ณ บ้านคิมหันต์
ตอนนี้ฉันกำลังยืนอยูในบ้านของคุณคิมหันต์ บ้านเล็กที่ใหญ่โตโอ่อ่าไม่แพ้บ้านใหญ่ของท่านประธาน ในที่สุดฉันก็ถูกย้ายให้มาอยู่ที่นี่จนได้ “คุณคิมไม่ได้บอกให้ป้าเตรียมห้องไว้ ยังไงคืนนี้หนูนอนในห้องนี้ไปก่อนล่ะกันนะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ป้าทำความสะอาดห้องให้หนูเสร็จแล้ว ค่อยย้ายไปอีกห้อง” ป้ากานเป็นแม่บ้านที่บ้านของคุณคิมหันต์ ป้ากานเป็นคนที่คอยแนะนำฉันทันทีที่ฉันมาถึงที่นี่ และยังเป็นคนพาฉันมาที่ห้องพักอีกด้วย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ห้องไหนหนูก็อยู่ได้ทั้งนั้นแหละ” “ถ้างั้น…เดี๋ยวเก็บของเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมขึ้นไปหาคุณคิมที่ห้องด้วยนะ” “ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” สิ้นเสียงของฉันป้ากานก็หันหลังเดินออกไปจากห้อง ตุบ!! ทันทีที่ป้ากานเดินออกไปจากห้อง ฉันรีบเดินเข้ามาทิ้งตัวลงไปนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยหน่าย “เฮ้อออ! เหนื่อยชะมัด” ฉันเดินทางมาที่นี่พร้อมกับคุณคิมหันต์ แค่สองคน! ตลอดระยะเวลาเกือบสามชั่วโมงที่ฉันต้องนั่งรถมากับเขา รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แค่เห็นหน้าเขา ไม่สิ! แค่ได้ยินชื่อเขาแค่นั้น มันก็ทำให้ฉันหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกทั้งโกรธ ทั้งเกลียด ทั้งอายมันวนเวียนอยู่ในใจไปมาไม่หยุด แต่สิ่งที่ทำให้น่าหงุดหงิดใจอยู่ตลอดก็คือ…ผู้ชายคนนั้น ไอ้ตัวต้นเหตุนั่น เขาทำเหมือนเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ยังคงทำสีหน้าเรียบนิ่ง แววตาเยือกเย็นใส่ฉันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ยิ่งเห็นแบบนั้นฉันก็ยิ่งหงุดหงิด ทั้งๆที่ฉันเป็นผู้เสียหายแท้ๆ แต่กลับรู้สึกเหมือน…มีแค่ฉันที่เดือดเนื้อร้อนใจกับการกระทำแย่ๆของเขาคนเดียว เฮ้อออ! ฉันจะอยู่ที่นี่กับคนที่ฉันเกลียดให้รอดได้ยังไงนะ? หรือ…จะลองเสี่ยงขออนุญาติจากคุณคิมหันต์ดูดีมั้ย? คนใจร้ายแบบนั้น…จะยอมปล่อยให้ฉันไปเป็นอิสระได้จริงๆเหรอ? ณ ห้องคิมหันต์ หลังจากที่เก็บสัมภาระ เตรียมตัวเตรียมใจอะไรเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ขึ้นมาหาคุณคิมหันต์ที่ห้องตามคำสั่งของเขา ความจริง…ฉันยังไม่พร้อมจะเจอเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นฉันไม่มีทางเลี่ยงคำสั่งของเจ้านายได้อยู่แล้วล่ะ ก๊อก! ก๊อก! ฉันรวบรวมความกล้าของตัวเองยกมือขึ้นไปเคาะประตูห้องอย่างใจเย็น ทำไมความรู้สึกตอนนี้มันเหมือนกับว่า…ฉันกำลังจะเข้าห้องเชือดยังไงอย่างงั้นเลย “เข้ามา” เสียงเยือกเย็นของเจ้าของห้องที่ดังเล็ดลอดผ่านประตูออกมา ทำฉันตัวเย็นวาบและขนลุกซู่ไปทั้งตัว แอ๊ดดด!! ฉันค่อยๆผลักประตูเข้าไปในห้องอย่างช้าๆ ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้อง ไอ้อาการเย็นวาบจนขนลุกซู่มันหนักขึ้นจนฉันตัวแข็งทื่อจนก้าวขาไม่ออก ทั้งอุณหภูมิห้องที่เปิดต่ำอย่างกับอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ ไหนจะสายตาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งขั้วโลกเหนือของเจ้าของห้องที่กำลังยืนกอดอกพิงโต๊ะทำงานจับจ้องมาทางฉัน ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุให้ฉันยืนตัวแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อนทั้งนั้น “คุณคิมหันต์…มีธุระอะไรกับฉันรึเปล่าคะ?” ฉันถามออกไปในระยะห่างที่ไกลจากเจ้าของห้อง แต่ใกล้กับประตูห้องที่สุด เผื่อว่ามีอะไรฉุกเฉินจะได้หนีออกไปได้ทัน “หึ! ทำไมตัวสั่นอย่างนั้นล่ะเกวลิน? เข้ามาใกล้ๆสิ” รอยยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว รอยยิ้มที่ดูสนุกเวลาที่ฉันแสดงท่าทีว่ากลัวเขา ไม่ได้สิเกว! ยิ่งแสดงว่ากลัวเขามากเท่าไร เขาก็ยิ่งชอบใจมากเท่านั้น ตึก!ตึก!ตึก! ฉันค่อยๆก้าวเท้าเดินเข้าไปหาคนตัวสูงอย่างช้าๆ และพยายามเลี่ยงสายตาเยือกเย็นของคนตรงหน้าอย่างถึงที่สุด “รู้ใช่มั้ยว่าพ่อยกเธอให้ฉันแล้ว” สายตาดูถูกเหยียดหยามจากคนตรงหน้า มันทำให้ฉันโกรธจนต้องกำหมัดระงับอารมณ์ไว้แน่น “รู้ค่ะ” แต่ถึงแม้จะโกรธมากแค่ไหน ฉันก็คงทำได้แค่ตอบรับสิ่งที่เขาพูดเท่านั้น ฟึ่บ!! คนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆจนระยะห่างระหว่างเราตอนนี้ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ เขาเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะยกมือขึ้นมาปัดเส้นผมที่ปรกหน้าฉันอย่างเชื่องช้า …ทุกการกระทำของเขามันเยือกเย็น จนทำให้ฉันแทบจะหยุดหายใจลงไปซะตรงนี้ให้ได้เลย “หึ! อยู่กับฉันน่ะ เธอก็ต้องเชื่อฟังฉันคนเดียวเท่านั้น เข้าใจมั้ย?:)” แม้ปากจะยกยิ้มขึ้นมา แต่นั่นเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตฉันเลย “ฉะ…ฉัน…” จู่ๆฉันก็รู้สึกแน่นหน้าอก จนหายใจไม่ออกขึ้นมา ทั้งสีหน้าทั้งคำพูดและรอยยิ้มที่เยือกเย็นนั่น มันทำให้ฉันอึดอัดจนแทบจะหยุดหายใจ “แล้วก็…เลิกคิดถึงอิสระที่เธอตามหามาตลอดด้วย เพราะตราบใดที่เธอเป็นของฉัน…เธอจะไม่มีวันได้สิ่งนั้นแน่นอน” เสียงกระซิบที่ดังอยู่ข้างหูของฉันในตอนนี้ มันเหมือนกับแก้วน้ำที่วางครอบเทียนเอาไว้มิด จนทำให้เปลวไฟที่ติดอยู่…ดับไปในที่สุด!! ตุบ!! และนั่นก็เป็นเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยินก่อนที่สติของฉันมันจะดับวูบหายไปในที่สุด[คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