LOGINอากาศภายในเพนท์เฮาส์หรูเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศ แต่สำหรับจีน่า เธอกลับรู้สึกร้อนวูบวาบราวกับกำลังยืนอยู่กลางกองไฟ คำขู่ของอัคนีเปรียบเสมือนน้ำมันที่ราดรดลงมาซ้ำเติม มันไม่ได้เป็นเพียงคำพูดลอยๆ แต่มันคือความเป็นจริงอันโหดร้ายที่เธอรู้ดีว่าชายคนนี้ทำได้จริง อำนาจของเขาสามารถพังทลายโลกใบเล็กของเธอให้ย่อยยับได้ภายในพริบตา
น้ำตาที่เอ่อคลออยู่เต็มหน่วยรื้นไหลลงมาอาบแก้มในที่สุด มันคือหยาดน้ำตาแห่งความอัปยศ ความอับจนหนทาง และความพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาที่เล่นตลกกับเธออย่างเลือดเย็นที่สุด ภาพใบหน้าของยายที่ต่างจังหวัดฉายชัดขึ้นมาในมโนสำนึก รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวังในวันที่เธอสอบติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ความภาคภูมิใจที่ฉายชัดในแววตาเหี่ยวย่นคู่นั้น... เธอจะทำลายความหวังเดียวของครอบครัวลงไม่ได้เด็ดขาด หญิงสาวหลับตาลงช้าๆ กล้ำกลืนก้อนความขมขื่นที่จุกแน่นอยู่ในลำคอลงไป พร้อมๆ กับกล้ำกลืนศักดิ์ศรีทั้งหมดที่เคยมี เธอสูดลมหายใจที่สั่นเทาเข้าปอด ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เผชิญหน้ากับพญามัจจุราชในคราบเทพบุตรของเธอ “ค่ะ...” เสียงที่เปล่งออกมาแผ่วเบาราวกระซิบและแหบแห้งจนแทบไม่ได้ยิน แต่ในความเงียบสงัดของห้องทำงานแห่งนี้ มันกลับดังชัดเจนราวกับเสียงฟ้าร้อง แค่คำสั้นๆ คำเดียว... แต่มันคือคำยอมจำนนที่อัคนีกำลังรอคอย รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากหยักสวยของเขาอีกครั้ง คราวนี้มันเป็นรอยยิ้มของผู้ชนะที่ได้ทุกสิ่งมาไว้ในกำมือ เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะผละตัวออกไปนั่งไขว่ห้างบนโซฟาหนังตัวใหญ่ ท่าทางผ่อนคลายราวกับราชาที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ของตน “ดีมาก... ฉันชอบเด็กที่ฉลาดและรู้จักเอาตัวรอด” เขากล่าวเสียงเรียบ พลางยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบอีกครั้ง “เธอตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว จีน่า” จีน่ายืนนิ่งอยู่ที่เดิม เนื้อตัวยังคงสั่นเทาไม่หยุด เธอรู้สึกเหมือนวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว เหลือเพียงร่างกายที่ว่างเปล่าที่รอรับคำบัญชาจากเจ้านายคนใหม่ “มานี่สิ” เขาตบเบาๆ ลงบนพื้นที่ว่างข้างตัวบนโซฟา เป็นการออกคำสั่งอีกครั้ง ร่างบางขยับไหวราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ เธอก้าวไปหาเขาอย่างเชื่องช้า ขาที่ไร้เรี่ยวแรงเกือบจะสะดุดพรมหนานุ่ม แต่ก็ยังประคองตัวเองไปนั่งลงบนโซฟาข้างๆ เขาได้ในที่สุด เธอเลือกที่จะนั่งที่ขอบโซฟา เว้นระยะห่างจากเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามหดตัวเองให้เล็กที่สุดราวกับอยากจะล่องหนไปจากตรงนี้ อัคนีเหลือบมองท่าทีหวาดระแวงนั้นด้วยแววตาขบขัน เขาไม่ได้ขยับเข้าไปใกล้ แต่กลับเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างสบายอารมณ์ ปล่อยให้ความเงียบและความตึงเครียดเข้าครอบงำบรรยากาศอีกครั้ง เขาดูจะสนุกกับการได้เห็นเธอทรมานอยู่กับความไม่รู้นี้ “หน้าที่ ‘ผู้ช่วยส่วนตัว’ ของเธอ... เริ่มคืนนี้เลย” เขาทำลายความเงียบขึ้นในที่สุด จีน่าสะดุ้งเฮือก หันขวับไปมองเขาทันที หัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม “คืนนี้... เหรอคะ?” “ใช่ คืนนี้” เขายืนยัน “ข้อแรกของการเป็นผู้ช่วยที่ดี คือต้องพร้อมทำงานเสมอเมื่อเจ้านายต้องการ และตอนนี้... ฉันต้องการ” เขาไม่ได้พูดว่าต้องการอะไร แต่สายตาที่ลากไล้ตั้งแต่เรือนผมจรดปลายเท้าของเธอก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดใดๆ “ไปอาบน้ำ” คำสั่งสั้นๆ ที่เรียบง่ายแต่กลับทำให้เลือดในกายของจีน่าเย็นเฉียบ เขายกมือขึ้นชี้ไปยังประตูอีกบานหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่อย่างกลมกลืนกับผนังห้อง “ในนั้นมีห้องน้ำและห้องนอนส่วนตัวของฉันอยู่... และมีทุกอย่างที่เธอต้องการ” ราวกับถูกไฟฟ้าช็อต จีน่าเบิกตากว้าง นี่มัน... เร็วกว่าที่เธอคิดไว้มาก เธอคิดว่ามันอาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ เธออยากจะมีเวลาทำใจมากกว่านี้อีกสักนิด แต่สำหรับเขา... เวลาของเธอไม่มีค่าอะไรเลย “แต่... หนู...” เธอพยายามจะเอ่ยปากปฏิเสธหรือต่อรอง แต่ก็หาเหตุผลที่ดีไม่ได้ “แต่?” อัคนีเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แววตาเริ่มฉายแววไม่พอใจ “เธอกำลังจะบอกว่ายังไม่พร้อมงั้นเหรอ? จีน่า... อย่าทำให้ฉันต้องเปลี่ยนใจเรื่อง ‘ข้อเสนอ’ ของเรา” คำขู่ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง และมันก็ได้ผลเหมือนเดิม จีน่ารีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน “ปะ... เปล่าค่ะ!” “ก็ดี... งั้นก็ไปซะ” เขาตัดบทอย่างเย็นชา “ฉันไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่ง” ไม่มีทางเลือกอื่นอีกต่อไปแล้ว หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายที่หนักอึ้งราวกับมีหินถ่วงไว้ทุกส่วน เธอหมุนตัวเดินไปยังประตูบานนั้นอย่างเชื่องช้า ทุกย่างก้าวเหมือนเดินอยู่บนคมมีด หัวใจบีบรัดจนเจ็บปวด มือของเธอเย็นเฉียบจนชาไปหมดเมื่อเอื้อมไปจับลูกบิดประตูโลหะ เมื่อบิดมันออก สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาก็คือห้องนอนสุดหรูที่ตกแต่งด้วยโทนสีเข้มเช่นเดียวกับห้องทำงาน เตียงคิงไซส์สีเทาเข้มตั้งเด่นอยู่กลางห้อง ผ้าปูที่นอนตึงเรียบราวกับไม่เคยถูกใช้งาน และถัดเข้าไปด้านในคือประตูห้องน้ำที่ทำจากกระจกฝ้า เธอไม่มีเวลาได้สำรวจอะไรมากนัก รีบก้าวเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูลงทันที แผ่นหลังพิงแนบกับบานประตูเย็นเฉียบ ก่อนที่เรี่ยวแรงทั้งหมดจะหมดสิ้นลง ร่างของเธอทรุดฮวบลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก ณ วินาทีนั้นเอง... เขื่อนน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็พังทลายลงมาอย่างสิ้นเชิง จีน่ายกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อสะกดกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกไป เธอร้องไห้... ร้องไห้ให้กับโชคชะตาของตัวเอง ร้องไห้ให้กับศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียบย่ำจนไม่เหลือชิ้นดี ร้องไห้ให้กับอนาคตที่เคยวาดฝันไว้สวยงามแต่บัดนี้กลับมืดมนไร้หนทาง เธอใช้เวลาอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้ จนกระทั่งเสียงสะอื้นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเพียงลมหายใจที่สั่นเทา เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีเวลามากนัก ขืนช้ากว่านี้ อาจจะทำให้ราชสีห์ที่รออยู่ด้านนอกหมดความอดทน หญิงสาวพยุงร่างที่อ่อนล้าลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปในห้องน้ำที่หรูหราจนไม่น่าเชื่อ ทุกอย่างดูใหม่เอี่ยมราวกับไม่เคยมีใครแตะต้อง บนเคาน์เตอร์หินอ่อนมีผลิตภัณฑ์อาบน้ำแบรนด์ดังวางเรียงรายอยู่ครบครัน และที่ทำให้เธอต้องหยุดชะงักก็คือ... เสื้อคลุมอาบน้ำผ้าไหมสีดำสนิทตัวหนึ่งที่พับวางไว้อย่างเรียบร้อย มันคือการเตรียมการที่บ่งบอกชัดเจนว่าเขาคาดการณ์ทุกอย่างไว้หมดแล้ว... เธอเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่เดินไปตามเกมที่เขาวางไว้ทุกกระดาน จีน่าถอดชุดเดรสพนักงานเสิร์ฟที่น่าอึดอัดนั้นออกอย่างช้าๆ โยนมันทิ้งไปกองที่พื้นราวกับเป็นสิ่งของน่ารังเกียจ ก่อนจะก้าวเข้าไปใต้ฝักบัว ปล่อยให้สายน้ำอุ่นชะล้างคราบเหงื่อไคลและความเหนื่อยล้า... แต่ไม่อาจชะล้างความรู้สึกอัปยศอดสูที่เกาะกินอยู่ในใจได้เลย เธอใช้เวลาไม่นานนัก รีบเช็ดตัวให้แห้งแล้วคว้าเสื้อคลุมตัวนั้นมาสวม เนื้อผ้าไหมลื่นละเอียดแนบไปกับผิวเนื้อ ให้ความรู้สึกหรูหราและวาบหวามในเวลาเดียวกัน มันทั้งยาวและใหญ่เกินตัวเธอไปมาก แต่กลับยิ่งขับเน้นให้ร่างบางของเธอดูน่าทะนุถนอมและเปราะบางมากยิ่งขึ้น หญิงสาวมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกบานใหญ่ เด็กสาวในกระจกมีดวงตาที่แดงก่ำและบวมช้ำ ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด เธอดูไม่เหมือนตัวเองอีกต่อไปแล้ว นี่คือ... จุดเริ่มต้นของชีวิตในฐานะ ‘ของเล่น’ ของมาเฟียอย่างนั้นหรือ? เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องน้ำ เตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับ ‘คำสั่ง’ ต่อไปจากเขา... คำสั่งที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปตลอดกาลเวลาล่วงเลยเข้าสู่เที่ยงคืน... ความเงียบภายในคอนโดกลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับอัคนีเป็นครั้งแรกในชีวิต เขาหงุดหงิด งุ่นง่าน เดินไปเดินมาเหมือนเสือติดจั่น ความอดทนของเขาสิ้นสุดลงแล้ว เด็กคนนั้นกล้าดีอย่างไรถึงยังไม่กลับมา! เขาคว้ากุญแจรถสปอร์ตคันหรูบนโต๊ะ ตั้งใจจะตรงไปยังหอพักของเพื่อนเธอเพื่อลากตัวเธอกลับมาด้วยตัวเอง แต่ในจังหวะที่มือกำลังจะเปิดประตูนั้นเอง เขาก็ชะงักไป... เขาจะไปในฐานะอะไร? สามี? คนรัก? ไม่ใช่... เขาเป็นแค่ ‘เจ้าหนี้’ ที่เปลี่ยนสถานะลูกหนี้มาเป็น ‘เด็กในอุปการะ’ การที่เขาบุกไปตามตัวเธอกลางดึก มันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างดูวุ่นวายและน่าสมเพช ความรู้สึกเสียหน้าและหงุดหงิดที่ถูกท้าทายอำนาจทำให้เขาเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย เขาหันหลังกลับ กระแทกประตูห้องเสียงดังปัง! ก่อนจะตัดสินใจขับรถกลับไปที่คลับของตัวเอง... แหล่งระบายอารมณ์ชั้นดีที่เขาคุ้นเคย เสียงเพลงตื๊ดๆ ที่ดังกระหึ่มและแสงสีที่วูบวาบไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขาก้าวผ่านฝูงชนที่กำลังเต้นรำกันอย่างเมามันตรงไปยังโซนวีไอพีชั้นบนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยรังสีอำมหิตจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ “บอสคร
จีน่าลากฟ้าออกมาจากตรงนั้นโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีกเลย เธอเดินเร็วมากจนฟ้าแทบจะต้องวิ่งตาม ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ผ่านร้านค้าต่างๆ ที่ประดับประดาอย่างสวยงาม แต่ในสายตาของจีน่าตอนนี้ ทุกอย่างมันช่างดูหม่นหมองและไร้สีสัน ภาพของผู้หญิงสาวสวยที่ยืนเคียงข้างเขา... น้ำเสียงหวานหยดย้อยที่เรียกเขาว่า ‘ที่รัก’... และคำพูดที่ตีตราว่าเธอเป็นแค่ ‘เด็กที่ผับ’... ทุกอย่างมันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเธอเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ตอกย้ำความจริงที่แสนเจ็บปวดว่าเธอเป็นใคร และไม่มีวันจะได้ยืนในตำแหน่งนั้น... ตำแหน่งข้างกายเขา หลังจากเดินห้างเสร็จอย่างหมดอาลัยตายอยาก ฟ้าไม่ได้เซ้าซี้จะช้อปปิ้งต่ออีก เพราะเห็นได้ชัดว่าเพื่อนสนิทของเธอไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าอึดอัด มีเพียงเสียงจอแจของผู้คนในห้างที่ดูขัดแย้งกับความรู้สึกภายในใจของจีน่าโดยสิ้นเชิง เมื่อเดินออกมาจากประตูห้างสรรพสินค้าแล้ว จีน่าก็หยุดเดินและหันมามองเพื่อนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า “ฟ้า... ฉัน... ฉันไปนอนที่หอแกด้วยได้ไหมคืนนี้” เธอเอ่ยปากขอด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย เธอไ
ผ่านมาสามสี่วันแล้วที่ชีวิตของจีน่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองที่เธอถูกย้ายเข้ามาอยู่ มันกว้างขวางและสะดวกสบายเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพ เสื้อผ้าแบรนด์เนมถูกแขวนเรียงรายอยู่ในตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ข้าวของเครื่องใช้ล้วนเป็นของราคาแพงที่เธอไม่เคยมีปัญญาซื้อหาได้ในชีวิตนี้ ยามเช้ามีแม่บ้านนำอาหารเช้ามาส่งให้ถึงหน้าห้อง และในบัญชีธนาคารของเธอก็มีเงินจำนวนมากพอที่จะใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือยไปทั้งเทอมมันคือชีวิตในฝัน... ที่เธอไม่เคยต้องการทุกตารางนิ้วในห้องชุดสุดหรูแห่งนี้ตอกย้ำสถานะ ‘เด็กในอุปการะ’ ของเธอ มันคือคุกทองที่พันธนาการเธอไว้ด้วยบุญคุณและความรู้สึกผิด แม้ร่างกายจะสุขสบาย แต่หัวใจกลับแห้งแล้งและว่างเปล่าอัคนีไม่ค่อยได้มาหาเธอเท่าไหร่หลังจากคืนนั้น เขาก็มาหาเธอเพียงครั้งเดียวเพื่อดูความเรียบร้อยของที่พัก ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงคำสั่งสั้นๆ ว่าให้ดูแลตัวเองให้ดีและตั้งใจเรียน อย่าทำตัวให้มีปัญหา เขาไม่ได้แตะต้องตัวเธออีก และนั่นก็ทำให้จีน่ารู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งก็
คำสั่งเสียงเรียบที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนที่เขาจะเดินจากไป ดึงสติของจีน่ากลับมาจากภวังค์แห่งความสับสน เธอนั่งนิ่งอยู่บนขอบอ่างหินอ่อนที่เย็นเฉียบอยู่ครู่หนึ่ง มองไอน้ำอุ่นที่ลอยกรุ่นขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำด้วยสายตาที่เลื่อนลอย ข้อเสนอของเขา... มันคืออะไรกันแน่?ส่งเสียให้เรียนจนจบ... ย้ายไปอยู่คอนโดใหม่ที่สภาพแวดล้อมดีกว่า... ไม่ต้องทำงานที่ผับอีกต่อไป...มันฟังดูเหมือนความฝัน... ความฝันที่เด็กกำพร้ายากจนอย่างเธอไม่เคยกล้าแม้แต่จะจินตนาการถึง แต่ทำไม... ทำไมหัวใจของเธอกลับหนักอึ้งราวกับมีหินก้อนใหญ่ถ่วงอยู่ ทำไมมันไม่มีความรู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย?เธอค่อยๆ ประคองร่างที่ยังคงปวดระบมของตัวเองลงไปในอ่างน้ำอุ่น ความร้อนของน้ำช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางกายได้เป็นอย่างดี แต่ความเจ็บปวดและสับสนในใจกลับไม่จางหายไปเลยแม้แต่น้อย เธอมองคราบเลือดจางๆ ที่ลอยปะปนกับฟองสบู่ มันคือหลักฐานที่ยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นเด็กสาวคนเดิมอีกต่อไปแล้วหลังจากชำระล้างร่างกายจนสะอาด เธอก็พบว่ามีชุดนอนผ้าซาตินเนื้อดีสีครีมแขวนเตรียมไว้ให้พร้อมกับผ้าขนหนูผืนใหม่ เมื่อสวมใส่มันเรียบร้อยแล้ว เธอก็รวบรวมความกล้าเดินออกมาจากห้องน้ำอั
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำและคำเฉลยที่แสนจะน่าอายของเขายังคงก้องอยู่ในหูของจีน่า เธอนอนนิ่งอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ที่ยังคงทาบทับเธอไว้ สัมผัสของแก่นกายที่ยังเชื่อมต่อกันอยู่ภายในร่างกายของเธอเป็นเครื่องยืนยันว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน สมองของเธอยังคงมึนงงและสับสน ความสุขสมที่เขาเรียกว่า ‘สวรรค์’ นั้นมันช่างรุนแรงและท่วมท้นจนทำให้เธออ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปทั้งร่าง แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะจากหยาดเหงื่อและของเหลวที่เขาปลดปล่อยเข้ามาก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัว เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ในที่สุดอัคนีก็ยอมผละกายออกอย่างอ้อยอิ่ง เสียงถอนแก่นกายดังบ๊วบเบาๆ ทำให้ใบหน้าของจีน่าร้อนเห่อขึ้นมาอีกครั้ง เธอรีบพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้เขาทันที ดึงผ้าห่มผืนหนาที่ปลายเตียงขึ้นมาคลุมร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบจากฝีมือของเขาไว้จนมิดชิด เธออยากจะลุกไปเข้าห้องน้ำ อยากจะชำระล้างคราบไคลและความรู้สึกที่ถูกย่ำยีนี้ออกไปให้หมดสิ้น จีน่าพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิด ยันตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆ แต่เพียงเท่านั้น ความเจ็บแปลบที่ร่องกลีบแล่นปราดขึ้นมาจนเธอต้องนิ่วหน้า เธอ
จังหวะที่เคยเชื่องช้าและอ่อนโยนราวกับบทเพลงกล่อมเด็ก แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มันกลายเป็นจังหวะของพายุคลั่งที่โหมกระหน่ำอย่างไร้ความปรานี อัคนีไม่ได้อดกลั้นหรืออ่อนโยนอีกต่อไป สัญชาตญาณดิบของนักล่าเข้าครอบงำเขาโดยสมบูรณ์ ทุกการสอดกระแทกเต็มไปด้วยความหนักหน่วง รุนแรง และปรารถนาที่จะครอบครองอย่างแท้จริง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นเป็นจังหวะที่ร้อนแรงและน่าอาย ผสานเข้ากับเสียงพรมขนสัตว์ที่เสียดสีอยู่เบื้องล่าง บรรยากาศในห้องที่เคยเงียบสงบ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงหอบหายใจของคนสองคนและเสียงแห่งบทรักที่ดุดัน สำหรับจีน่า มันคือประสบการณ์ที่พลิกโลกทั้งใบของเธอ ความเจ็บปวดที่เคยฉีกกระชากร่างกายเมื่อครู่ได้เลือนหายไปแล้วอย่างน่าอัศจรรย์ มันถูกแทนที่ด้วยคลื่นความรู้สึกระลอกใหม่ที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยรู้จักและไม่มีคำใดจะอธิบายได้ “อื้อ... คุณ...” เสียงของเธอหลุดครางออกมาอย่างไม่อาจควบคุม มันไม่ใช่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดอีกต่อไป แต่เป็นเสียงครางกระเส่าที่สั่นพร่าและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น ขาทั้งสองข้างที่เคยพยายามหนีบเข้าหากันเพื่อต่อต้าน ตอนนี้กลับย







