ฝานเฉินซีมองไปยังลี่ถิงเชินอย่างงงงวย เธอไม่เคยได้ยินเรื่องที่ลี่ถิงเชินแต่งงาน“คุณลี่ พวกเราใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศหลายปี ไม่รู้ข่าวภายในประเทศ ลูกสาวของฉันกับคุณเกี่ยวข้องอะไรกัน?”ลี่ถิงเชินนิ่งเฉย พูดออกมาด้วยสีหน้าเฉยเมย “ต่อให้มีความเกี่ยวข้องนั่นก็เป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้ผมกำลังดำเนินการหย่าร้างอยู่”ซูชิงอวี่คิดไม่ถึงว่าความจริงใจที่มอบให้หลายปีมานี้ ถึงตอนสุดท้ายกลายเป็นเพียงอดีตเขาพูดออกอย่างง่ายดายโมโหไหม? โมโหแน่อยู่แล้วที่มากกว่านั้นคือผิดหวัง ตัวเองตาบอดที่หาตัวเหี้ยอะไรมาเป็นสมบัติล้ำค่าแบบนี้ซูชิงอวี่ล้วงกล่องแหวนออกมา ขว้างไปยังหน้าผากของลี่ถิงเชินอย่างแรง “ไอ้ผู้ชายเฮงซวยเอ๊ย ในชีวิตนี้เรื่องที่ฉันเสียใจมากที่สุดก็คือมีความสัมพันธ์กับคุณ พรุ่งนี้เก้าโมงเจอกันที่อำเภอ ใครไม่ไปคนนั้นเป็นลูกหมา!”กล่องกระแทกหน้าผากของเขาจนแดงแล้วตกลงบนพื้น แหวนหลุดร่วงอยู่ข้างเท้า ครั้งนี้ซูชิงอวี่ไม่ได้เหลือบมองแม้แต่น้อย เธอเหยียบแหวนแล้วผลักประตูออกไปสองปีมานี้รอบตัวซูชิงอวี่เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เรื่องนี้ก็เหมือนกับฟางเส้นสุดท้ายที่จะทนได้ เธอวิ่งไปได้ไม่ไกลก็หมดสติไปตรงข้
ลมแม่น้ำเย็นเยือกพัดมา เหมือนกับมีดที่เย็นเฉียบทะลุเข้ากระดูก ซูชิงอวี่ลุกขึ้นวิ่งไล่ตามไปแต่เธอประเมินค่าร่างกายในตอนนี้ต่ำไป วิ่งได้ไม่กี่เมตรก็ล้มลงบนพื้นอย่างแรง ประตูรถเปิดออก รองเท้าหนังแฮนด์เมดแวววาวคู่หนึ่งหยุดลงตรงหน้าของเธอเธอค่อยๆ มองไปยังกางเกงตรงทื่อของชายหนุ่มช้าๆ จากนั้นสบตากับดวงตาเย็นชาของลี่ถิงเชิน“ลี่…” ซูชิงอวี่เอ่ยปากอย่างอ่อนแอมือคู่หนึ่งที่ข้อต่อกระดูกชัดเจน ชั่วขณะซูชิงอวี่เหมือนเห็นวัยรุ่นชุดขาวในอดีตที่ทำให้เธอตกตะลึง เธอยื่นมือไปทางเขาโดยไม่รู้ตัวในตอนที่สองมือจะสัมผัสกัน ลี่ถิงเชินดึงมือกลับอย่างแรง ให้ความหวังกับเธอแล้วก็ดึงกลับอย่างไม่ไว้หน้า ทำให้ร่างกายของเธอที่ลุกขึ้นล้มลงบนพื้นอย่างแรงอีกครั้งเธอที่เดิมทีไม่ได้บาดเจ็บเมื่อล้มลงครั้งนี้ฝ่ามือทับเศษแก้วที่แตกอยู่บนพื้นพอดี รอยเลือดที่สะดุดตาไหลลงมาตามฝ่ามือดวงตาดำของเขาหยุดนิ่ง แต่กลับไม่มีท่าทางใดๆซูชิงอวี่งุนงงอยู่ครู่หนึ่ง เธอนึกถึงเมื่อก่อนตัวเองนิ้วโดนบาดแผลเล็กก็ถูกเขาพาไปโรงพยาบาลตอนดึกหมอที่เข้าเวรยังหัวเราะ “คุณผู้ชายท่านนี้ โชคดีที่คุณมาเร็ว ถ้ามาช้ากว่านี้หน่อยบาดแผลจะหายแล้ว
ตอนที่ซูชิงอวี่เอ่ยถึงคนคนนั้นน้ำเสียงเรียบเฉยมาก เหมือนกับปล่อยวางแล้วแต่หลินเหยียนรู้ดีว่าเคยรักใครจริงๆ สักคนเป็นไปได้อย่างไรที่พูดว่าปล่อยวางก็ปล่อยวางได้? เธอก็แค่เก็บซ่อนบาดแผลเอาไว้ ตอนที่ไม่มีคนถึงจะปลอบใจตัวเองหลินเหยียนไม่ได้ถามอะไรมาก แต่เปลี่ยนเรื่องคุย “ค่าผ่าตัดของคุณลุงคุณยังไม่ได้จ่ายเงิน ถือว่าเป็นเพื่อน ผมให้คุณยืมก่อน ต่อไปคุณค่อยคืนผมก็ได้”เขารู้ว่าซูชิงอวี่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หาเงินอย่างลำบาก เคยอยากจะยื่นมือเข้ามาช่วยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ซูชิงอวี่ก็ปฏิเสธมาโดยตลอดครั้งนี้ซูชิงอวี่ยังคงส่ายหน้า “ไม่ต้องค่ะรุ่นพี่”“ชิงอวี่ อาการป่วยของคุณลุงเป็นเรื่องที่เร่งด่วน หรือคุณยอมที่จะถูกคนชั่วคนนั้นดูถูกแต่ไม่ยอมรับความหวังดีจากผมงั้นเหรอ? ผมเพียงแค่อยากช่วยคุณ คุณรู้ว่าถึงแม้บ้านผมจะเทียบกับตระกูลลี่ไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาๆ เงินแค่นี้สำหรับผมขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก คุณไม่ต้องลำบากใจ”ซูชิงอวี่สองมือประคองแก้วน้ำหันมองไปทางเขาช้าๆ สีหน้าของเธอขาวซีด มองแล้วทำให้คนรู้สึกสงสาร“รุ่นพี่ ฉันรู้ว่าพี่เป็นคนดี แต่…ฉันไม่มีอนาคตแล้ว”บุญคุณนี้ก็ดี เงินเหล่านี
ซูชิงอวี่ก้มหน้าดู บนกระดาษสีขาวเขียนที่อยู่ของสุสานเอาไว้หรือว่าน้องสาวของเขาเสียชีวิตแล้ว? แต่การตายของน้องสาวของเขาเกี่ยวข้องอะไรกับพ่อของเธอด้วย? จากที่ซูชิงอวี่รู้เกี่ยวกับซูฉี่ผิง เขาไม่มีทางทำร้ายเด็กสาวคนหนึ่งได้รู้ว่าทั้งสองไม่มีทางเปิดเผยอะไรมาก ซูชิงอวี่ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองคนลำบากใจต่อไป เธอเงียบสงัดจนถึงคฤหาสน์ตระกูลลี่ในตอนที่มาถึงสถานที่คุ้นเคยอีกครั้ง ซูชิงอวี่มีความรู้สึกมากมายเฉินเฟิงถามอย่างสุภาพ “คุณนายจะลงไปไหมครับ?”“ไม่แล้วล่ะ ฉันรอเขาอยู่ตรงนี้ดีกว่า”การเจอหน้ากันครั้งสุดท้ายของเธอกับเขาเหลือเพียงการหย่าร้าง เธอไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายแทรกซ้อน ยิ่งกว่านั้นทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่แบกรับความทรงจำของทั้งสองคนไว้ เธอยิ่งไม่อยากเกิดความสัมพันธ์กับสถานที่ตรงหน้าถ้าจะโทษก็ต้องโทษผู้ชายคนนั้นที่ประคบประหงมเธอเอาไว้กลัวจะบินหนีไปต่อให้ตอนนี้เขาเย็นชามากขึ้นทุกครั้ง เธอก็จดจำแต่ความดีของเขาทั้งๆ ที่ควรจะเป็นคนที่เกลียดเข้ากระดูกดำ แต่เธอกลับเกลียดไม่ลงรถยังสตาร์ทอยู่ให้แอร์ร้อนกับเธออย่างต่อเนื่อง ในรถเหลือเพียงแค่เธอคนเดียว ซูชิงอวี่รู้สึกปวดกระเพาะขึ้
ในรถเงียบสงัด เป็นเพราะไป๋หยวนหยวนร้อนใจเสียงจึงดังมาก ซูชิงอวี่ได้ยินคำว่า “ชิงเฉิน” อย่างชัดเจนยังจำวันที่เธอได้ผลการตรวจการตั้งครรภ์ได้ เธอพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของลี่ถิงเชินที่เต็มไปด้วยความหวัง “อาเชิน คุณจะได้เป็นพ่อแล้ว! พวกเรามีลูกแล้ว! ฉันคิดชื่อลูกไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากเป็นผู้หญิงชื่อลี่ฉิงเฉิน เด็กผู้ชายชื่อลี่ชิงเฉิน ตั้งมาจากชื่อของพวกเราสองคน คุณว่าดีไหม?”เธอหวังเป็นอย่างมากว่าตัวเองฟังผิดไป แต่ลี่ถิงเชินไม่ได้หลบสายตาของเธอแต่ตอบกลับอย่างฉะฉาน “เขาชื่อลี่ชิงเฉิน”“สารเลว!”ซูชิงอวี่ง้างฝ่ามือตบ ครั้งนี้เขาไม่หลบ ให้เธอตบเต็มๆ“คุณให้เด็กที่เธอเกิดมาใช้ชื่อลูกของพวกเรา!”ลูกคือแนวต้านทานสุดท้ายของซูชิงอวี่ และน้ำตาก็พรั่งพรูราวกับลูกปัดที่ด้ายขาด ซูชิงอวี่โผเข้าไปหาเขาอย่างบ้าคลั่ง “คุณมันปีศาจชั่ว ทำไมสวรรค์จะต้องช่วงชิงชีวิตของลูกไป ทำไมคนที่ตายไม่ใช่คุณนะ?”ซูชิงอวี่ที่เสียสติทุบตีลี่ถิงเชินครั้งแล้วครั้งเล่า “เขาไม่คู่ควรกับชื่อนี้!”ลี่ถิงเชินจับมือสองข้างของเธอไว้แล้วสั่งเฉินเฟิง “ไปวิลล่าลู่ไห่จวี”ซูชิงอวี่อารมณ์วู่วามยิ่งขึ้น “ใกล้ถึงอำเภอแล้ว ถ้าคุณจะ
ซูชิงอวี่บ่นพึมพำที่หลุมศพอยู่นานถึงได้กลับไป เธอไม่มีเวลาโศกเศร้า เพราะเธอจำเป็นต้องตามสืบต่อจากรูปภาพที่เธอได้มาผู้หญิงที่พ่อพบเจอส่วนมากเป็นที่บริษัท ในตอนที่เธอเตรียมเริ่มต้นจากพนักงานของบริษัท เธอได้รับสายโทรศัพท์เป็นสายของอู๋เริ่นเด็กจากพื้นที่ภูเขาที่พ่อเคยช่วยเหลือ เสียงของเขาร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด “คุณหนูซู ผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศก็ได้ยินข่าวที่คุณซูป่วยหนัก เขาเป็นยังไงบ้างครับตอนนี้?”“ขอบคุณในความเป็นห่วงนะ พ่อของฉันยังรับการรักษาที่โรงพยาบาล”“เฮ้อ คนดีแบบคุณซูสวรรค์ทำไมถึงทำกับเขาแบบนี้? ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเขาช่วยเหลือพวกเรา พาพวกเราออกมาจากภูเขา พวกเราจะมีชีวิตแบบทุกวันนี้ได้อย่างไร?”ซูชิงอวี่มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว หลายปีก่อนซูฉี่ผิงเริ่มช่วยเหลือเด็กๆ ในพื้นที่ภูเขาที่ยากจน หากลี่หลานหลุ่ยถูกจับตัวไปขายในเขาลึก เป็นไปได้ไหมว่าจะรู้จักกับคุณพ่อเพราะเหตุนี้?“พี่อู๋ พี่รู้จักนักเรียนเหล่านั้นที่คุณพ่อช่วยเหลือไหม?”“ผมติดต่อพวกเขาแทนคุณซูมาโดยตลอด ส่วนมากก็รู้จัก เพียงแต่หลายปีนี้ออกนอกประเทศขาดการติดต่อกัน หากคุณหนูซูต้องการความช่วยเหลืออะไร ไม่ว่าทรัพย
เพื่อไม่ให้อาการป่วยของเธอเลวร้ายไปกว่านี้ หลินเหยียนจึงกำหนดเวลาคีโมระยะแรกสำหรับเธอเป็นวันมะรืนผลข้างเคียงของคีโมค่อนข้างจะหลากหลาย โดยที่สองสัปดาห์แรกหลังการทำคีโมร่างกายจะอ่อนแออย่างมากและผมร่วง ซูชิงอวี่จึงต้องจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ติดตัวไว้ให้อย่างเรียบร้อยล่วงหน้าซูฉี่ผิงไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นในขณะนั้น โชคดีที่เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล จึงชำระค่ารักษาพยาบาลแล้วกลับบ้านเดิมทีห้องแต่งงานเป็นของเธอและลี่ถิงเชิน เมื่อคิดว่าตัวเองจะย้ายออกไปไม่นานนี้แล้ว เธอกลัวว่าร่างกายของตัวเองจะอ่อนแอยิ่งขึ้นหลังจากทำคีโม จึงหาบริษัทขนย้ายบ้านมาล่วงหน้าโดยที่ฉินโอวเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอก็มาด้วยเช่นกัน เธอสวมชุดสูทและรองเท้าส้นสูงพร้อมกระเป๋า และยังพกมันเทศเผาสองหัวมาอีกด้วยและเสียงของเธอก็ดังขึ้นมาแต่ไกลว่า "เพื่อนซู ในที่สุดเธอก็ออกจากไอ้หมอนั่นได้สักทีนะ! ฉันเพิ่งรับค่าคอมมิชชั่นขายบ้านเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนกลางคืนฉันจะพาเธอไปเที่ยวที่ไนต์คลับเฮยหม่านะ คางคกมีสามขามันหายาก แต่ผู้ชายมีสองขามีทุกที่ "สัปดาห์นี้เมื่อซูชิงอวี่หายไป เธอเพิ่งบินไปต่างประเทศเพื่อหาแฟนของเธอ เธอจ
ทั้งสองสาวที่เพิ่งอกหักมีเรื่องที่เสียใจมากมายที่คล้ายกัน โดยที่ฉินโอวได้เลือกช่างตัดผมหนุ่มหล่อมาสองคน และเมื่อช่างตัดผมเห็นซูชิงอวี่ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที จากนั้นก็แนะนำทรงผมที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงนี้ให้กับเธออย่างรวดเร็วแต่ซูชิงอวี่กลับปฏิเสธโดยตรง "ตัดให้สั้นก็พอค่ะ ยิ่งสั้นยิ่งดี""คุณลูกค้าครับ แม้ว่าตอนนี้ทุกคนมักจะชอบแต่งตัวให้ดูดีและดูเท่ แต่ตามความคิดของเรานั้น ถ้าผมตัดสั้นเกินไป การทำทรงผมก็จะมีข้อจำกัดบางอย่างนะครับ ผมว่าเราลองตัดให้เท่าไหล่ดีไหมครับ ทรงนี้จะทำให้ดูเด็กลง และไปทุกๆ ที่ได้นะครับ""ไม่จำเป็นหรอกค่ะ"“คุณลูกค้ามีผมสลายมาก แค่ดูก็รู้ว่าไว้ผมยาวมาหลายปีแล้ว ถ้าตัดสั้นมันจะน่าเสียดายมากเลยนะครับ” ช่างตัดผมส่ายหน้าด้วยความเสียดายซูชิงอวี่มองตัวเองในกระจก ถึงแม้ช่วงนี้เธอจะพักผ่อนน้อยและหน้าซีด แต่หน้าตาของเธอก็ยังสวยเหมือนเดิม สวนผมดำขลับที่ไม่ได้รักษามานานนั้นก็ขยับปลิวไสว ทำให้เธอดูสวยสง่าเป็นอย่างมากลี่ถิงเชินชอบผมยาวของเธอ เธอไม่ได้ตัดมันมาสองสามปีแล้ว และเมื่อเห็นว่าช่างตัดผมไม่อยากจะลงมือตัด ซูชิงอวี่ก็หยิบกรรไกรมาด้วยรอยยิ้ม "งั้นฉัน