"ครับแม่นวล เธอมาอยู่ไม่กี่วันนารีมีอิทธิพลต่อจิตใจของแม่นวลขนาดนี้เลยเหรอครับ ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนกับเธอแย่งความรักของแม่นวลไปจากผมเกินครึ่งเลย" นักรบพูดออกมาพร้อมกับน้ำเสียงที่ออดอ้อนหญิงสูงวัย ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าแม่นวลรักตนเพียงใด เพียงแค่อยากแกล้งหญิงสูงวัยออกไปเท่านั้นเอง
"คำพูดคำจายังกับเด็ก จะไปช่วยหนูนารีก็รีบไปเลยค่ะคุณหนู วันนี้อากาศดี เหมือนฝนกำลังจะตก คงไม่ร้อนหรอก"ป้านวลรีบพูดตัดบท เพราะรู้ดีว่านักรบกำลังพูดเย้าแหย่นางเล่น และที่สำคัญก็อยากรู้ว่าชายหนุ่มนั้น จะยอมไปช่วยนารีเก็บดอกไม้หรือเปล่า เพราะตั้งแต่เล็กจนโตนักรบไม่เคยยอมผู้หญิงคนไหน แต่นารีที่เป็นลูกของศัตรู นักรบกลับยอมเธอทุกครั้งไป จนหญิงสูงวัยนั้นแปลกใจ เรื่องการแต่งงานอาจจะเป็นการจงใจอยากได้เธอมาเป็นเจ้าสาวมากกว่าการแก้แค้น นักรบถึงยอมเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับนารีแบบนี้
ในขณะที่นารีพยายามเอื้อมมือขึ้นไปเก็บดอกพุดตูมมาร้อยมาลัย ก็มีใครบางคนมายืนซ้อนเธอจากทางด้านหลัง มือของเขาจับลงไปที่กิ่งของดอกพุดตูมแล้วโน้มลงมา เพื่อให้เธอเก็บได้ง่ายขึ้น
"คุณอาร์มันโด้" นารีอุทานออกมาเสียงดัง เพราะไม่คิดว่าเขาจะตามเธอมา
"เก็บสิ แล้วต่อไปห้ามเรียกผมว่าอาร์มันโด้ ให้เรียกว่านักรบแทนเข้าใจไหม ..หื้ม.." ชายร่างบึกบึนยังคงยืนอยู่ข้างๆ เธอ จนนารีนั้นพยายามถอยออก เพื่อรักษาระยะห่างเอาไว้
"นักรบหรือนักรักกันแน่..ชิ!" นารีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่นักรบกับได้ยินชัดเจน เมื่อทั้งสองอยู่ที่สวนนี้แค่สองคน
"แล้วคุณอยากลองมารักผมดูไหมล่ะ จะได้รู้ว่าผมใช่นักรักหรือเปล่า" ชายหนุ่มพูดออกมา พร้อมกับเก็บดอกไม้ลงไปในตะกร้าของนารี
"นี่คุณ! .." นารีตวาดออกมาเสียงดัง จนนักรบเองถึงกับตกใจ "คุณเป็นอะไรหรือเปล่า แล้วเรียกทำไมเสียงดังผมตกใจหมดเลยเนี่ย" นักรบพูดออกมา ในขณะที่เขายังคงเอื้อมมือไปเก็บดอกพุดมาใส่ตะกร้าให้กับนารี
"คุณหยุดเก็บดอกไม้มาใส่ในตะกร้าของฉันได้แล้ว" คราวนี้นารีพูดออกมา พร้อมกับทำหน้าทำตาใส่นักรบอย่างไม่ค่อยพอใจ เมื่อชายหนุ่มยังคงเก็บดอกไม้ มาใส่ที่ตะกร้าของเธอไม่หยุด
"อะไรกันแค่นี้ก็หวงด้วย" นักรบยังคงเก็บดอกพุดตูมใส่ตะกร้า แม้นารีจะพยายามเบี่ยงตะกร้าออก เขาก็ยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะเก็บแล้วโยนมันลงไปในตะกร้าของเธอ
"เฮ้ย! บอกว่าพอได้แล้วฉันขี้เกียจไปนั่งคัด คุณจะไปไหนก็ไปเลยนะ" นารีพูดออกมาพร้อมกับทำหน้างอใส่นักรบ เมื่อเธอมองลงไปที่ตะกร้าแล้วพบว่า ดอกพุดตูมมีขนาดที่เล็กกระจิริดบ้างใหญ่บ้าง ซึ่งขนาดของมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
"อ้าว! ก็ผมไม่รู้นี่ บอกดีๆ ก็ได้ทำไมต้องดุด้วย เอาตะกร้ามา ส่วนคุณก็เก็บอย่างที่ต้องการไปเลย เดี๋ยวผมจะไปเทใส่ถาดแล้วเอาตะกร้ามาคืนให้" นักรบพูดพร้อมกับหยิบตะกร้าจากนารีไปเทใส่ถาด ที่หญิงสาวได้ปูเสื่อเอาไว้ใต้ต้นจำปี จากนั้นเขาจึงนำตะกร้ามาคืนนารีแล้วเดินออกไปทันที อย่างน้อยใจ
นารีเก็บดอกพุดตูมต่อ โดยไม่ได้สนใจในตัวของนักรบเลยสักนิด หญิงสาวเก็บได้สักพัก ดอกไม้เกือบเต็มตะกร้าแล้วเธอคิดว่ามันคงพอสำหรับร้อยมาลัยที่จะไหว้พระของเย็นวันนี้ เธอจึงเดินออกมาแล้วเข้าไปนั่งในเสื่อที่ปูเอาไว้ และต้องแปลกใจที่ดอกไม้ในถาด ถูกคัดขนาดไว้เป็นกองๆ นารีมองซ้ายขวา แต่ก็ไม่พบนักรบ เธอรู้สึกผิดกับสิ่งที่พูดออกไปแบบนั้น ทั้งที่ชายหนุ่มตั้งใจมาช่วยแท้ๆ แต่เธอกลับไม่แยแสต่อความหวังดีจากเขาเลยสักนิด มิหนำซ้ำคำพูดของเธอที่เปล่งออกไป ยังหักหาญน้ำใจไมตรีของชายหนุ่มอีกด้วย
เมื่อร้อยมาลัยเสร็จนารีรีบเข้าไปในบ้าน เธอตั้งใจร้อยอีกพวงเป็นพิเศษ เพื่อให้ชายหนุ่มซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ เนื่องจากอยากจะตอบแทนที่เขานั้นเคยช่วยเหลือเธอ และเพื่อเป็นการขอโทษในสิ่งที่พูดในสิ่งที่ไม่ดีกับเขาไปก่อนหน้านี้อีกด้วย
"ป้านวลจ๋า มาลัยค่ะ" นารีพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ป้านวล แล้วมองซ้ายแลขวาหาใครบางคน แต่ก็พบกับความว่างเปล่า
"คุณนักรบไม่อยู่หรอกค่ะ มีงานด่วนออกไปข้างนอก ฝีมือดีมากเลยนะหนูนารี ทุกพวงล้วนประณีตและสวยงาม" ป้านวลกล่าวชื่นชมออกมาจากใจจริง และรู้สึกดีใจไม่น้อยที่นักรบเลือกเธอมาเป็นเจ้าสาว เพราะนอกจากงานบ้านงานเรือนที่นารีทำออกมาได้ดีแล้ว จิตใจของเธอยังสูงส่ง จนยากจะหาผู้หญิงคนไหนมาเทียบได้
"พวงนี้นาตั้งใจร้อยให้คุณนักรบ ไม่รู้ว่าเขาจะชอบหรือเปล่านะคะป้านวล เพื่อเป็นการขอบคุณและขอโทษเขาในสิ่งที่นาพูดจาไม่ดีออกไป" นารีพูดพร้อมกับหยิบมาลัยดอกพุดตูมอุบะจำปีขึ้นมา ซึ่งสวยงามและประณีต บ่งบอกให้รู้ว่าคนร้อยได้ใส่ใจลงไปด้วย
"คุณหนูคงจะกลับมาช่วงหัวค่ำ คุณนาเก็บไว้ให้คุณนักรบเองนะคะ" หญิงวัยกลางคนพูดพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา เพราะนางไม่รู้ว่าเป็นเพราะลิขิตฟ้าหรือเปล่า ที่ดลบันดาลใจให้นารีร้อยมาลัยดอกพุดตูมอุบะจำปี ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำราศีสิงห์ ที่นักรบนั้นหลงใหลในกลิ่นของมัน และเขามักจะไปนั่งใต้พุ่มจำปีบ่อยครั้ง เพราะมันสื่อถึงความผูกพันระหว่างเขากับมารดา
เวลาผ่านไปสองทุ่มเศษนารียังคงรอใครบางคนกลับมาที่บ้านหลังนี้ แต่ดูเหมือนว่าการรอคอยของเธอนั้นช่างยาวนานเหลือเกิน เมื่อใจของหญิงสาวจดจ่ออยู่กับนักรบ
"ป้าขึ้นไปนอนก่อนนะง่วงแล้ว สงสัยวันนี้คุณหนูคงมีธุระยาว ปกติจะกลับแล้วคงจัดการยังไม่เสร็จ ถ้าคุณนาง่วงก็ขึ้นไปนอนได้เลยไม่ต้องรอหรอก เอาพวงมาลัยนั่นไปแช่เย็นไว้ก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยเอาให้คุณนักรบ เพราะไม่รู้ว่าคุณหนูจะกลับมาตอนไหน บางทีอาจจะเช้าเลย" ป้านวลกลัวว่านารีจะรอเก้อ เพราะบางครั้งนักรบมักจะพักที่คอนโดบ้างหากเขานั้นจัดการธุระยังไม่เสร็จ เพราะบ้านหลังนี้คนข้างอยู่ไกลจากบริษัทของเขามาก
"ขอบคุณค่ะ ป้านวลไปนอนเถอะเดี๋ยวนาจะขอรอคุณนักรบสักพักแล้วจะตามขึ้นไป" หญิงต่างวัยทั้งสองส่งยิ้มให้กัน ก่อนที่นารีจะนั่งลงที่โซฟาตัวยาว เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้ก็จะไม่ได้เจอกับนักรบอีกแล้ว เธอจึงอยากจะรอพบเขาก่อนที่จะจากบ้านหลังนี้ไป และคงไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เพราะยังไงเธอก็ต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ผู้เป็นบิดาบอกเขาไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร