ในขณะที่นารีกำลังหมองหม่นในชีวีต ซึ่งเธอไม่คาดคิดว่าจะต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ การแต่งงานที่เกิดจากเงื่อนไขบ้าบอนั่น คงจบสิ้นกันต่อไปคงไม่แคล้วที่เรือนกายนี้จะต้องโดนย่ำยี ทั้งที่นารีไม่เคยคิดจะมีใคร แล้วทำไมผู้ชายคนนั้นต้องเอาเธอไปผูกมัดกับพันธสัญญา ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน
"นารี! นังนารี" เป็นอะไร แล้วร้องไห้ทำไม ชีวิตของแกเกิดมา เพื่อใช้น้ำตาหรือไง ถึงได้ร้องไห้ทุกวี่ทุกวันไม่รู้จักเบื่อแบบนี้" คาวีพูดออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อเขานั้นกำลังจะใช้ให้นารีไปหยิบเหล้ามาให้
"พี่คาวี" นารีพูดพร้อมกับโผเข้าไปกอดพี่ชาย คาวียังคงมึนงงกับการกระทำของน้องสาว เมื่อเขานั้นไม่เคยเห็นนารีเป็นแบบนี้มาก่อน เธอจะร้องไห้จนตัวโยน แต่ก็ไม่เคยโผกอดเขาแบบนี้
"เป็นอะไร ทำไมร้องไห้ยังกับเด็กแบบนี้ หยุดร้องได้แล้ว และไปหยิบเหล้ามาให้พี่หน่อย" แม้คาวีจะปากร้าย ในยามเมามายมักจะกลายเป็นคนละคน แต่ในยามที่เขานั้นไม่ดื่ม คาวีก็คือพี่ชายที่แสนดี เพียงคนเดียวสำหรับนารีที่มีในบ้านหลังนี้
"คุณพ่อจะให้นาแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ พี่คาวีช่วยนาด้วยนะ นาไม่อยากแต่งงานกับเขา" คำบอกเล่าของน้องสาว ทำให้คาวีมีนั้นถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน ใครคือผู้ชายคนนั้น ทำไมเขาถึงต้องการแต่งงานกับนารี นั่นคือสิ่งที่คาวีกำลังสงสัยเช่นกัน
"เขาชื่ออะไร เป็นใครมาจากไหนทำไมคุณพ่ออยากให้นาแต่งงานด้วย" คาวีถามน้องสาวออกไป ขณะที่เขานั้นกำลังกอดและปลอบใจเธอ "นาไม่รู้" นารีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เมื่อเธอนั้นไม่รู้ตัวมาก่อนในเรื่องที่กำลังจะเผชิญ
“นังหน้าด้าน ไม่มียางอาย แกคิดจะแย่งผู้ชายของฉันเหรอนารี!” รวีเดินตรงมาที่คาวี ด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะฉายแววตามองไปที่นารีด้วยความเกลียดชัง
"เรื่องอะไรกันรวี พวกเธอกำลังจะทำสงครามกันเหรอ พวกผู้หญิงเข้าใจยากจังเลย นารีไปหยิบเหล้ามาให้พี่!" คาวีพูดพร้อมกับผละอ้อมกอดออกจากนารี เมื่อวินาทีนี้เขาต้องการดื่มจนแทบจะลงแดง แต่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์ ซ้ำๆ นารีกับรวีที่ไม่เคยถูกกันเลยสักครั้ง มิหนำซ้ำยังทำตัวเป็นศัตรูราวกลับไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน
นารีเดินเลี่ยงออกไปหยิบขวดเหล้าพร้อมกับแก้วมาให้พี่ชาย ในขณะที่รวีนั้นมองจิกตามาที่เธอ ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก็ไม่ปาน "นี่ค่ะพี่คาวี" ชายหนุ่มหยิบขวดเหล้ากับแก้ว มาจากมือของน้องสาว ก่อนที่รวีจะกระชากนารีอย่างแรงจนตัวปลิว
"มานี่ นังตัวดี! รินตามมาช่วยจับมันหน่อย" รวีลากนารีเข้าไปในห้องของเธอ ที่อยู่ชั้นล่าง ตรงข้ามกลับห้องพวกบ่าวรับใช้ในบ้าน พร้อมด้วยสาวใช้คนสนิทที่คอยเป็นเงาติดตามรวี และทำตามคำสั่งของนายหญิงทุกอย่าง เพื่อเอาใจลูกสาวคนโปรดของบ้านหลังนี้
ผลั่ก!
"โอ๊ย! พี่รวี นาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย คุณพ่อเป็นคนสั่งให้นาแต่งงานกับเขา นาเองก็ไม่ได้อยากแต่ง และไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับใคร" คำพูดของนารีดูท่าจะไม่เป็นผลต่อรวีเลยสักนิด เมื่อหล่อนนั้นกำลังคิดว่าจะต้องเสียอาร์มันโด้ให้กับนารีไป
"ชิ! อย่ามาตอแหล แกไปอ่อยเขาเอาไว้สินะ ไม่อย่างนั้นคุณอาร์มันโด้คงไม่ทำเงื่อนไขบ้า ๆ นั่นขึ้นมาหรอก ฉันขอเอาเลือดหัวแกออก ให้สาสมกับที่แกทำร้ายจิตใจฉัน และอย่าได้หวังว่าชีวิตการแต่งงานของแกจะมีความสุข ฉันจะตามราวีแกไปทุกที่คอยดู!" รวีพูดพร้อมกับจับลงไปที่ต้นแขนของนารี แล้วดันเธอชิดกับผนังของห้อง โดยมีรินคอยจับช่วยอีกคน
เพียะ! เพียะ! เพียะ! ฝ่ามือของรวีตบลงไปที่ใบหน้างามของนารี อย่างไม่ปรานี จนเลือดซึมกบปากของเธอ แม้หญิงสาวจะพยายามเอามือขึ้นมาป้องปิดใบหน้าตัวเองไว้ แต่มันก็ไม่เป็นผล เมื่อรวีนั้นใช้ให้รินสาวใช้คนสนิทของเธอจับนารีเอาไว้ มือเรียวของรวีกุมลงไปที่เส้นผมของนารี จนเวลานี้มันไม่เป็นทรงกระเซอะกระเซิงยุ่งเหยิงไปหมด
"ฮึกฮื้อ! พี่ระวี! นาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย อย่าทำร้ายนาเลยนะ นากลัวแล้ว ฮื้อ!" นารีพูดพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟายออกมาเสียงดัง จนคาวีนั้นรำคาญเลยเดินมาดู
"ทำบ้าอะไรกันนี่ ออกไป! รำคาญ! " คาวีจับลงไปที่ต้นแขนของรวี พร้อมกับผลักออกอย่างแรง ในขณะที่เขากำลังรู้สึกตึง ๆ เพราะดื่มแอลกอฮอล์นั่นไปหลายแก้วแล้ว
"โอ๊ย! นี่พี่จะช่วยมันเหรอ" รวีพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยพอใจพี่ชายเท่าใดนัก
"ช่วยบ้าบออะไร รำคาญ! แล้วแกก็หยุดร้องได้แล้วนารีหนวกหู!" คราวนี้คาวีตะเบ็งออกมาเสียงดัง ทั้งนารีและรวีถึงกับเงียบ เพราะหากคาวีโมโหขึ้นมาในเวลาเมา เขาจะกลายเป็นคนละคนหน้ามืดทำร้ายคนรอบข้างได้เสมอ
"ชิ! ฝากไว้ก่อนเถอะนังตัวดี" รวีพร้อมกับสาวใช้คนสนิทเดินออกจากห้องนารีไป ก่อนที่คาวีจะเดินตามออกไปติด ๆ ปล่อยให้นารีนั่งร้องไห้กับสภาพพี่ยับเยิน
"ลูกทำเวรทำกรรมอันใดไว้ ทำไมในแต่ละวันถึงได้เผชิญแต่เรื่องเลวร้ายไม่ซ้ำกัน อยู่ก็เหมือนตายแล้วจะอยู่ไปเพื่ออะไร" นารีตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าไม่กี่ชุดใส่ในกระเป๋าใบเล็กๆ เอาไว้ สมบัติก็ไม่มีติดตัวสักชิ้น เงินที่มีนั้นเธอได้มาจากการเก็บหอมรอมริบสมัยที่เรียนหนังสือ และเงินทอนจากการจ่ายตลาดไม่กี่บาทในแต่ละวัน
กลางดึก
ตกกลางดึกนารีตัดสินใจ หนีออกจากบ้าน เธอเดินออกไปทางประตูหลัง ในขณะที่ทุกคนเข้านอนกันแล้ว นารีเดินออกมาเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ใบหน้าของเธอยังคงฟกช้ำ เต็มไปด้วยรอยกระด่างกระดำจากการถูกตบตี
"ไปไหนน้องสาว ผิวขาวยังกับไข่ปอก สนใจมาเป็นเมียพวกพี่ไหม" ชายฉกรรจ์สามสี่คนเดินตรงมาที่นารี
"อย่ายุ่งกับฉัน" นารีพูดพร้อมกับรีบวิ่งอย่างเร็ว แต่ชายกลุ่มนั้นก็วิ่งตามเธอมาติดๆ
เมื่อถึงถนนใหญ่เธอมองซ้ายมองขวา หาจุดหมายปลายทางไม่เจอ ละแวกนี้ก็แสนจะเปลี่ยว ความกลัวได้บังเกิดขึ้นมาภายในใจของหญิงสาว หากวันนี้จะต้องตาย ก็ไม่ควรตายเพราะถูกรุมโทรม เมื่อมีรถผ่านมานารีไม่รอช้าวิ่งไปกลางถนนทันที ยังไงวันนี้จะขอยอมตายให้สิ้นชีวี จะไม่ขออยู่เพื่อชดใช้กรรม ที่เธอนั้นไม่ได้เป็นผู้กระทำอีกต่อไป
เอี๊ยด!!
"เฮ้ย!! ผู้หญิงนี่ ชนหรือเปล่า เจสันรีบลงไปดูเร็ว!" อาร์มันโด้ยังคงตกใจ ไม่รู้ว่าเธอวิ่งพรวดพราดเข้ามาได้ยังไง ซึ่งละแวกนี้ก็ไม่มีบ้านคน แล้วผู้หญิงคนนี้มาทำอะไรในที่เปลี่ยว ๆ กลางค่ำกลางคืนแบบนี้ จากนั้นเขารีบเดินลงจากรถ ตามเจสันไปดูหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่หน้ารถ
“เฮ้ย! นารี!” คราวนี้เขาดูต้องตกใจมากกว่าเดิมเป็นหลายเท่า เมื่อผู้หญิงที่นอนแน่นิ่งอยู่นั้นคือนารี หญิงหญิงที่เขาปรารถนาจะใช้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้น แต่ทำไมเวลานี้หัวใจของอาร์มันโด้กลับรู้สึกห่วงใยนารีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่สมองสั่งการวางแผนทุกอย่างเอาไว้ให้เธอและครอบครัวได้รับในสิ่งที่เคยทำไว้กับบิดาและมารดาของเขา จะเป็นไปได้ไหมที่หัวใจของชายหนุ่ม จะละเว้นหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้
เมื่อเขานั้นรู้สึกต้องตาตรึงใจกับใบหน้างาม ที่มีรอยเขียวช้ำแต่นั่นกลับไม่ทำให้ความงามของเธอนั้นลดลงไปเลยแม้เพียงน้อยนิด เขาค่อยๆ อุ้มเธอขึ้นมาในท่าเจ้าสาว เมื่อชายหนุ่มมั่นใจว่าเธอนั้นแค่สลบไป ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะต้องเอานารีมาเป็นเจ้าสาวให้ได้ ตามเงื่อนไขและจุดประสงค์ที่วางเอาไว้ตั้งแต่แรก
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร