Share

ตอนที่ 13

last update Last Updated: 2024-12-12 04:46:30

“ท่านพ่อ เราสร้างบ้านได้โดยไม่ต้องใช้เงินสักอีแปะขอรับ”

“เจ้าว่าอย่างไรนะหมิงเอ๋อร์ มันจะเป็นไปได้ยังไง พ่อยังไม่เคยได้ยินว่าการสร้างบ้านไม่ต้องเสียเงินมาก่อน” จางอี้เทาถามกลับด้วยความตื่นเต้น

จางอี้หมิงยกยิ้ม หลังจากที่นอนคิดมาทั้งคืน เขาเห็นสมควรที่จะต้องสร้างบ้านอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ทนอากาศหนาวและหิมะที่กำลังจะมาถึง รวมทั้งเรื่องการตุนเสบียงและเชื้อเพลิงให้เพียงพอกับฤดูหนาวด้วย

เขาค้นทุกรอยหยักในสมองเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้ค้นคว้ามาตลอดหลายปีในการรับจ้างหาข้อมูลให้นักเขียน จนเขาจำได้ถึงเรื่องการสร้างบ้านดินที่หลังคาทำด้วยไม้ไผ่ มันสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ นับว่าตอบโจทย์ไม่น้อย แต่อีกปัญหานั่นคือแรงงาน ครอบครัวเขาไม่มีเงินแม้แต่อีแปะเดียว แล้วจะเอาเงินที่ไหนจ้างชาวบ้านให้มาช่วยสร้างบ้านดิน ถึงแม้ว่าวัสดุจะไม่ต้องซื้อ แต่แรงงานก็ยังเป็นปัญหาอยู่ดี

นอนคิดพลิกตัวไปแปดแสนล้านตลบ เขาก็หาคำตอบไม่ได้ แต่เมื่อครู่ท่านพ่อบอกว่า ถ้ายังเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ พวกเราคงไม่ลำบากเช่นนี้ ใช่แล้ว!! ท่านพ่อเคยเป็นอาจารย์ ท่านพ่อรู้หนังสือ แต่ชาวบ้านไม่รู้หนังสือ ถ้าท่านพ่อเสนอการสอนหนังสือให้ลูกหลานของชาวบ้านแลกกับแรงงานที่จะนำมาสร้างบ้าน แบบนี้ครอบครัวจางก็สร้างบ้านได้โดยไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะ เพียงแต่ต้องใช้ความรู้ที่มีแลกมาเท่านั้น

“จริงขอรับ ชาวสวรรค์มีการสร้างบ้านที่ทำจากดินและหลังคาทำจากไม้ไผ่ ข้าเคยเห็นมาขอรับ แต่ข้าไม่เคยได้ทำด้วยตนเอง แต่ว่าข้ารู้วิธีทำนะขอรับ” จางอี้หมิงพูด

“หมิงเอ๋อร์ ถ้าแค่ครอบครัวเราช่วยกันสร้างบ้านแบบที่ลูกว่า อีกกี่เดือนมันถึงจะเสร็จเล่า”

“ท่านพ่อ เราก็ไปขอให้ชาวบ้านมาช่วยสร้างสิขอรับ”

“แต่ว่าบ้านหลังที่เราอาศัยตอนนี้ก็เป็นชาวบ้านมาช่วยสร้างให้ ถ้าเราต้องไปขออีกครั้ง พ่อคิดว่าชาวบ้านคงไม่สะดวกมาช่วยเป็นแน่ เพราะพวกเขาต่างก็ต้องเตรียมรับมือฤดูหนาวเช่นกัน” จางอี้เทาตอบบุตรชายด้วยเสียงที่เปลี่ยนไป จากตอนแรกที่ตื่นเต้นว่าสามารถสร้างบ้านได้โดยไม่เสียเงินสักอีแปะ แต่พอมาคิดดูว่าต่อให้รู้วิธี ก็ไม่มีเงินจ้างแรงงานให้มาช่วยอยู่ดี เสียงจึงแผ่วเบาในตอนท้าย

“เราไม่มีเงินจ้างชาวบ้านมาช่วย แต่เรามีสิ่งที่ชาวบ้านต้องการขอรับ ท่านพ่อเพียงแค่ต้องนำข้อเสนอไปลองคุยกับชาวบ้านดูขอรับ”

“เรามีสิ่งที่ชาวบ้านต้องการอย่างนั้นหรือ แล้วพวกเรามีอันใดเล่าหมิงเอ๋อร์ที่พอจะเอาไปแลกกับแรงงานได้” จางอี้เทาสงสัย ในตอนนี้ครอบครัวจางแทบจะไม่มีอะไรเลยสักอย่าง

“ความรู้อย่างไรเล่าขอรับ ท่านพ่อเคยเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ชาวบ้านไม่รู้หนังสือ ถ้าท่านพ่อเสนอว่าจะสอนหนังสือให้ลูกหลานของพวกเขาเป็นเวลาหนึ่งปีหลังจากพ้นฤดูหนาวนี้ แลกกับการที่ชาวบ้านมาช่วยเราสร้างบ้าน ท่านพ่อว่าแบบนี้ ชาวบ้านจะสนใจข้อเสนอหรือไม่ขอรับ”

“จริงด้วย ทำไมพ่อถึงไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อน หมิงเอ๋อร์ เจ้าช่างดียิ่ง พ่อคิดว่าวิธีนี้อาจจะเป็นความคิดที่ดี ตอนเย็นพ่อจะลองเข้าไปคุยกับบ้านซุน ให้ท่านหัวหน้าหมู่บ้านช่วยพูด ชาวบ้านอาจจะตกลงข้อเสนอนี้”

จางอี้เทาถึงกับยีมือไปบนศีรษะของบุตรชายด้วยความรักใคร่ ตั้งแต่จางอี้หมิงฟื้นขึ้นจากการไปเที่ยวเมืองสวรรค์ก็ดูเป็นเด็กฉลาดขึ้นมาก

เดินคุยกันมาจนได้ข้อสรุปเรื่องการสร้างบ้านแล้ว สองพ่อลูกก็มาถึงภูเขา ด้วยบ้านครอบครัวจางอยู่ท้ายหมู่บ้าน ติดกับแนวเขาอยู่แล้วจึงใช้เวลาไม่นานนัก

“หมิงเอ๋อร์ อย่าเดินออกห่างไปไกลจากพ่อนะ เจ้าอาจจะหลงป่าเอาได้”

“ขอรับท่านพ่อ” จางอี้หมิงรับคำและเดินสำรวจไปรอบ ๆ

บนภูเขาก็เหมือนละครที่เคยดูทั่วไป มีต้นไม้ที่เขาไม่รู้จักเต็มไปหมด ไม่มีไม้ผลที่บ่งบอกว่ามันกินได้ ผักป่าส่วนมากตรงบริเวณนี้คงถูกชาวบ้านเก็บไปหมดแล้วเพราะอยู่แถบชายป่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมาแต่เช้าก็เถอะ แล้วแบบนี้ครอบครัวจางจะเอาผักป่าที่ไหนมากินกันล่ะ

“ท่านพ่อขอรับ แถวนี้ผักป่าถูกชาวบ้านเก็บไปหมดแล้ว ข้าว่าพวกเราลองเดินลึกเข้าไปอีกหน่อยดีหรือไม่ขอรับ อาจจะเจอผักป่าก็เป็นได้” 

“ก็ดีเหมือนกันนะ พวกเราลองเดินเข้าไปลึกอีกสักหน่อยก็แล้วกัน”

จางอี้เทาเห็นด้วยกับบุตรชาย แต่เดินมาตั้งนานแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอผักป่าหรืออาหารสวรรค์ที่ลูกชายน่าจะรู้จักเลย

จางอี้หมิงเดินสอดส่ายสายตาไปตามทางเขาและเดินออกมาจากบิดาโดยไม่รู้ตัว เด็กน้อยมัวแต่สงสัยว่าต้นไม้ต้นนี้ทำไมถึงสูงนักหรือทำไมต้นไม้ต้นนี้ใบแปลกเหลือเกิน ทำให้เดินไปข้างหน้าโดยไม่ได้ดูเท้าที่กำลังก้าวย่างลงไปก่อนที่จะ

“เหวออออออ”

จางอี้เทาที่ได้ยินเสียงบุตรชายร้องจึงรีบเดินมาตามเสียง เขาเห็นบุตรชายนอนแอ่งแม้งอยู่บนที่ราบลุ่มไหล่เขา คาดว่า    อี้หมิงคงจะลื่นไถลลงไป

“หมิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดหรือไม่ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

จางอี้เทาพยายามทรงตัวอย่างทุลักทุเลลงไปตามลาดไหล่เขาเพื่อช่วยบุตรชายที่ตอนนี้กำลังเอามือกุมศีรษะและชันตัวลุกขึ้น เมื่อเดินไปถึงตัว จางอี้เทาจึงจับบุตรชายพลิกตัวไปมาเพื่อสำรวจอาการบาดเจ็บ

“หมิงเอ๋อร์ ตอบพ่อ เจ้าบาดเจ็บหรือไม่ มีอันใดหมิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าทำให้พ่อตกใจเช่นนี้” จางอี้เทาเอ่ยถามบุตรชายอีกครั้งหลังจากที่เห็นจางอี้หมิงทำตาโตจ้องมองข้ามตัวเขาไป ไม่สนใจตอบคำถามของบิดาเลยแม้แต่น้อย พร้อมกับชี้นิ้วไปทางเบื้องหลังของเขา

จางอี้เทาเหลียวหลังไปมองตามทางที่ลูกชายกำลังชี้บอกอยู่ สิ่งที่เขาเห็นมันคือทุ่งหญ้าสีเขียวเป็นพุ่มเล็กใหญ่สลับลดหลั่นกันไป มีดอกเล็ก สีขาว ชูช่อดูสวยงาม 

“หมิงเอ๋อร์ เจ้าเห็นสิ่งใด อย่าทำให้พ่อตกใจได้หรือไม่”

ท่านพ่อ ท่านไม่รู้จักต้นพวกนั้นหรือขอรับ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 270

    จางอี้หมิงยืนมองขบวนเดินทางของท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ และน้องน้อยอีกสองคนจนขบวนหายลับไปจากสายตา เมื่อหลี่อ้ายแข็งแรงพอจะออกเดินทางแล้ว ครอบครัวจางจึงได้เดินทางกลับหมู่บ้านหลัวถงพร้อมกับป้ายวิญญาณของอดีตท่านผู้นำตระกูล เด็กน้อยถอนหายใจและหันหลังเดินกลับเข้าจวนไปด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย ด้วยนี้เป็นครั้งแรกที่เขาต้องแยกจากบิดา มารดาและท่านย่าตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างของจางอี้หมิงคนนี้ เขามีโอกาสได้มีความสุขกับน้องชายน้องสาวเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่มิเป็นไรหรอกเมื่อเขาหมดภาระต้องตอบแทนบุญคุณแล้วจะกลับมายังแคง้นฉินก็ยังมิสายเกินไปความตั้งมั่นต่อสิ่งที่จะทำตั้งแต่ฟื้นคืนมีชีวิตใหม่อีกครั้ง ภารกิจเหล่านั้นเขาทำมันได้สำเร็จทุกอย่างแล้วไม่ว่าจะเป็นการนำป้ายวิญญาณท่านปู่กลับไปที่หมู่บ้านหลัวถง การแก้แค้นตระกูลหลัก การมีอาชีพและฐานะที่ดีขึ้น การแบ่งปันความสุขและความสำเร็จต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เสร็จสิ้นไปทั้งหมดแล้ว ในแคว้นฉินนี้ เขามิมีสิ่งใดให้เป็นห่วงอีกต่อไป“น้องชายหมิง พวกเราออกเดินทางกันเถอะ สายมากแล้ว”เป็นอ๋องน้อยหนิงเทียนที่เดินเข้ามาวางมือลงไปบนบ่าเล็ก ๆ นั้นอย่างอ่อนโยน พร้

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 269

    แต่สิ่งที่มิคาดว่าจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่จางอี้หมิงตะโกนเข้าไปรอบสอง หลี่อ้ายก็กรีดเสียงร้องดังออกมาถึงนอกห้อง ทำให้ทุกคนหันหน้าไปมองทางประตูห้องคลอดอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย“อุแว้ อุแว้”เสียงเด็กร้องแผดขึ้นทันทีที่จางอี้หมิงเอ่ยจบ ราวกับว่าเด็กน้อยรีบลืมตามาดูโลกตามคำบอกของพี่ใหญ่หรือเพราะเกรงกลัวคำขู่ก็หารู้ไม่“คลอดแล้ว ท่านแม่ น้องหญิงคลอดแล้ว” จางอี้เทาเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นเดินไปชะเง้ออยู่หน้าประตูอีกครั้ง“อุแว้ อุแว้”“เอ๋! เสียงร้องมาจากไหนอีก” นางหูเอ่ยถามอย่างแปลกใจ“หรือว่า มีเด็กสองคน”นั่นเป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบ พวกเขารอจนกระทั้งผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม หมอตำแยสองคนก็อุ้มห่อผ้าออกมาจากห้องคลอดจางอี้เทาเป็นคนแรกที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหมอตำแยอุ้มห่อผ้าเดินออกมาจากห้องคลอด จางอี้หมิงจึงเดินไปชะเง้อชะแง้มองห่อผ้าทันที“นายท่านจาง คุณชายน้อย เป็นบุตรชายเจ้าค่ะ”หมอตำแยส่งห่อผ้าขาวสะอาดให้กับนายท่านจาง ผู้ที่เป็นบิดาของเด็กน้อยได้อุ้ม เขาน้ำตาไหลออกมาทันทีที่หมอตำแยยื่นห่อผ้าที่ข้างในนั่นมีบุตรชายของเขา ผู้เป็นบิดาโอบอุ้มเอาห่อผ้ามาถืออย่างทะนุถนอม บุต

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 268

    ศพของฮูหยินผู้เฒ่าจือเฟยอิน ถูกนำไปทิ้งที่ป่าท้ายเมือง หาได้มีการทำพิธีอันใดไม่ จางอี้หมิงมิได้รู้สึกผิดกับเรื่องนี้ เพราะถ้ามิใช่ความเห็นแก่ตัวอยากทำร้ายครอบครัวของตนเองก่อน คงไม่เกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมาจางอี้หมิงได้พบท่านตากับท่านยายแล้วเช่นกัน โดยหลี่อ้ายถือเอาวันพักผ่อนในสัปดาห์หนึ่งของทุกคนกลับไปเยี่ยมบิดามารดาของตนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง เมื่อพ่อแม่ลูกได้กลับมาเจอกันก็เกิดภาพอันน่าประทับใจอย่างเหลือล้นหลี่อ้ายสวมกอดบิดามารดาด้วยความรักและคิดถึง ในขณะที่ท่านตาและท่านยายของอี้หมิงก็โอบบุตรสาวไว้อ้อมแขนอย่างห่วงหา ท่านทั้งสองแทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับตอนที่รู้ว่าหลี่อ้ายถูกขับไล่ให้ไปอยู่ชายแดนพร้อมสามีและลูกของนาง“นั่นใช่จางอี้หมิง หลานรักของยายใช่หรือไม่ เจ้าตัวโตขึ้นขนาดนี้แล้วหรือ” หญิงชราหันมามองเด็กชายที่หลบอยู่หลังหลี่อ้าย ซึ่งจางอี้หมิงก็พยักหน้ารับน้อยๆ“ขะ ข้าจางอี้หมิงขอรับ” เขาตอบกลับไปด้วยท่าทีเงอะงะโธ่...ก็คนไม่เคยมีตายายนี่นา จะทำตัวไม่ถูกบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาในวันนั้นจางอี้หมิงถูกสวมกอดอยู่หลายหน เขาได้รับเสื้อผ้ามากมายจากท่านตาผู้เป็นคหบดีค้าผ้าในคราแรกก็คิ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 267

    เป็นเวลากว่าสามเดือนแล้วที่เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นกับครอบครัวจางผ่านพ้นไป ตอนนี้จางอี้หมิงหายจากอาการป่วยเป็นปลิดทิ้ง ท่านอ๋องน้อยหนิงเทียนปักหลักอยู่ที่เรือนตระกูลจางเพื่อติดตามน้องชายที่เที่ยวไปตามตรอก ซอกซอยของเมืองหลวง โดยบอกท่านแม่ทัพซึ่งติดตามมาด้วยว่าเป็นการเรียนรู้เส้นทางการค้าตามที่หนิงอ๋องกำชับมาทว่าความจริงแล้วก็คือการเล่นซนตามประสาเด็ก เนื่องจากชีวิตในแคว้นเหลียงของอ๋องน้อยหนิงเทียนต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบเอาไว้มากมาย ทั้งการเล่าเรียนอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นทั้งทางด้านบุ๋นและบู๋ เมื่อได้เดินทางห่างไกลบ้านและห่างไกลสายตาของพระบิดา จึงถือโอกาสปลดปล่อยความเก็บกดบ้างนั่นเองทางด้านจางอี้เทาก็ตามติดภรรยาอย่างมิเคยให้คลาดสายตา จนหลี่อ้ายถึงกับรำคาญและคาดโทษว่าหากมิปล่อยให้นางได้มีเวลาอิสระและชีวิตส่วนตัวบ้าง นางจะให้สามีนอนนอกห้อง จางอี้เทาจึงค่อย ๆ ผ่อนคลายความเข้มงวดของตนเองลง“ท่านพี่ ข้าแค่ตั้งครรภ์นะเจ้าคะ ข้ามิได้ป่วย ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ ท่านหมอก็แนะนำให้เดินและทำงานบ้าง จะช่วยให้คลอดง่าย” หลี่อ้ายโอดครวญไม่หยุด เมื่อจางอี้เทายังคงตามติดนางอย่างกับเงาตามตัว เขาไม่ไ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 266

    อีกด้านหนึ่งของจวน จางอี้หมิงที่ปลอดภัยจากพิษร้ายแล้วกำลังหวนคิดถึงความฝัน อาจจะเป็นเพราะความเจ็บปวดบริเวณท้องที่ร่างกายเล็ก ๆ นี้ทนไม่ไหว หรือเป็นเพราะยาระงับความเจ็บปวดที่อาลิ่วให้เขากินก็สุดจะรู้ สติสัมปชัญญะของเขาจึงดับวูบไปและได้ลอยละล่องกลับไปยังโลกใบเดิมที่เคยจากมาในฝันนั้น...เขารับรู้ได้ว่าตนเองอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เขาเห็นแม่ครูกำลังถูกประคองด้วยรวิสา หญิงสาวที่เติบโตมาด้วยกันและยังเป็นรักแรกของเขา ทั้งสองคนเดินไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องพักผู้ป่วยก่อนจะเปิดประตูเข้าไปอานนท์เห็นร่างของตนเองนอนอยู่บนเตียงคล้ายคนที่กำลังนอนหลับเท่านั้น ร่างของเขาซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อแม่ครูเข้าไปถึงในห้องพักแล้ว พยาบาลที่ดูแลอยู่จึงหลบออกจากห้องเพื่อให้แขกที่มาเยี่ยมได้ใช้เวลาส่วนตัวกับคนไข้แม่ครูนั่งลงข้างเตียง ยกมืออันเหี่ยวย่นตามกาลเวลาลูบไปบนศีรษะของอานนท์อย่างรักใคร่ น้ำตาของหญิงชราเอ่อล้นออกมาจากดวงตา โดยมีรวิสาคอยปลอบอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่าง“นนท์ เมื่อไหร่ลูกจะตื่นขึ้นมาเสียที อย่าทำให้แม่เป็นห่วงได้ไหม” แม่ครูเอ่ยกับร่างคนไข้บนเตียง ก็ไม่รู้ว่าคำบอกนั้นจะส่งไปถึงคนที่ฟังอยู่ได้หรือ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 265

    “ท่านแม่ทัพ นำยาชุบชีวิตติดตัวมาหรือไม่” อ๋องน้อยหนิงเทียนหันไปถามแม่ทัพที่ตนเองฝากตัวเป็นศิษย์ ทั้งยังเป็นผู้ทำหน้าที่คุ้มกันตนเองตลอดการเดินทางมายังแคว้นฉิน“นำมาพ่ะย่ะค่ะ” ท่านแม่ทัพตอบ เขาเดินออกไปที่รถม้าไม่ถึงชั่วอึดใจก็กลับมาและยื่นยาชุบชีวิตให้กับท่านอ๋องหนิงเทียน“พวกเจ้ารีบนำยานี้ไปช่วยน้องชายข้าเร็วเข้า” อ๋องน้อยหนิงเทียนเอ่ยสั่งการพลางยื่นยาชุบชีวิตไปให้ อาลิ่วจึงเดินไปรับมา องครักษ์หนุ่มรีบนำยามาบดและป้อนให้กับคนป่วยบนเตียงยาเม็ดชุบชีวิตเป็นดั่งโอสถเทพ สมแล้วที่ใคร ๆ ต่างก็ไขว้คว้าอยากได้มาครอบครอง เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม จางอี้หมิงก็ลืมตาฟื้นขึ้นมา อาการปวดท้องหายไปเป็นปลิดทิ้ง การหายใจกลับมาสม่ำเสมอ ใบหน้าที่เคยซีดเผือดเริ่มมีเลือดฝาด ริมฝีปากกลับมาเป็นสีแดงระเรื่อดังปกติถึงแม้ว่าจะมีอาการอิดโรยอยู่บ้าง แต่เมื่ออาลิ่วและอาปาเข้าไปตรวจดอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงกล่าวรายงานท่านอ๋องน้อยหนิงเทียนด้วยความยินดี“อาการของท่านอ๋องน้อยอี้หมิงหายจากการถูกพิษแล้วพ่ะย่ะค่ะ พักผ่อนและเสวยยาบำรุงอีกไม่กี่เทียบก็คงกลับมาแข็งแรงดั่งเดิมแล้ว” สิ้นคำของหน่วยองครักษ์เหลียงไป๋ จวนที่เคยเงียบเหง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status