@ มหาวิทยาลัยxxx...
@ โรงอาหาร…
“พี่วินท์คะ...น้ำตาลเอาขนมมาฝากพี่วินท์ค่ะ”‘อลินดา’ ยื่นถุงขนมที่เธอตั้งใจนำมาให้เขา เธอตื่นแต่เช้า เพื่อต่อคิวซื้อขนมเจ้าดัง โดยเธอหวังว่า เขาจะชอบมัน เพราะตอนเป็นเด็ก เธอกับเขาก็เคยไปซื้อด้วยกันเป็นประจำ
ปึ่ก! ถุงขนมถูกปัดตกลงพื้น แทนคำตอบของผู้รับ
“...” ‘กวินท์’ ยกยิ้มที่มุมปาก สีหน้าของเขาในเวลานี้แสดงถึงความไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด สันกรามของเขาขบแน่นด้วยความหงุดหงิดที่ก่อตัวขึ้น...
“เอ่อ...พี่วินท์ ทำไม?”
ใบหน้างามซีดเผือดลงในทันใด เธอรู้สึกชาหนึบที่หัวใจอย่างแรง มึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหัน ‘พี่วินท์เป็นอะไร? เธอทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ?’
“อ่าว! ไอ้วินท์! มึงไปทำไมทำแบบนั้นวะ น้องเขาตกใจหมดแล้วเนี่ย”
‘ณภัทร’ ต่อว่าการกระทำของเพื่อนทันที สิ่งที่กวินท์ทำ ณภัทรเองก็ตกใจเช่นกัน ไม่คิดว่าเพื่อนของเขา จะไม่พอใจ ถึงขั้นแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้
“ทำไม! ก็กูไม่ชอบ!”
ใบหน้าคมเหลือบมอง ‘เด็กในบ้าน’ เพลิงโทสะเจิดจ้าในแววตาคู่นั้น ‘นอกจากจะกล้ามาเรียน คณะเดียวกับเขาแล้ว เธอยังกล้าที่จะเข้ามาทักทายเขาอีก นี่เขาจะต้องบอกเธออีกกี่ครั้ง เธอถึงจะเข้าใจสักที!’
“พี่วินท์เป็นอะไรคะ?”
อลินดาถามกลับ พร้อมกับก้มเก็บถุงขนมที่ร่วงลงบนพื้น ภายในใจกลับคิดทบทวนร้อยแปด เธอทำอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ? ทำไมพี่วินท์ถึงโกรธมากขนาดนี้
“ต่อไป อย่ามายุ่งกับพี่อีก!”
น้ำเสียงห้วนกระชากออกมา ความหงุดหงิดทําให้เขาต้องหลับตาลงแน่น ถ้าจำไม่ผิด เขาเคยบอกเธอไปแล้ว และปฏิเสธความรู้สึกที่เธอมีต่อเขา กวินท์ไม่ได้ชอบเธอ ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจอีก
“แต่น้องน้ำตาล แค่เอาขนมมาให้นะ มึงไม่รับ ก็ควรจะพูดกับน้องเขาดีๆ สิ”
“มึงอย่ายุ่งได้มั้ยภัทร” กวินท์หันไปตวาดใส่เพื่อน
“กูสงสารน้องน้ำตาล มึงเป็นบ้าไรวะวินท์!”
“น้ำตาลขอโทษค่ะ”
อลินดายกมือไหว้ เธอรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ที่ทำให้เขากับเพื่อนต้องมีปากเสียงกัน
“...”
“วันนี้ไอ้วินท์มันอารมณ์ไม่ดี น้องน้ำตาลกลับไปก่อนนะ”
‘เตชินทร์’ ที่นิ่งฟังอยู่นาน เอ่ยบอกกับเด็กสาว ใบหน้าของเธอซีดขาวราวกับกระดาษ เธอคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าเพื่อนของเขา ไปโดนตัวไหนมา ถึงได้แสดงความโมโหออกมามากมายขนาดนี้
“ค่ะ...” อลินดายกมือไหว้อีกครั้ง พร้อมกับหันหลังเดินจากไป ในหัวของเธอตอนนี้ กลับคิดหาสาเหตุถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เขาโกรธเธอ ที่เอาขนมมาให้เขางั้นหรือ? เรื่องที่เขาเคยปฏิเสธเธอ อลินดาก็เข้าใจ แต่จะให้เธอทำเหมือนไม่รู้จักกันเลย อลินดาไม่เข้าใจนะ เป็นพี่น้องกัน จะทำเหมือนคนแปลกหน้าต่อกันได้อย่างไร
“มึงจะรมณ์เสียใส่น้องเขาทำไมวะไอ้วินท์ น้องเขาตกใจหมด อะไรกันวะ มึงเป็นไร”
‘พิรัชย์’ ตบไปที่ไหล่เพื่อน วันนี้สหายของเขาเป็นอะไรไป แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดออกมา ราวกับเป็นคนละคนกับที่เขาเคยรู้จัก
“กูแค่ไม่ชอบ!”
“ไม่ชอบ แต่มึงก็ไม่ควรทำแบบนี้มั้ยวินท์ กูว่าครั้งนี้มึงทำเกินไปจริงๆ บอกน้องเขาดีๆ สิ”
“เรื่องนี้ พวกมึงอย่ายุ่งได้มั้ย”
“พวกกูจะไม่ยุ่งได้ไง สงสารน้องน้ำตาล น้องเขาน่ารักดีนะ หรือเป็นเพราะว่า มึงกลัวพวกกูจะจีบน้องเขาหรือเปล่า ถึงได้กันท่าแบบนี้...ใช่มั้ยไอ้วินท์”
“นั่นสิ น้องเขาสวยด้วย แล้วตอนนี้น้องน้ำตาลเป็นตัวเต็งในการเข้าประกวดดาวมหาลัยของคณะเราเลยนะ กูว่าปีนี้ น้องเขาต้องคว้ามงให้คณะของเราแน่นอน”
“แต่...กูคิดว่า ที่ไอ้วินท์ไม่พอใจ น่าจะเป็นเพราะ น้องน้ำตาลมาเรียนคณะเดียวกันกับมันหรือเปล่า ใช่มั้ยวินท์”
พิรัชย์หันไปถามเพื่อน มันจะมีเหตุผลอะไร ที่จะทำให้เพื่อนเขาไม่พอใจ นอกจาก ไม่อยากให้เด็กในบ้านอย่างน้องน้ำตาล มาเรียนที่เดียวกันกับที่ตัวเองเรียนอยู่
“ใช่มั้ยไอ้วินท์ เป็นอย่างที่ไอ้รัชย์มันพูดมั้ย”
“เออ...”
“ทำไม...ก่อนเลือกสาขาเรียน น้องน้ำตาลไม่ได้บอกมึงเหรอ ความจริงก็น่าแปลกอยู่นะ น้องเขาเป็นผู้หญิง เรียนวิศวกรรมเครื่องกล ดูหุ่นและหน้าตาน้องไม่ได้เลย หรือว่าจะมาเรียนเพราะมึงหรือเปล่าวินท์”
“เอาเป็นว่า กูไม่ชอบก็พอ พวกมึงไม่ต้องออกตัวให้วุ่นวายขนาดนี้ก็ได้ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของกู ไม่เกี่ยวกับพวกมึง เข้าใจมั้ย!”
“ไม่เข้าใจ!” สามเสียงประสานพร้อมกันทันที
“พวกกูเป็นเพื่อนมึง ห่วงภาพพจน์ของมึงด้วยวินท์ มึงดูสิคนทั้งโรงอาหารมองมึงกันหมด และอีกอย่างภาพพจน์ของพวกกูจะดูโหดร้ายไปด้วย เดี๋ยวพวกสาวๆ ก็หายหมด เพราะมึงนี่แหละ”
“สุดท้ายมึงก็ห่วงตัวเองนี่หว่าไอ้ชินทร์ ทำไม มึงกลัวสาวๆ ในสังกัดของมึงหายหมดหรือไง” ณภัทรโต้กลับคู่กัดของเขา
“ชอบทำตัวเป็นพระเอกอีกแล้วนะ...ไอ้ภัทร!”
เตชินทร์สวนกลับเพื่อนเพราะความหมั่นไส้
“เอ้า...รึไม่จริง! มาโรงอาหาร แทนที่จะมากินข้าว กูเห็นมึงแอบส่องแต่สาวๆ ความจริงลูกคุณหนูอย่างมึง ไม่น่ามากินข้าวที่นี่เลยนะ ไอ้ชินทร์”
“อาหารตา ธรรมดา เรื่องของกู คนอย่างมึงไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอกไอ้ภัทร”
“เฮอะ! ไม่เข้าใจอะไร กูไม่ใช่ลูกคนรวยอย่างมึงนี่หว่า มีเงินใช้อย่างสบาย มีขับรถสปอร์ตขับ สาวๆ จะกรี๊ดมึงก็เป็นเรื่องธรรมดา ลองมึงไม่มีเงินดิ ใครจะมองมึงวะ ก็หมาดีๆ นี่แหละ”
“อ่าว...ไอ้ภัทร”
เตชินทร์เตรียมง้างหมัดไปที่คู่กัดตลอดกาลของเขา
“มึงสองคนเลิกทะเลาะกันซะทีจะได้มั้ย กูหนวกหู!”
กวินท์ กระชากเสียงใส่เพื่อนด้วยความรำคาญ ทั้งณภัทรและเตชินทร์ เวลาเข้าหน้ากันทีไรเป็นอันต้องทะเลาะกันทุกครั้งไป ไม่มีวันไหนเลยที่จะพูดกันดีๆ กวินท์ปวดหัวเรื่องของเขาก็พอทนล่ะ จะต้องมานั่งฟังไอ้เพื่อนบ้าสองคนนี้ทะเลาะกันอีก
“มันเป็นเรื่องปกติของกูสองคนแล้ววินท์ มึงยังไม่ชินอีกเหรอ วันไหนที่กูไม่ได้ทะเลาะกับไอ้ชินทร์ กูนอนไม่หลับ ต้องได้ด่ามันก่อน ถึงจะหลับสบาย”
“มึงมันโรคจิต...ไอ้ภัทร!”
“โรคจิตยังไง กูกับมึงก็คบกันมาหลายปีแล้วนะโว้ย แต่ว่าอีกแค่ปีเดียวก็เรียนจบกันแล้ว”
“นั่นสิ...แค่ปีเดียว...เออ...แล้วนี่ใครเห็นไอ้กันต์มั่ง วันนี้มันไปไหนเนี่ย”
เตชินทร์ถามถึงเพื่อนรักอีกคนในกลุ่มของเขา
“มันคงจะไปจ่ายค่าเทอม...”
“โน่นไง พูดถึงก็มาเลย”
“เฮ้ย! กันต์! ทางนี้”
“มึงไปไหนมาวะ...กันต์”
“ไปจ่ายค่าเทอมสิ วันนี้เป็นสุดท้ายของการผ่อนผัน กูก็ต้องรีบไป ไม่งั้นโดนคัดชื่อออกแน่”
‘ชนกันต์’ ได้เงินมาจากการทำงานพาร์ทไทม์ ก็รีบเอาไปจ่าย ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เลย ฐานะทางบ้านของชนกันต์ ไม่เหมือนกับเพื่อนของเขา ต้องลำบากทำงาน หาเงิน ส่งตัวเองเรียน เหลือเพียงอีกแค่หนึ่งปี ความลำบากนี้ก็จะจบสิ้นแล้ว
“กูให้เอาเงินกูไปก่อน ก็ไม่ยอม หยิ่งไม่เข้าเรื่องเลยนะมึง เพื่อนกันจะคิดอะไรมากวะ”
“กูไม่อยากเดือดร้อนใคร เอาเป็นว่า ตอนนี้กูยังมีปัญญาที่จะจ่าย พวกมึงไม่ต้องเป็นห่วง ขอบใจมาก”
ถึงแม้ชนกันต์จะไม่ได้ร่ำรวย แต่เพื่อนๆ ของเขาก็ไม่เคยมีใคร ที่จะดูถูกเขาเลยสักคน กลับกัน ทั้งสี่คนนี้คอยช่วยเหลือเขาตลอด
@ คฤหาสน์เตชะวรากูล...@ ห้องรับแขก... “วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรคะพี่วินท์ ทำไมต้องมานั่งรวมตัวกันพร้อมหน้าแบบนี้ล่ะคะ...แต่ว่า...เอ๊ะ ยังขาดน้ำตาลนะคะ เดี๋ยวเวนิสตามเองค่ะ” “ไม่ต้องตามหรอกลูก พี่เรานัดกันมาแค่นี้น่ะถูกแล้ว”คุณหญิงเจนเนตรพอรู้เรื่องมาบ้างแล้ว วันนี้ ลูกชายคนกลางของเธอ นัดครอบครัวเพื่อจะบอกเรื่องราวบางอย่าง ลูกชายของเธอไม่เคยมีสีหน้าจริงจังขนาดนี้มาก่อน และผู้ที่ถูกนัด ก็ไม่มีบุตรสาวบุญธรรมของเธอด้วย คงไม่มีเรื่องอะไร นอกจากเรื่องของเขาทั้งสองคน แน่นอน “มีอะไรก็พูดมาเถอะลูก ป๊าก็อยากจะรู้แล้วเหมือนกัน ลูกชายป๊ามีปัญหาอะไร ไหนลองบอกป๊ามาซิ”ทักษ์ดนัยไม่เคยเห็นบุตรชายเขาคนนี้จะมีท่าทีจริงจังขนาดนี้มาก่อน เรื่องราวคงต้องใหญ่พอสมควร ไม่อย่างนั้น คงไม่นัดทุกคนมาเพื่อจะพูดกันภายในครอบครัวแน่นอน “ครับป๊า...”กวินท์มองทุกคนอย่างชั่งใจ เอาเข้าจริงๆ เขาก็รู้สึกประหม่าอยู่เหมือนกัน ปกติเวลาครอบครัวรวมตัวกัน ก็จะเป็นการทานมื้อเย็นด้วยกันเท่านั้น วันนี้ เขานัดทุกคนมา เพื่อจะบอกความจริง เรื่องของเขากับอลินดา “นายคงไม่ไปทำผู้หญิงท้องห
@ บนเตียงใหญ่ขนาดคิงไซส์... หลังจากพายุรักผ่านพ้นไป อ้อมแขนอันแข็งแกร่งล้อมรอบเรือนร่างอวบอิ่มเอาไว้ ฝ่ามือหนาค่อย ๆ ลูบไปตามแผ่นหลังเนียนนุ่มของเธอ สัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายซ่อนอยู่... “พี่รักเธอนะ...” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู “พี่วินท์รักน้ำตาล...ตอนไหนคะ?”อลินดาถามกลับ พร้อมรีบซุกหน้าของเธอเข้าไปในอกกว้าง ใบหน้าเนียนร้อนผ่าว ‘ปากของเธอปฏิเสธ...แต่ร่างกายของเธอกลับตอบสนองอย่างเต็มใจ ยัยบ้าน้ำตาลเอ้ย...สุดท้ายเธอก็หนีพี่วินท์ไม่พ้นอยู่ดี’ “ตอนพี่เจอเราครั้งแรก...” “หืม...อย่าบอกนะ ว่าตอนน้ำตาลแปดขวบ!” “อืม...แต่ตอนนั้น พี่ก็อายุ 11 แล้วนะ” “เป็นไปไม่ได้ค่ะ...” “มันเป็นไปแล้ว...พี่รักเธอตอนนั้นจริงๆ” “แล้วทำไม...พอน้ำตาลเข้ามหาลัย...พี่วินท์ถึงไม่ชอบน้ำตาลคะ...พี่วินท์ด่าน้ำตาล เกลียดน้ำตาล และไม่อยากให้น้ำตาลเข้าใกล้พี่วินท์อีก” “ตอนนั้น...พี่ยอมรับ ว่าพี่สับสน เราอายุ 18 พี่ก็ 21 เราทั้งคู่ยังเป็นเด็ก พี่คิดว่า เราสองคนไม่ควรรักกัน เพราะเราเป็นพี่น้องกัน” “แต่เ
“อุ๊บ!!” ปากบางถูกปิดอย่างรวดเร็ว เสียงร้องของหญิงสาวขาดหายไปด้วยริมฝีปากหนาบดจูบอย่างหนักหน่วง ปลายลิ้นสากกำลังชอนไชดูดดุน เกี่ยวพันลิ้นเล็ก จูบของเขาหนักแน่นและเร่าร้อน ราวกับเปลวไฟที่เผาผลาญทุกความรู้สึกให้ลุกโชน มือใหญ่จับล็อคศีรษะเล็กของเธอเอาไว้ เพื่อบังคับให้รับจุมพิตจากเขาได้อย่างถนัด “พี่...ต้องการเธอ...”เสียงแหบพร่าพึมพำกับเรียวปากเล็ก มือของเขาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเธอ ภายใต้ชุดนอนเนื้อดีบางเบา จูบของเขาทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น “มะ-ไม่นะ!” เสียงของหญิงสาวดังอู้อี้ออกมาเพื่อประท้วงคนตัวใหญ่ เรือนร่างของเธอกำลังโดนฟ่อนเฟ้นอย่างหนัก ปากบางถูกบดขยี้อย่างหนักหน่วง สมองของอลินดาขาวโพลน เรี่ยวแรงต่อต้านลดลง มือบางที่พยายามดันอกกว้างเอาไว้นั้น กลับหมดแรงผลักไปโดยปริยาย... “พี่...ขอนะ...” กวินท์อ้อนวอนกับปากนุ่ม ความกระสันแล่นผ่านไปทั่วเรือนกายของเขา อารมณ์ความต้องการของบุรุษเพศสูงขึ้น มือใหญ่ลูบไล้ลงเบื้องล่าง“อื้อ” เสียงครางของหญิงสาวหลุดออกมา ความรู้สึกแปลกใหม่แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเธอ มือบางที่ตอนแรกต่อต้าน กลับคว้
เวลา 23.00 น. @ คฤหาสน์เตชะวรากูล บรรยากาศยามค่ำคืนเงียบสงบ อลินดากำลังเดินขึ้นบันได เพื่อที่จะเข้าห้องนอนของตัวเอง หลังจากที่อลินดาได้เล่าเรื่องเธอกับพี่วินท์ให้เกวลินฟังเสร็จแล้ว อลินดาก็ลงมาข้างล่าง เพื่อหาน้ำดื่ม สายตาของเธอ เหลือบมองไปที่ห้องของเขา ซึ่งอยู่ถัดออกไปจากห้องของเธอ ‘พี่วินท์...ออกไปไหนนะ?’ อลินดาเดินมาจนถึงหน้าประตูของเธอ และด้วยความอยากรู้ เธอเลยเดินไปหยุดยืนอยู่ที่ห้องของเขา พร้อมกับแนบหูไปกับบานประตูใหญ่ เพื่อฟังเสียงจากด้านใน “หรือพี่วินท์ จะออกไปเมานะ”อลินดาพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับเดินกลับไปที่ห้องของเธอ วันนี้ สิ่งที่เขากับเธอทะเลาะกัน พออลินดากลับไปคิด บวกกับ สิ่งที่เกวลินพูด มันทำให้อลินดาเข้าใจพี่วินท์มากขึ้น แต่ ไม่ว่าจะยังไง อลินดาก็ปฏิเสธเรื่องนี้อยู่ดี เธอจะทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวเธอไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งทุกคนดีกับเธอมากแค่ไหน อลินดาก็ยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปอีกเท่าตัว มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว... แกร๊ก! ประตูห้องนอนถูกเปิด ร่างอวบอิ่มเดินเข้าไปด้านใน เธอกำลังคิดถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับเขา ‘ตอนที่พี่วินท์โกรธ เขาขู
@ แผนกฝ่ายขาย... เวลา 11.30 น. “ร่างแบบโครงสร้างเป็นรูปสามมิติ พร้อมกับใส่คำอธิบายลงไป เพื่อลูกค้าจะได้เห็นภาพที่ชัดเจน เดี๋ยวพอเสร็จแล้ว เอามาให้พี่ดูหน่อยนะ...น้ำตาล” “ได้ค่ะพี่โมทย์ น้ำตาลขอเวลาสักครึ่งชั่วโมงค่ะ”อลินดากำลังจ้องหน้าจอ มือของเธอกดแป้นคีย์บอร์ด เมื่อรุ่นพี่กำลังบรีฟ (brief) งานเธออยู่ วันนี้ เป็นครั้งแรกที่อลินดาได้ทำงานอย่างเต็มตัว ในฐานะเด็กฝึกงานของบริษัท... แต่ทว่า...ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา... “น้ำตาล! คุณกวินท์ให้เราไปพบที่ห้องนะ”ภาคินตะโกนบอกเด็กฝึกงานในสังกัดของเขา ดูแล้ว น้องฝึกงานคนนี้ น่าจะหนีไม่พ้นท่านรองประธานบริษัทคนนี้เสียแล้ว “ไปทำไมคะพี่คิน?”อลินดาถามกลับด้วยความงุนงง เธอก็ปฏิเสธและพูดกับเขาไปชัดเจนแล้วนะ ว่าอลินดาจะขอฝึกงานแผนกฝ่ายขาย ทำไมเขาจะต้องทำตัววุ่นวายขนาดนี้ “เห็นเลขาคุณกวินท์บอกพี่ว่า คุณกวินท์จะออกไปสำรวจการวางระบบเครื่องจักรอุตสาหกรรมในโรงงานแถวสมุทรปราการ พี่ก็ไม่รู้รายละเอียดมาก...แต่เอ๊ะ! ทำไม ไม่เอาทีมช่างไปล่ะ” “นั่นน่ะสิคะ...งั้น...น้ำตาลรบกวนพี่ค
“อุบัติเหตุงั้นเหรอ? สรุป! เรื่องที่ผ่านมา เธอคิดว่ามันคืออุบัติเหตุไม่ตั้งใจงั้นสิ!”กวินท์ลุกพรวดขึ้นทันที เพราะความโกรธ ที่เขาโดนปฏิเสธอย่างไม่ใยดีจากคนตรงหน้า “แล้วพี่วินท์ คิดว่ามันเป็นอะไรล่ะคะ!”อลินดากระชากเสียงออกมาเช่นกัน พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่ลดละ ‘เขาโมโหได้คนเดียวหรือไง’ “เป็น...ผัวเมียไง! พี่น้องจริงๆ เขาเอากันได้เหรอ!”กวินท์ตะคอกกลับด้วยอารมณ์เดือดอีกครั้ง เมื่อสองปีก่อน เขาอาจจะทำผิดต่อเธอ แต่เขาไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเธอเลยสักครั้ง เพียงแต่ ในตอนนั้น เธอกับเขายังเป็นเด็กกันทั้งคู่ กวินท์ในวัยนั้น ก็คิดว่า การเป็นพี่น้องกัน ไม่ควรที่จะรักกัน แต่นั่นมันก็เป็นเพราะ ความรู้สึกของเขาที่ไม่ได้คิดรอบด้านก็เท่านั้นเอง... “พี่วินท์!!!”อลินดาพรวดลุกขึ้นยืนทันทีเช่นกัน เธอตกตะลึงกับคำพูดของเขา มือบางกำหมัดแน่น พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่เขา อลินดาไม่คิดเลยว่า เขาจะกล้าเอาเรื่องน่าอายเช่นนี้มาพูดกับเธอได้ หมับ! มือใหญ่คว้าที่แขนของเธอ พร้อมกับดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาประชิด โดยที่ยังมีโต๊ะทำงานกั้นอยู่ ทั้งสองจ