Masuk“เธอมีบางอย่างที่พอจะเอามา ‘ขัดดอก’ หนี้ก้อนนี้ได้”
คำพูดนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวของจีน่าราวกับเสียงสะท้อนในถ้ำลึก มันทั้งเย็นเยียบและแฝงนัยบางอย่างที่ทำให้สันหลังของเธอวาบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด หัวใจที่เคยเต้นระรัวด้วยความตื่นตระหนก บัดนี้กลับเปลี่ยนจังหวะเป็นความหวาดหวั่นที่จับต้องได้ สมองของเธอพยายามประมวลผลความหมายที่ซ่อนอยู่ใต้ประโยคเรียบๆ นั้น แต่กลับว่างเปล่าไปหมด ปลายนิ้วเย็นเฉียบของอัคนียังคงไล้อยู่บนกรอบหน้าของเธอ จากปลายคางมนเคลื่อนขึ้นไปตามแนวสันกรามอย่างเชื่องช้า สัมผัสนั้นแผ่วเบาราวกับปุยนุ่น แต่กลับหนักอึ้งราวกับโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น มันทำให้เธอตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับหรือหายใจแรง จีน่ารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นวัตถุชิ้นหนึ่งที่กำลังถูกพิจารณา... ถูกประเมินค่าอย่างละเอียดถี่ถ้วน และแล้ว... สายตาคู่นั้นก็เริ่มทำงาน ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวของอัคนีละจากดวงหน้าซีดเผือดของเธอ ไล่สำรวจลงมาอย่างเปิดเผยและไม่คิดจะปิดบัง มันเริ่มต้นที่ลำคอระหงซึ่งเผยให้เห็นเส้นเลือดที่เต้นตุบๆ ตามจังหวะหัวใจที่ตื่นกลัว สายตาของเขาหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นชั่วครู่ ราวกับกำลังจินตนาการถึงรอยตีตราความเป็นเจ้าของบนผิวขาวผ่อง แล้วมันก็เคลื่อนต่ำลงมา... ผ่านไหปลาร้าที่โผล่พ้นขอบชุดเดรสมาเล็กน้อย สู่เนินอกอิ่มที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจหอบถี่ของเธอ ชุดยูนิฟอร์มที่เคยคิดว่ารัดรูปและเปิดเผยเกินไป บัดนี้กลับให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้สวมใส่อะไรเลยภายใต้สายตาที่ลากผ่านราวกับจะเผาไหม้ทุกอณูผิว ขนทั่วทั้งร่างของจีน่าพร้อมใจกันลุกชัน... ซู่ นี่มันไม่ใช่สายตาของเจ้านายที่กำลังตำหนิลูกน้อง ไม่ใช่สายตาของเจ้าหนี้ที่มองลูกหนี้ แต่เป็นสายตาของผู้ล่าที่กำลังหมายปองเหยื่อ สายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการดิบเถื่อนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง คุณบอสขา... ยะ... อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ... เสียงร้องโหยหวนนั้นดังขึ้นในใจ แต่ริมฝีปากของเธอกลับหนักอึ้งจนขยับไม่ได้ ทำได้เพียงยืนตัวสั่นระริก ปล่อยให้สายตาคู่นั้นล่วงล้ำเธอต่อไป มันกวาดผ่านช่วงเอวคอดกิ่วที่ถูกคาดเดาได้ภายใต้เนื้อผ้า ก่อนจะหยุดอยู่ที่สะโพกผายกลมกลึงซึ่งถูกขับเน้นด้วยเดรสสั้นกุด สายตาของเขาหยุดพินิจตรงนั้นนานเป็นพิเศษ ราวกับจะประทับภาพความโค้งมนนั้นไว้ในความทรงจำ จีน่ารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว อับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แต่ในขณะเดียวกัน... ลึกลงไปในความรู้สึกกลับมีความซ่านสยิวแปลกประหลาดที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ สุดท้าย... สายตาของเขาก็เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดที่เรียวขาขาวเนียนซึ่งโผล่พ้นชายกระโปรงขึ้นมาเกือบครึ่ง เขาไล่มองมันตั้งแต่ต้นขาไล่ระดับลงไปจนถึงปลายเท้าที่สวมอยู่บนรองเท้าส้นสูงราคาถูก ทุกตารางนิ้วบนร่างกายของเธอ... ถูกสำรวจ... ถูกตีตรา... และถูกหมายหัวไว้แล้วเรียบร้อย เมื่อการสำรวจสิ้นสุดลง เขาก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธออีกครั้ง มุมปากหยักได้รูปยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้จีน่ารู้สึกเหมือนถูกผลักลงไปในหุบเหวที่มืดมิดและหนาวเหน็บ “ตามฉันมา” เขาไม่ได้พูด แต่เป็นการออกคำสั่งที่เด็ดขาดและไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ อัคนีหมุนตัวแล้วเดินนำไปทางโถงทางเดินส่วนตัวที่ทอดยาวเข้าไปยังส่วนลึกของคลับ ทิ้งให้จีน่ายืนนิ่งงันอยู่กับที่ สมองยังคงช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “ไปสิ” เสียงของการ์ดคนสนิทที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กระซิบเตือน ทำให้จีน่าหลุดจากภวังค์ เธอจะทำอย่างไรดี? หนี? แล้วจะหนีไปไหนได้? ที่นี่คืออาณาจักรของเขา ทุกย่างก้าวในนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาทั้งหมด ขัดขืน? ผลที่ตามมาอาจเลวร้ายกว่าการเดินตามไปแต่โดยดี หนี้ก้อนมหาศาลที่เธอไม่มีวันชดใช้ได้คือโซ่ตรวนที่ล่ามคอเธอเอาไว้ สุดท้าย... หญิงสาวก็ทำได้เพียงก้าวเท้าที่สั่นเทาและหนักอึ้งเดินตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกย่างก้าวที่เดินลึกเข้าไปในโซนวีไอพีที่เธอไม่เคยมีสิทธิ์ได้เหยียบย่างเข้ามา มันเหมือนก้าวเดินเข้าสู่กรงของราชสีห์ที่พร้อมจะขย้ำเธอได้ทุกเมื่อ ทางเดินถูกปูด้วยพรมสีเลือดหมูหนานุ่มจนแทบไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า ผนังบุด้วยไม้สีเข้มขัดมันวาววับ ประดับด้วยภาพวาดศิลปะที่ดูมีราคา แตกต่างจากความวุ่นวายอึกทึกด้านนอกโดยสิ้นเชิง ที่นี่เงียบสงบ... และน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก อัคนีหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่บานหนึ่ง ก่อนจะเปิดมันออกแล้วผายมือให้เธอเข้าไปด้านใน จีน่าลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สายตาคมปลาบที่ตวัดมองมาทำให้เธอต้องรีบก้าวเข้าไปในห้องนั้นอย่างรวดเร็ว มันคือห้องทำงานของเขา... ไม่สิ เรียกว่าห้องส่วนตัวน่าจะเหมาะกว่า ด้านหนึ่งเป็นโต๊ะทำงานไม้สีดำขนาดใหญ่ที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ อีกด้านเป็นโซฟาหนังชุดใหญ่หรูหรา ถัดไปมีบาร์เครื่องดื่มขนาดเล็กที่เรียงรายไปด้วยขวดเหล้าราคาแพงยิ่งกว่าที่วางโชว์อยู่ด้านนอก และที่ทำให้เธอใจหายวาบที่สุด คือผนังกระจกบานยักษ์ที่เผยให้เห็นวิวมุมสูงของกรุงเทพฯยามค่ำคืน มันงดงาม... และโดดเดี่ยวในเวลาเดียวกัน เขาเดินไปรินบรั่นดีสีอำพันใส่แก้วคริสตัลเจียระไน ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับเธอ “เธอชื่ออะไร” เขาถามเสียงเรียบ ทำลายความเงียบที่น่าอึดอัด “จะ... จีน่าค่ะ" “จีน่า...” เขาพึมพำชื่อเธอราวกับกำลังลิ้มรสชาติมันบนลิ้น “นักศึกษา?” เธอพยักหน้า สมองเริ่มกลับมาทำงานได้อีกครั้ง “ค่ะ... ทำงานพาร์ทไทม์หาค่าเทอม” เธอตอบตามความจริง หวังว่าความน่าสงสารของตัวเองอาจจะทำให้เขาใจอ่อนลงบ้าง แต่อัคนีเพียงแค่แค่นหัวเราะในลำคอ “ความน่าสงสารใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอกนะ จีน่า... ในโลกของฉัน มีแต่การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม” เขาจิบบรั่นดีในแก้ว ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ แล้วก้าวเข้ามาหาเธออีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้สัมผัสเธอ แต่หยุดยืนในระยะที่ทำให้เธอรู้สึกถึงไออุ่นจากร่างกายของเขา “ค่าเสียหายทั้งหมด... ตีเป็นตัวเลขกลมๆ ก็ประมาณเจ็ดหลัก” เจ็ดหลัก! แค่ได้ยินตัวเลขคร่าวๆ โลกของจีน่าก็แทบจะมืดดับ เธอหาเงินทั้งชาติก็ยังไม่พอ! “แต่ฉันจะให้โอกาสเธอ” เขายื่นข้อเสนอ “ทำงานใช้หนี้ให้ฉัน... ไม่ใช่ในฐานะเด็กเสิร์ฟ แต่เป็น... ผู้ช่วยส่วนตัวของฉัน” “ผู้ช่วยส่วนตัว?” เธอทวนคำอย่างไม่เข้าใจ หน้าที่นั้นมันจะชดใช้หนี้เจ็ดหลักได้อย่างไร อัคนีโน้มใบหน้าลงมาใกล้ จนปลายจมูกของเขาเกือบจะสัมผัสแก้มของเธอ ลมหายใจอุ่นร้อนที่ปะปนด้วยกลิ่นบรั่นดีรดลงบนผิวของเธอแผ่วเบา “ใช่... ผู้ช่วยส่วนตัว” เขากระซิบเสียงพร่า “ดูแลฉัน... ทุกเรื่อง ทำให้ฉัน... พอใจ” คำว่า ‘ทุกเรื่อง’ และ ‘พอใจ’ ถูกเน้นเสียงอย่างจงใจ ความหมายของมันชัดเจนจนจีน่าไม่ต้องเดาต่อให้เสียเวลา ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาทันที นี่มันไม่ใช่ข้อเสนอ แต่มันคือคำสั่งให้เธอยอมพลีกายเพื่อชดใช้หนี้! ดวงตาของเขาจ้องลึกลงมาในดวงตาของเธออีกครั้ง ในแววตานั้นมีความท้าทาย... ความเป็นต่อ... และความปรารถนาที่ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้นอีกต่อไป “เธอไม่มีทางเลือกอื่นหรอกนะ จีน่า... นอกจากจะยอมรับข้อเสนอของฉัน หรือจะให้ฉันส่งบิลเรียกเก็บเงินไปที่มหาวิทยาลัยของเธอ... หรือครอบครัวของเธอที่ต่างจังหวัดดีล่ะ?” มันคือคำขู่ที่ได้ผลชะงัด ครอบครัวของเธอมีแค่ยายแก่ๆ ที่ทำไร่ทำสวน จะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายหนี้ก้อนนี้ อนาคตทางการศึกษาของเธอก็จะพังพินาศลงในพริบตา น้ำตาแห่งความอับจนหนทางเอ่อคลอขึ้นมาในดวงตาคู่สวย เธอกำลังจะถูกกักขังในกรงทองของพญาราชสีห์ที่จ้องจะขย้ำเธอทุกวินาที “ว่ายังไง... เด็กดี” เขากระซิบถามย้ำ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะพ่ายแพ้ ทางเลือกของเธอ... ไม่เคยมีอยู่จริงตั้งแต่แรกอยู่แล้วเวลาล่วงเลยเข้าสู่เที่ยงคืน... ความเงียบภายในคอนโดกลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับอัคนีเป็นครั้งแรกในชีวิต เขาหงุดหงิด งุ่นง่าน เดินไปเดินมาเหมือนเสือติดจั่น ความอดทนของเขาสิ้นสุดลงแล้ว เด็กคนนั้นกล้าดีอย่างไรถึงยังไม่กลับมา! เขาคว้ากุญแจรถสปอร์ตคันหรูบนโต๊ะ ตั้งใจจะตรงไปยังหอพักของเพื่อนเธอเพื่อลากตัวเธอกลับมาด้วยตัวเอง แต่ในจังหวะที่มือกำลังจะเปิดประตูนั้นเอง เขาก็ชะงักไป... เขาจะไปในฐานะอะไร? สามี? คนรัก? ไม่ใช่... เขาเป็นแค่ ‘เจ้าหนี้’ ที่เปลี่ยนสถานะลูกหนี้มาเป็น ‘เด็กในอุปการะ’ การที่เขาบุกไปตามตัวเธอกลางดึก มันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างดูวุ่นวายและน่าสมเพช ความรู้สึกเสียหน้าและหงุดหงิดที่ถูกท้าทายอำนาจทำให้เขาเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย เขาหันหลังกลับ กระแทกประตูห้องเสียงดังปัง! ก่อนจะตัดสินใจขับรถกลับไปที่คลับของตัวเอง... แหล่งระบายอารมณ์ชั้นดีที่เขาคุ้นเคย เสียงเพลงตื๊ดๆ ที่ดังกระหึ่มและแสงสีที่วูบวาบไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขาก้าวผ่านฝูงชนที่กำลังเต้นรำกันอย่างเมามันตรงไปยังโซนวีไอพีชั้นบนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยรังสีอำมหิตจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ “บอสคร
จีน่าลากฟ้าออกมาจากตรงนั้นโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีกเลย เธอเดินเร็วมากจนฟ้าแทบจะต้องวิ่งตาม ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ผ่านร้านค้าต่างๆ ที่ประดับประดาอย่างสวยงาม แต่ในสายตาของจีน่าตอนนี้ ทุกอย่างมันช่างดูหม่นหมองและไร้สีสัน ภาพของผู้หญิงสาวสวยที่ยืนเคียงข้างเขา... น้ำเสียงหวานหยดย้อยที่เรียกเขาว่า ‘ที่รัก’... และคำพูดที่ตีตราว่าเธอเป็นแค่ ‘เด็กที่ผับ’... ทุกอย่างมันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเธอเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ตอกย้ำความจริงที่แสนเจ็บปวดว่าเธอเป็นใคร และไม่มีวันจะได้ยืนในตำแหน่งนั้น... ตำแหน่งข้างกายเขา หลังจากเดินห้างเสร็จอย่างหมดอาลัยตายอยาก ฟ้าไม่ได้เซ้าซี้จะช้อปปิ้งต่ออีก เพราะเห็นได้ชัดว่าเพื่อนสนิทของเธอไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าอึดอัด มีเพียงเสียงจอแจของผู้คนในห้างที่ดูขัดแย้งกับความรู้สึกภายในใจของจีน่าโดยสิ้นเชิง เมื่อเดินออกมาจากประตูห้างสรรพสินค้าแล้ว จีน่าก็หยุดเดินและหันมามองเพื่อนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า “ฟ้า... ฉัน... ฉันไปนอนที่หอแกด้วยได้ไหมคืนนี้” เธอเอ่ยปากขอด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย เธอไ
ผ่านมาสามสี่วันแล้วที่ชีวิตของจีน่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองที่เธอถูกย้ายเข้ามาอยู่ มันกว้างขวางและสะดวกสบายเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพ เสื้อผ้าแบรนด์เนมถูกแขวนเรียงรายอยู่ในตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ข้าวของเครื่องใช้ล้วนเป็นของราคาแพงที่เธอไม่เคยมีปัญญาซื้อหาได้ในชีวิตนี้ ยามเช้ามีแม่บ้านนำอาหารเช้ามาส่งให้ถึงหน้าห้อง และในบัญชีธนาคารของเธอก็มีเงินจำนวนมากพอที่จะใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือยไปทั้งเทอมมันคือชีวิตในฝัน... ที่เธอไม่เคยต้องการทุกตารางนิ้วในห้องชุดสุดหรูแห่งนี้ตอกย้ำสถานะ ‘เด็กในอุปการะ’ ของเธอ มันคือคุกทองที่พันธนาการเธอไว้ด้วยบุญคุณและความรู้สึกผิด แม้ร่างกายจะสุขสบาย แต่หัวใจกลับแห้งแล้งและว่างเปล่าอัคนีไม่ค่อยได้มาหาเธอเท่าไหร่หลังจากคืนนั้น เขาก็มาหาเธอเพียงครั้งเดียวเพื่อดูความเรียบร้อยของที่พัก ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงคำสั่งสั้นๆ ว่าให้ดูแลตัวเองให้ดีและตั้งใจเรียน อย่าทำตัวให้มีปัญหา เขาไม่ได้แตะต้องตัวเธออีก และนั่นก็ทำให้จีน่ารู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งก็
คำสั่งเสียงเรียบที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนที่เขาจะเดินจากไป ดึงสติของจีน่ากลับมาจากภวังค์แห่งความสับสน เธอนั่งนิ่งอยู่บนขอบอ่างหินอ่อนที่เย็นเฉียบอยู่ครู่หนึ่ง มองไอน้ำอุ่นที่ลอยกรุ่นขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำด้วยสายตาที่เลื่อนลอย ข้อเสนอของเขา... มันคืออะไรกันแน่?ส่งเสียให้เรียนจนจบ... ย้ายไปอยู่คอนโดใหม่ที่สภาพแวดล้อมดีกว่า... ไม่ต้องทำงานที่ผับอีกต่อไป...มันฟังดูเหมือนความฝัน... ความฝันที่เด็กกำพร้ายากจนอย่างเธอไม่เคยกล้าแม้แต่จะจินตนาการถึง แต่ทำไม... ทำไมหัวใจของเธอกลับหนักอึ้งราวกับมีหินก้อนใหญ่ถ่วงอยู่ ทำไมมันไม่มีความรู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย?เธอค่อยๆ ประคองร่างที่ยังคงปวดระบมของตัวเองลงไปในอ่างน้ำอุ่น ความร้อนของน้ำช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางกายได้เป็นอย่างดี แต่ความเจ็บปวดและสับสนในใจกลับไม่จางหายไปเลยแม้แต่น้อย เธอมองคราบเลือดจางๆ ที่ลอยปะปนกับฟองสบู่ มันคือหลักฐานที่ยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นเด็กสาวคนเดิมอีกต่อไปแล้วหลังจากชำระล้างร่างกายจนสะอาด เธอก็พบว่ามีชุดนอนผ้าซาตินเนื้อดีสีครีมแขวนเตรียมไว้ให้พร้อมกับผ้าขนหนูผืนใหม่ เมื่อสวมใส่มันเรียบร้อยแล้ว เธอก็รวบรวมความกล้าเดินออกมาจากห้องน้ำอั
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำและคำเฉลยที่แสนจะน่าอายของเขายังคงก้องอยู่ในหูของจีน่า เธอนอนนิ่งอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ที่ยังคงทาบทับเธอไว้ สัมผัสของแก่นกายที่ยังเชื่อมต่อกันอยู่ภายในร่างกายของเธอเป็นเครื่องยืนยันว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน สมองของเธอยังคงมึนงงและสับสน ความสุขสมที่เขาเรียกว่า ‘สวรรค์’ นั้นมันช่างรุนแรงและท่วมท้นจนทำให้เธออ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปทั้งร่าง แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะจากหยาดเหงื่อและของเหลวที่เขาปลดปล่อยเข้ามาก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัว เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ในที่สุดอัคนีก็ยอมผละกายออกอย่างอ้อยอิ่ง เสียงถอนแก่นกายดังบ๊วบเบาๆ ทำให้ใบหน้าของจีน่าร้อนเห่อขึ้นมาอีกครั้ง เธอรีบพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้เขาทันที ดึงผ้าห่มผืนหนาที่ปลายเตียงขึ้นมาคลุมร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบจากฝีมือของเขาไว้จนมิดชิด เธออยากจะลุกไปเข้าห้องน้ำ อยากจะชำระล้างคราบไคลและความรู้สึกที่ถูกย่ำยีนี้ออกไปให้หมดสิ้น จีน่าพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิด ยันตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆ แต่เพียงเท่านั้น ความเจ็บแปลบที่ร่องกลีบแล่นปราดขึ้นมาจนเธอต้องนิ่วหน้า เธอ
จังหวะที่เคยเชื่องช้าและอ่อนโยนราวกับบทเพลงกล่อมเด็ก แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มันกลายเป็นจังหวะของพายุคลั่งที่โหมกระหน่ำอย่างไร้ความปรานี อัคนีไม่ได้อดกลั้นหรืออ่อนโยนอีกต่อไป สัญชาตญาณดิบของนักล่าเข้าครอบงำเขาโดยสมบูรณ์ ทุกการสอดกระแทกเต็มไปด้วยความหนักหน่วง รุนแรง และปรารถนาที่จะครอบครองอย่างแท้จริง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นเป็นจังหวะที่ร้อนแรงและน่าอาย ผสานเข้ากับเสียงพรมขนสัตว์ที่เสียดสีอยู่เบื้องล่าง บรรยากาศในห้องที่เคยเงียบสงบ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงหอบหายใจของคนสองคนและเสียงแห่งบทรักที่ดุดัน สำหรับจีน่า มันคือประสบการณ์ที่พลิกโลกทั้งใบของเธอ ความเจ็บปวดที่เคยฉีกกระชากร่างกายเมื่อครู่ได้เลือนหายไปแล้วอย่างน่าอัศจรรย์ มันถูกแทนที่ด้วยคลื่นความรู้สึกระลอกใหม่ที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยรู้จักและไม่มีคำใดจะอธิบายได้ “อื้อ... คุณ...” เสียงของเธอหลุดครางออกมาอย่างไม่อาจควบคุม มันไม่ใช่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดอีกต่อไป แต่เป็นเสียงครางกระเส่าที่สั่นพร่าและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น ขาทั้งสองข้างที่เคยพยายามหนีบเข้าหากันเพื่อต่อต้าน ตอนนี้กลับย







