วันเกิดของรวีพิเศษกว่าทุกปี เนื่องจากวันนี้ มีแขกคนสำคัญมาร่วมงานด้วย เขานั้นคืออาร์มันโด้นักธุรกิจหนุ่มที่รวีนั้นหมายมั่นปั้นมือจะเอาชายหนุ่มมาเป็นคู่นอนให้ได้ แขกที่มาร่วมงานต่างก็แต่งองค์ทรงเครื่องมาประชันโฉมกันอย่างไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะเจ้าของวันเกิดที่ใส่ชุดราตรีเกาะอกสีแดงโชว์เต้าขาวอวบ เปิดแผ่นหลังโชว์เนื้อหนังมังสา จนใครต่อใครต่างก็ชื่นชมในความงามและเซ็กซี่ของรวี
"สุขสันต์วันเกิดนะรวี" พิงค์เพื่อนสนิทของรวี และผองเพื่อนอีกหลายคน เดินเข้ามาในงานที่มีสาวสวยสุดเซ็กซี่ยืนต้อนรับแขกอยู่หน้างาน ก่อนที่พิงค์จะชะเง้อชะแง้มองหาใครบางคน ที่หวังว่าจะเจอเขาในค่ำคืนนี้
"ขอบใจมากนะพิงค์ ไม่ต้องมองหาหรอก พี่คาวีไม่อยู่บ้าน คงจะออกไปทำตัวเจ้าสำราญอยู่ที่ไหนสักแห่ง ขอบใจทุกคนนะเชิญด้านในเลยจ้า" รวีหยิบของขวัญจากเพื่อน ก่อนจะเชื้อเชิญทุกคนเข้าไปในงาน โดยมีคนนำทางพาไปนั่งในที่จัดไว้ให้สำหรับแขกแต่ละโซน
ในขณะที่ทุกคนสนุกสนานสรวลเสเฮฮา มีความสำราญรื่นรมย์ใจ คงไม่มีใครรู้ว่านารีลูกสาวคนเล็กของบ้าน กำลังวุ่นอยู่กับการจัดแจงทุกอย่างภายในงานให้เรียบร้อย แม้แต่เวลารับประทานมื้อเย็น นารีนั้นก็ยังคงไม่ได้มีอะไรรองท้อง เมื่อเธอนั้นต้องจัดการความเรียบร้อยทุกอย่าง รถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาจอดในบริเวณบ้าน ที่ทางด้านนายศรเทพได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ สำหรับแขกวีไอพีเท่านั้นที่จอดได้ ชายสูงใหญ่ใส่ชุดสูทสีดำเดินลงมาจากรถ ท่ามกลางสายตาของบรรดาสาวๆ ที่มองมายังเขาด้วยความสนใจ
“ใครอ่ะแก สเปกฉันเลย บอกได้คำเดียวยอมสยบแทบเท้าขอแค่เขามองมาที่ฉัน แค่คืนเดียวฉันก็ยอม” เพื่อนๆ ของรวีกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ เมื่ออาร์มันโด้ก้าวเท้าเข้ามาในงาน รวีไม่รอช้ารีบเดินตรงมาที่ชายหนุ่ม เธอคล้องไปที่แขนกำยำราวกับว่าเป็นเจ้าของเขา
"เชิญด้านในเลยค่ะคุณอาร์มันโด้ คุณพ่อรออยู่" รวีเดินควงชายหนุ่มเข้าไปในงาน ตรงไปยังโต๊ะของผู้เป็นบิดา ท่ามกลางสายตาสาวๆ ที่อิจฉาเธอ แต่สายตาคมกลับสอดส่องมองหาใครบางคน ที่เขานั้นคิดว่าเธอคงจะแต่งตัวสวย ในชุดที่แปลกตากว่าเมื่อวาน ที่ดูเรียบๆ ธรรมดาออกจะเชยด้วยซ้ำไป
"สวัสดีครับทุกคน" ชายหนุ่มไหว้แขกผู้ใหญ่ที่นั่งร่วมโต๊ะกับบิดาของรวี ก่อนที่ชายสูงวัยจะแนะนำทุกคนให้อาร์มันโด้ได้รู้จัก ทุกคนต่างให้ความสนใจนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่ดูจะมีความน่าเกรงขามและท่าทางที่ฉลาดดูภูมิฐาน สมกับที่บริษัทของนายศรเทพไว้วางใจ ให้เขาเข้ามาร่วมลงทุนด้วยในครั้งนี้
"นี่ค่ะคุณอาร์มันโด้ ไวน์คุณภาพดีสำหรับแขกวีไอพีของบ้านเรา" รวีพูดพร้อมกับยื่นแก้วไวน์ส่งไปให้อาร์มันโด้ สายตาของเธอจ้องมองไปที่นัยน์ตาสีฟ้าของชายตรงหน้าอย่างเย้ายวน ชายหนุ่มเองก็จ้องมองออกไปด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ไม่แพ้กัน เพียงแค่ความหมายนั้นต่างกัน เมื่อเขานั้น อยากหลอกล่อให้เธอตายใจ
"พ่ออาร์มันโด้ อาหารเป็นยังไงบ้างถูกปากหรือเปล่าลองชิมดู ถ้ามีอะไรขาดตกบกพร่องก็บอกได้นะ เดี๋ยวน้าจะให้รวีไปบอกเด็กในครัวจัดหาให้" คุณนายพิกุลมารดาของรวีเอ่ยขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างถึงคำพูดของชายวัยกลางคนเมื่อวาน ลูกสาวคนเล็กของบ้านมีหน้าที่ดูแลงานบ้านงานเรือนเท่านั้น
"ขอเชิญเจ้าของงานวันเกิดคุณรวีขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ" พิธีกรในงานประกาศก้อง ทำให้รวีนั้นหันมามองอาร์มันโด้ เมื่อเธอหวังจะให้เขาขึ้นไปด้วย เป็นทำนองเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
"รวีมาเร็ว พวกเรามีเซอร์ไพรส์เธอด้วยนะ"
"ว้าย! .." รวีถูกพิงค์ลากออกมาจากชายตรงหน้าอย่างเร็วไว จนเธอนั้นตกใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จำเป็นต้องตามเพื่อนขึ้นไปบนเวที
"ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ" อาร์มันโด้รีบกล่าวขออนุญาต เมื่อคืนนี้เขาต้องการพบกับใครบางคน
"ห้องน้ำเดินตรงไปทางซ้ายมือ พอเจอห้องครัวแล้วเลี้ยวขวา ไปถูกนะพ่ออาร์มันโด้" คุณนายพิกุล ชี้บอกทางชายหนุ่ม เขาพยักหน้าแล้วยิ้มร่าออกมา ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องครัวในทันที โดยไม่ได้สนใจผู้หญิงสวยเซ็กซี่ที่ยืนอยู่บนเวทีเลยสักนิด
เมื่อว่างเว้นจากงานเรียบร้อยแล้ว นารีเข้ามาในครัวก่อนจะตักข้าวมาใส่จาน โดยมีไข่ดาวราดซอสมะเขือเทศวางทับอยู่บนข้าว เธอนั่งรับประทานด้วยความเอร็ดอร่อย เพราะเหนื่อยล้ามาทั้งวัน
ชายร่างสูงใหญ่ต้องแปลกใจกับอาหารในจานที่เธอนั้นกำลังรับประทาน ในขณะที่ทุกคนกำลังดื่มด่ำกับอาหารที่เลิศรสและดนตรีที่เพลิดเพลิน แต่ทำไมหญิงสาวตรงหน้า ที่มีฐานะเป็นถึงลูกสาวคนเล็กของบ้าน กลับมานั่งรับประทานอาหารในครัว ที่สำคัญการแต่งตัวของเธอนั้นดูแย่กว่าเมื่อวานเสียอีก
"คุณเป็นใคร เข้ามาทำไม ออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้นะ" คำทักทายของหญิงสาวช่างน่าประทับใจชายหนุ่มเหลือเกิน เมื่อเขานั้นไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนไล่ตะเพิดแบบนี้มาก่อน เธอคือคนแรกที่ทำกิริยาแบบนี้ใส่เขา สายตาของเธอนั้นว่างเปล่าดูใสซื่อ ผิดกับพี่สาวที่คอยเย้ายวน
"ผมจะไปเข้าห้องน้ำ เผอิญเดินเข้ามาผิด คิดว่าที่นี่เป็นห้องน้ำ" อาร์มันโด้พูดจาแก้ตัวออกไปแบบน้ำขุ่นๆ
"คุณใช้สมองคิดหรือเปล่า ถึงแยกห้องน้ำกับห้องครัวไม่ออก ห้องน้ำบ้านคุณมีหม้อ มีตู้เย็น มีเครื่องครัวแบบนี้เหรอ ประสาท!" คำพูดของนารียิ่งทำให้อาร์มันโด้ชอบใจ ผู้หญิงอะไรหน้าตาเหมือนกับจะไม่สู้คน กิริยาเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้แต่ทำไมปากร้ายจัง
"นั่นปากหรือกรรไกร กินข้าวต่อไปเถอะ ฉันไม่กวนแล้ว" อาร์มันโด้พูดจบก็เดินออกมา เมื่อเขานั้นได้คำตอบแล้วสำหรับเงื่อนไขและข้อตกลงทั้งหมดที่มี เมื่อนารีคือหมากในเกมนี้ และเขาก็ต้องการนำพาเธอออกไปจากบ้านหลังนี้เช่นกัน ด้วยเหตุผลอะไรนั้นอาร์มันโด้ยังไม่อาจหาคำตอบให้กับตัวเองได้ แต่เวลานี้เขารู้แค่เพียงว่าลูกสาวคนเล็กของตระกูลกสิเทพพาณิชย์คือเป้าหมายของเขา ความหยิ่งความพยศของเธอ คือสิ่งที่ท้าทาย ที่สำคัญก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายมันเรียกร้องให้เขาเลือกเธอ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร