"ป้านวล! นารีไปไหน" พอเข้ามาในบ้านนักรบเริ่มทำเสียงดังโวยวาย ในขณะที่เทเรซ่ายังคงยืนอยู่ข้างกายไม่พูดไม่จา แต่การกระทำของเธอนั้นทำให้ผู้หญิงอีกคนมองอย่างเจ็บปวด เธอยืนคล้องแขนนักรบเอาไว้ ทำตัวราวกับนางพญาที่เฉิดฉาย
"ฉันอยู่นี่ มีอะไร" นารีพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหาชายหนุ่มผู้เป็นสามี
"เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว"
"สองคนหรือสามคน ฉันจะได้ทำตัวถูก คำว่าเราสำหรับฉัน มันกำลังจะหายไป" นารีพูดพร้อมกับจับจ้องไปที่ใบหน้าของนักรบอย่างไม่วางตา ก่อนจะใช้หางตามองไปที่เทเรซ่าอย่างไม่พอใจ
"คุณนารี ทำไมมองเทเรซ่าแบบนั้นละคะ ออกไปข้างนอกเจสันก็ไปด้วย เราไม่ได้ไปลำพังกันสองต่อสอง อย่าคิดมากเลยนะคะคุณนารี" เทเรซ่าพูดพร้อมกับยิ้มเหยียดๆ มาที่นารี เมื่อหล่อนกำลังคิดว่าอีกไม่นาน นารีคงจะถูกสามีคงจะเฉดหัวทิ้งอย่างแน่นอน
"ฉันไม่ใช่คนใจกว้าง แต่ก็ไม่ใช่คนใจแคบ ผู้ชายคนนี้ถ้าคุณอยากได้กลับคืนไป ฉันเองก็จะไม่รั้งเขาไว้ ยินดีจะหย่าให้ พรุ่งนี้เราเจอกันที่เขตนะคะคุณนักรบ" นารีพูดจบก็เดินขึ้นไปบนห้อง ไม่ได้สนใจสีหน้าของนักรบ ที่เวลานี้เขาพยายามเก็บอาการความเจ็บปวดลึกสุดใจเอาไว้
"คุณหนูป้ามีเรื่องจะคุยด้วย แบบส่วนตัว" พูดจบป้านวลก็เดินนำหน้านักรบไปที่สวนดอกไม้หลังบ้าน หญิงสูงวัยเดินตรงไปที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นหูกวาง
"ทำแบบนี้ทำไม ป้าถามว่าคุณหนูทำแบบนี้ทำไมคะ" ป้านวลเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ห้วนๆ อย่างไม่ชอบใจ จนนักรบที่นั่งฟังถึงกับหลับตาลงอย่างช้าๆ ด้วยความรู้สึกผิด
"ผมพยายามแล้วครับป้า แต่เมื่อเห็นภาพถ่ายของพ่อกับแม่แล้ว สมองของผมมันสั่งให้ทำ ผมหยุดไม่ได้" นักรบพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เหมือนคนกำลังจะร้องไห้ ความเป็นจริงป้านวลรู้ดีว่านักรบเป็นคนอย่างไร เขาเป็นคนที่แข็งนอกแต่อ่อนโยน เป็นคนที่จิตใจอ่อนไหวกับทุกเรื่อง
"ป้าขอแค่คุณนารีไม่ได้เหรอคะ เธอผิดอะไร ผิดที่เกิดมาเป็นลูกของนายศรเทพกับนางพิกุลอย่างนั้นเหรอ ไม่มีใครเลือกเกิดได้หรอกนะคุณหนู แต่ทุกคนเลือกที่จะเป็นคนดีได้"
"แต่นารีไม่ใช่คนดี เธอเอาเครื่องเพชรที่ผมมอบให้เป็นของขวัญในวันแต่งงาน ให้กับแม่ของเธอไปขาย เพื่อใช้หนี้ เธอทรยศต่อความรักที่ผมมีให้" คราวนี้นักรบพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เหี้ยมๆ ดูท่าทางเขาแล้วเหมือนจะโกรธนารีเอามากๆ
"คุณหนูรักคุณแม่หรือเปล่า"
"รักสิครับทำไมผมจะไม่รัก ก็เพราะรักพ่อกับแม่ผมจึงอภัยให้กับครอบครัวของนารีไม่ได้ ในเวลานี้รวมทั้งตัวเธอด้วย"
"คุณนารีเธอก็รักแม่กับครอบครัวของเธอเหมือนกัน คนที่กตัญญูรู้คุณบุพการีนั่นหมายถึงเธอเป็นคนดี ไม่ใช่เหรอคะคุณหนู" คำพูดของป้านวลทำให้นักรบมีใบหน้าที่ครุ่นคิด เมื่อหญิงสูงวัยพูดมาทั้งหมดมันคือความจริง
"แต่เธอก็ควรจะบอกผมไม่ใช่เหรอครับป้า เธอจะรู้ไหมว่าเครื่องเพชรนั่นราคามันแพงแค่ไหน" นักรบพูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจแรงๆ ออกมา
"มันก็แค่ก้อนหินก้อนหนึ่ง ที่ทุกคนตีค่าตีราคาให้มันเป็นอัญมณีที่ล้ำค่า เพียงเพราะว่ามันหายากแค่นั่นเอง แต่คุณนารีมีชีวิตมีหัวใจ เธอมีค่ามากกว่าก้อนหินพวกนั้น" คำพูดของป้านวลทำให้นักรบไตร่ตรองอยู่สักครู่ เขารู้หัวใจตัวเองดีว่ารักเธอแค่ไหน แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่บิดาและมารดาของเธอทำเอาไว้ เขาจึงไม่อาจอภัยให้เธอได้ เมื่อคุยกับป้านวลได้พักใหญ่ นักรบจึงขอตัวเข้าบ้าน เขากำลังจะเดินเข้าห้อง แต่เทเรซ่าเรียกไว้ซะก่อน
"เทเรซ่ามีเรื่องจะคุยกับคุณ เกี่ยวกับข้อตกลงของเรา ไปคุยกันที่ห้องของเทเรซ่านะคะ" นารีที่กำลังจะเปิดประตูออกมา เพราะรู้สึกหิว เธอได้ยินประโยคของเทเรซ่าที่คุยกับนักรบอย่างชัดเจน ก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูออกมาจากห้อง แล้วมองตามแผ่นหลังของผู้เป็นสามี ที่เดินตามเทเรซ่าเข้าไปใน
ห้องด้วยความเจ็บหน่วงที่หัวใจ น้ำตาของเธอได้รินไหลออกมาราวกับสายฝนพรำ ไม่มีอีกแล้วผู้ชายที่แสนดี นับจากวันนี้เขาและเธอจะเป็นเพียงแค่เส้นขนาน ที่ไม่มีทางมาบรรจบกันได้อีก
แม้จะเจ็บจนจุกแต่นารีก็ต้องลุกขึ้นสู้ เพราะมีอีกชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นมาลืมตาดูโลกในไม่ช้านี้ เธอจึงตัดสินใจเดินลงไปหาอะไรกินในครัว และวันนี้นารีก็คิดว่าจะไม่ขอร่วมรับประทานอาหารที่โต๊ะกับใคร
"คุณหนูนารีนั่นจะทำอะไรคะ" ป้านวลถามออกมาอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นนารีเดินไปหยิบโยเกิร์ตคลุกเคล้ากับทูน่า และตักข้าวสวยมาใส่จาน เพื่อรับประทาน
"พอดีนารู้สึกหิว และก็อยากกินข้าวกับโยเกิร์ตผสมทูน่า ทานด้วยกันไหมคะป้านวล" นารีเอ่ยถามหญิงสูงวัยออกไป แต่สีหน้าของป้านวลกลับมองมาที่นารีอย่างเหยเก เมื่อเมนูตรงหน้าของนารีนั้นไม่ชวนให้รับประทานเลยสักนิด
"คุณหนูนาทานเถอะค่ะ ป้าเห็นแต่คนท้องที่ทานเมนูแปลกๆ แบบนี้ เพิ่งจะรู้ว่าคุณหนูนารีก็ชอบทานอะไรแปลกๆ เหมือนกัน" ป้านวลลองแกล้งถามหญิงสาวออกไป เผื่อเธอนั้นจะแสดงท่าทีอะไรออกมา แต่นารีกลับวางสีหน้าเรียบเฉย
"จริงเหรอคะป้า แต่นาว่านิยามข้อนี้ใช้ไม่ได้แล้วแหละค่ะ เพราะนาไม่ได้ท้อง" พูดจบนารีก็ตั้งหน้าตั้งตากิน โดยที่ไม่ได้สนใจป้านวล ยิ่งคำบอกเล่าจากหญิงสูงวัย เธอก็ยิ่งรู้สึกช้ำใจ เมื่อนึกถึงสามีที่อยู่ในห้องกับเทเรซ่า เขาคงจะมีความสุขมาก ถึงได้ชวนกันเข้าห้องไปแบบนั้น
เมื่อท้องอิ่มทำให้นารียิ้มได้ เธอไม่อยากขึ้นไปบนห้องเลยด้วยซ้ำ แต่เวลานี้รู้สึกเพลียและง่วงเต็มที เพราะช่วงบ่ายเธอไม่ได้นอนพัก เนื่องจากมารดาแวะมาหา
นารีถอนหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนจะเดินขึ้นไปบนบ้าน พอเปิดประตูเข้าไปกลับพบนักรบนั่งอยู่ที่ขอบเตียง สายตาของเขาจ้องมองมาที่เธอไม่กะพริบ แต่นารีกับเฉยชาทำเหมือนกับว่าเขานั้นไม่มีตัวตน ก่อนจะนั่งลงที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอน เพราะเธอไม่อยากแม้แต่จะพูดคุยกับชายหนุ่ม เขาคงจะอิ่มเอมใจไม่น้อยที่ได้อยู่สองต่อสองในห้องกับภรรยาเก่าแบบนั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากลับไปกินกันหรือเปล่า เพราะไม่อยากคิดอกุศลตราบใดที่จับไม่ได้คาหนังคาเขา
"อย่าเพิ่งนอนหันหน้ามาคุยกันก่อนหนูนา" นักรบพูดพร้อมกับคว้าตัวนารีให้พลิกกลับมาหาเขา เพราะเธอล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาผนังอย่างที่เคยทำเป็นประจำ เวลาที่โกรธกัน
"ปล่อย! ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ถ้าจะคุยเรื่องหย่า เดี๋ยวฉันจะนั่งแท็กซี่ไปรอที่เขต ไม่ต้องห่วงฉันไม่นั่งรถไปกับคุณหรอก อย่าวิตกกังวลไปเลยสบายใจได้" นารีพูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ขณะที่แววตาของเธอมองเหม่อออกไปอย่างไร้จุดหมาย ดวงตาที่เคยเป็นประกายเวลานี้กลับว่างเปล่า
"คุณจะไปนั่งรอที่เขตทั้งวันเลยก็ได้ แต่ผมไม่ไป และก็ไม่มีวันที่จะหย่ากับคุณ รู้เอาไว้ด้วย นางนารี เดฟวารา!” พูดจบนักรบก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้นารีมองตามด้วยสายตาที่ละห้อย
เมื่อเธอกำลังน้อยใจในตัวของสามี ที่เวลานี้เขาเริ่มเปลี่ยนไปไม่ค่อยตามเอาใจเธอเหมือนดั่งเคย นั่นคงเป็นเพราะว่าเทเรซ่า ไม่ว่าหล่อนจะกลับมาด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที ผลสรุปที่ได้พวกเขาทั้งสองก็เคยเป็นมากกว่าเพื่อนอยู่ดี ในความคิดของนารี เวลานี้มันเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำในอุรา
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร