หลายวันผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างนารีกับนักรบอยู่ในขั้นที่พัฒนาไปในทางที่ดี เมื่อนารีเริ่มจะไว้ใจและเชื่อใจเขามากขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าผู้ชายอย่างเขาคงไม่มีทางปล่อยให้เธอลอยนวลมาได้หลายวันขนาดนี้ นักรบยังคงรักษาสัญญาไม่ล่วงเกินเธอมากกว่าการโอบกอด แต่มีบ่อยครั้งที่เขาแอบจุมพิตที่หน้าผากและหอมแก้มเธอบ้าง แต่นารีก็เสแสร้งแกล้งทำไม่รู้ เมื่อความรู้สึกของเธอนั้นเริ่มจะซึมซับรับเขาเข้ามาภายในใจ "อ้าว! คุณนักรบทำไมวันนี้กลับเร็วจัง" ป้านวลเอ่ยถามออกไป เมื่อเห็นว่านักรบกลับบ้านเร็วกว่าเวลา
"พอดีว่าเย็นนี้ที่บริษัทจะเปิดตัวเครื่องเพชรชุดใหม่ครับป้านวล ผมเลยอยากพานารีออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง" นับรับพูดพร้อมกับนั่งลงที่โซฟา ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบกับนารี
"คุณนารีอยู่ที่สวนหลังบ้านค่ะ เห็นบอกว่าจะไปเก็บดอกไม้มาทำน้ำปรุง คุณหนูเดินไปดูสิคะ" คำบอกเล่าของป้านวล ทำให้นักรบหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะความสงสัย สมัยนี้ยังมีผู้หญิงที่ใช้น้ำปรุงแทนน้ำหอมอยู่อีกเหรอ
"ป้านี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ผมล่ะยอมใจคุณหนูนารีของป้าจริงๆ เธอจะมานั่งหลังขดหลังแข็งทำให้มันเสียเวลาทำไม ไปซื้อเอาก็สิ้นเรื่อง"นักรบพูดออกมาพร้อมกับทำหน้าเอือมๆ แต่ป้านวลกลับฉีกยิ้มกว้าง เพราะนางรู้ดีที่ชายหนุ่มพูดออกมาแบบนี้ คงจะเป็นห่วงนารีแน่ๆ
ชายหนุ่มเดินตรงไปที่สวนดอกไม้ เขาต้องฉีกยิ้มกว้าง เมื่อเห็นท่าทางของนารี ที่ดูเหมือนว่าเธอนั้นกำลังมีความสุข กับการเลือกเก็บดอกไม้นานาพันธุ์ ใส่ลงในตะกร้าหวายที่ถือมา
“ว้าย!” หญิงสาวตกใจจนลื่นถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของนักรบ เมื่อเขานั้นเดินมาข้างหลังเธอเงียบๆ
"นี่คุณ! เดินมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงแบบนี้ ถ้าฉันหัวใจวายขึ้นมาจะทำยังไง" นารีโวยวายตีโพยตีพายเสียงดัง เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายที่มีเมื่อเธอนั้นอยู่ภายใต้อ้อมกอดของเขา
"ทำไมขวัญอ่อนจัง..หืม" นักรบพูดพร้อมกับโน้มใบหน้าลงต่ำ ทำให้ระยะห่างของดวงหน้าเขาและเธอห่างกันไม่ถึงคืบ
เพียะ!! ฝ่ามือของนารีตีลงไปที่หน้าผากของเขาอย่างแรง ก่อนที่เธอนั้นจะดันตัวลุกขึ้นยืน แล้วดันเขาออก เพื่อให้เธอพ้นจากอ้อมกอดของเขา
"โอ๊ย! อะไรของคุณเนี่ย ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ โดนแผลเก่าผมหรือเปล่าก็ไม่รู้" นักรบพูดแล้วเอามือลูบลงที่ปลายหางคิ้ว พร้อมกับแสดงท่าทางโอดครวญอย่างเจ็บปวดออกมา
"นี่คุณ! อย่ามาเนียนฉันตีลงตรงกลางหน้าผาก สำออยได้โล่เลยนะคุณเนี่ย" นารีพูดพร้อมกับเดินตรงไปที่แปลงกุหลาบ ในขณะที่นักรบทำหน้ามุ่ย เมื่อนารีนั้นรู้ทันในสิ่งที่เขาเสแสร้งแกล้งทำออกมา
"เก็บเสร็จหรือยังคุณ ตกลงคุณจะเก็บให้หมดสวนเลยหรือไง" นักรบเดินเข้ามาที่ใกล้พร้อมกับถามนารีออกมา เมื่อเขาเห็นเธอนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเก็บดอกไม้
"ทำไมบ้านคุณไม่ปลูกดอกชมนาดไว้บ้างเลย" นารีพูดพร้อมกับมองไปที่แปลงมะลิ หลังจากที่เก็บกุหลาบเพียงพอแล้ว
"เอามานี่ผมถือเอง แล้วดอกชมนาดที่คุณว่ามันเป็นยังไง เดี๋ยวจะสั่งให้เจสันซื้อมาปลูกให้พรุ่งนี้เลย แล้วที่คุณบอกว่าบ้านผมไม่มีหรอกชมนาด พูดผิดพูดใหม่ได้นะครับคุณผู้หญิง เพราะนี่มันบ้านของเรา บ้านผมคนเดียวที่ไหนกันเล่า" นักรบพูดกับคว้าตะกร้าหวายในมือสองนารีมาถือเอาไว้เอง ในขณะที่ภายในใจของของหญิงสาวรู้สึกดีไม่น้อย เมื่อเขาพูดคำว่าบ้านของเราขึ้นมา
"พอแล้วเข้าบ้านเถอะ ฉันต้องไปเตรียมอะไรหลายๆ อย่างใส่ลงไปในหม้อเคลือบอีก กว่าจะทำเสร็จดีนะที่ฉันเตรียมทุกอย่างไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว" นารีพูดพร้อมกับเดินนำนักรบออกไปจากสวน
"เสียใจด้วยนะครับคุณนารี เพราะเย็นนี้คุณต้องไปงานเปิดตัว เครื่องเพชรคอลเลกชันใหม่ ของบริษัทเรา" คำพูดของนักรบทำให้นารีถึงกับหยุดเดิน เธอไม่เคยไปงานพวกนั้นและไม่คิดที่จะไปด้วย สังคมไฮโซที่เต็มไปผู้คนแต่งตัวมาประชันโฉมอวดกัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับหรือว่าเครื่องแต่งกาย ทุกอย่างที่แสดงออกมาล้วนเป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น
"ฉันไม่เหมาะกับงานพวกนั้นหรอก คุณไปคนเดียวเถอะค่ะ ฉันเหมาะกับงานก้นครัวมากกว่า มิหนำซ้ำฉันอาจจะทำให้คุณขายหน้าก็เป็นได้" นารีพูดออกมาจากใจจริง ที่สำคัญเธอไม่ชอบงานแบบนี้เลย
"แต่คุณต้องไปในฐานะภรรยาของผม ไม่ต้องกลัวหรอกนารี ผมคงไม่ปล่อยให้คุณอยู่ลำพัง ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ" นักรบยังคงรบเร้านารีให้ไปกับเขา เพราะงานนี้ยังไงก็ต้องเจอกับรวี เขาอยากจะทำให้หล่อนได้รู้ว่า นารีคือเจ้าหญิงที่เจ้าชายอย่างเขา จะไม่ยอมปล่อยให้เธอกลับบ้านตอนเที่ยงคืนเพียงลำพัง เหมือนกับเรื่องเล่าในนิยาย ที่มีเจ้าหญิงและเจ้าชายแต่สัมผัสไม่ได้เหมือนกับนารี
"ฉันไม่เคยไปงานแบบนี้ และคงทำตัวไม่ถูก" นารีพูดออกมา ด้วยใบหน้าและท่าทางที่ไม่ค่อยสบายใจ
"ผมเตรียมชุดไว้ให้คุณแล้ว ถ้าคุณไม่ไปผมก็จะให้เจสันโทรไปแคนเซิลงานคืนนี้" พูดจบนักรบก็เปิดประตูเดินเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้นารีมองตามแผ่นหลังของเขา พร้อมกับทำหน้างอใส่ สรุปแล้วเธอก็คงต้องไปงานกับเขา เมื่อคำพูดของนักรบส่งผลให้เธอนั้นจำใจ ที่จะต้องทำตามเขาบอก โดยที่เธอนั้นไม่สามารถปฏิเสธใดๆ ได้เลย
"ป้านวลค่ะ นาฝากให้งามตาหากล่องใส่ดอกไม้เก็บไว้ในตู้เย็นให้นาด้วยนะคะ วันนี้ต้องออกไปกับนายท่านคงไม่มีเวลาทำน้ำปรุงแล้วล่ะค่ะ" คำพูดของนารีทำให้นักรบแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก เธอคงจะโกรธไม่น้อยถึงได้เรียกเขาว่านายท่านออกมาแบบนั้น
"เจสันช่วยไปหยิบชุดในรถมาให้คุณนารีที จากนั้นก็ไปเรียกงามตา มาแต่งหน้าทำผมให้คุณผู้หญิงด้วย" คำพูดของนักรบ ทำให้นารีมองเขาออกไปด้วยสายตาที่ขุ่นเคืองเล็กน้อย
"ครับนายน้อย" เจสันคือคนเก่าแก่ ซึ่งบิดาของเขาทำงานให้กับตระกูลของนักรบ ตั้งแต่สมัยที่บิดามารดาชายหนุ่มยังมีชีวิตอยู่ ทั้งคู่ถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาด้วยกัน จนนักรบคิดว่าเจสัน เปรียบเสมือนคนในครอบครัวของเขาไปแล้ว และเขามักจะเรียกนักรบว่านายน้อยเสมอ
นารีเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่ออาบน้ำ ภายในใจก็คิดไปด้วยว่าทำไมนักรบถึงอยากให้เธอไปงานนี้นัก แน่นอนนารีรู้ว่ารวีก็ต้องไปงานเช่นกัน เธอไม่อยากเจอกับพี่สาว ที่มักจะแสดงกิริยาและพูดจาถากถางเธอเป็นประจำ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงประตูดังขึ้น ขณะที่นารีนั้นอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมา ซึ่งมีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวพันรอบอกเอาไว้ เพราะคิดว่างามตาคงจะเอาชุดเข้ามาให้เธอเปลี่ยน แต่แล้วนารีก็ต้องรีบเอามือมากุมไว้ที่อก เมื่อคนที่เปิดประตูเข้ามานั้นคือนักรบไม่ใช่งามตา
"นี่คุณ! เข้ามาทำไม ออกไปก่อนได้ไหม" นารีพูดพร้อมกับใช้มืออีกข้าง คว้าเอาผ้าเช็ดตัวของนักรบที่แขวนไว้คลุมไหล่
"นั่นมันผ้าเช็ดตัวผมนะคุณ เอามาเลยผมจะเข้าไปอาบน้ำเหมือนกัน" นักรบวางชุดของนารีไว้ที่เตียงนอน ก่อนจะแกล้งเดินเข้าไปใกล้เธอ
"ก็ไปหยิบผืนใหม่ในตู้สิ แค่นี้ขี้หวงเหรอ ฉันเป็นภรรยาคุณนะ" สิ้นเสียงพูดนารีถึงกับเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้ ไม่คิดว่าตัวเองจะพลั้งปากพูดคำนั้นออกไป ตำแหน่งภรรยาแค่ในทะเบียน ซึ่งเธอไม่เคยทำหน้าที่บนเตียงให้สมบูรณ์แบบตามที่มันควรจะเป็น
"กลิ่นกายเมียผมหอมจัง จุ๊บ!"
"ว้าย! นี่คุณ! " นักรบพูดพร้อมกับจุ๊บลงที่แก้มของเธอ มิหนำซ้ำมือของเขายังดึงเอาผ้าเช็ดตัว ที่คลุมไหล่นารีออกติดมือเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไว ซึ่งเขาแอบยกยิ้มที่มุมปากออกมา พร้อมกับแววตาที่มีเลศนัย ให้กับคำพูดของนารี ที่เธอเผลอเรียกแสดงตัวตัวว่าเป็นภรรยาของเขา
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร