ทานตะวันยืนเก้ออยู่ในห้องทำงานของสลิลลากับภูมิสองต่อสองถึงกับเก้อไป ห้องมิดชิดแอร์เย็นฉ่ำมีห้องลองเสื้อขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่อยู่ชิดผนังด้านใน มิดชิดเกินไปจนทานตะวันรู้สึกใจคอไม่ดีแปลกๆ
“เข้าไปลองไป” ภูมิออกคำสั่ง
ทานตะวันรับชุดราตรีสีแดงสดมาถือไว้ ภูมิพยักหน้าแล้วดันหลังให้เธอเข้าไปในห้องลอง ส่วนเขานั่งรออยู่ที่เก้าอี้อีกมุมหนึ่งรอ
ครู่ใหญ่เด็กสาวก็ยังไม่ออกมาจนเขาก้มดูนาฬิกาแล้วถึงกับขมวดคิ้วจึงลุกขึ้นไปยืนหน้าห้องโน้มหน้าแนบเคาะประตู
“ทำไมช้าจัง ลองเสร็จรึยังตะวัน”
“สะ... เสร็จแล้วค่ะ แต่ว่า...”
“เสร็จแล้วก็ออกมาสิอย่าชักช้า”
ภูมิเริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง เจ้าของร้านสาวใหญ่แง้มประตูห้องเข้ามาดูก็เห็นภูมิเดินไปมาหน้าห้องลองอย่างหงุดหงิด กระทั่งเขาหันมา
“ยังไม่เสร็จเลย”
“เออไม่เป็นไร ลองไปพลางนะ พอดีทัวร์พาแขกมาช็อปของหน้าร้าน ต้องไปช่วยเด็กดูสักหน่อย
“ไปเถอะ ไม่ต้องห่วง”
“แล้วยังไม่เสร็จอีกเหรอ ให้ลิลเข้าไปช่วยดูดีกว่าไหม” เธอเอ่ยราวสนิทสนมแต่เขากลับส่ายหน้า
“อย่าเลย หลานเราเราดูเอง ไปดูลูกค้าไป” ภูมิปฏิเสธไม่พอโบกมือห้ามจนเจ้าของร้านสาวใหญ่ชะงักไป
“แน่ใจนะว่าดูอย่างเดียว”
“ก็ดูอย่างเดียวสิ ทำไม” ภูมิเสียงห้วน นึกรู้ว่าเพื่อนรักคิดอกุศล แล้วก็จริงดังว่า
“ก็ได้ แต่อย่าทำรุ่มร่ามกับหลานที่ร้านลิลล่ะ” เธอหยอกเน้นคำว่าหลานเป็นพิเศษ
ภูมิถึงกับหน้าตึงถูกจี้ใจดำจังเบ้อเร่อได้แต่โวยวายหงุดหงิดแก้หน้า
“เหอะน่า!”
พอลับสายตาสลิลลา ชายหนุ่มก็ตั้งท่าจะเคาะประตูห้องลองอีกครั้งก็พอดีกับที่เด็กสาวเปิดประตูออกมาช้าๆ เขาทำตาดุใส่จนเธอกลัวหงอ
“อาภูมิคะ ตะวันว่าชุดนี้...”
“สวย สวยมาก...”
“คะ? อาภูมิชมตะวันเหรอคะ”
ภูมิไม่รู้ตัวว่าได้แต่พยักหน้าอย่างลืมตัว ยิ่งเห็นทานตะวันแต่งชุดสวยสีแดงสดขับผิวขาวผ่องให้ดูโดดเด่น หนำซ้ำคอเว้าลึกที่เห็นร่องอกนั่นทำให้ชายหนุ่มคิดอกุศลจนลอบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว จากที่คิดให้เธอออกมาโชว์ตัวกลับเป็นว่าไม่อยากให้ใครเห็นทั้งที่ไม่มีใครสักคนในห้อง
“ออกมาทำไม เข้าไปในห้องลองเลย”
“อ้าว! ก็อาภูมิเร่งให้ตะวันออกมาให้ดู...”
“ไม่ดูแล้ว”
“อาภูมินี่เปลี่ยนใจง่ายจริง ก็ได้ค่ะ แต่ว่า...”
ไม่ทันที่ทานตะวันจะทักท้วงก็ได้รับน้ำเสียงขุ่นมัวกลับมา
“อาบอกให้เข้าไปไง ชุดนี้ไม่ผ่าน โป๊เกินเดี๋ยวมีมดแดงแฝงพวงมะม่วงมาก้อร่อก้อติกตะวัน”
หืมมมมม
ก็เลือกมาเองนี่นา...
เด็กสาวย่นจมูกตามอารมณ์อาหนุ่มไม่ทันแต่ก็ทำให้เธอใจชื้นขึ้นเป็นกอง เธอไม่กล้าใส่เพราะชุดทั้งคอลึกเห็นหน้าอกหน้าใจ ไหนเลยจะเปิดเปลือยหัวไหล่มีเพียงสายเล็กๆ ไม่พอยังเว้าหลังลงจนถึงเอวแล้วยิ่งรอยแหวกที่ชายกระโปรงข้างซ้ายที่สูงเหนือต้นขานั่นอีก
แค่คิดก็ไม่สบายใจแล้ว...
“งั้นตะวันไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้ค่ะ” เธอตอบพลางกระตือรือร้นแต่ก็ต้องตกใจหนักกว่าเดิมเมื่อภูมิก้าวตามเข้ามาในห้องลองแล้วปิดประตูหน้าตาเฉย “อาภูมิเข้ามาทำไมคะ!”
“เสียเวลาเข้าๆ ออก อาอยากดูใกล้ๆ” ภูมิตอบหน้าตาเฉยหมุนตัวเธอให้หันเข้าหากระจกแล้วยืนซ้อนด้านหลัง “สวยดีแต่โป๊ไปไม่ผ่าน มาอาถอดซิปให้”
“มะ... ไม่ต้องช่วยค่ะ ตะวันถอดได้!”
“อย่าดื้อน่า” ภูมิเสียงขึ้นจมูก “อาเลือกให้ก็ต้องถอดให้สิ”
“ไม่เอาค่ะตะวันโตแล้วนะ”
“อายทำไมก็อาเห็นตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย”
ทานตะวันหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอไม่คิดว่าแค่คำพูดเหมือนไม่ได้คิดอะไรของอาหนุ่มรูปหล่อจะสร้างความขัดเขินให้ถึงเพียงนี้
เขาลืมไปรึเปล่าว่าเธอไม่ใช่หลานแท้ๆ...
ร่างสูงใหญ่ยืนซ้อนหลังร่างระหงมองกระจกอีกครั้งอย่างอดใจไม่ได้ ทานตะวันในชุดสีดำเย้ายวนและตัวเขาในชุดเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาวและกางเกงสแล็คสีดำที่เปลี่ยนระหว่างรอเธอเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ น่าจะพอดูเหมือนคู่รักไม่เหมือนอาหลานแล้วกระมัง...
อาหลานบ้าบออะไรอยากตบปากตัวเองนัก แค่นึกก็ขัดใจแล้ว...
เขาเกลียดคำนี้จริงๆ จะว่าเป็นสมภารกินไก่วัดก็ไม่อยากสนใจแล้ว เขาตั้งใจเต็มที่ว่าคืนนี้จะไม่ปล่อยทานตะวันให้กลับบ้านไปโดยไม่ตีตราจองเป็นแน่
“แต่ตะวันก็ว่าชุดนี้สวยดีเหมือนกันนะคะ ยืนกับอาภูมิดูไม่เหมือนพ่อลูกด้วย แต่มันดูไม่เหมาะกับตะวันเท่าไหร่”
เด็กสาวชวนคุยเมื่ออาหนุ่มเงียบไป เธออึดอัดเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาภูมิมองต่ำลงไปที่หลังลาดเปลือยเปล่าของเธอจนต้องร้องเรียก “อาภูมิ! ตะวันว่าอาภูมิไปรอข้างนอกดีกว่า ตะวันอึดอัด ห้องลองมันแคบ”
“อะ... อืม”
อาหนุ่มตอบใจลอยแล้วก็ถอนใจยาวก่อนจะส่ายหน้าหยิบชุดสีขาวให้เธอ “งั้นเปลี่ยนชุดนี้ให้อาดูอีกที”
“ค่ะ” เธอรับมาแล้วรีรอมองไปที่ประตู สีหน้าเหมือนจะร้องไห้
ชายหนุ่มจึงเพิ่งรู้ตัวล่าถอยออกไปกลัวไก่ตื่น พอออกมาหน้าห้องลองภูมิได้แต่เตะลมเตะแล้งด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน
ร่างระหงเอวคอดกิ่วและทรวงอกตูมตึงของหลานสาวต่างสายเลือดทำปฏิกิริยาต่อความต้องการด้านมืดของเขาจนแทบไม่น่าเชื่อ ไม่เพียงเท่านั้นมันยังทำปฏิกิริยาต่อส่วนสำคัญในร่างกายของเขาให้คับตึงขึ้นมาแทบจะทะลุร่มผ้าอีกต่างหาก
โอย... อยากจะบ้าวันละห้าร้อยรอบ นี่เขาอดใจไม่จับทานตะวันกินมากี่ปีแล้วนะ
สามปี ห้าปี หรือเกือบสิบปีกัน!
ไอ้ภูมิเอ๊ย! เสียสถาบันเสือหมด!
“อาภูมิอย่าประชดแบบนี้สิคะ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ!”“อารุ้แค่ว่าตะวันรังเกียจความรู้สึกของอา”“ตะวันไม่ได้รังเกียจ!”เธอหรือจะกล้าคิดอย่างนั้น...เด็กสาวน้ำตาหยดทันที ไวเท่าความคิดเท้าที่เจ็บเมื่อครู่กลับไร้ซึ่งความเจ็บปวด มันก้าวนำเธอไปทางฝั่งที่อาหนุ่มกำลังเปิดประตูรถโดยไม่นำพาว่าภูมิจะคิดยังไง“หยุดพูดว่าตะวันรังเกียจอาภูมินะคะ!” เธอตวาดลั่นดึงแขนอาหนุ่มให้หันกลับมาฝนกระหน่ำแรงกว่าเดิมจนเสื้อผ้าหน้าผมอาหลานต่างเปียกลู่ แต่ดวงตาทั้งสองยังคงจ้องกันแน่วแน่นิ่งงัน“ก็ได้... ต่อไปอาจะไม่พูด ไม่ทวงถามอะไรตะวันอีก” ภูมิแกะมือเย็นเฉียบของเด็กสาวออกและมองเธออย่างชั่งใจครู่หนึ่งก็ถอนใจพูดต่อ “อาจะถือว่าเรื่องระหว่างเราไม่เคยเกิดขึ้น ตะวันไม่ได้รักอา"“ไม่จริง!” ทานตะวันสะอึกสะอื้นทันทีภูมิก้มมองสองมือเรียวโอบรอบเอวของตนด้วยความตื่นตะลึง ทานตะวันแนบหน้ากับอกเขาตัวสั่นเทา ภูมิผละมือจากประตูลงกุมมือเด็กสาวไว้จะหันกลับไปแต่เธอขืนตัวไว้แล้วกอดแน่นยิ่งกว่าเดิมจนเขาแทบหายใจไม่ออก“หากอาภูมิรักตะวันจริง” เธอพูดเสียงสั่นเครือ มือกำจิกเสื้อเชิ้ตชายหนุ่มแน่น “คืนนี้เราค้างด้วยกันนะคะ”“อะไรนะ!” ภูมิค
เธอร้องเสียงหลงเหลียวหาคนช่วยแต่ถนนยามดึกเปลี่ยวจนน่าใจหาย ไม่มีรถแม้สักคันติดไฟแดงหรือผ่านไปมา ภูมินึกโมโหจนต้องตวาด“หยุดเดี๋ยวนี้! ร้องยังกะวัวถูกเชือดไปได้ อาไม่ได้จะพาไปฆ่าสักหน่อย”“อาภูมิไมได้ฆ่าให้ตายแต่อาภูมิจะฆ่าตะวันทั้งเป็นรู้ตัวรึเปล่าคะ” เธออุทธรณ์น้ำตาท่วมแก้ม“อาฆ่าตะวันทั้งเป็นตรงไหน ก็เห็นๆ อยู่ว่าตะวันก็เคลิ้มไปกับอา”“อาภูมิ!” เด็กสาวตวาดลั่นทุบอกอาหนุ่มทั้งที่ตัวยังลอยอยู่ในอ้อมแขน “ปล่อย! ถ้าจะดูถูกกันขนาดนี้ก็อย่าสนใจตะวันเหมือนเมื่อก่อนก็ได้”“ไม่ได้...”“ทำไม!”เด็กสาวช้อนตามอง หวังได้ยินคำตอบที่จะทำให้จิตใจดีขึ้น แต่ภูมิกลับนิ่งเฉยทำให้เธอฉุนจัด ฟาดฝ่ามือลงบนหน้าอาหนุ่มอย่างลืมตัว “นี่สำหรับสิ่งที่อาภูมิทำกับตะวัน”“ตะวัน! กล้าตบอาเชียวเหรอ” ภูมิถึงกับตะลึงตั้งตัวไม่ทัน ทั้งโมโหแต่ก็เหมือนจะมือไม้อ่อนเพราะดวงหน้าหลานสาวนอกไส้ทั้งเจ็บปวดและน่าสงสารเหลือเกิน แต่ที่เขาทำไปเพราะหึงหวงเกินต้านไหว เขาต้องหักใจดูทานตะวันเติบโตเป็นสาวอยู่ไกลตามากแค่ไหนแต่ตอนนี้ทานตะวันเรียนจบและโตพอที่จะไม่เป็นเพียงหลานสาวบุญธรรมของเขาแล้วหากบังคับให้เธอเป็นของเขาเสียแต่เดี๋ยวนี้ได
เธอตัดสินใจผลักอาหนุ่มเต็มแรงจนร่างหนาเซชนกระจกฝั่งคนขับ ศอกชายหนุ่มสัมผัสโดนปุ่มกระจกเต็มแรง หน้าต่างฝั่งคนขับเลื่อนลงโดยอัตโนมัติ ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “คุณ... คุณ”“อย่ายุ่งน่า ใครวะ!” ภูมิสบถหันขวับไปมองถึงกับเบิกตาค้าง “เฮ้ย! ตำรวจ!”“ก็ตำรวจสิครับ” นายตำรวจหนุ่มถอนหายใจเฮือกยกมือวางบนกระจกอีกมือส่องไฟฉายเข้ามาในรถสำรวจทานตะวันน้ำตาร่วงผล็อยเบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งทันที อาหนุ่มแทบจะดึงทึ้งศีรษะตัวเองที่ปล่อยให้อารมณ์ใคร่พาไป มือหนาเอื้อมไปลูบผมเด็กสาวขยี้เบาๆ ก่อนเอาตัวบังให้แล้วบอก“ติดกระดุมเสื้อก่อน อาจะบังให้”ทานตะวันหน้าเหยเกตะครุบสาบเสื้อที่เปิดอ้าหันข้างให้แสงไฟก้มหน้าก้มตาติดกระดุมเสื้อมือไม้สั่น น้ำตาหยดลงบนหลังมือด้วยความคับแค้นแต่ไม่มีแม้แต่เสียงให้อีกฝ่ายได้ยินเพราะเธอกัดริมฝีปากแน่นแทนการกักเก็บเสียงจนปากนุ่มแทบห้อเลือด อาภูมิใจร้าย...ทำแบบนี้กับเธอทำไม... “ดึกดื่นมาจอดทำอะไรกันที่เปลี่ยวๆ แบบนี้ ขอดูใบขับขี่ด้วยครับ” ตำรวจหนุ่มค้อมตัวลงต่ำจ้องมองลึกไปยังที่นั่งอีกฝั่ง ภาพที่เห็นคือหญิงสาวร่างเล็กนั่งหันหลังให้
ทานตะวันอาศัยทีเผลอเปิดล็อคประตูรถจะก้าวลงไป มือหนาๆ ของเขาก็คว้าข้อมือเธอไว้แล้วกระชากกลับก่อนจะปิดล็อคจากฝั่งตัวเอง“เจ็บนะคะ!” เธอร้องบอก“เจ็บก็ดีแล้ว กล้าดียังไงดื้อกับอาแบบนี้ ลงไปเกิดอันตรายจะทำยังไง”“อยู่ที่นี่ก็อันตรายพอกันแหละค่ะ” เธอตอบพลันน้ำตาก็หยาดหยด “โอ๊ย! ตะวันเจ็บค่ะอา”ภูมิกัดฟันกรอดเบือนหน้าหนียังคงบีบข้อมือเธอแทบห้อเลือด หน้าเข้มเครียดขึ้ง สันกรามบดกันเป็นสันนูน ดวงตาวาวไปด้วยไฟแห่งความโกรธคุโชน เขาโมโหเธอที่ทำเหมือนไม่เคารพกัน“เจ็บงั้นเหรอ! อาสิเจ็บกว่าที่เห็นตะวันก้อร่อก้อติกกับผู้ชายพวกนั้น”“อะไรนะคะ!” เธอถามย้ำตาเหลือกลานกับคำพูดประชดประชัน “อาภูมิหมายความว่ายังไง ทำไมถึงเจ็บ ทำไมคะบอกให้ตะวันรู้หน่อย”“ไม่มีอะไร อาแค่ไม่ชอบที่ตะวันเห็นคนอื่นดีกว่าอา”“แค่นี้เหรอคะเหตุผล” เธอเอ่ยเสียงแผ่วราวกับให้ได้ยินแค่ตัวเองผิดหวัง...ดวงหน้าสดใสพลันหม่นหมองลงทันที เธอเบือนหน้าออกนอกหน้าต่าง ลอบถอนหายใจกลั้นสะอื้นไม่ให้น้ำตาหยาดไหล แต่ดูเหมือนความเสียใจจะไม่ฟัง เพราะไม่กี่นาทีต่อมาก็มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน หัวใจคนฟังตกอยู่ที่ตาตุ่มทันใด...“ร้องไห้
ทานตะวันผงะกับถ้อยคำประหลาด หัวใจเธอพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ภูมิมีศักดิ์เป็นอาส่วนเธอมีฐานะเป็นเพียงหลานบุญธรรมของคุณภาคินีมารดาของภูมิ เธอไม่กล้าแม้แต่จะอาจเอื้อมคิดเผยอเทียบเคียงกับเขาได้เลย“อา... คือว่า... อา”ภูมิตั้งท่าจะสารภาพความรู้สึกกับทานตะวัน ถึงยังไงเขาก็ไม่ปล่อยให้เธอเป็นของใครแต่ทว่า...“อ้าว! ยังไม่กลับอีกเหรอคุณตะวัน”“คุณชลทิศ!”สองอาหลานผละออกจากกัน ทานตะวันเหลียวมองต้นเสียงสีหน้าเหยเก ส่วนภูมิกำหมัดแน่นเพราะอีกฝ่ายอมยิ้มมองมายังเขาคล้ายรู้ทัน ครู่เดียวก็ละสายตาไปรอคำตอบจากเด็กสาว“ตกใจอะไรเหรอครับคุณตะวัน”“ปละ... เปล่าค่ะ ตะวันกำลังจะกลับพอดีค่ะคุณชลทิศ”“งั้นเอาไว้เจอกันนะครับ” ชลทิศพูดจบทิ้งสายตามองภูมิที่ยืนหน้าตึงมองอยู่ครู่หนึ่งจึงหันมากระซิบบอก “ผมจะไปเยี่ยมคุณตะวันที่ไร่เร็วๆ นี้”“ไปทำไม!” ภูมิแย้งหน้าตึงทันที“เมื่อกี้ผมบอกไปแล้ว เกรงว่าคุณอาจะไม่ทันฟัง”“ใครเป็นอาคุณ” ภูมิตีรวนเสียงขึ้นจมูก “ไปตะวันกลับ!” “เอ่อ... แต่ตะวันว่า” เธอตอบได้เพียงเท่านี้ก็ถูกกระชากแขนออกห่างอีกฝ่าย “กลับ!” “เดี๋ยวสิคะอาภูมิ!” ทานตะวัน
แค่คิดก็เบื่อ ดีที่มีชลทิศมาคุยเป็นเพื่อน แต่คุยได้ไม่นานภูมิก็เดินตรงเข้ามาสีหน้าถมึงทึงจนทานตะวันที่กำลังหัวเราะร่วนถึงกับหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว“คุยอะไรอยู่หัวเราะสนุกเชียว”คำถามราบเรียบแต่น้ำเสียงดุดันของอาหนุ่ม ทั้งมองเธอและตวัดหางตามาทางชลทิศ ทำให้ทานตะวันขนคอลุกชัน เธอยิ้มแหยๆ แนะนำอีกฝ่ายกับอาของเธอ “นี่คุณชลทิศค่ะ ส่วนนี้คือ...” “คุณภูมิ ภูมิรัตน์ ลูกชายคนเดียวของคุณภาคินี ภูมิรัตน์ เศรษฐีนีเจ้าของสวนปาล์มทางใต้ใช่ไหมครับ” ชลทิศต่อให้สบตาภูมิแบบไม่มีใครยอมใคร ภูมิหัวเราะหึๆ ก่อนตอบ “ครับ... และรีสอร์ตกำลังจะเปิดตัว” “อ๋อ มีรีสอร์ตด้วย” ชลทิศทวนคำแล้วพยักหน้ารับรู้ตาม “ถ้ามีโอกาสผมคงได้ไปพักบ้าง” “น่าจะยังไม่เร็วๆ นี้” ภูมตอบหน้านิ่ง ทานตะวันอึ้ง มองทั้งสองแล้วลอบพรูลมหายใจไม่มีออมคำพูดเลย... ทานตะวันลอบพรูลมหายใจ อดเหน็บแนมอาหนุ่มในใจไม่ได้ แต่ภูมิยักไหล่ เธอทันเห็นจึงเบะปากใส่แต่อีกฝ่ายกลับลอบยกยิ้มทำให้เธอนึกเคืองในใจ“โอว... ผมตกข่าว เพิ่งรู้ว่าไร่ภูมิวัฒน์ทำรีสอร์ตด้วย” ชลทิศตอบแก้เก้อนึกรู