หน้าหลัก / รักโบราณ / บุปผาแห่งสายลมเหนือ / บทที่ 11 เส้นทางสายข่าวกรอง

แชร์

บทที่ 11 เส้นทางสายข่าวกรอง

ผู้เขียน: หลิน จิ่นชู
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-28 17:18:32

"การปฏิรูปจะสำเร็จได้ เราจำเป็นต้องมีข้อมูลที่รวดเร็วและแม่นยำ"

หลี่จิ่งหยวนกล่าวขึ้น ขณะที่ทั้งสองกำลังก้มหน้าก้มตาดูแผนที่เส้นทางการค้าที่เฟิงซือเฟิงกางออกบนโต๊ะขนาดใหญ่ในห้องทำงานลับของนาง

"ข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของขุนนางที่ไม่เห็นด้วย พ่อค้าที่เสียผลประโยชน์ หรือแม้แต่กลุ่มโจรที่อาจจะถูกบงการให้มาสร้างความวุ่นวาย"

เฟิงซือเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย

"ข้าเข้าใจแล้ว ท่านต้องการสร้างเครือข่ายสายลับผ่านเส้นทางการค้าเหล่านี้ใช่หรือไม่?"

"ถูกต้อง" หลี่จิ่งหยวนตอบ

"เครือข่ายการค้าของท่านแผ่ขยายไปกว้างขวาง มีคนของท่านอยู่ในทุกหัวระแหง หากเราสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล"

"เป็นความคิดที่ดีมาก" เฟิงซือเฟิงสนับสนุน

"คนของข้าส่วนใหญ่เป็นพ่อค้า คนเดินทาง คนงานในโรงเตี๊ยมและหอการค้า พวกเขาเห็นและได้ยินอะไรมากมายในแต่ละวัน หากเรามีวิธีการรวบรวมและกลั่นกรองข้อมูลเหล่านั้นอย่างเป็นระบบ มันจะเป็นหูเป็นตาให้เราได้อย่างดีเยี่ยม"

นางเริ่มอธิบายถึงโครงสร้างเครือข่ายการค้าของสกุลเฟิง ชี้ให้เห็นถึงจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สามารถใช้เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข่าวสารได้

"เราสามารถใช้รหัสลับในการส่งข่าวผ่านทางจดหมายการค้าปกติ หรือใช้คนส่งสารที่ไว้ใจได้ซึ่งปลอมตัวเป็นพ่อค้าเดินทาง การจ่ายเงินก็สามารถทำผ่านระบบบัญชีของหอการค้าได้โดยไม่เป็นที่สงสัย"

หลี่จิ่งหยวนฟังอย่างตั้งใจ ทึ่งในความรอบรู้และไหวพริบของนาง

"ท่านคิดแผนการเหล่านี้ออกมาได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบมาก ซือเฟิง ข้าเริ่มสงสัยแล้วว่าจริงๆ แล้วท่านอาจจะเป็นสายลับที่เก่งกาจปลอมตัวมาเป็นพ่อค้าก็ได้"

เขาล้อเลียนเบาๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยทำบ่อยนัก

เฟิงซือเฟิงหัวเราะคิกคัก

"ก็อาจจะเป็นได้นะ ใครจะรู้"

นางย้อนกลับอย่างไม่ยอมแพ้

"แล้วท่านเล่า องค์ชายผู้สูงศักดิ์ปลอมตัวมาเป็นพ่อค้าธรรมดา ท่านไม่คิดว่ามันน่าสงสัยกว่าหรือ?"

นางรู้ฐานะที่แท้จริงของเขาแล้วจากการสืบข้อมูลเพิ่มเติมอย่างลับๆ แต่ยังไม่ได้เปิดเผยว่าตนรู้ เพราะต้องการรอให้เขาเป็นฝ่ายบอกเอง

หลี่จิ่งหยวนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อถูกเรียกว่า "องค์ชาย" อย่างไม่คาดคิด เขามองสบตานางอย่างหวั่นใจเล็กน้อย

"ท่านรู้..." เฟิงซือเฟิงยิ้ม

"ความลับไม่มีในโลกหรอก จิ่งหยวน โดยเฉพาะเมื่อท่านไม่ได้พยายามจะปิดบังมันอย่างเต็มที่นัก"

นางไม่ได้มีเจตนาจะจับผิด แต่ต้องการให้เขารู้ว่านางไว้ใจเขามากพอที่จะไม่นำเรื่องนี้ไปเปิดเผย

"วางใจเถอะ ข้า ไม่ใช่คนปากสว่าง"

หลี่จิ่งหยวนถอนหายใจแผ่วเบา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือกังวล ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่ไม่ต้องปิดบังความจริงกับนางอีกต่อไป

"ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกท่านตั้งแต่แรก มีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ข้าต้องทำเช่นนั้น"

"ข้าเข้าใจ" เฟิงซือเฟิงตอบอย่างนุ่มนวล

"ต่างคนต่างก็มีความลับของตัวเอง"

ความเงียบเข้าครอบงำชั่วครู่ แต่เป็นความเงียบที่ไม่ได้อึดอัด ตรงกันข้าม มันกลับเต็มไปด้วยความเข้าใจและความไว้วางใจที่เพิ่มมากขึ้น

"เอาล่ะ กลับมาที่เรื่องเครือข่ายสายข่าวของเราต่อดีกว่า"

เฟิงซือเฟิงเปลี่ยนเรื่อง เพื่อไม่ให้บรรยากาศดูจริงจังเกินไป

"ข้าจะเริ่มดำเนินการทันที จะคัดเลือกคนที่ไว้ใจได้และมีไหวพริบที่สุดสำหรับงานนี้ และจะสร้างระบบการส่งข่าวที่รัดกุมที่สุด"

"ขอบคุณมาก ซือเฟิง"

หลี่จิ่งหยวนกล่าวด้วยความซาบซึ้ง

"ท่านช่วยแบ่งเบาภาระของข้าไปได้มากจริงๆ"

"เราเป็นหุ้นส่วนกันแล้วนี่" เฟิงซือเฟิงยิ้ม

"ความสำเร็จของท่านก็คือความสำเร็จของข้าเช่นกัน"

ในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เครือข่ายสายข่าวลับของพวกเขาก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ข่าวสารจากทั่วทุกสารทิศเริ่มหลั่งไหลเข้ามา ทำให้หลี่จิ่งหยวนสามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เขาสามารถหลีกเลี่ยงกับดักที่ถูกวางไว้ และชิงลงมือก่อนที่ศัตรูจะทันได้ตั้งตัวหลายครั้ง

ความสำเร็จเหล่านี้ทำให้ชื่อเสียงของ "ที่ปรึกษาหยวนจิ่ง" (ซึ่งเป็นชื่อที่หลี่จิ่งหยวนใช้ในวงการค้า) เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่พ่อค้าและขุนนางบางกลุ่ม ว่าเป็นผู้ที่มีสายตาแหลมคมและมองการณ์ไกล แต่ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังความสำเร็จนั้น คือความร่วมมืออย่างลับๆ ขององค์ชายแห่งเป่ยเหลียงและบุตรีแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถัง

การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในภารกิจที่เสี่ยงอันตรายนี้ ทำให้เฟิงซือเฟิงและหลี่จิ่งหยวนได้เห็นธาตุแท้ของกันและกันมากขึ้น พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะเชื่อใจในสัญชาตญาณของอีกฝ่าย ได้เห็นความเสียสละและความทุ่มเทที่แต่ละคนมีต่อเป้าหมายร่วมกัน และในบางครั้งที่สถานการณ์คับขัน พวกเขาก็ได้เป็นที่พึ่งพิงและเป็นกำลังใจให้แก่กันและกันอย่างไม่รู้ตัว

ความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นระหว่างคนทั้งสองนั้น มันลึกซึ้งและซับซ้อนกว่าแค่คำว่า "หุ้นส่วน" หรือ "สหายร่วมอุดมการณ์" แต่มันคืออะไรนั้น...ทั้งคู่ยังไม่กล้าที่จะเอ่ยมันออกมา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุปผาแห่งสายลมเหนือ   ตอนพิเศษที่ 10 เปลวไฟในวารี

    ค่ำคืนนั้น หลังจากจัดส่งบุตรธิดาเข้านอนเรียบร้อย ทิ้งความวุ่นวายของวันไว้เบื้องหลัง เฟิงซือเฟิงรู้สึกอ่อนล้าทั้งกายและใจจากงานที่เบียดเสียด และจากความซุกซนของหลี่หยางฉีกับหลี่เหมยลี่ นางปรารถนาแต่ช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายในอ่างอาบน้ำที่อบอวลไปด้วยไอน้ำอุ่นห้องอาบน้ำส่วนพระองค์ของตำหนักมังกรเหมยนั้นกว้างขวางและงดงามเสมือนห้องโถงเล็กๆ แสงเทียนจากโคมไฟกระดาษที่แขวนอยู่รอบห้องส่องแสงนวลตา ขับไล่ความมืดและสร้างบรรยากาศอันอบอุ่น อ่างหินอ่อนขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง น้ำอุ่นที่ผสมสมุนไพรหอมส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว กลีบโบตั๋นสีชมพูอ่อนและดอกเหมยขาวลอยอยู่บนผิวน้ำที่ปล่อยไอเบาๆ ดุจม่านหมอกเฟิงซือเฟิงค่อยๆ ถอดผ้าไหมบางเบาออกทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า ผิวพรรณเนียนใสของนางเปล่งประกายใต้แสงเทียน สวยงามราวหยกเนื้อดีที่เพิ่งขัดเกลา นางก้าวลงสู่น้ำอุ่นอย่างแผ่วเบา รู้สึกถึงความอุ่นที่ซึมซาบเข้าสู่ร่างที่เหนื่อยล้า ความสบายแผ่ซ่านไปทั่วกาย นางเอนตัวพิงขอบอ่าง หลับตาลง ดื่มด่ำกับความสงบที่โอบล้อมไม่นานนัก เสียงฝีเท้าคุ้นเคยก็ดังมาในห้อง หลี่จิ่งหยวนในชุดลำลองผ้าไหมสีเข้มเดินเข้ามาเงียบเชียบ ดวงตาคมกริบจับจ้องร

  • บุปผาแห่งสายลมเหนือ   ตอนพิเศษที่ 9 สัญญาใต้ผืนฟ้า

    ในค่ำคืนสุดท้ายก่อนที่ดวงตะวันจะทอแสงแห่งการจากลา เฟิงซือเฟิงและหลี่จิ่งหยวนกลับมายังศาลาริมน้ำอันเป็นที่โปรดปรานของพวกเขา ศาลาแห่งนี้ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในสวนลับของเรือนพัก ที่ซึ่งพวกเขาเคยแบ่งปันทั้งแผนการลับและหัวใจให้แก่กันยามค่ำคืน แสงจันทร์สีเงินนวลสาดส่องลงมายังผิวน้ำในสระบัวที่นิ่งสงบ สร้างประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวนับพันดวงได้หล่นลงมาเต้นระบำอยู่บนผิวน้ำยามราตรี กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกบัวยามค่ำคืนลอยอบอวลมาตามสายลมบางเบา คลอเคล้ากับเสียงหรีดหริ่งเรไรที่ขับขานเป็นบทเพลงแห่งความอาลัยอาวรณ์ทั้งสองยืนเคียงข้างกันบนศาลาไม้ สัมผัสถึงไอเย็นจากผิวน้ำที่พัดขึ้นมาปะทะกาย อ้อมแขนของหลี่จิ่งหยวนโอบรอบเอวบางของเฟิงซือเฟิงอย่างหลวมๆ แต่แฝงไว้ด้วยความมั่นคงอันหนักแน่น ราวกับจะบอกว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยนางไป สายตาของพวกเขาเงยขึ้นมองไปยังดวงดาวนับล้านดวงที่ส่องแสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้ายามค่ำคืนของเล่าหยาง เป็นดวงดาวที่สว่างไสวกว่าทุกค่ำคืนที่ผ่านมา ราวกับเป็นพยานรู้เห็นถึงพันธสัญญาแห่งหัวใจที่กำลังจะเกิดขึ้น"ข้ากลัวเหลือเกินจิ่งหยวน" เฟิงซือเฟิงเอ่ยเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน เสียงของนางสั่นเครือเ

  • บุปผาแห่งสายลมเหนือ   ตอนพิเศษที่ 8 ลมพัดเปลี่ยนใจ

    ยามค่ำคืนที่แสงจันทร์สีเงินนวลสาดส่องลงมายังเรือนพักลับอันเงียบสงัดของเฟิงซือเฟิง แสงนั้นขับไล่ความมืดมิดภายนอกให้เลือนหายไป แต่กลับมิอาจขับไล่เงามืดแห่งความกังวลที่กำลังปกคลุมจิตใจของคนทั้งสอง แผนการปฏิรูปประเทศที่หลี่จิ่งหยวนและเฟิงซือเฟิงร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นนั้น แม้จะเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม นำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่เมืองเล่าหยางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หากแต่คลื่นใต้น้ำแห่งความไม่พอใจจากเหล่าขุนนางเก่าที่เสียผลประโยชน์ก็เริ่มก่อตัวขึ้น ราชสำนักต้าถังที่เคยนิ่งเฉย บัดนี้เริ่มแสดงความกังวลถึงอิทธิพลของหลี่จิ่งหยวนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงกระซิบกระซาบถึง "อำนาจที่เติบโตเกินกว่าจะควบคุม" และ "ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับบุตรีแม่ทัพ" เริ่มแพร่สะพัดดุจไฟลามทุ่ง เฟิงซือเฟิงเองก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามา ทั้งจากสายตาที่จับจ้อง และความระแวงที่แผ่กระจายไปทั่วในค่ำคืนที่เงียบสงัดนั้น หลังจากที่เฟิงซือเฟิงผล็อยหลับไปบนเตียง หลี่จิ่งหยวนยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ข้างเตียงของนาง ไม่ยอมหลับลง แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้อง เผยให้เห็นใบหน้าที่หมดจดเกลี้ยงเกลาของนางที่ดูสงบยามหลับใหล แพขนต

  • บุปผาแห่งสายลมเหนือ   ตอนพิเศษที่ 7 สัมผัสต้องห้าม

    ค่ำคืนนั้น หลังจากการหลบหนีจากการตามล่าของเหล่ามือสังหารเงาตามตัวมาได้อย่างหวุดหวิด เฟิงซือเฟิงและหลี่จิ่งหยวนก็กลับมายังเรือนพักลับของเขาที่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของเมืองเล่าหยางที่เงียบสงัดราวกับถูกซ่อนไว้จากโลกภายนอก เสียงลมหายใจของคนทั้งคู่ยังคงหอบถี่ด้วยความเหนื่อยล้าและหวาดกลัวที่ยังคงเกาะกุมอยู่ในจิตใจ แม้กายจะพ้นจากอันตราย แต่ใจก็ยังคงสั่นระริกราวกับใบไม้ต้องลมยามพายุโหมกระหน่ำ สายฝนภายนอกเริ่มซาลง เหลือเพียงเสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาแผ่วเบา คลอเคล้ากับเสียงฟืนในเตาผิงที่ลุกไหม้อย่างช้าๆ ให้ความอบอุ่นแก่เรือนพักภายในห้องที่สว่างไสวด้วยแสงเทียนสีนวลอ่อนๆ จากตะเกียงทองเหลืองเก่าแก่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง แสงนั้นขับไล่ความมืดมิดและสร้างบรรยากาศอันอบอุ่นละมุนละไม หลี่จิ่งหยวนในชุดที่เปรอะเปื้อนคราบดินโคลนและร่องรอยของการต่อสู้ กำลังบรรจงปฐมพยาบาลบาดแผลเล็กน้อยที่หัวไหล่ของเฟิงซือเฟิงอย่างอ่อนโยน ใบหน้าคมคายของเขาฉายแววเคร่งเครียดและเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด ทุกการเคลื่อนไหวของเขาล้วนแผ่วเบาและพิถีพิถัน ราวกับกลัวว่าการสัมผัสเพียงน้อยนิดจะทำให้นางเจ็บปวดไปมากกว่านี้ เฟิงซือเฟิงอยู่ใ

