ“คุณเปรม…” อินพูดขึ้นในขณะที่กำลังติดกระดุมเสื้อผ้าให้ “ถ้าเดินทางไปถึงที่โน่นแล้ว อย่าลืมเขียนจดหมายมาหาผมนะครับ อย่างน้อยก็...เดือนละสองฉบับก็ยังดี”เปรมยกมือขึ้นลูบศีรษะของอินเบา ๆ “เจ้าจะไม่เขียนตอบกลับข้ารึ?”“ผมกลัวว่าจะเขียนไม่ทันคุณเปรมต่างหาก” อินแสร้งเบะปาก พลางส่งยิ้มละมุน “แค่คิดถึงก็แทบจะเขียนทุกวันอยู่แล้ว”เปรมหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบา เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย และความเสียดายเมื่อถึงเวลาต้องไปที่ท่าเรือ อินช่วยขนของและจัดแจงทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว เขายกกระเป๋า ผูกเชือกมัดปากถุง เดินขึ้นลงเรือจนเหงื่

  • บัญชารักคุณหลวง   ขอสักทีก่อนไป

    ประตูห้องบานไม้ปิดลงเบา ๆ พร้อมเสียงกลอนที่ถูกหมุน เสียงฝีเท้าของอินหยุดชะงักอยู่หน้าประตู ก่อนจะหันกลับมา“จะให้ผมหาน้ำให้ดื—”เขาพูดได้แค่นั้นก่อนที่ร่างกำยำจะถูกคว้าหมับเข้ามาในอ้อมกอดแน่นหนา กลิ่นน้ำอบอ่อนๆจากเสื้อลินินของคุณเปรมยังไม่ทันจาง ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ประกบลงมาทาบปิดคำพูดของเขาแรงแต่ไม่รุนแรง เร่าร้อนแต่มั่นคง และเต็มไปด้วยความคิดถึงที่อัดแน่นจนล้นขอบใจอินนิ่งไปชั่วครู่ สมองขาวโพลน ก่อนที่มือจะเลื่อนขึ้นจับแผ่นอกแข็งแรง แล้วหลับตาตอบรับจูบนั้นอย่างเงียบงันแฮ่ก เสียงหอบหายใจดังขึ้นเป็นระยะ ต้นขาเรียวถูกสอดเข้าไปแทรกอยู่ระหว่างขาของคนตัวใหญ่กว่า ร่างทั้งสองบดเบียดเข้าหากันจนหลังพิงผนังไม้ ลิ้นร้อนดูดดึงรสหวานขมปลายจากปากของอีกฝ่าย มือหนากอดรัดเอวคอดไว้หลวมๆ ขนาดที่พยายามจูบตอบ" อดทนมาทั้งวันแล้ว แฮ่ก.. " เสียงพูดสุดเร้าใจดังขึ้นอยู่ข้างหูของอิน " ถอดผ้าออกสิอิน " ปากอิ่มพึมพำพ้นลมร้อนใส่ ก่อนจะใช้มือขยำก้นของอินอย่างปลุกเร้าเป้าที่นูนขึ้นโผล่พ้นผ้าโจงออกมาอย่างเห็นได้ชัดกำลังถูกันไปมาทุกครั้งที่ร่างเบียดเข้าไปใกล้ชิดจนแทบไม่มีช่องให้อากาศลอดผ่าน " เร็วเข้า.. " มือเรี

  • บัญชารักคุณหลวง   บุคคลต้องสงสัย

    พระจันทร์ลอยเด่นเหนือเรือนพัก เสียงกรอบแกรบของไม้เก่าที่ขยับตามลมเบาๆ แทบจะกลบเสียงหัวใจที่เต้นดังตุบๆ ของคนสองคนไม่ได้เลยอินขยับฟูกเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด… แล้วก็อีกนิด จนได้กลิ่นน้ำอบอ่อนๆ จากเสื้อผ้าคุณเปรมที่พาดไว้มุมฟูก"วันนี้ข้าตรวจบัญชีจนตาแทบบอด" เปรมบ่นเสียงเบา ขณะเอนตัวลงข้างอิน แขนข้างหนึ่งยันศีรษะ ส่วนอีกข้างปล่อยวางสบายๆ"ผมก็ขายของจนปากแห้ง คิดว่าจะไม่ได้ขายอะไรเลยด้วยซ้ำ… แต่แม่บุหลันมาช่วยไว้ทันครับ""นางมักใจดีเช่นนั้น…""แล้วคุณเปรมล่ะครับ วันนี้นอกจากจ้องตัวเลข ยังคิดถึงผมบ้างไหม?" อินแกล้งถามเสียงเบา ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับใต้แสงตะเกียงเปรมเลิกคิ้วมอง ก่อนเอื้อมมือมาดีดหน้าผากอีกคนเบาๆ "ข้าคิดถึงเจ้าทุกคราวที่หยุดหายใจ… แบบนี้พอหรือยัง?"อินหัวเราะคิก แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำ "จะหวานไปไหนครับท่าน!"เปรมหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะขยับมือไปแตะแก้มอินแผ่วเบา นิ้วหัวแม่มือลูบวนเบาๆ ราวกับสำรวจทุกอณู"คราวหน้า อย่าเอาเงินทั้งหมดมาให้ข้าอีก เข้าใจหรือไม่""แต่ผมอยากให้คุณ…""เจ้าจะไถ่ตัวเองไม่ใช่หรือ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าถูกจองจำตลอดชีวิตดอกหนา""แล้วถ้า… ผมยินดีจะเป็นทาสคุณตลอดช

  • บัญชารักคุณหลวง   กลับมาเฉิดฉาย

    แสงแดดอ่อนยามเช้าโรยตัวลงบนระเบียงเรือน เสียงไก่ขันเบา ๆ เคล้าเสียงนกกระจิบที่บินวนอยู่ตามชายคา เรือนเปรมในยามเช้าช่างสงบงามราวภาพวาด แต่บรรยากาศบนเรือนกลับไม่เงียบเหงาเหมือนวันก่อน ๆ เพราะชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งจิบชาร้อน พลางสนทนากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย"เจ้าจะกลับไปอยู่เรือนท้ายอย่างเดิมจริง ๆ หรือ อิน?" คุณเปรมวางถ้วยชาลงบนถาดไม้ไผ่ เคลื่อนตัวนั่งหลังตรง สีหน้าไม่เห็นด้วยนิด ๆ "ข้าไม่เข้าใจ…เหตุใดเจ้าจึงต้องทำเยี่ยงนั้น ทั้งที่บัดนี้เจ้าอยู่ตรงนี้ก็สุขสบายดี"อินนั่งก้มหน้า มือเกาะแก้วชาราวกับมันเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายของชีวิต“ก็เพราะว่าข้ามันเป็นทาสน่ะสิครับ” เสียงเขาเบาจนแทบเป็นกระซิบ “มันก็ไม่ยุติธรรมนักที่ผมได้อยู่เรือนหน้า กินดีอยู่ดี ขณะที่คนอื่นลำบากกันอยู่นั่น”คุณเปรมถอนใจยาว พยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้ดูหงุดหงิด เขาไม่อยากบังคับอิน แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้คนตรงหน้าเลือกทางที่ทำร้ายตัวเองโดยไม่จำเป็น" เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้ารักเจ้าน่ะอิน " เปรมกุมขมับปลายตามองคนตรงหน้า" รู้ครับ..ผมเองก็รักคุณเปรม " เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอ นี่มันไม่ใช่ความรู้สึกผิดที่ใช้ชีวิตเกินฐานะ แต่ถ้า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status