หน้าหลัก / รักโบราณ / บ่าวหญิงของศิษย์รัก / บทที่ 7: นางเกรี้ยวกราดที่โรงเตี๊ยมถูกบุกรุก

แชร์

บทที่ 7: นางเกรี้ยวกราดที่โรงเตี๊ยมถูกบุกรุก

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-18 01:12:42

               ค่ำวันนั้น โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นถูกแต่งแต้มด้วยแสงโคมแดงและกลิ่นอาหารหอมฉุย และบริเวณที่กลิ่นอาหารอบอวลมากที่สุดก็เห็นจะเป็นโต๊ะสำหรับรับรองแขกพิเศษของโรงเตี๊ยมในคืนนี้

เสี่ยวซุ่ยในชุดผ้าฝ้ายสะอาดเรียบร้อย เดินถือถาดอาหารเดินวนไปมา คอยเติมชาให้ผู้คน แม้จะยังเก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็ไม่ทำถ้วยตก นางรู้สึกปลาบปลื้มกับพัฒนาการในการคุมร่างกายของตัวเองที่ทำได้ดีขึ้น แม้แต่เพียงเล็กน้อยก็ตาม

ขณะทำงาน นางก็ลอบชำเลืองไปยังห้องรับรองหลัก ก็พบว่าแขกในคืนนั้นคือชายฉกรรจ์สี่คนที่แต่งกายคล้ายจอมยุทธ์ต่างสำนัก เสื้อลมผ้าหนา ปักสัญลักษณ์ประหลาดบนอกเสื้อ และแต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึมเกินกว่าผู้มาเยี่ยมเยียนโดยไมตรี        

ในโต๊ะเดียวกันนั้น อวี้ไป๋เฉินนั่งอยู่หัวโต๊ะเพื่อเผชิญหน้ากับแขกทั้งสี่ เสี่ยวซุ่ยเพิ่งได้พบหน้าเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เขามีเส้นผมสีดำสนิทราวขนนกอีกา ปล่อยยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าเรียวงามได้รูป ผิวราวกับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในร่มมาเนิ่นนาน ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน ๆ คิ้วของเขาเรียวยาว ดวงตาสีน้ำตาลก็เรียวเฉียงชี้ขึ้นเล็กน้อย จมูกของเขาโด่ง รับกับใบหน้าทั้งหมดอย่างน่าพึงพอใจ เสื้อผ้าของเขาเป็นชุดคลุมแขนยาวสีเทาหม่น ชายแขนเสื้อและชายเสื้อเป็นสีเงิน เสื้อผ้าแม้ไม่ได้มีลวดลายวิจิตรพิสดาร แต่ก็สะอาดสะอ้าน

แม้ตอนนี้สีหน้าของอวี้ไป๋เฉินจะแสดงท่าทีนิ่งสงบ แต่แววตากลับมีบางอย่างที่แข็งกร้าว ราวกับพร้อมจะปะทะกับผู้นั่งร่วมโต๊ะได้ทุกเวลา

“ข้าขออีกครั้ง สิ่งนั้นควรส่งคืนแก่ผู้ครอบครองที่แท้จริง มันไม่ใช่ของท่านตั้งแต่ต้น” ผู้มาเยือนคนหนึ่งซึ่งเป็นชายคิ้วเข้ม และมีรอยแผลเป็นตรงแก้ม สวมเสื้อสีดำพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ เปิดเผยท่าทีคุกคามอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกสามคนนั้นสวมเสื้อสีต่างกัน มีทั้งสีเขียว สีน้ำตาล และสีเหลือง ท่าทางของพวกเขาเองก็พร้อมใช้กำลังเช่นกัน

“ข้าไม่ใช่เจ้าของของมันก็จริงอยู่ ทว่าข้าก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าพวกเจ้าคือผู้คู่ควรจะครอบครองมันเช่นกัน ดังนั้นก็คงมอบให้ไม่ได้” อวี้ไป๋เฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่เฉียบคมอย่างคมกระบี่

“หากเช่นนั้น ก็อย่าหาว่าพวกเราหยาบคาย!” แขกอีกคนที่สวมเสื้อสีเขียวเข้มลุกขึ้นจากโต๊ะ กระทืบพื้นเสียงดัง แรงกระแทกของฝ่าเท้าที่กระทบพื้น ส่งเสียงดังปังจนถ้วยชาไหว ส่งผลให้เสี่ยวซุ่ยที่ถูกทำให้แสดงอาการอย่างคนสามัญถึงกับต้องสะดุ้งเฮือก ถาดในมือแทบหล่น จนเฉินอี้ที่เดินผ่านมาเพื่อทำความสะอาดโต๊ะอีกตัวยังหันมามองนางเป็นห่วง

ชายแปลกหน้าเสื้อเขียวผู้ลุกขึ้นยืน ตวัดแขนหนึ่งครั้ง ปล่อยคลื่นพลังลมแรงออกมา ข้าวของทั้งหมดบนโต๊ะรับรองแขกพิเศษถึงกับกระจัดกระจาย อาคารโรงเตี๊ยมทั้งหลังสั่นไหวไปเล็กน้อย แขกในห้องต่างตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครกล้าก้าวออกไป เพราะความกลัวทำให้ผู้มาเยือนที่เป็นคนธรรมดา หาใช่ชาวยุทธ์ ต้องขาสั่นลุกไปขึ้นไปตามกัน

“เจ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินว่าเรามีสิทธิ์ในสิ่งนั้นหรือไม่!” เสียงตะโกนแผดขึ้น พร้อมกับแขกอีกคนที่สวมเสื้อสีน้ำตาลกระโดดจากเก้าอี้ พุ่งทะยานข้ามโต๊ะเข้าโจมตีอวี้ไป๋เฉินที่นั่งอยู่ด้วยฝ่ามือทันที ทว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมกลับยกจานรองแก้วขึ้นมา ก่อนจะใช้มันตบเข้าที่ข้อมืออีกฝ่ายเบา ๆ เบี่ยงวิถีให้อีกฝ่ายถลำไปโจมตีพื้นโรงเตี๊ยมแทน จนพื้นถึงกับแตกร้าว  

“ทุกคนออกจากโถงก่อนเร็ว! เกิดเรื่องแล้ว!” เฉินอี้ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณนั้นตะโกนเรียกสติทุกคน ทำให้ลูกค้าที่พากันขาสั่น ต้องได้สติอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาพากันวิ่งออกไปจากโรงเตี๊ยม ทว่าเด็กสาวคนหนึ่งที่มากับคณะเดินทางที่เป็นลูกค้าของโต๊ะอีกตัว กลับสะดุดล้มลงอยู่ข้างประตู

เฉินอิ้วิ่งเข้าไปจะช่วยนาง ทว่าชายที่สวมเสื้อสีเขียวกลับตวัดแขนทั้งสองไปทั่ว กระแสพลังปราณที่เต็มไปด้วยพลังจู่โจมกระจัดกระจายไปทั่วโถงอย่างไร้ทิศทาง ราวกับจะทำลายข้าวของในโรงเตี๊ยมเพื่อข่มขู่อวี้ไป๋เฉิน หนึ่งในกระแสพลังจู่โจมนั้นก็พุ่งเข้าใส่เฉินอี้ที่พยายามช่วยเด็กสาวที่กำลังล้ม!

“หลบไปเฉินอี้!” เสี่ยวซุ่ยที่มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แต่เหมือนร่างกายกลับหมดเรี่ยวแรงและสั่นกลัวจนขาหมดกำลัง นั่งอยู่กับพื้นตั้งแต่เมื่อครู่ ทำได้เพียงร้องบอกออกไป แต่เสียงของนางแผ่วเบาจนราวกับไม่มีผู้ใดได้ยิน

คลื่นพลังปราณฟาดเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างแรง ร่างของเฉินอี้ปลิวกระแทกกับเสาไม้เสียงดังสนั่น ก่อนที่เขาจะทรุดลงกับพื้น เลือดไหลรินออกมาจากไหล่ข้างหนึ่ง

“เฉินอี้!!” เสี่ยวซุ่ยกรีดร้อง แต่ไม่อาจลุกขึ้นไปทำอะไรได้ นางกัดปากตัวเองด้วยความเจ็บใจจนเลือดซึมริมฝีปาก กำเสื้อของตนแน่นจนมือสั่นเทา

น้ำตาของเซียนที่ติดในร่างสาวใช้หลั่งไหลโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด หรือเพราะถูกรังแก แต่เป็นเพราะความรู้สึกไร้พลังที่กัดกินเหมือนเปลวเพลิงในอก เมื่อครั้งนางยังเป็นลั่วชิง เพียงโบกมือครั้งเดียวก็จัดการคนพวกนี้ได้ไม่ยาก ทว่าตอนนี้เพียงแค่ลุกขึ้นมา นางยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ...

ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นมากกว่านั้น ซูหรงที่อยู่ชั้นบนของอาคารก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของโถงด้านล่าง นางเดินลงบันไดลงมา และได้มองเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อวี้ไป๋เฉินพยายามหลบเหล่าแขกที่เข้ามาโจมตี แขกเสื้อเขียวใช้คลื่นพลังทำลายข้าวของไปไม่น้อย เฉินอี้ถูกซัด และเสี่ยวซุ่ยที่นั่งคุกเข่าทรุดอยู่กลางโถง ดวงตาของซูหรงเบิกกว้างชั่วครู่ ก่อนแววตาจะแปรเปลี่ยนเป็นแววโทสะ

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

เสียงตวาดของซูหรงดังลั่น และเพียงชั่วขณะเดียว แสงสีเงินพลันพุ่งออกจากเงื้อมมือของนาง กระแทกเข้ากลางพื้นไม้ กระจายเป็นวงอักขระเรืองแสงเต็มพื้นดิน ทำเอาผู้บุกรุกต้องหยุดชะงักพร้อมกันทันที

“หากพวกเจ้าต้องการจะต่อสู้ในที่ของข้า จงเตรียมตัวรับผลลัพธ์ให้ดี” ซูทรง น้ำเสียงของซูหรงเย็นชาจนแทบทำให้อากาศรอบข้างเย็นยะเยือก แม้ไม่เปล่งพลังเต็มที่ แต่พลังปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายของนาง ก็ทำให้ชายแปลกหน้าเหล่านั้นตระหนักดีว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สามารถเอาชนะโดยง่าย

“ครั้งนี้พอก่อนก็แล้วกัน” แขกในชุดดำกล่าว พลางมองพวกที่ติดตามมาคนอื่น ๆ แล้วหันไปมองอวี้ไป๋เฉิน “ส่วนเจ้า ข้าให้เวลาทบทวนให้ดี ว่าของนั่นควรยกให้พวกเราหรือจะเก็บมันไว้ต่อไป แล้วดึงดูดใครต่อใครให้มาหาเจ้าอีกเช่นนี้”

“ทำลายข้าวของคนอื่นแล้วจะบอกว่าพองั้นรึ?” ซูหรงพูดขึ้นมาเหมือนยังไม่ยอมให้จบเรื่อง แขกคนที่สวมชุดสีน้ำตาลจึงหยิบถุงเล็ก ๆ ใบหนึ่งออกมา วางไว้บนโต๊ะ

            “ในนี้มีหนึ่งตำลึงทอง คงพอชดใช้ค่าเสียหายวันนี้ได้”

            “เช่นนั้นข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน อย่าได้กลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก” ซูหรงเอ่ยขึ้น หลังจากคิดในใจเบ็ดเสร็จแล้วว่าข้าวของที่เสียหาย อย่างไรก็ไม่น่าจะถึงหนึ่งในสิบตำลึงเงิน อย่างมากก็เกือบ ๆ เท่านั้น แต่กลับได้มาหนึ่งตำลึงทอง ก็มากกว่าที่คาดไว้เกือบร้อยเท่า

            หลังจากซูหรงปล่อยพวกเขา จนพวกเขาเดินออกไปจากโรงเตี๊ยมแล้ว เสี่ยวซุ่ยก็คลานไปประคองร่างเฉินอี้ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตา นิ้วมือแตะบาดแผลของเขาเบา ๆ

“เจ็บไหม... ข้าช่วยอะไรไม่ได้เลย... ข้าไร้ประโยชน์นัก...”

นางรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นของเลือดอุ่น ๆ ตรงแขนเสื้อของเขาที่ไหลรินออกมาจากไหล่ ความอบอุ่นนั้นทำให้นางเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บที่ลึกลงไปอีก ในหัวของนางครุ่นคิดกังวล และตอนนี้มันสรุปเรื่องราวออกมาได้ว่า...

นางจะปล่อยให้ชีวิตของนางและเฉินอี้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้.. นางจะต้องทำอะไรสักอย่าง!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทพิเศษ (18+) : นางคืนดีกับเขา

    คืนหลังจากที่ซูหรงเเละสามีปรับความเข้าใจกันได้ เสียงหรีดหริ่งเรไรยามราตรีขับขาน ลมเย็นในยามค่ำคืนพัดผ่านม่านโปร่งของห้องพักชั้นบนสุดของโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋น พัดพากลิ่นหอมอ่อน ๆ จากโคมไฟน้ำมันซึ่งซูหรงเพิ่งจุดไว้เมื่อครู่ให้หอมอบอวลอยู่ในห้อง นางยืนอยู่ริมหน้าต่างในชุดคลุมบางเบาสีแดงเลือดนกที่แฝงประกายทองจาง ๆ เมื่อถูกแสงจันทร์สาดส่อง อวี้ไป๋เฉินมองนางจากทางประตูหลังเดินเข้ามาเงียบ ๆ ราวกับกลัวทำลายความสงบอันละเอียดอ่อนนี้ “ข้าเคยฝันถึงคืนนี้อยู่หลายครั้ง...” นางเอ่ยเสียงเบาพลางหันกลับมา แววตาอบอุ่นดั่งผู้หญิงธรรมดาที่รอผู้ชายคนหนึ่งกลับมา หลังจากเขาผ่านพ้นจากสงครามในหัวใจ อวี้ไป๋เฉินเดินเข้ามาช้า ๆ พลางยื่นมือออกไปแตะแผ่นหลังบางที่สั่นเพียงเล็กน้อยยามลมพัด “ข้าก็ฝันเช่นกัน...” เขาโน้มตัวลงกระซิบข้างหู ขณะที่สองมือโอบรอบเอวของนางแน่นขึ้น ซูหรงหลับตาแนบกับอกเขา แผ่นอกที่เคยอบอุ่น ตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อและกลิ่นไม้เก่า ๆ จากการทำงานในโรงเตี๊ยม หากแต่สำหรับนาง มันหอมเสียยิ่งกว่าดอกไม้ใด ๆ “ข้าเคยคิดว่าเราจะเสียความสัมพันธ์สามีภรรยาไปแล้ว...” นางเอ่ยเสียงสั่น ก้มหน้าลงหลบสายตา “เมื่

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 80 : ข้ายังคงอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอ

    วันต่อมา หลังจากศึกเขาอู่ฮุ่ย แสงแดดยามสายส่องลอดหลังคากระเบื้องเก่า เสียงนกกระจิบร้องประสานกับกลิ่นหอมของน้ำเต้าต้มหวานจากในครัว โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นกลับมาสงบอีกครั้งแม้สถานการณ์จะวุ่นวายเพราะต้องซ่อมแซมอาคารหลายจุดหลังเหตุการณ์พรรคมารบุกโจมตี แต่ซูหรงกลับดูสดใสเป็นพิเศษ นางเดินเคียงอวี้ไป๋เฉินสามีของนาง ท่าทีดูสนิทสนมกว่าแต่ก่อนนัก เพราะหลังจากกลับมาเมื่อรู้ความจริงจากเซี่ยหง ทั้งคู่ได้นั่งคุยกันถึงเรื่องในอดีตที่เคยไม่เข้าใจกัน ด้วยความเข้าใจในที่สุดว่าสามีนางไม่ได้ตั้งใจทรยศ ไม่ได้หลอกลวงนางเพราะผลประโยชน์ใดในยุทธภพ หากแต่เป็นชายผู้พยายามละทิ้งอดีตอันโหดร้ายของพรรคมารเพื่อตั้งต้นใหม่อย่างสงบ“เจ้ารู้หรือไม่...” ซูหรงเอ่ยเสียงเบา “ข้าเคยโกรธเจ้ายิ่งนัก ที่เจ้าปิดบังเรื่องพรรคมาร... แต่ตอนนี้ ข้ารู้แล้วว่าเจ้าทำเพื่อจะตัดขาดจากอดีตนั้นอย่างแท้จริง”อวี้ไป๋เฉินไม่ตอบ แต่เพียงยิ้มเศร้า ๆ ขณะที่นางกุมมือเขาแน่นขึ้น“เรากลับมาเป็นครอบครัวอย่างแท้จริงเถิด... ไม่ใช่แค่สามีภรรยาในนาม แต่เป็นสองคนที่เข้าใจกัน&rdqu

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 79 : ข้าก็มีกิจให้จัดการจริง ๆ นั่นแหละ

    หลังการเจรจากับเฉินอี้เหมือนจะจบลง ลั่วชิงก็มิได้กล่าวคำใดต่ออีก นางเพียงมองเขาด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความเข้าใจ แล้วหมุนกายหันไปหาซูหรงที่ยืนอยู่ห่างออกไป“ซูหรง” เสียงของนางเรียบนิ่งแต่เปี่ยมด้วยพลัง “พาเขากลับไปที่โรงเตี๊ยม… ดูแลเขาให้ดี”ปลายนิ้วเรียวของลั่วชิงแตะที่อากาศเบื้องหน้า วงแหวนอักขระยันต์เรืองแสงสีเงินค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนพื้น ขนาดใหญ่พอจะให้คนยืนได้สองคน ก่อนที่นางจะเอ่ยถ้อยคำอำลา“เคลื่อนย้ายแสนลี้สำหรับกลับโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋น พาเขากลับไป แล้วใช้ชีวิตต่อไปให้ดีล่ะ พวกเจ้าเติบโตขึ้นมามากแล้ว คงใช้ชีวิตกันต่อไปได้แม้จะไม่มีข้า แต่ก็อย่าได้หลงลืมตัวข้าหรือสิ่งที่ข้าได้สอนพวกเจ้าล่ะ”“เจ้าค่ะ... ถึงข้าจะอยากให้ข้ากับท่านอาจารย์อยู่ด้วยกันต่อไป ทว่าข้าเองก็ได้เลือกว่าจะกลับไปอยู่ในโลกมนุษย์ จัดการความเข้าใจผิดที่มีกับสามี กับถ่ายทอดความรู้หลายอย่างแก่ผู้คนเบื้องล่าง ป้องกันไม่ให้คนหลงใหลในวิถึมารอีก... อย่างนั้นน่าจะดีกว่าเจ้าค่ะ... ลาก่อนนะเจ้าคะ” ซูหรงค้อมศีรษะ ก่อนจะเดินนำบ่าวหนุ

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 78 : ข้าถามเขาให้มั่นใจ

    ลั่วชิงไม่ได้ตอบอะไรบ่าวหนุ่ม นางยังคงยืนนิ่ง ขณะที่พวกเซียนพากันไปรับตัวอู๋เป่ยและจ้าวหยางที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากพวกเซี่ยหงถูกจับกุมและตราประทับมารถูกยึดคืนไปเรียบร้อยแล้ว ร่างของทั้งสองเต็มไปด้วยบาดแผลจนแทบไม่อาจขยับตัว พวกศิษย์เซียนพาพวกเขานอนลงบนแคร่หามวิเศษที่ลอยกลางอากาศเองได้แม้ไม่มีคนยก แล้วลอยมาถึงลั่วชิงและอีกสองผู้นำเซียน“ท่านทั้งสองคนนี้ คือผู้บาดเจ็บจากการป้องกันประตูเงามารไว้ก่อนพวกเราจะมาถึง เป็นผู้กล้าหาญและมีคุณธรรมยิ่ง” ลั่วชิงละสายตาจากเฉินอี้ ไปกล่าวต่อหน้าผู้นำเซียนทั้งสองที่มาด้วยกัน “ข้าคิดว่าพวกเขาควรได้อะไรตอบแทนความกล้าหาญนี้”ผู้นำเซียนเครายาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย อีกผู้หนึ่งคือเซียนอ้วนพุงพลุ้ยหัวเราะเสียงดัง พร้อมหยิบเครื่องรางสองชิ้นออกมา แล้วกล่าวขึ้น“ของวิเศษพวกนี้ ข้าคงมอบให้พวกเขาตอบแทนในความกล้าหาญ แต่ตอนนี้พาพวกเขาไปที่เขาหลิงอวิ๋นเถอะ พวกข้าจะรักษาพวกเขาเอง”ลั่วชิงใช้ยกมือขึ้นแหวกม่านอากาศเปิดทางให้กองทัพเซียนมุ่งหน้าออกจากช่องเขาอู่ฮุ่ยอีกครั้ง ทุกสายตากำลังจับจ้องมายังร่างของนางไม่เพียงด้วยความ

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 77 : ข้าให้โอกาสนางอีกครั้ง

    เซี่ยหงกระอักเลือดออกมาจากปาก แต่แววตาของนางยังไม่ถอดใจ ดวงตาข้างหนึ่งหลับสนิทเพราะเลือดจากศีรษะที่มีแผล จ้องมองลั่วชิงด้วยแววแข็งกร้าว แม้จะถูกลั่วชิงโจมตีจุดลมปราณทั่วร่างจนสาหัส ทว่าพลังความแค้นของนางยังไม่มอดดับ ร่างของนางค่อย ๆ ปล่อยพลังปราณสีม่วงออกมาอย่างเชื่องช้า“เจ้า...คิดว่าข้าจะยอมพ่ายเพียงแค่นี้หรือ...” นางคำรามเบา ๆ“เจ้าโดนโจมตีจุดลมปราณไปถึงเพียงนั้น ยังฝืนใช้พลังอีกงั้นรึ? มันเจ็บปวดทรมานมากเลย อย่าฝืนดีกว่า” ลั่วชิงพยายามเตือน แต่ไม่เป็นผล ไอพลังลมปราณสีม่วงเข้มเริ่มพวยพุ่งขึ้นรอบตัวประมุขพรรคมารอีกครั้ง แม้สีหน้าจะเต็มไปด้วยคสามเจ็บปวดก็ตามในพริบตา เทวรูปมารหกกรองค์ใหม่ก็ปรากฏขึ้นคลุมร่างของนางอีกหน ขนาดใหญ่โตเท่าอาคารสี่ห้าชั้นเหมือนเดิม ท้องฟ้าและขุนเขาสะท้านด้วยไอพลังปราณที่ปั่นป่วนหนักหน่วงกว่าเดิมมาก แม้จะมีบาดแผลทั่วร่าง เซี่ยหงก็ยืนประสานมืออยู่ด้านในศีรษะของเทวรูปนั้น กัดพันด้วยความโกรธเกรี้ยว“เจ้าควรหยุดแล้ว... ก่อนที่สิ่งที่เหลืออยู่ของเจ้า จะหายไปหมด” ลั่วชิงกล่าวเบา ๆ ขณะที

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 76 : ข้าเข้าใจแล้ว

    เสียงก้าวย่างของเทวรูปมารหกกรที่สร้างจากพลังปราณยังดังก้องทั่วแนวเขาอู่ฮุ่ย ฝีเท้าหนักหน่วงของมันสะเทือนผืนดินทุกครั้งที่ย่างเหยียบ จนกระทั่งมันมาถึงประตูเงามารทว่าเบื้องหน้าประตูเงามารอันสูงใหญ่กลับมีหญิงสาวผู้หนึ่งยืนต้านทานอยู่ ซูหรงนั่นเองศิษย์หญิงของลั่วชิงกางสองมือขึ้นเหนือศีรษะ ร่ายยันต์พลังปราณสีเงินเป็นรูปวงกลม ก่อตัวเป็นเกราะป้องกันที่ส่องแสงระยับ แขนยักษ์ที่ถือดาบมหึมาของเทวรูปมารเริ่มฟาดลงมาราวกับสายฟ้าฟาด แต่เกราะยันต์กลับต้านรับไว้ได้ แม้จะแตกร้าวลง ซูหรงก็ร่ายอาคม ฟื้นฟูกลับขึ้นมาใหม่ภายในพริบตา“คิดจะขวางข้าเรอะ พี่สะใภ้!?”เสียงของเซี่ยหงคำรามออกมาจากในศีรษะของเทวรูป พลางควบคุมแขนยักษ์ฟาดซ้ำลงไปอีกครั้งแรงกระแทกสะเทือนสะท้าน เกราะยันต์พลังปราณสายไปในพริบตา ซูหรงย่อตัวลงน้อย ๆ พร้อมกัดฟัน ก่อนที่ปลายนิ้วจะเขียนอักขระกลางอากาศ ร่ายยันต์ใหม่ขึ้นมาอีกชุด“ตราบใดที่ข้ายังยืนอยู่ เจ้าจะไม่มีวันผ่านประตูนี้ไปได้!” ซูหรงตะโกนอย่างเด็ดเดี่ยว ทว่าเซี่ยหงกลับหัวเราะเยาะ“เดี๋ยวก็ได้ล้มแล้ว! เจ้าคนอ่อนแอ... สายข่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status