  • บุปผาแห่งสายลมเหนือ   ตอนพิเศษที่ 6 ใต้เงาเพลิงไฟ

    งานเลี้ยงเฉลิมฉลองความสำเร็จในการฟื้นฟูเมืองเล่าหยางถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา ณ โถงกลางของจวนผู้ว่าการเมืองที่เพิ่งได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ แสงไฟจากโคมนับพันดวงส่องสว่างเรืองรองขับไล่ความมืดมิดยามค่ำคืน ผ้าแพรไหมเนื้อดีสีแดงสดและสีทองอร่ามประดับประดาไปทั่วทุกซอกมุมของโถง แสดงถึงความมั่งคั่งและปิติยินดี เสียงดนตรีบรรเลงขับขานก้องกังวานไปทั่วงาน เสียงพิณที่ไพเราะราวเสียงน้ำตก เสียงขลุ่ยที่อ่อนหวานราวสายลมพัดต้องกลีบดอกไม้ และเสียงกลองที่เร่งเร้าราวจังหวะหัวใจที่เต้นรัว ผู้คนมากมายทั้งขุนนาง พ่อค้าใหญ่ และผู้มีอิทธิพลจากทั่วสารทิศต่างมารวมตัวกันอย่างคับคั่ง ใบหน้าของทุกคนเปื้อนยิ้มแห่งความสุขและความพึงพอใจ กลิ่นหอมของสุราเลิศรส อาหารเลิศรส และเครื่องหอมนานาชนิดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและมีชีวิตชีวา แต่ภายใต้ความคึกคักนั้น ยังคงมีกระแสคลื่นใต้น้ำแห่งการเมืองและผลประโยชน์ที่มองไม่เห็นไหลวนอยู่เฟิงซือเฟิงในชุดผ้าไหมสีเข้มเรียบง่าย ซึ่งเป็นชุดที่นางจงใจเลือกเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตมากเกินไป แต่ก็ยังคงความสง่างามตามธรรมชาติของบุตรีแม่ทัพไว้ได้อย่างครบถ้วน เส้นผมดำขลับ

  • บุปผาแห่งสายลมเหนือ    ตอนพิเศษที่ 5 แววตาใต้ตะเกียง

    ค่ำคืนนั้น หลังจากการวิ่งหนีการตามล่าของเหล่ามือสังหารเงาตามตัวมาได้อย่างหวุดหวิด เฟิงซือเฟิงและหลี่จิ่งหยวนก็กลับมายังเรือนพักลับของเขาที่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของเมืองเล่าหยางที่เงียบสงัด เสียงลมหายใจของคนทั้งคู่ยังคงหอบถี่ด้วยความเหนื่อยล้าและหวาดกลัวที่ยังคงเกาะกุมอยู่ในจิตใจ แม้กายจะพ้นจากอันตราย แต่ใจก็ยังคงสั่นระริกราวกับใบไม้ต้องลมยามพายุโหมกระหน่ำ แสงเทียนจากตะเกียงทองเหลืองเก่าแก่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ส่องสว่างนวลตาขับไล่ความมืดมิดและสร้างบรรยากาศอันอบอุ่นเล็กๆ ให้กับห้องพักที่เรียบง่ายแต่เป็นที่พึ่งพิงในยามนี้หลี่จิ่งหยวนในชุดที่เปรอะเปื้อนคราบดินโคลนและร่องรอยของการต่อสู้ กำลังบรรจงปฐมพยาบาลบาดแผลเล็กน้อยที่แขนของเฟิงซือเฟิงอย่างอ่อนโยน ใบหน้าคมคายของเขาฉายแววเคร่งเครียดและเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด ทุกการเคลื่อนไหวของเขาล้วนแผ่วเบาและพิถีพิถัน ราวกับกลัวว่าการสัมผัสเพียงน้อยนิดจะทำให้นางเจ็บปวดไปมากกว่านี้ เฟิงซือเฟิงในชุดผ้าไหมบางเบาที่บัดนี้เปื้อนคราบเลือดแห้งกรังเล็กน้อย มองดูเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ แสงเทียนส่องกระทบใบหน้าของเขา เผยให้เห็นรอยเหนื่อยล

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status