@ คฤหาสน์เตชะวรากูล...
“อ่าว...ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะลูก”
“บ่ายไม่มีเรียนค่ะคุณป้า”
อลินดาตอบไม่ตรงกับความเป็นจริง วันนี้อลินดาไม่สบายใจเลยขออาจารย์กลับก่อน หลังจากที่โดนพี่ชายตวาดใส่ ทำให้อลินดารู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก ‘พี่วินท์ไม่พอใจอะไร ทำไมพี่วินท์ต้องทำแบบนั้นด้วย ไม่เคยเห็นพี่วินท์ แสดงท่าทีแบบนี้เลยสักครั้ง’
“อ้อ...แล้วเป็นยังไงบ้าง เรื่องเรียนโอเคมั้ย แล้วเจอพี่เวนิส หรือเปล่าลูก”
‘คุณหญิงเจนเนตร’ เอ่ยถามถึงลูกสาวคนเล็กของเธอ ซึ่งเจนเนตรมีบุตรสาวบุตรชายทั้งหมดสามคน
คนโต [กรวิชญ์] เป็น CEO บริษัทเตชะวรากูลเอนจิเนียร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของตระกูลเตชะวรากูล
คนกลาง [กวินท์] เรียนวิศวกรรมเครื่องกลอยู่ปีสาม
และ คนเล็ก [กรภัทร์] เรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ปีสอง และคนสุดท้าย [อลินดา] ก็คือบุตรบุญธรรมที่คุณหญิงเจนเนตรกับสามีรับอุปการะเอาไว้
“ก็โอเคค่ะคุณป้า น้ำตาลเรียนได้ค่ะ แต่วันนี้ไม่เจอพี่เวนิส หรอกค่ะ เราเรียนคนละสาขา อยู่คนละตึก ไกลกันค่ะคุณป้า”
พี่เวนิสที่คุณป้าพูดถึงนั้น เธอคนนี้ เป็นคนที่ดีกับอลินดามากๆ ทั้งบ้านทุกคนดีกับอลินดาหมด ก็มีแต่พี่วินท์เท่านั้น ที่อลินดาไม่รู้ ตอนนี้พี่เขาเป็นอะไร ทำไมถึงโมโหเธอ อลินดาไปทำอะไรให้เขา ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป ไม่เหมือนพี่วินท์คนเดิมของอลินดาเลย...
“เรียนสาขาเดียวกันกับพี่วินท์ ได้เจอพี่เขามั้ยล่ะ”
“เจอค่ะ วันนี้ น้ำตาลเจอพี่วินท์ที่โรงอาหารค่ะคุณป้า”
อลินดาไม่กล้าบอกความจริง ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เลย อลินดาผิดเอง ผิดที่คิดว่าตัวเองยังสำคัญกับพี่วินท์อยู่ อลินดาเข้าใจเหตุผลที่พี่วินท์ปฏิเสธเธอเป็นอย่างดี แต่ว่าพี่วินท์นี่สิ...
ก่อนหน้านั้น...
‘พี่ไม่ได้คิดกับเธอแบบนั้นนะน้ำตาล’
‘แต่...น้ำตาลรักพี่วินท์นะคะ’
‘แต่พี่ไม่ได้รักเธอ’
‘งั้น...พี่วินท์มีแฟนแล้วเหรอคะ?’
‘มี หรือไม่มี มันเป็นเรื่องของพี่ แล้วเราจะมาสนใจเรื่องส่วนตัวของพี่ทำไม ถึงพี่ไม่มีแฟน พี่ก็ไม่คิดจะคบกับเราหรอก’
‘แต่ว่า...’
‘พี่เห็นเราเป็นแค่น้องสาวของพี่ก็แค่นั้นนะ เลิกตาม และเลิกเซ้าซี้พี่ได้แล้ว’
วันนั้น อลินดาเจอประโยคปฏิเสธจากเขา มันทำให้อลินดาปวดใจอย่างที่สุด เสียใจ และร้องไห้ไปหลายวัน แต่สุดท้าย อลินดาก็พยายามทำใจ และยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น แต่...ทุกเวลา...ทุกนาที ของช่วงการทำใจนี้ มันผ่านไปได้ยากเย็นเหลือเกิน อลินดายัง move on จากพี่วินท์ไม่ได้เลย เธอยังไม่คุ้นชินกับสถานะน้องสาวที่เขามอบให้ ในวันนี้...อลินดาก็แค่ห่วงใยใส่ใจพี่วินท์ตามปกติเท่านั้น แต่ไม่คิดเลย ว่าสิ่งที่เธอทำนั้น จะทำให้พี่วินท์โกรธมาก...
“ดีแล้วนะลูก น้ำตาลพึ่งจะเข้าเรียน ไม่เข้าใจบทเรียนตรงไหน ก็ถามพี่เขาได้เลยนะ พี่วินท์เขาเรียนเก่ง อีกแค่ปีเดียว พี่วินท์เราก็จะจบแล้ว พี่วินท์ก็คงจะมาทำงานกับพี่วิชญ์ของเราแหละ”
“ได้ค่ะคุณป้า”
สิ่งที่คุณป้าเจนเนตรพูดนั้น คือสิ่งที่คุณป้าไม่รู้ แท้จริงแล้ว พี่วินท์ไม่ได้ใจดีเหมือนอย่างแต่ก่อนนั้นเลย
“อ่อ...อีกอย่างนะ ต่อไปถ้าน้ำตาลต้องฝึกงาน ก็ไปฝึกงานที่บริษัทของบ้านเราได้นะ น้ำตาลไม่ได้ต้องออกไปลำบากที่ไหนเลยนะลูก ทั้งแม่และพี่ๆ ต่างก็โอเคกับหนูนะ”
“ค่ะคุณป้า น้ำตาลขอบคุณ คุณป้ามากค่ะ ที่ดูแลน้ำตาลมาตลอด ดีกับน้ำตาลมากค่ะ”
“เมื่อไหร่...น้ำตาลจะเรียกแม่ ว่าแม่สักทีล่ะ ความจริงหนูก็อยู่กับแม่มาตั้งแต่เล็กแล้วนะ แม่รักน้ำตาลเหมือนพวกพี่ๆ เขาเลยนะ”
“เอ่อ...น้ำตาลไม่...”
อลินดาไม่กล้าที่จะใช้คำนั้นเลย คุณป้าเจนเนตร คุณลุงทักษ์ดนัย ต่างก็ดีกับเธอมาก บุญคุณมากมายขนาดนี้ อลินดาไม่อาจเอื้อมที่จะเอ่ยเรียกคำนั้นเลย
“เรียกคุณป้า ดูไม่สนิทเลย เปลี่ยนมาเรียกแม่เถอะนะ”
คุณหญิงเจนเนตรรู้สึกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกจริงๆ เธอรัก และเอ็นดูเด็กสาวคนนี้ไม่ต่างจากลูกในไส้ของเธอเลยจริงๆ ก็เจนเนตรเลี้ยงมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบแล้ว ตอนนี้ก็เกือบเข้าปีที่ 10 แล้ว ที่เธอได้เลี้ยงดูเด็กคนนี้มา ไม่แปลกหรอก ที่เธอจะรู้สึกว่ารักเด็กคนนี้เหมือนลูกจริงๆ
“ค่ะคุณแม่”
“ดีมากลูก ต่อไปให้เรียกแบบนี้นะ แม่รักน้ำตาลมากนะ คุณพ่อดนัยก็รักหนูเหมือนกัน อย่าเห็นเราสองคนเป็นคนอื่นไกลเลย ทั้ง ‘พี่วิชญ์’ ‘พี่วินท์’ และ ‘พี่เวนิส’ สามคนนี้ ก็พี่ของเรานะ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะลูก”
“ค่ะ” ประโยคคำพูดของผู้เป็นป้านั้น ตอกย้ำความรู้สึกของอลินดาเข้าไปถึงหัวใจ ทำไมเธอถึงคิดกับพี่วินท์ มากกว่าพี่ชายนะ ทั้งที่ทุกคนมองเธอเป็นลูกสาว และน้องสาวมาตลอด ตอนนี้ ความรู้สึกผิด มันเริ่มแทรกซึมเข้าไปในใจของอลินเป็นอย่างมาก เธอจะต้องตัดใจจากพี่วินท์ให้ได้ ถึงแม้มันยากลำบากก็ตาม...
“เอาล่ะ ไปพักผ่อนเถอะลูก เดี๋ยวเย็นๆ ก็ค่อยลงมาทานข้าวด้วยกัน วันนี้พ่อของลูก โทรมาบอกแล้ว ว่าจะทานข้าวเย็นพร้อมหน้า แม่ให้แม่ครัว ทำของชอบของทุกคนด้วยนะ รวมทั้งของหนูด้วยนะ”
“ค่ะ คุณแม่”
อลินดายกมือไหว้ผู้เป็นแม่ เธอเดินขึ้นไปบนห้องของเธอ ซึ่งอยู่ชั้นสองของคฤหาสน์หลังใหญ่ บนความโชคร้าย อลินดาก็ยังโชคดี พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ พ่อของเธอ ทำงานในบริษัทเตชะวรากูล ด้วยเหตุนี้ เมื่อพ่อกับแม่เสียชีวิตลง อลินดาเลยได้รับการอุปการะจากท่านทั้งสอง ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว ที่อลินดาได้เข้ามาอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังนี้
ติ๊ด! ติ๊ด! เสียงสมาร์ทโฟน ปลุกภวังค์ให้เธอตื่น มือบางขยับแว่นสายตา พร้อมกับจ้องไปที่สายเรียกเข้า ‘ข้าวตู’
“ฮัลโหล...”
“เธอทำไมไม่ตอบแชทฉัน...น้ำตาล”
“ฉันพึ่งถึงบ้าน มีอะไรเหรอ?”
“เธอกลับบ้าน ทำไมไม่บอกฉัน แล้วอยู่ดีๆ ทำไมต้องรีบกลับขนาดนั้น”
“ฉัน...ปวดหัวนิดหน่อย ก็เลยกลับ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกเธอนะข้าวตู”
‘เกวลิน’ หรือ ‘ข้าวตู’ คือเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของอลินดา ที่เรียนสาขาวิศวกรรมเครื่องกลด้วยกัน เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ประถม จนถึงปัจจุบัน...
“เธอ ไม่สบายจริงๆ หรือว่า เธอรู้สึกไม่โอเคกับเรื่องพี่วินท์กันแน่ วันนี้ฉันได้ข่าวว่า เธอโดนพี่วินท์...ว๊ากใส่ ใช่มั้ยน้ำตาล”
“เธอรู้ได้ยังไงข้าวตู”
“รู้สิ...เธอกับพี่วินท์อยู่ที่โรงอาหารนะ ช่วงกลางวันด้วย เรื่องนี้ ฉันว่า พี่วินท์ทำไม่ถูกนะ ทำไมต้องตะคอกใส่เธอด้วย ไม่พอใจเรื่องอะไร น่าจะพูดกันดีๆ ก็ได้นี่ ไม่เห็นจะต้องทำกันขนาดนี้เลย”
“ฉันผิดเองข้าวตู ที่ฉันเอาขนมไปให้พี่วินท์”
“ก็แค่เอาขนมไปให้ ทำไมจะต้องอารมณ์เสียด้วยล่ะ”
“พี่วินท์ อาจจะคิดว่าฉัน ยังตัดใจจากพี่เขาไม่ได้มั้ง คงคิดว่าฉันอาจจะไปเซ้าซี้พี่เขาก็ได้นะ”
“แล้วเธอ move on จากพี่วินท์ได้หรือยังล่ะ”
“ยังไม่ได้ทั้งหมดหรอก แต่ฉันก็พยายามนะข้าวตู วันนี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะไปตามตื้อพี่วินท์หรอกนะ ฉันไปในฐานะน้องสาว ก็เท่านั้นเอง แต่ไม่คิดเลย ว่าพี่วินท์จะเข้าใจผิดฉันอีก”
“นั่นสิ ทุเรศจริงๆ เธอก็อย่าไปเข้าใกล้พี่เขาเลย พยายามตัดใจ และอยู่เงียบๆ ดีกว่านะ”
“และถ้าเจอกันที่คณะ ก็ไม่ต้องทักทายกันงั้นเหรอข้าวตู ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันเนี่ยนะ”
“ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อพี่เขาไม่ชอบให้เธอรู้จักเขานี่ ก็ต้องทำแบบนี้แหละ อย่าคิดมากเลยนะ ฉันเป็นห่วงเธอ”
“ขอบใจนะข้าวตู”
‘เจอกัน ก็ไม่ต้องทักทายกัน งั้นเหรอ?’ ความเป็นจริง เธอจะทำได้หรือเปล่า ความรักที่อลินดามีต่อพี่วินท์ มันไม่ได้พึ่งก่อตัวนะ เกือบสิบปีแล้ว ที่อลินดารักพี่วินท์ จะให้เธอเมินเฉยแบบนั้นได้อย่างไรกัน...
@ คฤหาสน์เตชะวรากูล...@ ห้องรับแขก... “วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรคะพี่วินท์ ทำไมต้องมานั่งรวมตัวกันพร้อมหน้าแบบนี้ล่ะคะ...แต่ว่า...เอ๊ะ ยังขาดน้ำตาลนะคะ เดี๋ยวเวนิสตามเองค่ะ” “ไม่ต้องตามหรอกลูก พี่เรานัดกันมาแค่นี้น่ะถูกแล้ว”คุณหญิงเจนเนตรพอรู้เรื่องมาบ้างแล้ว วันนี้ ลูกชายคนกลางของเธอ นัดครอบครัวเพื่อจะบอกเรื่องราวบางอย่าง ลูกชายของเธอไม่เคยมีสีหน้าจริงจังขนาดนี้มาก่อน และผู้ที่ถูกนัด ก็ไม่มีบุตรสาวบุญธรรมของเธอด้วย คงไม่มีเรื่องอะไร นอกจากเรื่องของเขาทั้งสองคน แน่นอน “มีอะไรก็พูดมาเถอะลูก ป๊าก็อยากจะรู้แล้วเหมือนกัน ลูกชายป๊ามีปัญหาอะไร ไหนลองบอกป๊ามาซิ”ทักษ์ดนัยไม่เคยเห็นบุตรชายเขาคนนี้จะมีท่าทีจริงจังขนาดนี้มาก่อน เรื่องราวคงต้องใหญ่พอสมควร ไม่อย่างนั้น คงไม่นัดทุกคนมาเพื่อจะพูดกันภายในครอบครัวแน่นอน “ครับป๊า...”กวินท์มองทุกคนอย่างชั่งใจ เอาเข้าจริงๆ เขาก็รู้สึกประหม่าอยู่เหมือนกัน ปกติเวลาครอบครัวรวมตัวกัน ก็จะเป็นการทานมื้อเย็นด้วยกันเท่านั้น วันนี้ เขานัดทุกคนมา เพื่อจะบอกความจริง เรื่องของเขากับอลินดา “นายคงไม่ไปทำผู้หญิงท้องห
@ บนเตียงใหญ่ขนาดคิงไซส์... หลังจากพายุรักผ่านพ้นไป อ้อมแขนอันแข็งแกร่งล้อมรอบเรือนร่างอวบอิ่มเอาไว้ ฝ่ามือหนาค่อย ๆ ลูบไปตามแผ่นหลังเนียนนุ่มของเธอ สัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายซ่อนอยู่... “พี่รักเธอนะ...” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู “พี่วินท์รักน้ำตาล...ตอนไหนคะ?”อลินดาถามกลับ พร้อมรีบซุกหน้าของเธอเข้าไปในอกกว้าง ใบหน้าเนียนร้อนผ่าว ‘ปากของเธอปฏิเสธ...แต่ร่างกายของเธอกลับตอบสนองอย่างเต็มใจ ยัยบ้าน้ำตาลเอ้ย...สุดท้ายเธอก็หนีพี่วินท์ไม่พ้นอยู่ดี’ “ตอนพี่เจอเราครั้งแรก...” “หืม...อย่าบอกนะ ว่าตอนน้ำตาลแปดขวบ!” “อืม...แต่ตอนนั้น พี่ก็อายุ 11 แล้วนะ” “เป็นไปไม่ได้ค่ะ...” “มันเป็นไปแล้ว...พี่รักเธอตอนนั้นจริงๆ” “แล้วทำไม...พอน้ำตาลเข้ามหาลัย...พี่วินท์ถึงไม่ชอบน้ำตาลคะ...พี่วินท์ด่าน้ำตาล เกลียดน้ำตาล และไม่อยากให้น้ำตาลเข้าใกล้พี่วินท์อีก” “ตอนนั้น...พี่ยอมรับ ว่าพี่สับสน เราอายุ 18 พี่ก็ 21 เราทั้งคู่ยังเป็นเด็ก พี่คิดว่า เราสองคนไม่ควรรักกัน เพราะเราเป็นพี่น้องกัน” “แต่เ
“อุ๊บ!!” ปากบางถูกปิดอย่างรวดเร็ว เสียงร้องของหญิงสาวขาดหายไปด้วยริมฝีปากหนาบดจูบอย่างหนักหน่วง ปลายลิ้นสากกำลังชอนไชดูดดุน เกี่ยวพันลิ้นเล็ก จูบของเขาหนักแน่นและเร่าร้อน ราวกับเปลวไฟที่เผาผลาญทุกความรู้สึกให้ลุกโชน มือใหญ่จับล็อคศีรษะเล็กของเธอเอาไว้ เพื่อบังคับให้รับจุมพิตจากเขาได้อย่างถนัด “พี่...ต้องการเธอ...”เสียงแหบพร่าพึมพำกับเรียวปากเล็ก มือของเขาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเธอ ภายใต้ชุดนอนเนื้อดีบางเบา จูบของเขาทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น “มะ-ไม่นะ!” เสียงของหญิงสาวดังอู้อี้ออกมาเพื่อประท้วงคนตัวใหญ่ เรือนร่างของเธอกำลังโดนฟ่อนเฟ้นอย่างหนัก ปากบางถูกบดขยี้อย่างหนักหน่วง สมองของอลินดาขาวโพลน เรี่ยวแรงต่อต้านลดลง มือบางที่พยายามดันอกกว้างเอาไว้นั้น กลับหมดแรงผลักไปโดยปริยาย... “พี่...ขอนะ...” กวินท์อ้อนวอนกับปากนุ่ม ความกระสันแล่นผ่านไปทั่วเรือนกายของเขา อารมณ์ความต้องการของบุรุษเพศสูงขึ้น มือใหญ่ลูบไล้ลงเบื้องล่าง“อื้อ” เสียงครางของหญิงสาวหลุดออกมา ความรู้สึกแปลกใหม่แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเธอ มือบางที่ตอนแรกต่อต้าน กลับคว้
เวลา 23.00 น. @ คฤหาสน์เตชะวรากูล บรรยากาศยามค่ำคืนเงียบสงบ อลินดากำลังเดินขึ้นบันได เพื่อที่จะเข้าห้องนอนของตัวเอง หลังจากที่อลินดาได้เล่าเรื่องเธอกับพี่วินท์ให้เกวลินฟังเสร็จแล้ว อลินดาก็ลงมาข้างล่าง เพื่อหาน้ำดื่ม สายตาของเธอ เหลือบมองไปที่ห้องของเขา ซึ่งอยู่ถัดออกไปจากห้องของเธอ ‘พี่วินท์...ออกไปไหนนะ?’ อลินดาเดินมาจนถึงหน้าประตูของเธอ และด้วยความอยากรู้ เธอเลยเดินไปหยุดยืนอยู่ที่ห้องของเขา พร้อมกับแนบหูไปกับบานประตูใหญ่ เพื่อฟังเสียงจากด้านใน “หรือพี่วินท์ จะออกไปเมานะ”อลินดาพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับเดินกลับไปที่ห้องของเธอ วันนี้ สิ่งที่เขากับเธอทะเลาะกัน พออลินดากลับไปคิด บวกกับ สิ่งที่เกวลินพูด มันทำให้อลินดาเข้าใจพี่วินท์มากขึ้น แต่ ไม่ว่าจะยังไง อลินดาก็ปฏิเสธเรื่องนี้อยู่ดี เธอจะทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวเธอไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งทุกคนดีกับเธอมากแค่ไหน อลินดาก็ยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปอีกเท่าตัว มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว... แกร๊ก! ประตูห้องนอนถูกเปิด ร่างอวบอิ่มเดินเข้าไปด้านใน เธอกำลังคิดถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับเขา ‘ตอนที่พี่วินท์โกรธ เขาขู
@ แผนกฝ่ายขาย... เวลา 11.30 น. “ร่างแบบโครงสร้างเป็นรูปสามมิติ พร้อมกับใส่คำอธิบายลงไป เพื่อลูกค้าจะได้เห็นภาพที่ชัดเจน เดี๋ยวพอเสร็จแล้ว เอามาให้พี่ดูหน่อยนะ...น้ำตาล” “ได้ค่ะพี่โมทย์ น้ำตาลขอเวลาสักครึ่งชั่วโมงค่ะ”อลินดากำลังจ้องหน้าจอ มือของเธอกดแป้นคีย์บอร์ด เมื่อรุ่นพี่กำลังบรีฟ (brief) งานเธออยู่ วันนี้ เป็นครั้งแรกที่อลินดาได้ทำงานอย่างเต็มตัว ในฐานะเด็กฝึกงานของบริษัท... แต่ทว่า...ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา... “น้ำตาล! คุณกวินท์ให้เราไปพบที่ห้องนะ”ภาคินตะโกนบอกเด็กฝึกงานในสังกัดของเขา ดูแล้ว น้องฝึกงานคนนี้ น่าจะหนีไม่พ้นท่านรองประธานบริษัทคนนี้เสียแล้ว “ไปทำไมคะพี่คิน?”อลินดาถามกลับด้วยความงุนงง เธอก็ปฏิเสธและพูดกับเขาไปชัดเจนแล้วนะ ว่าอลินดาจะขอฝึกงานแผนกฝ่ายขาย ทำไมเขาจะต้องทำตัววุ่นวายขนาดนี้ “เห็นเลขาคุณกวินท์บอกพี่ว่า คุณกวินท์จะออกไปสำรวจการวางระบบเครื่องจักรอุตสาหกรรมในโรงงานแถวสมุทรปราการ พี่ก็ไม่รู้รายละเอียดมาก...แต่เอ๊ะ! ทำไม ไม่เอาทีมช่างไปล่ะ” “นั่นน่ะสิคะ...งั้น...น้ำตาลรบกวนพี่ค
“อุบัติเหตุงั้นเหรอ? สรุป! เรื่องที่ผ่านมา เธอคิดว่ามันคืออุบัติเหตุไม่ตั้งใจงั้นสิ!”กวินท์ลุกพรวดขึ้นทันที เพราะความโกรธ ที่เขาโดนปฏิเสธอย่างไม่ใยดีจากคนตรงหน้า “แล้วพี่วินท์ คิดว่ามันเป็นอะไรล่ะคะ!”อลินดากระชากเสียงออกมาเช่นกัน พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่ลดละ ‘เขาโมโหได้คนเดียวหรือไง’ “เป็น...ผัวเมียไง! พี่น้องจริงๆ เขาเอากันได้เหรอ!”กวินท์ตะคอกกลับด้วยอารมณ์เดือดอีกครั้ง เมื่อสองปีก่อน เขาอาจจะทำผิดต่อเธอ แต่เขาไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเธอเลยสักครั้ง เพียงแต่ ในตอนนั้น เธอกับเขายังเป็นเด็กกันทั้งคู่ กวินท์ในวัยนั้น ก็คิดว่า การเป็นพี่น้องกัน ไม่ควรที่จะรักกัน แต่นั่นมันก็เป็นเพราะ ความรู้สึกของเขาที่ไม่ได้คิดรอบด้านก็เท่านั้นเอง... “พี่วินท์!!!”อลินดาพรวดลุกขึ้นยืนทันทีเช่นกัน เธอตกตะลึงกับคำพูดของเขา มือบางกำหมัดแน่น พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่เขา อลินดาไม่คิดเลยว่า เขาจะกล้าเอาเรื่องน่าอายเช่นนี้มาพูดกับเธอได้ หมับ! มือใหญ่คว้าที่แขนของเธอ พร้อมกับดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาประชิด โดยที่ยังมีโต๊ะทำงานกั้นอยู่ ทั้งสองจ